1 / 52

การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครู

การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครู. จาก สมาชิกกลุ่ม 9. คำสำคัญ. สร้างเสริม หมายถึง ทำให้เกิดมีขึ้นและเพิ่มพูนให้มากยิ่งขึ้น เช่น การศึกษาสร้างเสริมคนให้เป็นพลเมืองดี. คำสำคัญ (ต่อ).

joann
Download Presentation

การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครู

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครูการเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถภาพความเป็นครู จาก สมาชิกกลุ่ม 9

  2. คำสำคัญ • สร้างเสริม หมายถึง ทำให้เกิดมีขึ้นและเพิ่มพูนให้มากยิ่งขึ้น เช่น การศึกษาสร้างเสริมคนให้เป็นพลเมืองดี.

  3. คำสำคัญ (ต่อ) • ศักยภาพ หมายถึง ความสามารถที่ยังไม่พัฒนา หรือยังไม่พัฒนาเต็มที่ ศักยภาพเป็นพลังภายใน พลังที่ซ่อนไว้หรือพลังแฝงที่ยังไม่ได้แสดงออกมาให้ปรากฏ หรือออกมาบ้างแต่ยังไม่หมด เช่น เมล็ดมะม่วงมีศักยภาพที่จะโตเป็นต้นมะม่วงถ้าหากได้ดินดี น้ำดี แดดดี ปุ๋ยดี เด็กจำนวนมากที่มีศักยภาพที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเก่งถ้าหากได้รับการ เลี้ยงดูที่ดี การศึกษาที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี    ทางปรัชญา ศักยภาพ ( potential-potentiality ) ตรงกันข้ามกับคำว่า กรรตุภาพ หรือภาวะที่เป็นจริง ( actual-actuality ) หรือเรียกกันด้วยภาษาง่ายๆว่า ภาวะแฝง ( potential ) กับภาวะจริง ( actuality ) ศักยภาพ (ภาษาละตินpotentia ) เป็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้ เป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ ตรงข้ามกับภาวะจริง( actus ) ซึ่งในปรัชญาตะวันตกตั้งแต่อริสโตเติล พูดถึงความสมบูรณ์ ( perfection ) ว่าเป็นภาวะความจริงที่บริสุทธิ์ actuspurus ( pure action ) เปลี่ยนแปลงไม่ได้

  4. คำสำคัญ (ต่อ) สมรรถภาพ (Competence หรือEfficiency) หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะ เจตคติ อุปนิสัย หรือ บุคลิกภาพของบุคคลเพื่อที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล  

  5. ฉะนั้น “การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของครู” จึงหมายถึง การส่งเสริมพัฒนาครูให้แสดงความสามารถสูงสุดอันเป็นคุณสมบัติที่แฝงอยู่ในตัวให้ปรากฏออกมาเป็นที่ประจักษ์แก่นักเรียนและต่อสังคม

  6. การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของครูให้เป็นครูที่ดีและประสบความสำเร็จในวิชาชีพครูอาจดำเนินการได้อย่างน้อย 3 ทางคือ 1. การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพตนเองของครู206 2. การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของครูโดยสถานศึกษา 210 3. การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของครูโดยหน่วยงานกลาง 216

  7. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้สรุปว่า การพัฒนาวิชาชีพครูเพื่อยกระดับคุณภาพครูสู่มาตรฐานวิชาชีพควรเป็นการพัฒนาที่ครูได้ฝึกฝนตนเองในสภาวะของการปฏิบัติงานปกติ สร้างโอกาสให้ครูได้ทำกิจกรรมตามความถนัด ความสนใจ ด้วยวิธีการต่างๆหลากหลาย ครูจะแสดงบทบาทในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะต่างๆ แตกต่างกันตามระดับคุณภาพมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งสามารถวิเคราะห์การแสดงออกของครูใน 3 มิติ ดังนี้

  8. มิติที่ 1 ระดับฝีมือของครู เป็นระดับคุณภาพในการดำเนินงานการจัดทำแผนการสอนการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูนำมาใช้ โดยมีระดับฝีมือที่กำหนดคุณภาพไว้กว้าง 3 ระดับ คือ คุณภาพระดับต่ำ เป็นการปฏิบัติตามแบบตามตัวอย่างที่ผู้อื่นกำหนดไว้หรือปฏิบัติให้เห็นแล้วนำมาใช้โดยไม่คำนึงถึงบริบทอื่น คุณภาพระดับกลาง เป็นการปฏิบัติที่ครูพัฒนาขึ้นเองสอดคล้องกับผู้เรียนท้องถิ่นศักยภาพและความถนัดของครู คุณภาพระดับสูง เป็นการปฏิบัติที่มีความชำนาญแตกฉานจนสามารถเป็นผู้แนะนำช่วยเหลือ เป็นแบบอย่างหรือเป็นที่ปรึกษาร่วมพัฒนาให้กับครูคนอื่นๆได้

  9. มิติที่ 2 การเพิ่มบทบาทของผู้เรียน เป็นการพัฒนาผู้เรียนจากความสามารถขั้นต่ำไปสู่ความสามารถขั้นสูง จากผู้เรียนอธิบายด้วยตนเองสู่ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองสู่ผู้เรียนสร้างความรู้ได้เองเป็นการพัฒนาคุณภาพสูงขึ้นโดยกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูแสดงออก ครูจะต้องเป็นผู้นำทาง โดยการจัดขั้นตอนของกิจกรรมเป็นลำดับ นำไปสู่การคิดได้เอง และการสร้างความรู้ได้เอง

  10. มิติที่ 3 ผลที่เกิดกับผู้เรียน นักเรียนจะต้องได้รับการพัฒนาความสามารถจากความจำ สู่ ความคิด สู่ การกระทำ สู่ ค่านิยม และสู่การปฏิบัติเป็นนิสัยติดตัวด้วยค่านิยมที่พึงประสงค์จึงจะเป็นผลผลิตของครูมืออาชีพที่มีคุณภาพระดับสูง

  11. ขอบข่ายสาระของการพัฒนาครูจึงกำหนดแนวทางพัฒนาครูโดยเริ่มจากฝึกฝนตนเองของครู การแสดงออกของครูและผลที่เกิดกับนักเรียน การพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพครูมืออาชีพนั้นจะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงด้วยตัวเองมาเป็นลำดับ โดยผู้บังคับบัญชาได้เสนอวิธีการพัฒนาตนเองบางประการเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ เช่น ฝึกตนเองให้ตรงต่อเวลา ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ผู้ที่บริหารเวลาเก่งจะต้องยึดมั่นในหลักการพื้นฐาน ได้แก่ มีความกระตือรือร้นและมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ผัดวันประกันพรุ่งในการทำงานทุกประเภททั้งงานเล็กงานใหญ่ ให้ความสำคัญเท่าเทียมกันเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เป็นคนขยันขันแข็ง เป็นคนทำงานรวดเร็วลักษณะคนทำงานรวดเร็ว ฝึกตนให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง ทำให้ตนเป็นที่ต้องใจของผู้อื่น ทำตนให้รู้จักกาลเทศะ และทำให้ตนเองเป็นที่น่าเชื่อถือ

  12. เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครูของคุรุสภา พ.ศ. 2537 ที่กำหนดมาตรฐานสำหรับครูในการปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเองไว้ดังนี้ มาตรฐานที่ 1 ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ หมายถึง การศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเอง การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ และการเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการที่องค์การหรือหน่วยงานหรือสมาคมจัดขึ้น และ ต้องมีผลงานหรือรายงานอย่างชัดเจน มาตรฐานที่ 11 แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา คือ การค้นหา สังเกต จดจำ และรวบรวมข้อมูลข่าวสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้าน แล้วสามารถวิเคราะห์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล ใช้ข้อมูลในการแก้ปัญหา ใช้ในการพัฒนาตนเองและสังคมได้

  13. ทั้งสองมาตรฐานดังกล่าวจะเป็นเกณฑ์ที่กำหนดให้ครูได้พัฒนาตนเอง อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพของตัวครูเองและเสริมสมรรถนะความเป็นครูมืออาชีพตามที่สังคมต้องการและคาดหวังโดยแท้จริง

  14. ภาพ แสดงการพัฒนาตนเองของครูมืออาชีพ • การเปลี่ยนแปลง • การเรียนรู้ • ความเชี่ยวชาญ (ผลรวมของความรู้ทักษะและประสบการณ์ที่มีผลให้บุคลากรสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ) • กระบวนการพัฒนา • พัฒนาสถานศึกษา • อบรมและพัฒนาบุคลากร • ผลการปฏิบัติงาน • ระดับสถานศึกษา • ระดับกระบวนการ • ระดับบุคลากรครู

  15. การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาของไทยการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาของไทย ระบบการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาโดยทั่วไปของไทยมีลักษณะเฉพาะและซับซ้อนกว่าองค์กรอื่นๆ เพราะบุคลากรส่วนใหญ่ของสถานศึกษาคือ ครู ซึ่งเป็นผู้มีวุฒิทางการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป และทำหน้าที่หลักในการพัฒนาเยาชนของสังคม ของประเทศ ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพย่อมสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการพัฒนาให้แก่สังคม

  16. การพัฒนาศักยภาพบุคคลหรือการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นกระบวนการเชิงระบบเป็นการทำหน้าที่จัดหาความรู้และทักษะเพื่อพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาในการปฏิบัติงานเพื่อนำไปใช้ในปัจจุบันและอนาคตโดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้มีความสามารถในทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายของสถานศึกษานั้นๆ เพื่อให้เป็นสถานศึกษาที่มีความสามารถในการพัฒนาด้านการเรียนการสอนโดยแท้จริงจึงเกิดแนวคิดเรื่อง “ องค์กรแห่งการเรียนรู้ ” (Learning Organization) ขึ้น จุดมุ่งหมายของการฝึกอบรมและพัฒนาครูจึงได้เปลี่ยนแปลงให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาครูทุกระดับและทุกเรื่องที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพครู คุณภาพทางการศึกษาและคุณภาพสถานศึกษา ดังนั้น การพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษา จึงมีองค์ประกอบสำคัญคือ การฝึกอบรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาและการพัฒนาสถานศึกษา

  17. ขั้นตอนในการฝึกอบรมและพัฒนาขั้นตอนในการฝึกอบรมและพัฒนา • ศึกษาความต้องการจำเป็นในการฝึกอบรม (Need Assessment) 1.1. วิเคราะห์รายละเอียดของงาน ใช้สำหรับการกำหนดความต้องการฝึกอบรมของบุคลากรบรรจุใหม่เพื่อพัฒนาและฝึกทักษะด้านความรู้ 2.2. วิเคราะห์ผลการปฏิบัติงาน โดยเปรียบเทียบหาความแตกต่างกับมาตรฐานของงานพร้อมทั้งหาสาเหตุของปัญหา 2. ขั้นออกแบบเนื้อหาในการฝึกอบรม (Instructional Design) 2.1. รวบรวมวัตถุประสงค์ วิธีการสอนและสื่อการสอน คำอธิบายลักษณะและการจัดเรียงลำดับของเนื้อหา

  18. 2.2. จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการอบรม 2.3. ดำเนินการฝึกอบรมด้วยความรอบคอบ มีคุณภาพ และมีประสิทธิผล 3. ขั้นทำให้เกิดความเที่ยงตรง (Validation) ฝึกซ้อมการนำเสนอและทดสอบความถูกต้องก่อนนำเสนอจริงต่อผู้เข้าอบรมเพื่อให้แน่ใจว่าแผนงานมีความเรียบร้อยและมีประสิทธิผล 4. ขั้นปฏิบัติ (Implementation) ดำเนินการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติ ซึ่งมุ่งนำเสนอความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน 5. ขั้นการประเมินผลและติดตามผล (Evaluation and follow-up) 5.1. ปฏิกิริยา (Reaction) บันทึกปฏิกิริยาของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรม

  19. 5.2. การเรียนรู้ (Learning) ใช้เครื่องมือการป้อนกลับ 5.3. พฤติกรรม (Behavior) หัวหน้าบันทึกปฏิกิริยาการปฏิบัติงาน 5.4. ผลลัพธ์ (Results) พิจารณาปรับปรุงผลการปฏิบัติงานและประเมินความต้องการฝึกอบรมเพิ่ม

  20. ประเภทของการฝึกอบรม • แบ่งตามลักษณะผู้เข้ารับการอบรม เพื่อความรู้จักงาน ความคุ้นเคยและประโยชน์ 2. แบ่งตามลักษณะงาน

  21. 2. แบ่งตามลักษณะงาน 2.1 ฝึกอบรมก่อนเข้าทำงาน( Pre – service Training ) 2.2 เรียนรู้งานโดยทำไปด้วย ( On – the – job Training) 2.3 ฝึกอบรมเพิ่มความรู้ความชำนาญ ( In - service Training) 2.4 ส่งครูบุคลากรออกไปศึกษาดูงานข้างนอก ( Off – the job Training)

  22. การพัฒนาครูโดยหน่วยงานกลางเป็นการดำเนินการที่เป็นระบบมาช้านาน เนื่องจากระบบการศึกษาไทยมีความผูกพันกับระบบราชการ เป็นส่วนหนึ่งของระบบราชการ กฎระเบียบและแนวปฏิบัติทั้งหลายก็มักจะกำหนดโดยส่วนราชการ ความคาดหวังของสังคมก็ยังเป็นภารกิจที่สำคัญหน่วยงานกลางตามนัยดังกล่าวอาจแบ่งได้ 2 ลักษณะคือ 3.1. หน่วยงานกลางของกระทรวงต้นสังกัดและที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการพัฒนาครูนั้นกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการผลิตและพัฒนาอย่างชัดเจนโดยยกตัวอย่างช่วงระหว่างปี 2549 – 2551 ดังนี้

  23. ยุทธศาสตร์การปฏิรูปครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2549 – 2551(218) วิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ฉบับนี้ (คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546) คือ “ภาคในปี 2551 ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษามีศักยภาพ คุณภาพตามมาตรฐาน และการรับรองวิชาชีพสามารถใช้รูปแบบและวิธีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้มีคุณภาพ มีจริยธรรม ทันต่อการพัฒนาและการแข่งขันและของประเทศ”

  24. ยุทธศาสตร์การปฏิรูปครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาฉบับนี้ ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์หลักคือ 1.การฟื้นฟูศรัทธาวิชาชีพครู จะมีการดำเนินการ ยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครู พัฒนาระบบความก้าวหน้าในวิชาชีพ สร้างและพัฒนาระบบค่าตอบแทน สวัสดิการ สวัสดิภาพ และสิทธิประโยชน์เกื้อกูล 2.การพัฒนาศักยภาพครู ให้มีการดำเนินการ สร้างเอกภาพการพัฒนา การพัฒนาและฝึกอบรมที่ยึดโรงเรียนเป็นฐานการพัฒนา (SBT / On-Site Training/Whole School Approach) และเสริมพลังให้ชมรมวิชาการเครือข่ายวิชาชีพ มีบทบาทพัฒนาครู 3.การผลิตครูแนวใหม่ จะให้มีการปรับปรุงโดยการ พัฒนาหลักสูตรการผลิตและพัฒนาครูแนวใหม่

  25. สภาพปัญหาของครูในการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงเวลาที่สังคมกำลังมองวิชาชีพครูและผู้ประกอบวิชาชีพครูด้วยความไม่แน่ใจ ในคุณภาพกระทรวงศึกษาธิการให้วิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ แล้วสรุปว่า....

  26. ปัญหาของวิชาชีพครู ได้แก่ 1) ปัญหาทางการผลิตครู ได้แก่ คุณภาพหลักสูตร คุณภาพสถาบันผลิตครู เอกภาพการผลิต คุณภาพเข้าสู่วิชาชีพ 2) ปัญหาการพัฒนาครู ได้แก่ การพัฒนาไม่สนองความต้องการ ขาดแรงจูงใจครูทิ้งชั้นเรียน ขาดเอกภาพ วิธีการพัฒนา 3) ปัญหาการบริหารงานบุคคล ได้แก่ ข้อมูลการบริหารงานบุคคล ระบบคุณธรรม การใช้ครู (ครูขาด, ครูสอนไม่ตรงวุฒิ) ความก้าวหน้า คุณภาพชีวิต (สภาพการปฏิบัติงาน , หนี้สิน) 4) ปัญหามาตรฐานและจรรยาบรรณ ได้แก่ การควบคุมจรรยาบรรณ รับรองมาตรฐาน พัฒนาการประกอบวิชาชีพ

  27. แนวคิดหลักการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2549 – 2551 ฉบับนี้ได้กำหนดกรอบในการพัฒนาครูโดยกระทรวงศึกษาธิการไว้ดังนี้ 1) การพัฒนาต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเด็ก (นักเรียน) 2) การพัฒนาต้องเกิดจากความต้องการของครูและบุคลากรทางการศึกษา 3) การพัฒนาควรเป็นลักษณะ Site Based Development (SBD) 4) การพัฒนาต้องมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกได้ตามความเหมาะสม 5) การพัฒนาต้องสอดคล้องกับภารกิจ/หน้าที่ 6) การพัฒนาต้องดำเนินการในรูปของเครือข่าย 7) การพัฒนาต้องสอดคล้องกับนโยบายของหน่วยงาน 8) การพัฒนาต้องครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

  28. เป้าหมายและวิธีการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ 2549 – 2551 มีเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาที่ครอบคลุมศักยภาพของวิชาชีพครูในภาพรวมคือ 1) ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 2) การพัฒนามุ่งเน้นที่สมรรถนะของครูและบุคลากรทางการศึกษา 3) รูปแบบการพัฒนาเน้นสร้างเครือข่าย 4) องค์กรเครือข่าย : หน่วยงานรัฐ และเอกชน 5) บุคคลเครือข่าย : ผู้ทรงคุณวุฒิ/ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้ประสบความสำเร็จ 6) หลากหลายวิธีพัฒนา 7) SBD : เพื่อนช่วยเพื่อน / วิจัยในชั้นเรียน / สื่อทางไกล 8) OSBD : อบรม / สัมมนา / แลกเปลี่ยนประสบการณ์

  29. 3.2.การพัฒนาวิชาชีพครู ของคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.ศ.) คณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.ศ.) เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ด้านการบริหารบุคลากรที่เป็นข้าราชการครูโดยตรงและมีบทบาทต่อการควบคุมมาตรฐานวิชาชีพครูหลายด้านได้กำหนดนโยบายการพัฒนาวิชาชีพครู ดังนี้

  30. 1)ส่งเสริมให้มีการพัฒนาข้าราชการครูทุกคน ทุกระดับ โดยมีการพัฒนาอย่างมีระบบและต่อเนื่อง 2)การพัฒนาข้าราชการครูต้องมุ่งเน้นให้ข้าราชการครูมีความรู้ ทักษะ เจตคติที่ดี และเหมาะสมกับการเป็นครูโดยเน้นในการพัฒนาในเรื่อง 3)ให้มีการพัฒนาข้าราชการครูทั้งระบบ ตั้งแต่ครูบรรจุใหม่ 4)ส่งเสริมให้มีการพัฒนาข้าราชการครูด้วยวิธีการที่เหมาะสมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและการใช้ข้าราชการครูให้เกิดประโยชน์สูงสุด 5)การพัฒนาข้าราชการครูต้องมุ่งผลในทางปฏิบัติ เพื่อการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาและมีแนวทางที่จะนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติอย่างแท้จริง 6)ส่งเสริมให้มีการระดมสรรพกำลัง ทรัพยากร ความร่วมมือและประสานงานระหว่างส่วนราชการในกระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษาหน่วยงานเอกชนและระหว่างองค์กรกลาง ในการบริหารงานบุคคลเพื่อให้การพัฒนาข้าราชการครูมีประสิทธิภาพและประหยัด 7)ให้ส่วนราชการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรสนับสนุนการพัฒนาข้าราชการครูให้เป็นไปตามนโยบาย 8)ให้คณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.ศ.) เป็นองค์กรกลางทำหน้าที่กำหนดเป้าหมายแนวทาง และกลไกต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาข้าราชการครู ตลอดจนประสานงานกำกับดูแลและส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาข้าราชการครู ตลอดจนประสานงานกำกับดูแลและส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาข้าราชการครูให้เป็นไปตามนโยบาย

  31. 3.3 การพัฒนาโดยแบ่งหน่วยต้นสังกัด 3.4การพัฒนาศักยภาพโดยองค์กรวิชาชีพ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครูของไทยองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพของครูและวิชาชีพครูไทยอาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1)องค์กรผลิตครู 2)องค์กรใช้ครู 3)องค์กรพัฒนาวิชาชีพครู ทั้ง 3 กลุ่มต่างมีบทบาทและพันธะต่อผู้ประกอบวิชาชีพครูในแต่ละส่วน องค์กรที่ครูเกี่ยวพัน มีความเป็นเจ้าของนั้นคือองค์กรพัฒนาครูทั้งหลาย ครูพึงเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรเหล่านี้

  32. องค์กรผลิตครู ในอดีตการผลิตครูเป็นหน้าที่ของรัฐเท่านั้น แต่ภายหลังการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 สถาบันการศึกษาเอกชนที่สอนระดับปริญญาตรีก็สามารถเปิดสอนหลักสูตรเพื่อการผลิตครูได้ การปฏิรูปการศึกษาภายใต้การบังคับของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 รัฐต้องกำหนดระบบผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษาขึ้นใหม่ตามมาตร 52 นอกจากนี้การปฏิรูปการบริหารการศึกษา โดยให้มีกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพียงกระทรวงเดียวทำให้องค์กรผลิตครูทั้งหลายของประเทศแต่เดิมต้องมีการขยับขยายกันใหม่ องค์กรผลิตครูไทยในอนาคตน่าจะมีหน่วยงานเพียง 4 กลุ่ม คือ

  33. 1.คณะศาสตร์และศึกษาศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยเดิม มีมหาวิทยาลัยของรัฐ 16 แห่ง มีคณะเปิดสอนสาขาวิชาชีพครูรวมทั้งมหาวิทยาลัยเปิด 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทุกสถาบันผลิตถึงระดับบัณฑิตศึกษา 2.กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฎ มีมหาวิทยาลัยราชภัฏ 41 แห่ง ที่มีคณะครุศาสตร์หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นเป็นหน่วยงานผลิตครู เกือบทุกแห่งขยายการศึกษาสาขาวิชาชีพครูถึงระดับบัณฑิตศึกษาเช่นกัน 3.กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งมีทั้งหมด 9 แห่งมหาวิทยาลัยกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย จะเน้นการผลิตบุคลากรครูวิชาชีพช่าง กลุ่มมหาวิทยาลัยของรัฐเดิมที่มีคณะครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นต้น มหาวิทยาลัยเหล่านี้ผลิตครูระดับปริญญาเกือบทุกสาขา 4.มหาวิทยาลัยเอกชน มีหลายสถาบันที่เปิดสอนในระดับบัณฑิตศึกษาสาขาการศึกษาไม่มีการเปิดสอนในระดับปริญญาตรี

  34. องค์กรให้ครู ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พงศ.2547 ผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมดจะมีตำแหน่งเป็นครู ฉะนั้นองค์กรใช้ครูก็คือ สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาอาจแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

  35. 1. สถานศึกษาสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา1. สถานศึกษาสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา 2. สถานศึกษาสังกัดองค์กรท้องถิ่น 3. สถานศึกษาเอกชนหรือหน่วยงานพิเศษของรัฐอื่น ๆ

  36. องค์กรพัฒนาครู องค์กรพัฒนาครูมีหลายรูปแบบ อาจเป็นองค์กรที่ไม่เป็นทางการ เช่น สหภาพครูทั้งหมด ชมรมครูต่าง ๆ ที่มีความสนใจในเรื่องใดร่วมกัน เป็นต้น สำหรับองค์กรพัฒนาครูที่เป็นทางการก็คือองค์กรที่จัดตั้งขึ้น โดยมีกฎหมายรองรับหรือจัดตั้งขึ้นโดยมีการบังคับของกฎหมาย คือ คุรุสภา องค์กรนี้ครูต้องเป็นสมาชิกหรือเกี่ยวข้องอย่างไรก็ตามการจัดตั้งองค์กรที่เป็นทางการนั้นก็มีหลายองค์กรที่ครูควรร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นองค์กรพัฒนาครูเอง

  37. คุรุสภากับบทบาทหน้าที่ขององค์กรวิชาชีพในการพัฒนาศักยภาพครู เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและหลักการขององค์การวิชาชีพครูตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของการตั้งองค์กรวิชาชีพและความคาดหวังของมวลสมาชิกแห่งองค์กรดังกล่าว จึงมีการกำหนดบทบาทและหน้าที่ขององค์การวิชาชีพครูไว้ คุรุสภา (2548 : 31-32) พอสรุปได้ ดังนี้ 1.เป็นองค์กรอิสระและมีอำนาจที่จะปฏิบัติงานได้โดยรวดเร็วและฉับพลันภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.ส่งเสริมด้านสวัสดิการและบริการให้แก่สมาชิกครูโดยทั่วถึง 3.สร้างกฎหมายมาตรฐานทางจรรยาบรรณวิชาชีพครู เพื่อควบคุมให้ประพฤติตนอยู่ในขอบเขตอันเหมาะสมของวิชาชีพครู และธำรงไว้ซึ่งเกียรติและมาตรฐานของวิชาชีพครู

  38. 4. ดำเนินการออกและถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู4. ดำเนินการออกและถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู 5. ส่งเสริมให้สมาชิกครูมีความก้าวหน้าและทันสมัยทางวิชาการ ทั้งนี้เพื่อรักษามาตรฐานในวิชาชีพครูตราบที่ยังประกอบวิชาชีพนี้อยู่ 6. ควบคุมมาตรฐานวิชาชีพครูและปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพครู 7. วิจัยและวางแผนเพื่อพัฒนาองค์กรและวิชาชีพครู 8. ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างสมาคมที่เกี่ยวข้องทางวิชาชีพครูอื่น ๆ ทั้งในและนอกประเทศ

  39. นโยบายพัฒนาครูของคุรุสภานโยบายพัฒนาครูของคุรุสภา ในการพัฒนาครูของคุรุสภานั้น มีจุดมุ่งหมายสูงสุดหรืออุดมการณ์ในการ “ส่งเสริมและพัฒนาให้ครูเป็นพลังแห่งความดีงามและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสังคม” ทั้งนี้มีความคาดหวังว่า 1.เพื่อพัฒนาวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพที่มุ่งสร้างเยาวชนและประชากรให้เป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพและมีศักยภาพในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายที่รัฐกำหนดไว้ 2.เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ครูในการเป็นผู้นำเพื่อพัฒนาสังคมตลอดจนเสริมสร้างความเป็นอยู่ของครูให้มีสวัสดิภาพ มีสวัสดิการ และมีรายได้เหมาะแก่เกียรติศักดิ์ศรี และสถานภาพของปูชนียบุคคลอย่างแท้จริง

  40. 3.เพื่อพัฒนางานของคุรุสภาพให้เป็นองค์กรวิชาชีพครูที่เข้มแข็งสามารถประสานงานและดำเนินงานพัฒนาครูและวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพที่สามารถส่งเสริมและเกื้อหนุนให้การจัดการศึกษาของชาติบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.เพื่อพัฒนางานของคุรุสภาพให้เป็นองค์กรวิชาชีพครูที่เข้มแข็งสามารถประสานงานและดำเนินงานพัฒนาครูและวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพที่สามารถส่งเสริมและเกื้อหนุนให้การจัดการศึกษาของชาติบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในแต่ละข้อจะมีแผนงานหลักรับรอง ได้แก่ การพัฒนาวิชาชีพครู การส่งเสริมความมั่นคงในวิชาชีพครู และการพัฒนาองค์กรวิชาชีพครู

  41. การพัฒนาวิชาชีพ การพัฒนาวิชาชีพครูคุรุสภามีแผนงานในการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครู เพื่อพัฒนามาตรฐานวิชาชีพครูให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จัดให้มีการจัดทำเอกสารและเครื่องมือที่เกี่ยวกับมาตรฐานวิชาชีพครูพร้อมให้เกิดการปฏิบัติ ส่งเสริมให้มีการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูอย่างรวดเร็วและทั่วถึงพร้อมกับจัดระบบทะเบียนข้อมูลเกี่ยวกับครูที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและครูผู้ได้รับการอบรมเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพ และให้ครูได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนและสิทธิพิเศษแก่ครูที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

  42. เร่งรัดมาตรการที่จะก่อให้เกิดการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพครูอย่างต่อเนื่อง โดยการวิจัยเพื่อการปรับปรุงกฎหมายที่กระตุ้นให้ครูทุกคนกระตือรือร้นในการพัฒนาวิชาชีพครู จัดให้มีการตอบแทนเป็นขวัญกำลังใจแก่ครูที่ได้พัฒนาตามมาตรฐานที่วางไว้ รวมทั้งค่าตอบแทนแก่ครูผู้เขียนตำรา เอกสารประกอบการสอนหนังสือผลิตสื่อการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับหลักสูตรและเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ดำเนินการให้มีการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพครู โดยให้มีการติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวของผู้ประกอบวิชาชีพครูอย่างต่อเนื่องจัดให้มีทำเนียบนามของผู้ประกอบวิชาชีพครูทุกคนให้มีการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่การศึกษาของชาติอย่างสูงยิ่งให้การส่งเสริมและยกย่องเชิดชูเกียรติคุณครูตลอดตลอดจนนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเด่นอย่างต่อเนื่อง

  43. การอบรมครูของคุรุสภา เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของครูให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพครูของคุรุสภา พ.ศ.2537 คุรุสภามีแผนการในการอบรมครูอย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมมือองค์กรผู้ผลิตและผู้ใช้ครูในการกำหนดแผนหลักการฝึกอบรม เช่น จัดให้มีคณะองค์กรกลางประสานงานฝึกอบรมจัดให้มีการแบ่งความรับผิดชอบในการฝึกอบรมระหว่างหน่วยผลิตครู หน่วยใช้ครู และหน่วยส่งเสริมครู คุรุสภา และเร่งรัดให้มีการจัดทำหลักสูตรและสื่อเพื่อการฝึกอบรม ทั้งนี้จะมีการประสานงานกับ ก.ค.ศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครูที่ผ่านการฝึกอบรมได้ค่าตอบแทน

  44. เพื่อเป็นการพัฒนาผู้นำของครูผู้สอนให้มีศักยภาพสูงขึ้น และมีความรับผิดชอบในอาชีพมากขึ้นคุรุสภาจะดำเนินกล่าว ส่งเสริมให้ผู้นำครูได้เข้ารับการอบรมเข้มในหลักสูตรระดับสูง ให้ผู้นำครูได้รับการพัฒนารูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีการประชุมทางวิชาการอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จัดให้มีการศึกษาดูงานในรูปแบบต่าง ๆ และประชุมปฏิบัติการในเรื่องต่าง ๆ สนับสนุนให้ครูผู้สอนในแต่ละวิชาได้รวมกลุ่มกันเพื่อพัฒนาคุณภาพของครูและเยาวชนของชาติ

  45. การระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาวิชาชีพครูการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู คุรุสภาพได้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาพัฒนาวิชาชีพครูด้วยการ แสวงหาความร่วมมือจากองค์กรภาครัฐ เช่นงบประมาณสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดินด้วยการประสานกับบุคลากรฝ่ายต่าง ๆ ที่มีบทบาทในการสนับสนุนในด้านการเงินจากภาครัฐบาทประสานงานกับสถาบันหรือองค์กรของรัฐ สนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครูจัดกิจกรรมเพื่อระดมทรัพยากรสาธารณะ เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรและบุคคลจากต่างประเทศ

  46. งานส่งเสริมองค์กรวิชาชีพครูที่เกี่ยวข้องงานส่งเสริมองค์กรวิชาชีพครูที่เกี่ยวข้อง นอกจากจะเพื่อสนับสนุนให้องค์กรครูที่จดทะเบียนตามกฎหมายปฏิบัติและร่วมมือกับคุรุสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการดำเนินงานของสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ให้การสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมที่เป็นประโยชน์แก่มวลสมาชิก

  47. ความเจริญของบุคคลในสังคม ปัจจัยสำคัญย่อมขึ้นอยู่กับคุณภาพของการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพ วิชาชีพครูและผู้ประกอบวิชาชีพครูเป็นกลุ่มที่สังคมฝากความหวังและมอบหมาย ภารกิจดังกล่าวให้ปฏิบัติอย่างลุล่วง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของครูทุกคนที่จะต้องพัฒนาศักยภาพความเป็นครูให้มีคุณภาพตามที่สังคมต้องการ การพัฒนาศักยภาพและสมรรถภาพครู อาจทำได้หลายวิธีได้แก่ 1. การพัฒนาตนเอง เช่น การฝึกอบรมการปฏิบัติงาน การประชุมทางวิชาการ การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน การช่วยเหลือเพื่อนครูในการทำงาน การเสนอรายงานพัฒนาผู้เรียนและกิจกรรมอื่นๆซึ่งเป็นการฝึกฝนที่ครูเลือกปฏิบัติด้วยตนเองตามศักยภาพ จุดเด่นจุดด้อยและโอกาสของตน

  48. 2. การพัฒนาโดยองค์กรหรือสถานศึกษา เป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคคลอย่างเป็นกระบวนการและเป็นระบบ มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การส่งเสริมให้ไปศึกษาอบรม ดูงานสาขาวิชาที่ปฏิบัติงานอยู่ สนับสนุนให้ไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ให้ทุนการวิจัยให้ไปเป็นวิทยากรในหน่วยงานอื่น การแลกเปลี่ยนบุคลากร ส่งเสริมการเขียนตำรา สนับสนุนให้เป็นสมาชิกขององค์กรวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ และอนุญาตให้ไปปฏิบัติงานด้านวิชาการโดยไม่ถือว่าเป็นการลา เหล่านี้ เป็นต้น

  49. 3. การพัฒนาครูโดยหน่วยงานกลาง อาจเป็นหน่วยงานต้นสังกัดการบริหารบุคคล เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือหน่วยงานอื่น ของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ที่มีการพัฒนาทุกด้านอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาโดยองค์กรวิชาชีพคือ คุรุสภา เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานแห่งวิชาชีพครูและการถือครองใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพครูอีกด้วย นอกจากนั้นอาจมีการพัฒนาโดยองค์กร ชมรม สมาคมหรือกลุ่มวิชาชีพที่ผู้ประกอบวิชาชีพรวมตัวกันเพื่อดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลายอย่างเพื่อผลประโยชน์แห่งวิชาชีพครูของพวกตนทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ

  50. ด้วยการพัฒนาศักยภาพครูอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบด้วยวิธีการดังกล่าวจะสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้รับบริการคือ นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปว่าครูได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์และมีคุณภาพสมควรให้เป็นผู้นำในการพัฒนาคนของประเทศได้ต่อไป

More Related