130 likes | 442 Views
ขมุ KHAMU. นายวรัท สมวงศ์ สาขาสังคมศึกษา รหัส 53181100134. ประวัติความเป็นมา.
E N D
ขมุ KHAMU นายวรัท สมวงศ์ สาขาสังคมศึกษา รหัส 53181100134
ประวัติความเป็นมา ขมุ เป็นชาวเขาเผ่าหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่มีถิ่นที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย นักภาษาศาสตร์ จำแนกภาษาของชาวขมุอยู่ในตระกูลภาษา มอญ – เขมร ซึ่งอยู่ในตระกูลออสโตรเอเชียติก ชาวขมุเรียกตัวเองว่า “ขมุ”อ่านว่า ขะ – มุ (เสียงวรรณยุกต์ตรี) แต่คนต่างเผ่ากับชาวขมุจะเรียกชาวขมุว่า “ขะ-หมุ” (เสียงวรรณยุกต์เอก) ซึ่งคำว่า “ขมุ” นี้มีความหมายในภาษาไทยว่า “คน”ขมุในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ 1.1 ขมุมกพลาง หรือขมุฮอก 1.2 ขมุลื้อ โดยแยกตามความแตกต่างทางภาษาท้องถิ่นและลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม กล่าวคือ ชาวขมุลื้อ ค่อนข้างจะเป็นกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลจากโลกภายนอกมากกว่า ภาษาที่ใช้พูดจะมีภาษาไทยเหนือปะปนอยู่มาก การยึดถือจารีตประเพณีและความเชื่อดั้งเดิมก็ค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่า ขมุมกพลาง
ลักษณะการตั้งถิ่นฐาน เชื่อกันว่า ขมุ เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของเอเชียอาคเนย์ ในปัจจุบัน ขมุกระจายตัวอยู่ทางประเทศลาวตอนเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแขวงหลวงพระบางสำหรับในประเทศไทยนั้น ขมุ มีอยู่อย่างหนาแน่นในจังหวัดน่าน นอกจากนั้นมีอยู่ในจังหวัดเชียงราย ลำปาง เชียงใหม่ สุโขทัยและอุทัยธานี จำนวนประชากร ขมุ ในประเทศไทยนั้น จากการสำรวจพบว่ามี 40 หมู่บ้าน 2,212 หลังคาเรือน 10,519 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15 ของจำนวนประชากรชาวเขาทั้งหมดในประเทศไทย
ลักษณะการตั้งถิ่นฐาน (ต่อ) หมู่บ้านชาวขมุในจังหวัดเชียงรายมีที่บ้านห้วยเย็น และบ้านห้วยกอก อำเภอเชียงของ บ้านห้วยเอียนบ้านห้วยข่อย บ้านโละ บ้านป่าตึง บ้านห้วยจ้อ อำเภอเวียงแก่น เป็นต้น ส่วนในจังหวัดน่านมีในหลายเขต ได้แก่ เขตอำเภอเมืองที่บ้านหนองคำ บ้านห้วยไฮ ตำบลฝายแก้ว, บ้านห้วยปุก ตำบลสะเบียน และบ้านหาดปลาแห้ง ตำบลบ่อ เขตอำเภอท่าวังผา มีที่บ้านห้วยโป่ง บ้านวังผา ตำบลตาลชุม, บ้านปางสา และบ้านน้ำโขง ตำบลผาตอ เขตอำเภอเชียงกลาง มีที่บ้านวังผาง และบ้านปางสา บ้านน้ำโม ตำบลผาตอย, บ้านวังเสา บ้านน้ำ ปาน บ้านห้วยม้อย บ้านห้วยเลา บ้านห้วยแกลบ บ้านสบพาง บ้านน้ำหลุ และบ้านน้ำหลุใหม่ ตำบลชนแดน เขตอำเภอทุ่งช้าง มีที่บ้านน้ำสอดใต้ ตำบลและ, บ้านห้วยสะแตง บ้านภูคำ บ้านน้ำลาด ตำบลงอบ และบ้านไชยธงรัตน์ บ้านสบปาง ตำบลปอน และยังมีที่เขตบ้านป่าแพะ อำเภอเวียงสา อีกด้วย สำหรับที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้น พบที่อำเภอศรีสวัสดิ์ นอกจากนี้ ยังพบขมุที่จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย
ลักษณะการตั้งถิ่นฐาน (ต่อ) เนื่องจากขมุเป็นกลุ่มชาวเขากลุ่มหนึ่งที่ไม่ปลูกฝิ่น ดังนั้นส่วนใหญ่จึงตั้งบ้านในระดับความสูงที่ต่ำกว่า 1,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และที่ตั้งหมู่บ้านส่วนใหญ่จะนิยมพื้นที่ราบระหว่างหุบเขา นอกจากนี้ยังนิยมตั้งหมู่บ้านที่มีทางเข้าหมู่บ้านหันไปทางทิศตะวันออก ซึ่งขมุถือว่าจะนำความร่วมเย็นเป็นสุขมาให้แก่คนในหมู่บ้าน ลักษณะบ้านขมุ เป็นบ้านยกพื้นและพื้นบ้านมี 2 ระดับ บ้านส่วนใหญ่จะมีห้องนอนเดียวซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบบ้านกับลักษณะโครงสร้างของครอบครัว กล่าวคือ ขมุมักจะมีครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยว จึงมิได้มีโครงสร้างบ้านที่สามารถจะแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ ได้มากนัก และการที่ที่จะต่อเติมบ้านก็กระทำได้ยาก เนื่องจากเป็นบ้านยกพื้น
การแต่งกาย ชาวขมุไม่มีวัฒนธรรมในการทอผ้าเอง มีเฉพาะในกลุ่มขมุลื้อ ชาวขมุบางกลุ่มจะนิยมเสื้อผ้าสีดำ หรือสีคล้ำเข้ม ผู้หญิงจะใช้ซิ่นลายขวางแบบไทลื้อ สวมเสื้อผ้าหนาสีน้ำเงินเข้มตัวสั้น ตกแต่งด้วยผ้าด้ายสีและเหรียญเงิน ใส่กำไลเงินที่คอ และกำไลข้อมือ โพกผ้าสีขาว หรือสีแดง สำหรับผู้ชายปัจจุบันมีการแต่งกายที่ไม่ต่างจากคนเมือง และในบางหมู่บ้านจะไม่พบการแต่งกายประจำเผ่าเลย การแต่งกาย
ครอบครัว มีขนาดครัวเรือนขนาดเล็ก สมาชิกน้อย ระบบเครือญาติของขมุเป็นระบบที่ซับซ้อน ให้ความสำคัญทั้งพ่อแม่ฝ่ายชายและหญิง กฎการแต่งานในหมู่ญาติ ลูกชายสามารถแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องได้ ส่วนลูกหญิงจะต้องแต่งกับผู้อื่น สภาพครอบครัว
อาชีพหลัก อาชีพ ทำการเกษตรเป็นหลักแบบยังชีพ ปลูกข้าว เผือกมัน และเครื่องปรุงรสอาหารต่างๆ พืชไร่และไม้ยืนต้นมีเล็กน้อย ส่วนใหญ่ปลูกไว้กิน หากมีเหลือก็จะแบ่งปันให้ญาติพี่น้อง นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เช่นหมู ไก่ วัวควาย ส่วนใหญ่เลี้ยงไว้เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม
ความเชื่อ ความเชื่อและพิธีกรรม ชาวขมุนับถือผี(โร้ย) มีพิธีเซ่นไหว้ด้วย หมู ไก่ ข้าว เหล้า จะเลี้ยงผีในพิธีสำคัญๆต่างๆ มีทั้งผีป่า ผีบ้าน ผีน้ำ ผีหมู่บ้าน ทุกบ้านจะมีผีเรือน (โร้ยกาง) ซึ่งเชื่อว่าประดิษฐานในบริเวณเตาหุงข้าวเวลามีพิธีเลี้ยงผีจะมีการติด “ เฉลว” (ตแล้) ไว้ เป็นเครื่องหมายที่ปฏิบัติมาแต่โบราณ พิธีกรรมที่สำคัญของชาวขมุจะใช้ในการรักษาความเจ็บป่วย โดยจัดพิธีเลี้ยงผีด้วยไก่และหมู (ซู้ฮเอี้ยรซู้เซื้อง) พิธีการการฆ่าควาย(ซังพ้านตร้าก) เพื่อรักษาผู้ป่วยหนัก พีผูกข้อมือ(ตุ๊กติ้)
ภาษา คำที่ใช้เรียกชาวขมุด้วยกันเองแต่ต่างกลุ่มกัน คือคำว่า ตม้อย และถ้าหากต้องการ เจาะกลุ่ม ก็จะใช้ลักษณะเฉพาะของกลุ่มนั้น ๆ ต่อท้าย เช่น ตม้อยปูลวง (ชาวขมุจากหมู่บ้านปูลวงซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่เดิม) ตม้อยดอย (ชาวขมุจากเขตภูเขา ซึ่งเป็นเขตที่อยู่เดิม) ตม้อยเพอะ (ชาวขมุที่ใช้คำว่า เพอะ แปลว่า “ กิน” ) ตม้อยลื้อ (ชาวขมุที่อยู่ในกลุ่มพวกลื้อ) ตม้อยอัน (ชาวขมุที่ใช้คำปฏิเสธว่า “ อัน” ) ตม้อยอัล (ชาวขมุที่ใช้คำปฏิเสธว่า “ อัล” ) ตม้อยอู (ชาวขมุที่อยู่ในเขตแม่น้ำอู) ส่วนการแยก ชาวขมุออก จากกลุ่มเชื้อชาติอื่น ๆ นั้นจะใช้คำว่า คมุ้khmuหมายถึงกลุ่มของตน และใช้คำว่า แจะ หมายถึงกลุ่มอื่น เช่นกลุ่มคน เชื้อสายไทย ทั้งไทยภาคกลาง ไทยภาคเหนือ (คนเมือง) ลาว ลื้อ และไทยดำ โดยอาจเติมชื่อเฉพาะกลุ่มลงไปด้วยเพื่อให้ชัดเจนเช่น แจะคนเมือง แจะลื้อ แจะไทยดำ ฯลฯ และใช้คำว่า แจะแมว เรียกชาวม้ง เป็นต้น
ประเพณีที่สำคัญ 1. พิธีเซ่นไหว้ผีหลวง จัดขึ้นปีละครั้งหลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว2. พิธีเซ่นไว้ผีหมู่บ้าน จัดขึ้นเวลาประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ3. พิธีเซ่นไหว้ผีประจำตระกูลหรือผีบรรพบุรุษในบ้านจัดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์4. พิธีสงเคราะห์ จัดขึ้นในวันสงกรานต์ เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกจากหมู่บ้าน5. พิธีเซ่นไหว้ผีไร่ จัดขึ้นปีละสี่ครั้ง คือ ก่อนถางป่า ก่อนปลูกข้าว ขณะข้าวเริ่มออกรวง และเมื่อข้าวแก่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวขมุมีความเชื่อเรื่องขวัญว่า คนเรามีขวัญเก้าขวัญ คนที่เจ็บป่วย เพราะขวัญออกร่างไป การเรียกขวัญให้กลับคืน ต้องเชิญหมอขวัญมาทำพิธีเรียกขวัญ
ลักษณะการตั้งถิ่นฐาน (ต่อ) พิธีกรรมที่สำคัญของชาวขมุจะใช้ในการรักษาความเจ็บป่วย โดยจัดพิธีเลี้ยงผีด้วยไก่และหมู (ซู้ฮเอี้ยรซู้เซื้อง) พิธีการการฆ่าควาย(ซังพ้านตร้าก) เพื่อรักษาผู้ป่วยหนัก พีผูกข้อมือ(ตุ๊กติ้) ชาวขมุจะให้ความเคารพผู้เฒ่าผู้แก่และญาติผู้ใหญ่ของตนอย่างเคร่งครัด ถ้าปฏิบัติตนไม่เหมาะสมจะถือว่าทำผิดประเพณีและถูกปรับไห ประเพณีที่สำคัญ (ต่อ)
“ชนเผ่าขมุ.”(ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก:http://www.tpso10.org/index.php?option=com_content&view=article&id=82&Itemid=135(ม.ป.ป.). สืบค้น 24 พฤศจิกายน 2555“ขมุ.”(ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก:http://lib.payap.ac.th/webin/ntic/ K%20mu.htm (ม.ป.ป.). สืบค้น 24 พฤศจิกายน 2555 “ชนเผ่าขมุ.”(ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก:http://www.mhsdc.org/ interest19.htm (ม.ป.ป.). สืบค้น 24 พฤศจิกายน 2555 บรรณานุกรม