1 / 47

เสนอ

เรื่อง. เสนอ. By Mr. Wittaya kroeksukonwanich. The structure and function of macromolecules. สารประกอบขนาดใหญ่ (macromolecules) ในสิ่งมีชีวิต จัดเป็น 4 กลุ่มตามลักษณะโครงสร้างของโมเลกุล ได้แก่ Carbohydrate ประกอบด้วยธาตุ C, H, O Protein “ C, H, O, N Lipid “ C, H, O

jihan
Download Presentation

เสนอ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. เรื่อง เสนอ

  2. By Mr. Wittaya kroeksukonwanich

  3. The structure and function of macromolecules

  4. สารประกอบขนาดใหญ่ (macromolecules)ในสิ่งมีชีวิต จัดเป็น 4 กลุ่มตามลักษณะโครงสร้างของโมเลกุล ได้แก่ Carbohydrateประกอบด้วยธาตุ C, H, O Protein “ C, H, O, N Lipid “ C, H, O Nucleic acid “ C, H, O, N, P

  5. Building models to study the structure of macromolecules Today, scientists use computer Linus Pauling (1901-1994)

  6. ปฏิกิริยาเคมีของ macromoleculesได้แก่ Condensationเป็นปฏิกิริยาสังเคราะห์ macromoleculesจาก monomersเล็กๆเป็นจำนวนมาก และได้ผลผลิต H2Oด้วย ดังนั้นอาจเรียกว่า ปฏิกิริยา dehydration Hydrolysisเป็นปฏิกิริยาย่อยสลาย macromoleculesให้เล็กลง เพื่อให้สามารถนำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าสู่เซลล์ได้ หรือย่อยสลาย macromoleculesที่ไม่ใช้แล้วภายในเซลล์

  7. The synthesis of a polymer

  8. The Breakdown of a polymer

  9. สารชีวโมเลกุล

  10. สารอาหาร คือ ส่วนที่รับประทานเข้าไปแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย • สารอาหารที่ให้พลังงานมี 3 ประเภท คือ • คาร์โบไฮเดรต • โปรตีน • ไขมัน

  11. สารชีวโมเลกุล : สารอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และกรดนิวคลีอิก

  12. แผนภาพแสดงบทบาทที่สำคัญของสารชีวโมเลกุลในร่างกายแผนภาพแสดงบทบาทที่สำคัญของสารชีวโมเลกุลในร่างกาย ใช้ในการเจริญเติบโต เป็นส่วนหนึ่งในการ รักษาสมดุลของน้ำ และกรด-เบส เป็นส่วนประกอบ ของฮอร์โมน เอนไซม์ และระบบภูมิคุ้มกัน บทบาทของ สารชีวโมเลกุล สลายให้พลังงาน ถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรม ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่น สุขภาพผมและเล็บดี

  13. Protein • เป็น polypeptide ของamino acid ที่ต่อกันเป็นลำดับเฉพาะตัวสำหรับโปรตีนแต่ละชนิด • โปรตีนสามารถทำงานได้ ต้องมีรูปร่าง(conformation) ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว • มนุษย์มีโปรตีนมากกว่า 10,000 ชนิด แต่ละชนิดมีโครงสร้างและหน้าที่แตกต่างกัน

  14. H O H N C C OH H R Carboxyl group Amino group Amino acid เป็นสารอินทรีย์ที่มีหมู่carboxyl และหมู่amino ต่อกับอะตอมคาร์บอนที่เป็นศูนย์กลาง อะตอมที่เป็นศูนย์กลางยังต่อกับอะตอมhydrogen และหมู่ R group 1 หมู่ที่แตกต่างกัน

  15. Amino acid แบ่งออกเป็นกลุ่มตามคุณสมบัติของR group • R group ที่แตกต่างกันนี้ ทำให้เกิดamino acid แตกต่างกัน 20 ชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติทางเคมีและชีววิทยาแตกต่างกัน

  16. Amino acid กลุ่ม Nonpolar

  17. กลุ่มPolar

  18. กลุ่ม Electrically charged

  19. Making a polypeptide chain Amino acid ต่อกันเป็นสายยาวด้วยcovalent bond เรียกว่าpeptide bond

  20. ปลายที่มีหมู่amino เรียกว่าN-terminus • ปลายที่มีหมู่carboxyl เรียกว่าC-terminus

  21. สาย polypeptide ประกอบด้วยamino acid ทั้ง 20 ชนิด เรียงต่อกันเป็นอิสระ สายpolypeptideจึงสามารถมีรูปแบบที่ไม่เหมือนกันนับหมื่นชนิดได้

  22. โปรตีนสามารถทำงานได้ต้องมีรูปร่าง (conformation)ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว • โปรตีนที่ทำงานได้ประกอบด้วย polypeptide 1 สายหรือมากกว่า ซึ่งม้วนพับไปมาตามแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง side chainของ amino acid • รูปร่างของโปรตีนจึงขึ้นอยู่กับลำดับของ amino acidที่เรียงกันอยู่

  23. A protein’s function depends on its specific conformation Ribbon model Space filling model

  24. โครงสร้างของโปรตีนถูกแบ่งออกเป็นโครงสร้างของโปรตีนถูกแบ่งออกเป็น Primary structure Secondary structure Tertiary structure Quaternary structure สำหรับโปรตีนที่ประกอบด้วย polypeptide มากกว่า 1 สาย

  25. The primary structure of a protein • Primary structure คือ ลำดับของamino acid ที่ประกอบขึ้นเป็นโปรตีน • Primary structure ถูกกำหนดโดยข้อมูลทางพันธุกรรม(DNA)

  26. การเปลี่ยนแปลงลำดับamino acid ในโปรตีนอาจมีผลให้รูปร่างของโปรตีนเปลี่ยนไป และอาจมีผลต่อการทำงานของโปรตีนชนิดนั้นๆ ตัวอย่างเช่น โรคsickle-cell anemia

  27. A single amino acid substitution in a protein causes sickle-cell disease

  28. The secondary structure of a protein • Secondary structure เป็นโครงสร้างที่เกิดขึ้นจากH-bond ระหว่างหมู่carboxylและหมู่amino • Secondary structure ที่พบบ่อยในธรรมชาติได้แก่Helix และ  Pleated sheet

  29. ตัวอย่างเช่น เส้นใยแมงมุม มีโครงสร้างแบบ Pleated sheetทำให้เส้นใยแมงมุมมีความแข็งแรงมาก Spider silk: a structural protein

  30. Tertiary structure of a protein

  31. Tertiary structure เป็นรูปร่างของpolypeptide สายหนึ่งตลอดสาย ซึ่งการม้วนพบไปมาขึ้นอยู่กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างR group ด้วยกันเอง หรือR group กับโครงสร้างหลัก • แรงยึดเหนี่ยวหมายถึง • H-bond • ionic bond • Hydrophobic interaction • Van der Waals interaction • นอกจากนี้บางตอนยึดติดกันด้วยcovalent bond ที่แข็งแรง เรียกว่าdisulfide bridges ระหว่างหมู่sulhydryl (-SH) ของกรดอะมิโน cysteineที่อยู่ใกล้กัน

  32. The Quaternary structure of proteins เป็นโครงสร้างของโปรตีนที่ประกอบด้วยpolypeptide มากกว่า 1 สายเท่านั้น เกิดจากtertiary structure ของpolypeptide แต่ละสายมารวมกัน ตัวอย่างเช่น : Collagenเป็นfibrous protein ประกอบด้วยpolypeptide 3 สายพันกันอยู่ ซึ่งทำให้โปรตีนชนิดนี้มีความแข็งแรงและพบในconnective tissue Polypeptide chain

  33. Hemoglobinประกอบด้วยpolypeptide 4 สายรวมกันกลายเป็นโปรตีนที่มีรูปร่างเป็นก้อน

  34. The four levels of protein structure

  35. Denaturation and renaturation of a protein

  36. รูปร่างของโปรตีนบางชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าสภาพแวดล้อมของโปรตีนเปลี่ยนไป เช่นpH อุณหภูมิ ตัวทำลาย เป็นต้น เนื่องจากแรงยึดเหนี่ยวต่างๆระหว่างamino acid ในสายpolypeptide ถูกทำลาย การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่าDenaturation • โปรตีนบางชนิดเมื่อเกิดdenaturation แล้ว ยังสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ เรียกว่าRenaturation

  37. A chaperonin in action

  38. X-ray crystallography

  39. หน้าที่ของโปรตีน • เป็นโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์และเยื่อหุ้มoganelles • เป็นโครงสร้างสำคัญของสิ่งมีชีวิต เช่นkeratin เป็นองค์ประกอบของ เล็บ ผม เป็นต้น • Haemoglobin ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน • Hormones ต่างๆ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย • Acin และmyosin ในกล้ามเนื้อ ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว • Enzymes ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ฯลฯ

  40. เอนไซม์ • เอนไซม์ คือ ตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ เป็นสารประกอบพวกโปรตีน สามารถลดพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยา เอนไซม์ จะเร่งเฉพาะชนิดของปฏิกิริยา และชนิดของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา

  41. หน้าที่ของเอนไซม์ในทางชีวเคมีจะเรียกสารที่เข้าทำปฏิกิริยาเคมีว่า สับสเตรต ดังนั้นสมการโดยทั่วไปที่มีเอนไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาจึงเขียนได้ในแบบทั่วไปดั้งนี้ • E เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (เอนไซม์) S เป็นสารตั้งต้นเรียกว่า สับสเตรต และ P เป็นสารผลิตภัณฑ์ • E + S ---------------> ES ---------------> E + P • สารเชิงซ้อน

  42. ลักษณะการทำงานของเอนไซม์ลักษณะการทำงานของเอนไซม์ เอนไซม์ทำการเร่งปฏิกิริยาโดยการช่วยลดระดับความแตกต่างของพลังงานที่ทำให้สับสเตรตเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่าสภาวะทรานซิชั่น http://tutor.lscf.ucsb.edu/instdev/sears/biochemistry/tw-enz/enzyme-transition-flash.htm

  43. ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ 1.โครงรูปของเอนไซม์เอนไซม์มีโครงรูปโดยเฉพาะที่สำคัญคือสภาพความเป็นกรด-เบส และอุณหภูมิของสารละลายเอนไซม์ 1.1 สภาพความเป็นกรด-เบส ของสารละลายเอนไซม์ เอนไซม์ส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการทำงานสูงสุดและมีเสถียรภาพมากที่สุดเมื่อเอนไซม์อยู่ในสารละลายที่มีความเป็นกรด-เบส เท่ากับจุดไอโซอิเล็กตริก ของเอนไซม์เอง 1.2 อุณหภูมิของสารละลาย จะช่วยเร่งอัตราเร็วของปฏิกิริยาชีวเคมีที่ใช้เอนไซม์ จึ่งมีการเคลื่อนที่เร็วโอกาสที่ สับสเตรตจะเข้าสู่บริเวณเรฏิกิริยาของเอนไซม์ จึงสูงขึ้นมากเช่นกัน

  44. 2 ความจำเพาะเจาะจงระหว่างเอนไซม์และสับสเตรตปฏิกิริยาชีวเคมีนั้นเอนไซม์และสับสเตรต ต้องมีการจับตัวกัน สับสเตรตจะมีลักษณะเหมือนร่องซึ่งเดิมเชื่อกันว่า มีลักษณะคล้ายแม่กุญแจ-ลูกกุญแจ แต่ในปัจจุบันได้มีทฤษฏีเหนี่ยวนำ ซึ่งเชื่อว่าร่องเอนไซม์ที่ทำปฏิกิริยา มีลักษณะปรับโครงรูปได้ตามโครงรูปของสับสเตรตที่มีความจำเพาะเจาะจงกับเอนไซม์

  45. 3.1 ความเข้มข้นของเอนไซม์จะมีผลต่ออัตราเร็วของการเกิดปฏิกิริยาคือ เมื่อความเข้มข้นของเอนไซม์มากอัตราความเร็วสูงสุดของปฏิกิริยาก็จะสูงเป็นสัดส่วนกันด้วย ถ้าความเข้มข้นของเอนไซม์มีน้อยเอนไซม์จะมีการเสียสภาพธรรมชาติทำให้ความสามารถในการทำงานของเอนไซม์สูญเสียไป3.2 ความเข้มข้นของสับสเตรตเมื่อมีความเข้มข้นของสับสเตรตน้อยโอกาสที่จะไปจับรวมกับบริเวณเร่งบนโมเลกุลของเอนไซม์ย่อมน้อยไปด้วย 3 ความเข้มข้นของเอนไซม์และสับสเตรต

  46. 4 ปัจจัยร่วมและสารยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ หากปัจจัยนั้นเป็นสารที่สำคัญต่อการเร่งปฏิกิริยาจะเรียกว่า ปัจจัยร่วม สารที่มีผลต่อความเร็วของปฏิกิริยา ในทางทำให้ความเร็วปฏิกิริยาช้าลงหรือไม่เกิดขึ้นเลยเรียกว่า สารยับยั้งปฏิกิริยา 4.1 ปัจจัยร่วม เอนไซม์บางชนิดมีองค์ประกอบหลัก เป็นโปรตีนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาเคมีจึงขึ้นอยู่กับโครงสร้างของโปรตีนในเอนไซม์โดยตรงแต่เอนไซม์บางชนิด ต้องมีโมเลกุลชนิดอื่นที่ไม่ใช่โปรตีนมาช่วยในการทำงานด้วยปฏิกิริยาจึงจะเกิดขึ้นได้ สารเหล่านี้เรียกว่าปัจจัยร่วมโฮโลเอนไซม์ เป็นเอนไซม์ชนิดที่ทำงานได้ดีเมื่อมีปัจจัยร่วมจับอยู่กับโมเลกุลของเอนไซม์4.2 สารยับยั้งปฏิกิริยา สารที่มีผลกระทบในลักษณะที่ทำให้อัตราความเร็วของเอนไซม์ จะเรียกว่าสารยับยั้งปฏิกิริยา สารยับยั้งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สารยับยั้งถาวร และสารยับยั้งชั่วคราว

More Related