430 likes | 951 Views
ANGKANA. ทส.2203 องค์ประกอบ และสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ (INT 2203) Computer Organization and Architure. อาจารย์อังคณา รอดประยูร. ANGKANA. CHAPTER 1. พื้นฐานสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์. หัวข้อการเรียนรู้.
E N D
ANGKANA ทส.2203 องค์ประกอบ และสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์(INT 2203) Computer Organization and Architure อาจารย์อังคณา รอดประยูร
ANGKANA CHAPTER 1 พื้นฐานสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
หัวข้อการเรียนรู้ ออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม โครงสร้าง และหน้าที่การทำงาน ประวัติสั้น ๆ ของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่หนึ่ง : หลอดสุญญากาศ คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง : ทรานซิสเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซีคอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ : วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก คอมพิวเตอร์ยุคต่อ ๆ มา
บทนำ เครื่องคอมพิวเตอร์ มีความหลากหลายไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงราคาเท่านั้น แต่ยังมีความแตกต่างกันในด้านขนาด ประสิทธิภาพ และงานประยุกต์ที่ใช้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นตัวกำหนดเทคโนโลยีของเครื่องคอมพิวเตอร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกับทุกส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่บอร์ดที่เป็นส่วนของแผงวงจรไฟฟ้าสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ไปจนถึงแนวความคิดในการประมวลผลแบบขนานของอุปกรณ์ประกอบเหล่านั้น
ออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง คุณสมบัติต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สามารถมองเห็นได้ ซึ่งจะมีส่วนที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการประมวลผลของโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม ออร์กาไนเซชันคอมพิวเตอร์ หมายถึง ส่วนประกอบแต่ละส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์ และการเชื่อมต่อเข้ากับส่วนประกอบส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยจะต้องคำนึงถึงข้อกำหนดทางสถาปัตยกรรมของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น
ออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม ตัวอย่างของคุณสมบัติทางสถาปัตยกรรม ชุดคำสั่ง (instruction set) จำนวนบิตข้อมูลที่ใช้ในการสื่อความหมายข้อมูลชนิดต่าง ๆ (เช่น เลขจำนวนเต็ม หรือตัวอักษร) กลไกสำหรับอุปกรณ์นำเข้า และแสดงผลข้อมูล และเทคนิคที่ใช้ในการกำหนดที่อยู่ในหน่วยความจำ
ออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม ตัวอย่างของคุณสมบัติทางด้านออร์กาไนเซชัน ฮาร์ดแวร์ที่เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สัญญาณควบคุมการทำงาน ช่องติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างหน่วยความจำ
โครงสร้างและหน้าที่การทำงานโครงสร้างและหน้าที่การทำงาน โครงสร้างลำดับชั้น หมายถึง กลุ่มของระบบย่อยที่ถูกนำเข้ามาประกอบเข้าด้วยกัน แต่ละระบบย่อยก็จะมีลักษณะเป็นโครงสร้างลำดับชั้นของอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งจะไล่ลงไปจนถึงระดับล่างสุดที่ประกอบด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ทรานซิสเตอร์ตัวหนึ่ง หรือสายไฟฟ้าเส้นหนึ่ง เป็นต้น
โครงสร้างและหน้าที่การทำงานโครงสร้างและหน้าที่การทำงาน ลักษณะโครงสร้างลำดับชั้นของระบบที่มีความซับซ้อน ผู้ออกแบบจะต้องการทราบลักษณะโครงสร้างของแต่ละระดับสำหรับการออกแบบแต่ละขั้นตอน ฉะนั้น ผู้ออกแบบจึงต้องรับผิดชอบในสองเรื่องคือ โครงสร้าง และหน้าที่ โครงสร้าง : วิธีการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน หน้าที่ : การทำงานของส่วนประกอบแต่ละส่วนในฐานะเป็นส่วนหนึ่ง ของโครงสร้าง
โครงสร้างและหน้าที่การทำงานโครงสร้างและหน้าที่การทำงาน หน้าที่การทำงาน โครงสร้างและหน้าที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยพื้นฐาน จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักสี่ส่วน คือ การประมวลผลข้อมูล (Data processing facility) ส่วนเก็บบันทึกข้อมูล (Data storage facility) ส่วนการเคลื่อนย้ายข้อมูล (Data movement apparatus) ส่วนการควบคุม (Control mechanism)
โครงสร้างและหน้าที่การทำงานโครงสร้างและหน้าที่การทำงาน Operating environment(source and destination of data) Data movement apparatus ภาพแสดงองค์ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่งออกตามหน้าที่การทำงาน Controlmechanism Data processingfacility Datastoragefacility
โครงสร้างและหน้าที่การทำงานโครงสร้างและหน้าที่การทำงาน โครงสร้าง คอมพิวเตอร์มีการติดต่อกับสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วส่วนที่เชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมภายนอกทั้งหมดถูกจัดให้เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วง (peripherals) หรือสายสื่อสาร (communication lines) Communication lines Peripherals COMPUTER Storage Processing
โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับบนสุด มีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 อย่าง คือ COMPUTER หน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit) หน่วยความจำหลัก (main memory) ไอโอ (I/O) การเชื่อมต่อภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ (system interconnection) COMPUTER Main memory Input/Output Systeminterconnection Central processingunit
โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ COMPUTER Memory Systembus I/O อุปกรณ์ที่น่าสนใจมากที่สุด และมีความสลับซับซ้อนมากที่สุด คือ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) CPU ส่วนควบคุม (Control unit) : ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของซีพียู ส่วนเอแอลยู (ALU: Arithmetic and Logic unit) : ทำหน้าที่ประมวลผลคำสั่งคณิตศาสตร์ และคำสั่งทางตรรกะ รีจิสเตอร์ (registers) : เป็นหน่วยบันทึกข้อมูลภายในตัวซีพียู ส่วนเชื่อมต่อภายในซีพียู (CPU interconnection) : กลไกที่ช่วยให้ส่วนประกอบทั้งสามส่วนสามารถสื่อสาร ระหว่างกันได้ CPU Internal CPUinterconnection Registers Control unit Arithmeticandlogic unit
โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์โครงสร้างภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ CPU Internalbus Registers ALU การสร้างส่วนควบคุม มีแนวทางหลากหลายต่างกันออกไป เทคนิคที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ การใช้ไมโครโปรแกรม (microprogrammed) โดยสาระสำคัญแล้วหน่วยควบคุมที่ใช้ไมโครโปรแกรมนั้นก็คือ การประมวลผลคำสั่งย่อย (microinstruction) ที่กำหนดหน้าที่การทำงานของหน่วยควบคุม Control unit CONTROL UNIT Control unitregisters and decoders Sequencinglogic Control memory
ทำไมจึงต้องศึกษาเรื่องออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม เหตุผลที่สนับสนุนในการศึกษาสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ ได้แก่ • สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตได้ เช่น นักศึกษาก้าวเข้าไปสู่การทำงานจริง และถูกตั้งคำถามเพื่อให้เลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีราคาต่อประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ การเพิ่มค่าใช้จ่ายใน องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ เช่น การใช้ Cache ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือการใช้ซีพียูที่มีสัญญาณนาฬิกาสูงขึ้น จะมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเป็นอย่างยิ่ง
ทำไมจึงต้องศึกษาเรื่องออร์กาไนเซชัน และสถาปัตยกรรม • ซีพียูจำนวนหนึ่งไม่ได้พัฒนาขึ้นมาสำหรับการใช้งานในเครื่องพีซีหรือเครื่องเซิร์พเวอร์ แต่เป็นเครื่องที่ทำงานเฉพาะด้าน ผู้ออกแบบอาจจะเขียนโปรแกรมโดยสร้างขึ้นมาสำหรับระบบเรียลไทม์หรือระบบขนาดใหญ่ • นิยามที่ใช้ในสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาอื่น ๆ ได้
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่หนึ่ง : หลอดสุญญากาศ เป็นการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มิใช่เครื่องคำนวณ โดยเมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต (Mauchly and Eckert) ได้นำแนวความคิดมาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ม๊ประสิทธิภาพมากเครื่องหนึ่งเรียกว่า ENIAC (Electronic Numericial Integrator and Calculator) ซึ่งต่อมาได้ทำการปรับปรุงการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และได้ประดิษฐ์เครื่อง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขึ้นเพื่อใช้ในการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่หนึ่ง : หลอดสุญญากาศ • UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ ซึ่งนับเป็นการเริ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกอย่างแท้จริง เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุญญากาศในการควบคุมการทำงานของเครื่อง ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มีขนาดใหญ่มากและราคาแพง ยุคแรกของคอมพิวเตอร์สิ้นสุดเมื่อมีผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์มาใช้แทนหลอดสุญญากาศ • ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 • ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ตัวเครื่องมี ขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และเกิดความร้อนสูง • ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine Language) เท่านั้น • เริ่มมีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ขึ้นใช้งาน
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง : ทรานซิสเตอร์ มีการนำทรานซิสเตอร์ มาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลง และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังได้มีการคิดภาษาเพื่อใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่น ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จึงทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมสำหรับใช้กับเครื่อง
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง : ทรานซิสเตอร์ • ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 • ใช้อุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) สร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-Conductor) เป็นอุปกรณ์หลัก แทนหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์เพียงตัวเดียว มี ประสิทธิภาพในการทำงานเทียบเท่าหลอดสุญญากาศได้นับร้อยหลอด ทำให้เครื่อง คอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย ความร้อนต่ำ ทำงานเร็ว และ ได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น • เก็บข้อมูลได้ โดยใช้ส่วนความจำวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic Core) • มีความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันของวินาที (Millisecond : mS) • สั่งงานได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากทำงานด้วยภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language) • เริ่มพัฒนาภาษาระดับสูง (High Level Language) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซี คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซิสเตอร์ได้เพียง 5 ปี เนื่องจากได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า "ไอซี" (IC) ซึ่งไอซีนี้ทำให้ส่วนประกอบและวงจรต่าง ๆ สามารถวางลงได้บนแผ่นชิป (chip) เล็กๆ เพียงแผ่นเดียว จึงมีการนำเอาแผ่นชิปมาใช้แทนทรานซิสเตอร์ทำให้ประหยัดเนื้อที่ได้มาก นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management Systems : DBMS) และมีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้หลายๆ งานในเวลาเดียวกัน และมีระบบที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเครื่องได้หลายๆ คน พร้อมๆ กัน (Time Sharing)
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซี • ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 • ใช้อุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอุปกรณ์หลัก • ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านของวินาที (Microsecond : mS) (สูงกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 ประมาณ 1,000 เท่า) • ทำงานได้ด้วยภาษาระดับสูงทั่วไป
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซี แสดงแนวความคิดหลักในการทำงานของแผงวงจรรวม หรือไอซี
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซี อัตราการเติบโตของจำนวนทรานซิสเตอร์ในชิพ
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซี จากทฤษฏีของ Moore ทำให้เกิดข้อเท็จจริงตามมาดังนี้ • ราคาของชิพ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตลอดช่วงเวลาการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ซึ่งหมายความว่าราคาของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ลดลงเป็นอย่างมาก • เนื่องจากส่วนประกอบในชิพถูกวางไว้ใกล้ชิดกันมาขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ระยะห่าง หรือทางเดินสัญญาณสั้นลง มีผลให้ความเร็วในการทำงานของชิพเพิ่มขึ้น • เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ในหลายสถานที่
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม : ไอซี จากทฤษฏีของ Moore ทำให้เกิดข้อเท็จจริงตามมาดังนี้ • เครื่องคอมพิวเตอร์มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า และระบบระบายความร้อนลดลง • การเชื่อมต่อระหว่างส่วนประกอบภายในไอซีมีความไว้วางใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะ การเพิ่มจำนวนชิ้นส่วนในชิพ ทำให้มีจำนวนชิพลดลง และมีการเชื่อมต่อระหว่างชิพ ลดลงไปด้วย
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ : วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เป็นยุคที่นำสารกึ่งตัวนำมาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซึ่งสามารถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึ้น ทำให้เครื่องมีขนาดเล็ก ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทำงานสูงและรวดเร็วมาก จึงทำให้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคนี้
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ : วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) • ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 • ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และ วงจรรวม สเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เป็นอุปกรณ์หลัก • มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันล้านวินาที (Nanosecond : nS) และพัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านล้านของวินาที (Picosecond : pS)
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน ในยุคนี้ ได้มุ่งเน้นการพัฒนา ความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็ก (Portable Computer) ขึ้นใช้งานในยุคนี้ โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานง่าย และมีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่ 1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or Robotarm System) คือหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่ควบคุมการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงค์เพื่อให้ทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ต้องการความเร็ว หรือเสี่ยงอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์กู้ระเบิด เป็นต้น
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่ 2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System) คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อสื่อความหมายกับมนุษย์ เช่น เครื่องคิดเลขพูดได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลุกพูดได้ (Talking Clock) เป็นต้น
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่ 3. การรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition System) คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือเป็นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยภาษาพูด เช่น งานระบบรักษาความปลอดภัย งานพิมพ์เอกสารสำหรับผู้พิการ เป็นต้น
ประวัติของคอมพิวเตอร์ประวัติของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่ 4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ปัญหา โดยใช้ความรู้ที่มี หรือจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาหนึ่ง ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูล (Database) ซึ่งมนุษย์ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ได้จากฐานความรู้นั้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์วิเคราะห์โรค หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ทำนายโชคชะตา เป็นต้น
คำถามท้ายบท • นิยามของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนสำคัญกี่ส่วน อะไรบ้าง จงอธิบาย • จากรูป จงอธิบายแนวความคิดหลักในการทำงานของแผงวงจรรวม หรือไอซี