110 likes | 327 Views
N. S. P. MD SAYS “ ร้องขอ ”. จีนเตรียม ประกาศควบคุมสินค้าตามข้อกำหนด China RoHS. กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี เร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์. การหารือเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ ผ่านระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์. หนุน FTA ไทย – ญี่ปุ่น. อัตราการว่างงานยังพุ่งสูง. “Melamine”.
E N D
N S P MD SAYS “ร้องขอ” จีนเตรียม ประกาศควบคุมสินค้าตามข้อกำหนด China RoHS กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี เร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การหารือเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ ผ่านระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์ หนุน FTA ไทย – ญี่ปุ่น อัตราการว่างงานยังพุ่งสูง “Melamine” แนวโน้มการส่งออกสับปะรดกระป๋องไปยังตลาดสหรัฐฯ
S ร้องขอ วิศวกรไทย ถูกจับที่กัมพูชาในข้อหาจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินของคุณทักษิณ ชินวัตร ภายหลังคุณทักษิณเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในขณะที่รัฐบาลไทยพยายามหาทางช่วยเหลือมีข่าวแจ้งว่า หากรัฐบาลไทยร้องขอไปยังคุณทักษิณให้ช่วยเจรจากับกัมพูชา คุณทักษิณก็ยินดีจะช่วย แต่ข่าวจากฝั่งรัฐบาลไทยให้ข้อคิดว่า ยังไม่ถึงเวลา ผมจึงลองจำลองสถานการณ์ สมมุติว่า ท่านนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โทรศัพท์ไปร้องขอคุณทักษิณให้ช่วย อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ทางด้านคุณอภิสิทธิ์ ก็สามารถเกิดภาพขึ้นได้ 2 ภาพ หนึ่งนั้นคือเสียหน้า คนที่ไม่ชอบก็จะตีความว่าไม่มีฝีมือ ไม่สมฐานะผู้นำประเทศ ไร้ความสามารถ และอาจมีกระแสตามมาว่า ในเมื่อไร้ความสามารถก็ควรลาออกไป ให้ผู้อื่นที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทน กับอีกภาพหนึ่งนั้นคือ การชมเชยในภาวะผู้นำที่เกิดขึ้น แม้จะรู้ว่าเสียหน้า แม้จะรู้ว่าคนที่ไม่ชอบจะต้องให้ลาออก แต่ก็ยินดีทำด้วยความที่มีสภาวะผู้นำทางด้านคุณทักษิณ ก็สามารถเกิดภาพขึ้นได้ 2 ภาพเช่นกัน หนึ่งนั้นคือ ความเป็นฮีโร่ ที่เสนอตัวแก้ไข ซึ่งภาพนี้คุณทักษิณย่อมได้ไปแล้วแม้ว่าคุณอภิสิทธิ์จะไม่ได้ร้องขอตามคำเชิญก็ตาม กับอีกภาพหนึ่งนั้นคือ คุณทักษิณอาจถูกมองว่าใจดำ เอาแต่จะเอาชนะทางการเมือง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ตนเองช่วยได้ แต่ต้องให้คุณอภิสิทธิ์ที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองร้องขอก่อน จะได้เสียหน้าทางการเมืองภาพที่ผมแสดงให้เห็น เป็นเพียงภาพสมมุติเท่านั้นครับ บนพื้นฐานที่ว่า คุณอภิสิทธิ์โทรศัพท์ไปร้องขอตามข่าวที่คุณทักษิณแสดงออกมา N P ต่อหน้า 2
หน้า 2 ทีนี้ ลองดูผลที่จะตามมาจาการสมมุติภายหลังที่คุณอภิสิทธิ์โทรศัพท์ไปร้องขอตามข่าวที่คุณทักษิณเสนอตัวมา สมมุติว่าคุณทักษิณ ช่วยไม่สำเร็จ ภาพหนึ่งคือ คุณทักษิณไม่จริงใจ เพราะใคร ๆ ก็เชื่อว่าคุณทักษิณมีอิทธิพลที่จะช่วยได้ และตนเองก็ให้ข่าวไปในทำนองนั้น กับอีกภาพหนึ่งคือ คุณทักษิณพยายามช่วยเหลือแล้วจริง ๆ แต่ไม่สามารถช่วยได้ คุณทักษิณย่อมได้รับความเห็นใจ ซึ่งน้อยคนจะเชื่อในภาพนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มั่นใจในศักยภาพคุณทักษิณเป็นอย่างดี ส่วนคุณอภิสิทธิ์ ก็คงไม่ได้อะไรจากการที่ช่วยไม่สำเร็จ นอกจากการเสียหน้าไปตั้งแต่ต้น แต่จะช่วยได้ในเรื่องไร้ความสามารถเพราะคุณทักษิณที่คนส่วนใหญ่มองว่าเหนือกว่า ก็ช่วยไม่สำเร็จเช่นกันสมมุติต่อว่า คุณทักษิณช่วยได้สำเร็จ ทางด้านคุณทักษิณจะเกิดภาพขึ้น 2 ภาพ ภาพหนึ่งคือ คุณทักษิณเป็นฮีโร่สุดๆ เป็นขวัญใจคนไทยไปอีกนาน กับอีกภาพหนึ่งคือ อย่างไรก็ช่วยได้อยู่แล้ว มันจึงเป็นเพียงเกมการเมืองของคนที่เริ่มเรื่องเท่านั้น ส่วนทางด้านคุณอภิสิทธิ์ ก็จะเกิดภาพขึ้น 2 ภาพเช่นกัน ภาพหนึ่งคือ เป็นฮีโร่เช่นกัน ที่กล้าร้องขอคุณทักษิณ จนช่วยเหลือคนไทยได้สำเร็จ กับอีกภาพหนึ่งคือ การตอกย้ำการไร้ความสามารถ ตามที่สมมุติไว้ข้างต้น เหตุการณ์ที่ผมสมมุติขึ้น อาจให้ภาพมากกว่านี้ อาจมีผลสะท้อนกลับมากกว่านี้ โดยที่ผมไม่รู้ หรือคาดการณ์ไม่ออกก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นจากการการสมมุตินี้คือ การไม่แบ่งพรรค ไม่แบ่งพวก ระหว่างคุณทักษิณกับคุณอภิสิทธิ์ คนไทยทุกสีจะอุ่นใจขึ้น เมื่อมีภัยมาถึงคนไทย ไม่ว่าใครจะสนับสนุนสีใด คนไทยจะมีผู้นำที่ช่วยได้ กับอีกสิ่งหนึ่งคือ วิศวกรที่ถูกจับไป มีโอกาสรอดคุกกัมพูชาเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ชีวิตคนผู้หนึ่งเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ทันทีผมไม่รู้ว่า คุณอภิสิทธิ์จะกล้าโทรศัพท์ไปร้องขอให้คุณทักษิณช่วยหรือไม่ และผมก็ไม่รู้ว่า ผลที่จะตามมา จะลึกลับซับซ้อนขนาดไหนได้ แต่หากคุณอภิสิทธิ์ลองโทรศัพท์ไปร้องขอดู ผมว่า วิศวกรที่ถูกจับตัวไป แม่ของเขา และญาติ ๆ คงหัวเราะทั้งน้ำตา และสถานการณ์ต่าง ๆ อาจเปลี่ยนไปก็ได้ครับ แต่จะเปลี่ยนไปทางใด ผมว่าท่านผู้ประกอบการน่าจะมีภาพที่ดีกว่าผมอย่างแน่นอน สิทธิชัย ชวรางกูร S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
S จีนเตรียมประกาศควบคุมสินค้าตามข้อกำหนด ChinaRoHS นายวิจักร วิเศษน้อย รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Ministry of Industry and Information Technology : MIIT) ของจีนได้ออกประกาศรายชื่อสินค้า 3 กลุ่มที่จะต้องควบคุมตามข้อกำหนด China RoHS (มาตรฐาน SJ/T11363-2006) ประกอบด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ (HS : 85171210) เครื่องรับโทรศัพท์ (HS : 85171100, 85171800) และเครื่องพิมพ์ทุกชนิดที่ต่อพ่วงเข้ากับคอมพิวเตอร์ (84433211-4 และ 84433219) โดยจะมีผลบังคับใช้ 10 เดือนหลังวันบรรจุรายชื่อเข้าในบัญชีรายการสินค้าควบคุม ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวง MIIT โดยส่งสินค้าให้หน่วยงานของจีนประเมินตามกระบวนการที่ MIIT กำหนด และได้รับอนุญาตก่อน จึงจะสามารถนำสินค้าเข้าตลาดได้ ดังรายละเอียดรายชื่อสินค้าและข้อกำหนด ตามมาตรฐาน SJ/T 11363-2006 สาระสำคัญสรุปได้ดังนี 1. โทรศัพท์เคลื่อนที่ (HS Code : 85171210) ยกเว้น 1.1 ตะกั่วในแก้วและในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 1.2 ตะกั่ว และแคดเมี่ยมในแก้วที่ใช้งานในเชิงแสง (optical and filter glass) 1.3 ตะกั่วในชิ้นส่วนเซรามิกส์อิเล็กทรอนิกส์ 1.4 ตะกั่วที่ใช้เป็นโลหะอัลลอย (alloying element) ในเหล็ก ให้มีตะกั่วได้ไม่เกินร้อยละ .35 โดยน้ำหนัก 1.5 ตะกั่วที่ใช้เป็นโลหะอัลลอยในอลูมิเนียม ให้มีตะกั่วไม่เกินร้อยละ 0.4 โดยน้ำหนัก 1.6 ตะกั่วที่ใช้เป็นโลหะอัลลอยในทองแดง ให้มีตะกั่วไม่เกินร้อยละ 4 โดยน้ำหนัก N P ต่อหน้า 2
หน้า 2 1.7 ตะกั่วที่ใช้ในสารบัดกรีอุณหภูมิสูงและมีส่วนผสมของตะกั่วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85 โดยน้ำหนัก 1.8 ตะกั่วที่ใช้ใน microprocessor package และสารบัดกรีที่ใช้เชื่อมต่อ (ทางไฟฟ้าระหว่าง pin and package) ให้มีส่วนผสมตะกั่วระหว่างร้อยละ 80-85 โดยน้ำหนัก 1.9 ตะกั่วใน flip-chip IC ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อภายใน (internalbonding solder) 1.10 ตะกั่วในการเคลือบขาชิ้นส่วนที่มีช่องละเอียด (fine pitch) ที่ไม่ใช่คอนเนกเตอร์ที่มีช่องว่าง ไม่เกิน 0.65 mm. Lead frames ทำด้วย NiFe หรือกรอบตัวนำที่ทำด้วยทองแดง (Fine pitch copper components) แต่ไม่รวมคอนเนกเตอร์ 2. เครื่องรับโทรศัพท์ (ทั้งแบบมีสาย และไร้สาย) 85171100, 85171800 ข้อยกเว้นเหมือนโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3. เครื่องพิมพ์ที่ต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อยกเว้นเหมือนโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีข้อยกเว้นเพิ่มเติมคือ 3.1 ปรอทในหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบตรง สำหรับวัตถุประสงค์พิเศษ 3.2 ตะกั่วในแก้วสำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบแบน ที่ใช้ใน LCD นายวิจักรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง MIIT ของจีนให้ผู้มีส่วนได้เสียแจ้งข้อคิดเห็นต่อร่างประกาศดังกล่าวจนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 ดังนั้น หากผู้ประกอบการมีข้อคิดเห็นต่อร่างประกาศรายชื่อสินค้าควบคุมตามข้อกำหนด RoHS สามารถแจ้งกรมการค้าต่างประเทศได้ทางโทรสารหมายเลข 02 547 4736 หรือ email : cdfdft@moc.go.th S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ในปัจจุบันการขนส่งสินค้าเพื่อไปบรรจุที่ท่าเรือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเคยชินกับการขนส่งโดยทางรถเสียมากกว่าเพราะง่ายในการจัดการและสามารถส่งของเข้าไปยังท่าเรือได้ทันที แต่ในการขนส่งทางรถอาจจะประสบปัญหาการจราจรอันหนาแน่น ซึ่งกว่าจะขนส่งสินค้าจากโรงงานในต่างจังหวัด มาบรรจุท่าเรือกรุงเทพหรือท่าเรือแหลมฉบัง ต้องใช้ระยะเวลานานในการขนส่งและเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมาก ในการขนส่งทั้งขาไป และขากลับ ในการขนส่งสินค้าในประเทศเพื่อบรรจุที่ท่าเรือยังมีวิธีอื่นที่เป็นตัวเลือกเสริมให้กับระบบการวางแผนการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟ ทางเรือ หรือทางอากาศ ซึ่งในแต่ละวิธี นอกจากจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้แล้ว ยังเป็นการช่วยประเทศในการลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองจากการจราจรติดขัดได้อีกด้วย จากเนื้อข่าวของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีโครงการที่จะพัฒนาระบบการขนส่งในประเทศโดยทางน้ำ และทางรถไฟ ในตอนนี้ได้มีการวางแผนการก่อสร้างท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 เป็นท่าเรือเทียบเรืออเนกประสงค์ เพื่อใช้สำหรับการเชื่อมโยงการขนส่งมายังภาคกลางที่ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือระนอง ส่วนในภาคตะวันออกได้มีการวางแผนการก่อสร้างท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด เพื่อการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ประเทศกัมพูชาและเวียตนาม และพัฒนาการขนส่งระหว่างภาคตะวันออกไปภาคใต้ตอนบนโดยเรือเฟอร์รี่เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งไปฝั่งตะวันตก นับเป็นการดีที่ท่าเรือได้มีการพัฒนาระบบการขนส่งภายในประเทศให้มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการที่โรงงานอยู่ไกลจากท่าเรือและต้องมีการขนส่งสินค้าในระยะทางไกล เป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาด้านการจราจร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ประกอบการต้องวางแผนมากขึ้นในการกำหนดเส้นทางการขนส่งหลากหลายมากขึ้นจากปกติที่ต้องวางแผนเพียงเส้นทางโดยทางรถเท่านั้น และต้องมีการคำนวณว่าการเปลี่ยนค่าใช้จ่ายคุ้มกับระยะทางหรือไม่ เพื่อให้การลงทุนค่าขนส่งคุ้มค่ามากที่สุด S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก แหล่งข้อมูล : กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องตอบข้อหารือเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ / ผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นสารควบคุมตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2551 เพื่อให้การตอบข้อหารือเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการที่ประสงค์จะหารือเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ฯ สามารถหารือผ่านระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยจะต้องเป็นสมาชิกบริการของสำนักควบคุมวัตถุอันตราย ผ่านระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และต้องส่งคำรับรองการลงทะเบียนตามแบบคำรับรองการลงทะเบียนพร้อมหลักฐานประกอบส่งไป ที่สำนักควบคุมวัตถุอันตรายกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับสมาชิกผู้ขอรับบริการตอบข้อหารือจะต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมี ที่ต้องการหารือ เข้าสู่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งบริการได้เฉพาะเคมีภัณฑ์ที่อยู่ในสถานะของแข็ง และของเหลวเท่านั้น การขอหารือทาง Website ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม สามารถ Print Out ออกมายื่นต่อกรมศุลกากร และเซ็นต์รับรองเองได้ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ประมาณวันที่ 1 ธันวาคม 2552 S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
จากการวิเคราะห์การจัดทำความตกลง FTA ไทย – ญี่ปุ่น หรือ JTEPA นั้น ผลปรากฏว่า ประเทศไทยมีทั้งส่วนได้ ส่วนเสีย จากข้อตกลงในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชน ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ต่างสนับสนุนรัฐบาลให้ลงนาม FTA ไทย-ญี่ปุ่น เนื่องจากภาคเอกชนไทย ให้ความสำคัญกับประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย การลงทุนต่างประเทศในไทย กว่าร้อยละ 40 เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น การผลักดันให้ลงนาม FTA ไทย-ญี่ปุ่น จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนญี่ปุ่น ขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งสินค้ากลับไปขายยังตลาดญี่ปุ่นเอง และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก จากการวิจัยแล้วทั้งภาคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ต่างจะได้รับผลดีจากการลงนามสนธิสัญญานี้อย่างแน่นอนภาคเอกชนมองว่า หากชะลอการลงนามความตกลง JTEPA นี้ ออกไป จะทำให้สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในญี่ปุ่น ให้กับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ซึ่งลงนาม FTA กับญี่ปุ่นไปแล้ว นอกจากนี้ เวียดนามและอินโดนีเซียในฐานะประเทศคู่แข่งที่สำคัญของสินค้าเกษตรของไทย กำลังจะลงนาม FTA กับญี่ปุ่นในเร็วๆนี้ จึงคาดว่านักลงทุนญี่ปุ่น คงหันไปลงทุนในเวียดนาม S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ผู้อำนวยการองค์การค้าโลก (WTO) ได้กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีในสิงคโปร์ว่า อัตราการว่างงานที่ยังทะยานขึ้นในเวลานี้กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คุกคามระบบการค้าเสรีของโลกและในขณะเดียวกันปัญหาการว่างงานนี้ยังเป็นสิ่งที่กระตุ้นทำให้หลายประเทศทั่วโลกหันมาใช้นโยบายกีดกันทางการค้าครั้งใหญ่ด้วยและยอมรับอีกด้วยว่าสถานการณ์ด้านแรงงานทั่วโลกจะยังไม่สามารถปรับดีขึ้นภายในหนึ่งหรือสองปี ข้างหน้า จากการสำรวจ อัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกาได้ทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 26 ปีแล้วโดยในเดือน ต.ค. 2552 อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.2% และคาดว่าในราวกลางปีหน้าอัตราว่างงานจะขยายตัวเพิ่มขึ้นไปอีก 10.5% S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
S • ผู้ประกอบการท่านหนึ่งต้องการนำเข้า จานเมลามีน (Melamine Ware) จากประเทศจีน แต่กลัวว่าจะติดปัญหานำเข้าไม่ได้ เพราะทราบเรื่องข่าวเกี่ยวกับสาร Melamine ปนเปลื่อนสินค้าที่มาจากประเทศจีน • จึงแนะนำผู้ประกอบการให้ทราบว่า ถ้าเป็นสาร Melamine ที่ใส่ในอาหาร ต้องขออนุญาตก่อนล่วงหน้า • สำหรับจานที่ทำจาก Melamine นั้นนำเข้าได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตก่อนการนำเข้า นำเข้าจากจีน • พิกัดสินค้าคือ 3924.10.00 • ภาษีอากรปกติ 10% ของมูลค่าสินค้า CIF ซึ่งยังไม่รวม VAT 7% • ใช้ Form E ประกอบการนำเข้า ภาษีอากร คือ 5% ของมูลค่าสินค้า CIF ซึ่งยังไม่รวม VAT 7% • สำหรับท่านผู้ประกอบการนำเข้าจานเมลามีนดังกล่าว จากประเทศจีน ในปี 2553 - 2555 ถ้าใช้ Form E ประกอบการนำเข้า ภาษีอากร คือ 0% ของมูลค่าสินค้า CIF และที่สำคัญสินค้าอีกหลายรายการที่นำเข้าจากประเทศจีน ในปี 2553 ภาษีอากรจะปรับลดเป็น 0% ซึ่งท่านสามารถสอบถามได้ที่คุณสมชาย พูลพานิชกูล • โทร. 02-333-1199 ต่อ 104 N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
S การส่งออกสับปะรดกระป๋องไทยไปยังตลาดสหรัฐฯมีแนวโน้มสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯยกเลิกการทุ่มตลาดสินค้าสับปะรดกระป๋องของไทย นายดวงกลม เจียมบุตร ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานการตลาดต่างประเทศกรมส่งเสริมการส่งออกเปิดเผยว่าประกาศมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าสับปะรดกระป๋องจากไทยมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 และในปีดังกล่าวสับปะรดกระป๋องของไทยครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 กว่า ร้อยละ 36 ของมูลค่าการนำเข้าโดยรวมของสหรัฐฯ สำหรับการยกเลิกมาตรการดังกล่าวส่งผลให้การส่งออกของไทยขยายตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการกำหนดราคาที่เหมาะสม ติดตามการเคลื่อนไหวและสถานะของอุตสาหกรรมภายในของผู้นำอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาตลาดให้ยั่งยืน สอบถามเพิ่มเติมที่กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพานิชย์ โทร 02-512-0093-104 สายตรงผู้ส่งออก 1169 หรือ www.depthai.go.th N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก