E N D
บทที่ 12 โรงรับจำนำ อ.ชารวี บุตรบำรุง
ความเป็นมาของโรงรับจำนำความเป็นมาของโรงรับจำนำ โรงรับจำนำเป็นกิจการรับจำนำสิ่งของจากประชาชน เกิดขึ้นมาแต่สมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนแต่สันนิษฐานว่าเริ่มมีมาไม่น้อยกว่า 300 ปี ในสมัยกรุงศรีอยุธยาส่วนโรงรับจำนำที่ตั้งเป็นสำนักบริการอย่างที่พบในปัจจุบันเริ่มตั้งขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชื่อว่า โรงรับจำนำเจ็กฮง ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2409 ตั้งอยู่บนถนนบำรุงเมือง ใกล้สี่แยกสำราญราษฎร์ (ประตูผี) ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นโรงรับจำนำย่องเชี้ยงโดยในปัจจุบันนี้โรงรับจำนำดังกล่าวยังคงเปิดดำเนินการอยู่ อ.ชารวี บุตรบำรุง
ความเป็นมาของโรงรับจำนำ(ต่อ)ความเป็นมาของโรงรับจำนำ(ต่อ) ต่อมาใน พ.ศ. 2517 รัฐบาลก็ได้ออกพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2517 โดยแก้ไขเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 และใน พ.ศ. 2526 ก็ได้มีการออกพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2526 โดยการปรับปรุงและเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 นอกจากนั้นในปี พ.ศ. 2534 ได้มีการออกพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 เพื่อแก้ไขในส่วนของมาตราที่ 1-3 ที่เกี่ยวข้องในส่วนของนิยามโรงรับจำนำและมีผลบังคับใช้มาถึงกระทั่งปัจจุบัน อ.ชารวี บุตรบำรุง
ประเภทของโรงรับจำนำ 1. โรงรับจำนำที่ดำเนินการโดยเอกชน การดำเนินงานอาจอยู่ในรูปของธุรกิจแบบกิจการเจ้าของคนเดียวเป็นเจ้าของหรืออยู่ในรูปของห้างหุ้นส่วนก็ได้ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา รัฐบาลไม่อนุญาตให้เอกชนจัดตั้งโรงรับจำนำได้อีก จนกระทั่ง พ.ศ. 2532 ประชากรในเขตกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นอย่างมาก รัฐบาลจึงได้มีการให้ประมูลขออนุญาตประกอบกิจการโรงรับจำนำเพิ่มอีก 16 แห่ง อ.ชารวี บุตรบำรุง
2.โรงรับจำนำที่ดำเนินการโดยรัฐบาล2.โรงรับจำนำที่ดำเนินการโดยรัฐบาล 2.1 สำนักงานธนานุเคราะห์หรือ “โรงรับจำนำของรัฐ”เป็นชื่อหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบด้านการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้กับประชาชนและให้ความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับดอกเบี้ยรับจำนำในอัตราที่ถูกกว่าโรงรับจำนำเอกชน ตามวัตถุประสงค์ของผู้เริ่มก่อตั้งและเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลในปัจจุบัน “โรงรับจำนำของรัฐ” ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2498 ในสมัย ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น อ.ชารวี บุตรบำรุง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สถานธนานุเคราะห์” สังกัดแผนกธนานุเคราะห์ กองสวัสดิการสงเคราะห์ กรมประชาสงเคราะห์และได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2517 โดยยกฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ใช้ชื่อว่า “สำนักงานธนานุเคราะห์” ปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.ชารวี บุตรบำรุง
2.2 สถานธนานุบาล เป็นโรงรับจำนำที่ดำเนินการโดยเทศบาล ได้รังเงินอุดหนุนจากกองส่งเสริมการสุขาภิบาลและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีความจำเป็นในการครองชีพ โดยไม่ต้องพึ่งเงินกู้จากเอกชนซึ่งมีดอกเบี้ยสูง ลักษณะดำเนินการก็เช่นเดียวกับสถานธนานุเคราะห์ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินงาน โดยสามารถแบ่งกลุ่มของสถานธนานุบาลได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร และสถานธนานุบาลของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น อ.ชารวี บุตรบำรุง
2.2.1 สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร (เดิมใช้ชื่อว่าสถานนุบาลนครหลวง ได้เริ่มต้นเมื่อปี 2503 โดยมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2503 มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับนโยบายไปจัดตั้ง สถานธนานุบาล (โรงรับจำนำ) เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนและยากจน จะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมเงินจากเอกชนโดยเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงและแม้จะมีทรัพย์ไปจำนำ เพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายยามจำเป็นก็ถูกโรงรับจำนำเอกชนเอารัดเอาเปรียบเกินควรได้ ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้จัดตั้งสถานธนานุบาลขึ้นเอง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2516 กระทรวงมหาดไทยได้โอนกิจการสถานธนานุบาล (ของเทศบางนครกรุงเทพเดิม) ให้กรุงเทพมหานครดำเนินการและกรุงเทพมหานครได้บริหารกิจการสถานธนานุบาล โดยจัดตั้งสำนักงานดำเนินกิจการสถานธนานุบาลขึ้นมีคณะกรรมการและหัวหน้าสำนักงานกลาง (จสธก.เดิม) แล้วปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาจนปัจจุบันนี้เป็นสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อว่า สธก. อ.ชารวี บุตรบำรุง
2.2.2 สถานธนานุบาลของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น เมื่อ พ.ศ. 2503 กรมการปกครองก็มีนโยบายตั้งโรงรับจำนำในต่างจังหวัดบ้าง เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในต่างจังหวัด โดยใช้ชื่อว่า “สถานธนานุบาล” ซึ่งเป็นกิจการที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากกิจการอื่น ๆ คือ เป็นการดำเนินงานธุรกิจการค้าอย่างหนึ่งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งนอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ขัดสนเงินทองเป็นการชั่วคราวแล้ว ยังมุ่งหวังนำกำไรไปบูรณะท้องถิ่นอีกประการหนึ่งด้วย ฉะนั้นความมั่นคงของกิจการสถานธนานุบาลของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น จึงเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่งเพราะสถานธนานุบาลแต่ละแห่งจะต้องรักษาทรัพย์สินของประชาชนที่มีมูลค่าเป็นจำนวนมาก อ.ชารวี บุตรบำรุง
ซึ่งจำเป็นต้องทำการตรวจทรัพย์สินอยู่เสมอ อนึ่งการดำเนินกิจการสถานธนานุบาลเป็นนโยบายรัฐบาลที่ช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นครั้งคราว นับว่าเป็นสวัสดิการทางสังคมอย่างหนึ่งของท้องถิ่นด้วย ซึ่งการให้บริการดังกล่าวมีผลกำไรก็จะนำไปบูรณะท้องถิ่นและสาธารณกุศลให้เกิดแก่ประชาชนต่อไป กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานกลางสถานธนานุบาล ต้องควบคุมดูแลการดำเนินการของสถานธนานุบาลอย่างใกล้ชิดตลอดมา หน้าที่หลัก คือ รับจำนำทรัพย์สินต่าง ๆ ของประชาชน เช่น ทอง เพชร นาฬิกา เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำระยะเวลานาน (4 เดือน ผ่อนผัน 30 วัน) อ.ชารวี บุตรบำรุง
การดำเนินงานของโรงรับจำนำการดำเนินงานของโรงรับจำนำ • สถานธนานุเคราะห์ 1.1 การรับจำนำให้รับจำนำในวงเงินไม่เกินรายละ 10,000 บาท โดยไม่รับจำนำเม็ดเพชร ยกเว้นที่มีเรือนแหวนรับรองเป็นการหลีกเลี่ยงการรับของโจรและกำหนดวงเงินรับจำนำทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ ไว้ดังนี้ 1) การรับจำนำสิ่งของประเภท ทอง นาก เงิน เพชร ที่เป็นรูปพรรณ รายละไม่เกิน 50,000 บาท 2) การรับจำนำของประเภทเบ็ดเตล็ด เช่น กล้องถ่ายรูป นาฬิกา แว่นตา เครื่องเขียน เครื่องไฟฟ้า เครื่องมือช่าง ฯลฯ รายละไม่เกิน 20,000 อ.ชารวี บุตรบำรุง
นอกจากนี้ คณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ ได้ให้สิทธิ์แก่ผู้มาใช้บริการสามารถจะขอผ่อนหรือเพิ่มเงินต้นได้ หากทรัพย์นั้นมีมูลค่าสูงกว่าที่ประเมินราคารับจำนำไว้ ทั้งนี้จะต้องไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์กำหนด 1.2 การคิดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำสำนักงานธนานุเคราะห์รับจำนำอัตราดอกเบี้ย ดังนี้ 1) จำนำไม่เกิน 3,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ต่อเดือน 2) จำนำเกิน 3,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อเดือน อ.ชารวี บุตรบำรุง
1.3 กำหนดเวลาทรัพย์หลุดจำนำ ทรัพย์สินของผู้ใช้บริการจะหลุดจำนำก็ต่อเมื่อ ผู้จำนำขาดส่งดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 4 เดือน ละไม่ไถ่ถอนคืนภายในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่สถานธนานุเคราะห์ประกาศบัญชีทรัพย์หลุดจำนำขาดส่ง ดอกเบี้ย ทรัพย์จำนำนั้นจะหลุดเป็นสิทธิ์ของสถานธนานุเคราะห์ โดยที่สำนักงานธนานุเคราะห์ ไม่มีนโยบายให้ประชาชนปล่อยให้ทรัพย์จำนำหลุด จึงได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ใช้บริการมาติดต่อขอส่งดอกเบี้ยในระยะเวลา 1 หรือ 2 หรือ 3 เดือน เพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์หลุดจำนำ อันจะเป็นผลดีและเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริหารและเสียดอกเบี้ยแต่ละคราวเป็นจำนวนน้อย อ.ชารวี บุตรบำรุง
1.4 การประมูลทรัพย์หลุดจำนำทรัพย์จำนำที่ขาดการส่งดอกเบี้ยเกินกว่า 4 เดือน 30 วันแล้ว ผู้จำนำไม่มาไถ่ถอนคืน ทรัพย์จำนำนั้นจะหลุดเป็นสิทธิ์ของแต่ละสถานธนานุเคราะห์ ซึ่งจะถูกนำออกประมูลจำหน่ายด้วยวาจาแก่ประชาชนทั่วไป ณ อาคารสำนักงานธนานุเคราะห์ (อาคาร 8) ชั้น 1 บริเวณกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ถนนกรุงเกม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ทุกวันทำการ (วันจันทร์ – วันศุกร์) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป อ.ชารวี บุตรบำรุง
2.สถานธนานุบาล 2.1 การรับจำนำ สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานครและสถานธนานุบาลของหน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่น มักจะรับจำนำสิ่งของในวงเงินรายละ 500 – 10,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับสภาพและการตีราคาของผู้จัดการสถานธนานุบาล ยกเว้นเครื่องทองรูปพรรณจะรับจำนำในราคาร้อยละ 70 – 85 ของราคาตลาดขณะนั้น 2.2 การคิดอัตราดอกเบี้ย คิดเช่นเดียวกันและอัตราเดียวกับสถานธนานุเคราะห์ 2.3 กำหนดเวลาทรัพย์หลุดจำนำ คิดเช่นเดียวกันและอัตราเดียวกับสถานธนานุเคราะห์ อ.ชารวี บุตรบำรุง
2.4 การประมูลทรัพย์หลุดจำนำทรัพย์จำนำที่ขาดการส่งดอกเบี้ยเกินกว่า 4 เดือน 30 วันแล้ว ผู้จำนำไม่มาไถ่ถอนคืน ทุกรายการสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานครจะนำออกประมูลขายให้แก่ พ่อค้า ประชาชนทั่ว ๆ ไป โดยจะนำทรัพย์หลุดจำนำ ประเภททอง นาก เงินรูปพรรณ จำหน่ายในวันเสาร์ที่ 2, 3, 4 ของเดือน ณ อาคารสำนักสวัสดิการและสังคม กทม. 2 ดินแดง ประเภทเบ็ดเตล็ด เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์ วิทยุ จักเย็บผ้า นาฬิกา เครื่องไฟฟ้าและอื่น ๆ อีกมากมาย จะนำออกจำหน่ายในวันสิ้นเดือน ณ อาคารสำนักสวัสดิการและสังคม กทม. 2 ดินแดง โดยจะมีการประกาศให้ทราบล่วงหน้า ทางสื่อมวลชนต่าง ๆ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงวันขายในบางเดือน) อ.ชารวี บุตรบำรุง
โรงรับจำนำเอกชน 3.1 การรับจำนำ จะไม่จำกัดวงเงินรับจำนำสิ่งของ จึงมีความยืดหยุ่นมากกว่าโรงรับจำนำของรัฐบาล ทรัพย์ที่รับจำนำส่วนใหญ่จะเป็น เพชร พลอย ทอง เครื่องไฟฟ้า และนาฬิกาข้อมือ สำหรับเพชร พลอย ทอง จะประเมินราคาไว้สูง ประมาณร้อยละ 80 – 90 เพราะมีสภาพคล่องสูงและไม่เสื่อมราคาง่าย ๆ ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ จะรับจำนำไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สิน อ.ชารวี บุตรบำรุง
3.2 การคิดอัตราดอกเบี้ย จะคิดอัตราดอกเบี้ยดังนี้ 1) เงินต้นไม่เกิน 2,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อเดือน 2) เงินต้นเกินกว่า 2,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน (ตามกฎหมาย) ในทางปฏิบัติจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อเดือนเท่ากันหมด 3) ระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ย ถ้าไม่ครบเดือน แต่มากกว่า 15 วัน ให้คิดเป็น 1 เดือน แต่ถ้าไม่เกิน 15 วัน ให้คิดเป็นครึ่งเดือน เศษสตางค์ให้ปัดทิ้ง 3.3 กำหนดเวลาทรัพย์หลุดจำนำ คิดเป็นเวลาประมาณ 5 เดือน เช่นเดียวกับโรงรับจำนำของรัฐบาล แต่เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ถือว่าทรัพย์สินที่หลุดจำนำตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงรับจำนำทันทีและจะมีผู้มาติดต่อเหมาซื้อเดือนละประมาณ 3 ครั้ง โดยไม่ได้นำออกประมูลเหมือนรัฐบาล อ.ชารวี บุตรบำรุง