1 / 66

การจัดคลินิกบริการ 1 .กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2 .กลุ่มประชาชนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง

การจัดคลินิกบริการ 1 .กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2 .กลุ่มประชาชนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง. เอมอร ราษฎร์จำเริญสุข กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค. การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์. 1 . จุดให้บริการวัคซีน

lada
Download Presentation

การจัดคลินิกบริการ 1 .กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2 .กลุ่มประชาชนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การจัดคลินิกบริการ 1.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์2.กลุ่มประชาชนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เอมอร ราษฎร์จำเริญสุขกลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค

  2. การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 1. จุดให้บริการวัคซีน รพ. ขนาดเล็ก ควรมีจุดฉีดวัคซีนแห่งเดียว รพ. ขนาดใหญ่ ถ้าจำเป็นต้องกระจายวัคซีนให้แต่ละ ward ไปฉีดวัคซีนกันเอง ควรกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และถ้ายังมีวัคซีนคงเหลือให้นำกลับไปเก็บไว้ที่ฝ่ายเภสัชกรรม

  3. การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2. การเลือกวันที่ฉีดวัคซีน ผู้ที่ทำงานเช้าตลอด จันทร์-ศุกร์ ฉีดวัคซีนวันศุกร์ตอนบ่าย ผู้ที่ทำงานเวร 8 เช้า-บ่าย-ดึก ฉีดวัคซีนวันที่ลงเวร off

  4. การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์การจัดคลินิกบริการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 3. การติดตาม AEFI หลังได้รับวัคซีน ควรแจกแบบประเมิน AEFI ด้วยตนเอง (self report)ให้แก่บุคลากรในโรงพยาบาลที่ได้ฉีดวัคซีนทุกราย (อาจใช้รูปแบบของสำนักระบาดวิทยา ปี 2551) ให้ตรวจสอบตัวเอง ว่ามีอาการอะไรบ้างหลังฉีดวัคซีนนาน 1 เดือน และส่งกลับงานระบาดวิทยา/IC เพื่อสรุปและประเมินผลข้อมูลไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป

  5. การจัดคลินิกบริการ และการจัดทำทะเบียนผู้รับบริการในกลุ่มประชาชนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง

  6. ก่อนการจัดเตรียมคลินิกบริการ จะต้องทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องให้เสร็จก่อน คือ 1. การเรียงลำดับผู้ป่วยโรคเรื้อรังตามความสำคัญของโรค 1. ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2. หอบหืด 3. หัวใจ 4. หลอดเลือดสมอง 5. ไตวาย 6.ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังได้รับเคมีบำบัด 7. เบาหวาน

  7. 2. จัดทำแผนปฏิบัติงาน กำหนดการนัดกลุ่มเป้าหมายให้มารับบริการจำแนกเป็นรายวัน/รายพื้นที่ ในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนย้ายของ ปชก. สูง รพ. ควรแจ้ง สสอ. ตรวจสอบ (ผ่านทาง สอ./อสม.) สำรวจว่าปัจจุบันผู้ป่วยยังอาศัยอยู่ในพื้นที่จริงหรือไม่ โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจรอบที่ 1 (รายละเอียดใน “การสำรวจและนัดหมายกลุ่มเป้าหมาย”) จัดทำ “กำหนดการนัดกลุ่มเป้าหมายให้มารับบริการจำแนกเป็นรายวัน/รายพื้นที่” เพื่อลดอัตราการสูญเสียของวัคซีน (เนื่องจากวัคซีนมีขนาดบรรจุ 1 โด๊ส/ขวด และ 4 โด๊ส/ขวด จำเป็นต้องนัดหมายให้ครบจำนวน)

  8. โรงพยาบาล /สสอ. ประสาน สอ./ศูนย์บริการสาธารณสุข แจ้งรายชื่อและที่อยู่ของเป้าหมาย กำหนดนัดหมายให้ทราบถึง วัน/เดือน/ปี เวลา และสถานที่มารับวัคซีน แจ้งผู้ป่วยหรือญาติให้ทราบว่าได้รับการคัดเลือกให้มารับวัคซีน พร้อมทั้งอธิบายประโยชน์ที่จะได้รับ(แจกแผ่นพับ) สอบถามว่ายินดีเข้าร่วมโครงการฯ หรือไม่ ???แล้วแจกบัตรนัด กำหนดการให้บริการ 1 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2552 (รวมการติดตาม/เก็บตกผู้ที่ไม่ได้มารับวัคซีนตามนัด)

  9. แผ่นพับ การให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สำหรับผู้ที่มีโรครื้อรัง

  10. บัตรนัด ด้านหน้า ด้านหลัง

  11. การประสานเครือข่ายในชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้นำในชุมชน อำนวยความสะดวกจัดพาหนะในการรับ-ส่ง กลุ่มเป้าหมายไปรับบริการที่โรงพยาบาล (ในกลุ่มผู้ป่วยที่สูงอายุอาจมีปัญหาการเดินทาง) การติดตามกลุ่มเป้าหมายที่ไม่มารับวัคซีนตามนัดหมาย

  12. 3.เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้มีจำนวนเพียงพอในการให้บริการ3.เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้มีจำนวนเพียงพอในการให้บริการ องค์การเภสัชกรรม กระจายวัคซีนผ่านระบบ VMI ไปยังโรงพยาบาลโดยตรง กำหนดให้เภสัชกร เป็นผู้ดูแลการเก็บรักษาและเบิกจ่าย วัคซีนเช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา (รายละเอียดใน “การบันทึกข้อมูลคงคลังและกำกับติดตามการบริหารวัคซีนด้วยระบบ VMI”)

  13. 4. การประสานและทำความเข้าใจ โครงการให้วัคซีนป้องกันโรค ไข้หวัดใหญ่ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง พ.ศ. 2552 ให้แก่บุคลากรใน รพ. บุคลากรในโรงพยาบาลกลุ่มแพทย์/พยาบาล ให้ตระหนักถึงความสำคัญ เสริมสร้างความเข้าใจเห็นประโยชน์ที่ได้รับ ถ้ากลุ่มเป้าหมายที่สำรวจไว้ล่วงหน้าไม่มารับวัคซีนตามนัด แล้วบุคลากรเหล่านี้ให้ความร่วมมือในการคัดเลือกผู้ป่วยโรคเรื้อรังรายใหม่ ให้มารับวัคซีนเพิ่มเติม โดยเฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีคลินิกพิเศษ เช่น คลินิกโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หอบหืด และโรคหัวใจ ถ้าขาดการประสานทำความเข้าใจระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในโรงพยาบาล อาจทำให้กลุ่มเป้าหมายขาดโอกาสการรับวัคซีน

  14. 5. การเตรียมความรู้เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ เนื่องจากมีผู้มารับบริการเป็นจำนวนมากในโรงพยาบาลขนาดใหญ่อาจต้องระดมพยาบาลจากหน่วยต่างๆ ซึ่งพยาบาลบางคนอาจไม่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาก่อน จึงต้องมีการทบทวนในเรื่องของ เทคนิคการฉีดเข้ากล้ามเนื้อในเด็กและผู้ใหญ่

  15. การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ(intramuscular route) • วัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ฉีดลึกลงถึงชั้นกล้ามเนื้อ • ตั้งเข็มทำมุมฉากกับผิวหนัง • ขนาดและความยาวของเข็มที่ใช้ขึ้นกับขนาดตัว ผู้รับบริการ

  16. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนขนาด 0.5 มล. ประกอบด้วยไวรัสชนิดเชื้อตาย* ซึ่งประกอบด้วย แอนติเจนที่คล้ายคลึงกับแอนติเจนของไวรัสต่อไปนี้ A/Brisbane/59/2007 (H1N1) - like strain IVR-148 derived from A/Brisbane/59/200715 ไมโครกรัมของฮีแมกกลูตินิน A/Brisbane/10/2007 (H3N2) – like strain NYMC X – 175C derived from A/Uruguay/716/2007 15 ไมโครกรัมของฮีแมกกลูตินิน B/Florida/4/2006 – like strain B/Florida/4/2006 15 ไมโครกรัมของฮีแมกกลูตินิน * แพร่พันธุ์ใน (fertilized) ไข่ไก่ จากไก่ที่สุขภาพสมบูรณ์

  17. การบรรจุ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นน้ำยาแขวนตะกอนสำหรับฉีด บรรจุวัคซีนในขวดแก้วใส ขวดละ 0.5 ml (1 โด๊ส) จำนวน 5 ขวด ในกล่องกระดาษ พร้อมใบแทรก บรรจุวัคซีนในขวดแก้วใส ขวดละ 2.0 ml (4 โด๊ส) จำนวน 10 ขวดในกล่องกระดาษ พร้อมใบแทรก หลังการเขย่า วัคซีนจะมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวขุ่นเล็กน้อย

  18. เก็บรักษาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างไรเก็บรักษาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างไร เก็บวัคซีนให้พ้นมือและสายตาเด็ก ห้ามใช้วัคซีนเกินวันหมดอายุที่แจ้งไว้บนฉลาก หรือกล่องบรรจุ เก็บวัคซีนที่อุณหภูมิ 2 ถึง 8 C (ในตู้เย็น) ห้ามแช่แข็งนะจ๊ะ จะบอกให้

  19. ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแพทย์ หรือบุคลากรทางการแพทย์ ควรมีการเตรียมพร้อมการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมในกรณีการแพ้แบบรุนแรงและฉับพลัน (anaphylactic reaction) หลังการฉีดวัคซีน เมื่อนำวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ออกจากตู้เย็น ควรปล่อยให้วัคซีนมีอุณหภูมิเท่าอุณหภูมิห้องก่อนนำไปฉีด

  20. ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแพทย์ หรือบุคลากรทางการแพทย์ เขย่าวัคซีนก่อนใช้ ไม่ควรใช้วัคซีน หากพบสิ่งแปลกปลอมปะปนอยู่ในวัคซีน ห้ามผสมกับวัคซีนอื่นในไซรินจ์เดียวกัน ไม่ฉีดวัคซีนเข้าเส้นเลือดโดยตรง

  21. หลังการฉีดวัคซีนแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และสามารถป้องกันได้ภายใน 2 – 3 สัปดาห์หลังการฉีด วัคซีนจะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ถ้าโรคดังกล่าวเกิดจากเชื้อทั้ง 3 สายพันธุ์ที่มีในวัคซีน หรือสายพันธุ์อื่นที่มีความใกล้เคียงกันเท่านั้น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ จะไม่สามารถป้องกันโรคได้ หากท่านหรือบุตรหลานได้รับการติดเชื้อมาก่อนการฉีดวัคซีน หรือติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่น

  22. ขนาดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ขนาดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ ผู้ใหญ่ และเด็กอายุตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไป ฉีดวัคซีน 1 โด๊ส ขนาด 0.5 มล. เด็กอายุตั้งแต่ 6 - 35 เดือน ฉีดวัคซีน 1 โด๊ส ขนาด 0.25 มล. สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน แนะนำให้ฉีดอีก 1 เข็ม หลังจากเข็มแรกอย่างน้อย 4 สัปดาห์

  23. 6. การเตรียมความรู้เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ การเตรียมความรู้/เครื่องมือในการกู้ชีพให้พร้อมใช้งาน เนื่องจากการเฝ้าระวังอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีนในปี 2551 มีรายงาน anaphylactic shock 1 ราย จากวัคซีนที่ฉีดไปประมาณ 5 แสนโด๊ส ดังนั้นในช่วงรอสังเกตอาการหลังได้รับวัคซีน 30 นาที ถ้าผู้ให้บริการมีความเข้าใจและสามารถวินิจฉัยอาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ได้เร็วเมื่อเริ่มมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือน จะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้

  24. บทที่ 1 หน้า 1-19

  25. คำจำกัดความ อาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis)* เป็นปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย ภายหลังการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ที่เคยได้รับการกระตุ้นมาก่อน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในเวลารวดเร็ว (5-30 นาที) ทำให้มีความผิดปกติอย่างน้อยใน 2 ระบบ คือ ผิวหนัง ระบบการหายใจ และระบบการไหลเวียน

  26. Anaphylaxis

  27. Management of Anaphylaxis • การรักษาต้องถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องตระหนักว่าผู้รับบริการมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูง จะต้องมี emergency kit รวมทั้ง adrenaline (Epinephrine) พร้อมที่จะให้การรักษาทันทีและส่งต่อไป รพ. • ขั้นตอนในการดูแลรักษา1. ถ้าไม่รู้สึกตัว ให้นอนราบ clear airway2. ตรวจการหายใจ ความดันโลหิต ชีพจร ถ้าจำเป็นให้ทำ CPR • 3. ให้ adrenaline 1:1000 ขนาด 0.01 มล./กก.เข้า deep IM • คนละข้างกับแขน/ขาที่ฉีด

  28. Management of Anaphylaxis • ถ้าไม่ทราบน้ำหนัก ประมาณขนาดยาตามอายุดังนี้ • < 2 ปี 0.0625 มล. (1/16 ของ มล.) • 2 - 5 ปี 0.125 มล. (1/8 ของ มล.) • 6 -11 ปี 0.25 มล. (1/4 ของ มล.) • > 11 ปี 0. 5 มล. (1/2 ของ มล.)

  29. 5. ฉีด adrenaline เพิ่มในขนาดครึ่งหนึ่งของที่ฉีด IM เข้ารอบๆ บริเวณทีฉีดวัคซีน (เพื่อสกัดกั้น หรือ delay การดูดซึม) • 6. เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวหลังให้ adrenaline ให้นอนหัวต่ำกว่าเท้าและทำให้ร่างกายอบอุ่น • 7. ให้ O2 by face mask • 8. ถ้าให้ adrenalineไปแล้ว 10-20 นาที อาการยังไม่ดีขึ้น ให้ฉีดซ้ำขนาดเดิมได้อีก แต่ต้องไม่เกิน 3 ครั้ง • ห้ามให้วัคซีนที่ทำให้เกิด Anaphylaxis อีก และบันทึกไว้ที่บัตรผู้ป่วยและอธิบายผู้ปกครองให้ทราบ

  30. Injection Reaction ผู้ได้รับวัคซีนอาจมีปฏิกิริยาต่อการฉีดยา กลัวเข็ม กลัวเจ็บ มีความวิตกกังวลต่างๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับส่วนประกอบของวัคซีน ปฏิกิริยาที่พบได้มีดังนี้ Fainting เป็นลม (vasovagal syndrome) พบบ่อยที่สุดต้องแยกจาก anaphylaxis และ HHE ส่วนใหญ่จะพบในเด็กโต > 5 ปี และผู้ใหญ่ ต้องระวังเรื่องอันตรายจากการล้ม Hyperventilation เนื่องจากความวิตกกังวล อาจนำ ไปสู่อาการ/อาการแสดงต่างๆ เช่น รู้สึกตัวเบาๆ มึน งง รู้สึกคัน รอบๆ ปากและปลายมือ

  31. Injection Reaction Breath-holding มีการกลั้นหายใจ ซึ่งอาจจะทำให้ไม่รู้สึกตัว หรือมีอาการเกร็ง / กระตุก ระยะสั้นๆ ได้ Mass hysteria อาจเกิดได้ในการให้วัคซีนแบบรณรงค์ ถ้ามีการเห็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับคนที่ได้รับวัคซีนก่อน เช่น เป็นลม ชัก

  32. ความแตกต่างระหว่าง anaphylaxis และ faint

  33. ความแตกต่างระหว่าง anaphylaxis และ faint

  34. การจัดคลินิกบริการ ในปีนี้มีจำนวนวัคซีนที่เพิ่มขึ้น 15 เท่าของปีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในคลินิกบริการ และสามารถรองรับผู้มารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ในขั้นตอนที่สำคัญคือ การจัดทำแผนปฏิบัติงาน วางแผน และกำหนดผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน

  35. หมายเหตุ1.ชื่อผู้รับผิดชอบจัดคลินิคบริการ..........................................................โทรศัพท์................................... หมายเหตุ1.ชื่อผู้รับผิดชอบจัดคลินิคบริการ..........................................................โทรศัพท์................................... • 2.ชื่อผู้รับผิดชอบประสานงานนัดหมายในชุมชน........................................................โทรศัพท์................................... • 3.ชื่อผู้รับผิดชอบรายงาน/บันทึกผลการให้บริการ...............................................................โทรศัพท์........................... • 4.ชื่อผู้รับผิดชอบบันทึกข้อมูลวัคซีน..............................................................................โทรศัพท์...................................

  36. โรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการให้บริการโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการให้บริการ โรงพยาบาลอาจประสานกับหน่วยงานอื่นที่สามารถดำเนินการเสริมได้ เช่น ในที่ตั้งของ PCU/สอ. ณ วันที่มีแพทย์จากโรงพยาบาลออกไปตรวจพร้อมรถพยาบาลฉุกเฉิน (Emergency Medial Service : EMS) จัดเตรียมสถานที่ให้บริการ/ สถานที่รอสังเกตอาการหลัง ได้รับวัคซีน 30 นาที โดยคำนึงถึง ควรมีพื้นที่ใช้งานให้เหมาะสมกับจำนวนผู้มารับวัคซีนในแต่ละวัน ควรแยกจากจุดผู้ป่วยที่มารับบริการปกติ (OPD)

  37. การเบิกจ่ายวัคซีน หน่วยบริการเบิกวัคซีนจากกลุ่มงานเภสัชกรรมวันต่อวัน ให้บริการทันทีหลังเบิกจ่าย ห้ามเบิกวัคซีนไปเก็บไว้นอกคลังยาเพื่อรอให้บริการในภายหลัง ทั้งนี้การประเมินในปีที่ผ่านมาพบว่าการดำเนินการในลักษณะนี้อาจก่อให้เกิดการสูญเสียวัคซีนจากการเก็บรักษาวัคซีนไม่ถูกต้องได้

  38. การให้บริการ ก่อนให้บริการผู้ป่วยทุกราย ขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนที่อาจเกิดขึ้น ตามข้อความดังนี้ “วัคซีนนี้เมื่อฉีดแล้วอาจมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดได้ 2-3 วัน อาการแพ้รุนแรงมีได้แต่พบน้อยมาก” ให้ผู้มารับบริการหรือญาติทราบก่อนทุกครั้ง ให้ลงรายชื่อรับทราบไว้ในทะเบียนบริการ “แบบสำรวจและรายงานการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปี 2552”

  39. ในกรณีกลุ่มเป้าหมายที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังในกรณีกลุ่มเป้าหมายที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หรือ มีโรคประจำตัวกำเริบที่ยังไม่สามารถควบคุมอาการได้ หรือ มีโรคติดเชื้อเฉียบพลัน ควรเลื่อนการให้วัคซีนไปก่อน ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

  40. ในวันที่ให้บริการฉีดวัคซีน บันทึกข้อมูลของผู้รับวัคซีนใน “แบบรายงานการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปี 2552” ที่สำรวจไว้ เมื่อให้บริการเสร็จสิ้นในแต่ละวัน ให้ตรวจสอบว่ามีผู้ที่ไม่มารับวัคซีนตามนัดหรือไม่ (เพื่อแจ้งให้พื้นที่ติดตามและนัดหมายใหม่) ใน “แบบรายงานการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปี 2552” ต้องบันทึกรหัสขวดที่ ........ Lot no………… เพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบเมื่อเกิดเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน

  41. ในวันที่ให้บริการฉีดวัคซีน แบบรายงานการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ต้องส่งขึ้นมาที่ส่วนกลาง ให้เก็บไว้ที่สถานบริการ เก็บขวดวัคซีนที่ใช้แล้วอย่างน้อย 7 วัน หรืออาจน้อยกว่า 7 วัน หากพื้นที่ในตู้เย็นไม่เพียงพอ (อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส และต้องป้องกันไม่นำมาใช้ในวันรุ่งขึ้น)

  42. แบบรายงานการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปี 2552(เก็บไว้ที่โรงพยาบาล) ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง  บุคลากรกลุ่มเสี่ยง บุคคลนอกกลุ่มเป้าหมาย โรงพยาบาล........................... อำเภอ........................ จังหวัด .................................... สถานที่ฉีดวัคซีน .......................................................

More Related