230 likes | 384 Views
ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS ) www.wordpress.com. ระบบจัดการเนื้อหา ( Content Management System :CMS). ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS)
E N D
ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS) www.wordpress.com
ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) คือ ระบบที่พัฒนาคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และ บริหาร(Management) เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และงบประมาณที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลเว็บไซต์
ที่มา Content Management System (CMS) • CMS ถูกนำมาใช้ราวช่วงปี ค.ศ. 1995 โดย CNET เป็นผู้ริเริ่มใช้ระบบดังกล่าวเป็นรายแรก ในยุคแรก ถูกนำมาจัดการพวกเอกสาร เช่น ข่าวประจำวัน บทความ สารคดีอื่นๆ ที่ใช้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ • ต่อมา CMS เป็นที่นิยมใช้ในองค์กรขนาดเล็กและเว็บไซต์ส่วนบุคคล อีกทั้งยังมีทีมพัฒนาเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งแบบเปิดและแบบปิด • สำหรับ CMS ที่เป็นแบบเปิดนั้น มีเงื่อนไขว่า ใครก็สามารถดาวน์โหลดและนำไปใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ • ขณะเดียวกัน CMS ระบบปิดจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์เสียก่อนจึงนำไปใช้งานได้ ซึ่ง CMS ระบบปิดจะมีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันจนถึงหลักล้าน
ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) • ระบบจัดการเนื้อหาเป็นระบบที่สนับสนุนการสร้างบรรจุเนื้อหา ความรู้จากบุคคลที่หลากหลาย (ที่มีสิทธิในการใช้งาน) เข้าสู่ระบบฐานข้อมูล • โดยมีการจัดระบบการทำสารบัญ ดัชนี เพื่อให้สามารถค้นคืน (Search and retrieve) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเครื่องมือที่เอื้อให้ผู้ใช้นำเนื้อหาที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองแล้ว มาเรียบเรียงเป็นเนื้อหาความรู้ เป็นเรื่องราวได้
ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) • โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP หรือภาษาอื่นๆ • (แล้วแต่ความถนัดของผู้พัฒนา) ซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์(เช่น Apache) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(เช่น MySQL)
อะไรคือ CMS • CMS เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ โดยโครงสร้างของ CMS ประกอบด้วย ส่วนควบคุม ส่วนจัดการเนื้อหา เช่น รูปภาพ สื่อมัลติมีเดีย เป็นต้น • CMS สามารถสร้างเอกสารสำหรับเผยแพร่ต่อสาธารณะในปริมาณมากๆ ได้ และ CMS ยังเหมาะแก่การเก็บข้อมูล การควบคุม การกระจายข้อมูลระดับอุตสาหกรรม เช่น ข่าว บทความ เอกสารคู่มือออนไลน์ เอกสารด้านเทคนิค คำแนะนำการขาย เอกสารด้านการตลาด เช่น โบว์ชัวร์สินค้า
อะไรคือ CMS • CMS จะเน้นที่การทำงานผ่านเว็บไซต์ ทำให้ผู้ดูแลสามารถเข้ามาแก้ไขข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา • CMS สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขและประยุกต์เพื่อให้เหมาะสมตามรูปแบบและประเภทของแต่ละเว็บไซต์ได้ อย่างเช่น การนำเสนอบทความ, เว็บไดเรคทอรี่, การเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ และหัวข้อข่าว, รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ, ถาม/ตอบปัญหา, ห้องสนทนา, กระดานข่าว และส่วนอื่นๆอีกมากมายที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นประจำ
คุณสมบัติของ CMS • สามารถนำเอกสารและมัลติมีเดียเข้ามาจัดการ • สามารถกำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถแสดงตนหรือทำตามข้อบังคับในการจัดการเนื้อหา • สามารถกำหนดกฎระเบียบและความรับผิดชอบในแต่ละหมวด • สามารถตรวจสอบเนื้อหาข้อคิดเห็น คำเตือนจากสมาชิกหรือผู้ใช้งาน • สามารถกําหนดรูปแบบ (Template) เพิ่มลดเมนู และโมดูลต่างๆ ที่ใช้งานในเว็บไซต์ได้โดยง่าย • สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ และระบบนี้เอื้อต่อการกำหนดรูปแบบการแสดงผล เช่น สีสัน ตัวอักษร หรือ การแสดงผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ฟังก์ชันการทำงานของ CMS • ฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ • ระบบจัดการสมาชิก(Member) • การนำเสนอบทความ (Articles) • เว็บไดเรคทอรี (Web directory) • เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ (News) ,หัวข้อข่าว (Headline) • รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather) • ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (Informations) • ระบบสืบค้นข้อมูล(Search) • ระบบจัดการป้ายโฆษณา(Banner)
ฟังก์ชันการทำงานของ CMS • ถาม/ตอบปัญหา (FAQs) • ห้องสนทนา (Chat) • กระดานข่าว (Forums) • การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด (Downloads) • แบบสอบถาม (Polls) • ข้อมูลสถิติต่างๆ (Statistics) และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติมดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ
Content Management System (CMS) • องค์ประกอบหลักของ CMS โดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ CMS จะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ • บล็อก (Blog)คือ ส่วนที่ใช้เชื่อมโยงกับเว็บเพจต่างๆ โดยปกติบล็อกจะอยู่ตำแหน่งด้านซ้ายมือหรือขวามือของหน้าเว็บเพจ • โมดูล (Module)คือ ส่วนทีใช้จัดการรูปแบบเนื้อหาบนเว็บไซต์ เช่น โมดูลจัดการบทความ โมดูลจัดการ FAQ โมดูลสมาชิก เป็นต้น • ธีม (Theme)คือ กราฟิกของเว็บไซต์ ใช้ควบคุมคุณสมบัติทุกเว็บเพจ เช่น สี หรือแบบตัวอักษรและขนาด เป็นต้น
ประโยชน์ของ CMS ช่วยการจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์อย่างง่ายดาย ช่วยให้สามารถจัดการควบคุมเนื้อหาจำนวนมาก ง่ายต่อการเข้าถึง และง่ายต่อการแก้ไขของผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งลักษณะสำคัญของ CMS ก็คือ การใช้จัดการเอกสาร การทดสอบ การแก้ไข การกำหนดขอบเขตเวลา ประโยชน์ของการใช้งาน CMS สรุปได้ดังนี้ • มีเทมเพลทให้ใช้งาน – CMS จะแสดงแม่แบบของเอกสารหรือเทมเพลทให้โดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังสามารถทำการเปลี่ยนแปลงเทมเพลทได้ • มีความง่ายในการแก้ไขเนื้อหา และสามารถทดลองเผยแพร่เนื้อหาก่อนที่จะเผยแพร่จริงให้ผู้อื่นได้อ่าน เช่น ทดสอบการจัดคอลัมน์ การจัดเรียงรูปภาพ ตารางและตัวอักษร ก่อนเผยแพร่ใช้งานจริง
ประโยชน์ของ CMS • สามารถเพิ่มปลั๊กอินหรือโมดูลเข้าไปในระบบได้ ซึ่ง CMS แต่ละตัว มีให้เลือกใช้จำนวนมากทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย และแก้ไขภายหลังได้ • การอัพเกรด CMS รองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ รูปแบบการจัดการเนี้อหา ด้วยการอัพเกรดเวอร์ชันใหม่ของ CMS นั้น ๆ • จัดลำดับการจัดการ สามารถจัดการกับเนื้อหาที่สมาชิกหรือคอลัมนิสต์ส่งเข้ามาได้อย่างกึ่งอัตโนมัติ • จัดการเอกสารได้อย่างง่ายดาย CMS ใช้การจัดการเอกสารแบบกำหนดรอบเวลา ทั้งช่วงเวลาเริ่มต้นและช่วงเวลาสิ้นสุดของการเผยแพร่ชิ้นงาน ทำให้สามารถกำหนดรอบเวลาเผยแพร่งานแต่ละชิ้นได้อย่างอิสระ
ข้อดีของ CMS ระบบเปิด • ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ เพียงแค่เคยใช้งานอินเทอร์เน็ต ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ • ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก • ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด • มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่, ฟอรัม, กระดานสนทนา , ระบบจัดการเอกสาร ฯลฯ • สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ • มีผู้ที่สามารถให้ความรู้ และคำปรึกษาด้านนี้กับเราได้อย่างมากมาย ในอินเตอร์เน็ต และมีชุมชนผู้ใช้ CMS เป็นจำนวนมาก
CMS ในปัจจุบัน ปัจจุบันมีผู้สร้าง CMS เป็นจำนวนมาก และมีชุมชนผู้ใช้หลากหลาย เช่น • Drupal • PostNuke • PHP-Nuke • MyPHPNuke • Mambo • eNvolution • Joomla!
ซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS มีหลายตัวด้วยกัน เช่น PostNuke, PHP-Nuke,MyPHPNuke, Mambo, Joomlaเป็นต้น
การประยุกต์ใช้ CMS ในวงการต่างๆ • การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา ธุรกิจบันเทิง หนังสือพิมพ์ การเงิน การธนาคาร หุ้นและการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ งานบุคคล งานประมูล สถานที่ท่องเที่ยว งานให้บริการลูกค้า • การนำ CMS มาใช้ในหน่วยงานของรัฐ อาทิเช่น งานข่าว งานประชาสัมพันธ์ การนำเสนองานต่างๆ ขององค์กร • การใช้ CMS สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว ชมรม สมาคม สมาพันธ์ โดยวิธีการแบ่งงานกันทำ เป็นส่วนๆ ทำให้เกิดความสามัคคี ทำให้มีการทำงานเป็นทีมเวิร์คมากยิ่งขึ้น
การประยุกต์ใช้ CMS ในวงการต่างๆ • การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กำลังได้รับความนิยมสูง • การนำ CMS มาใช้แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์ อื่นๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการพัฒนา • การใช้ CMS ทำเป็น Intranet Web Site สร้างเว็บไซต์ใช้ภายในองค์กร
งานเดี่ยว กลับบ้าน • 1. วงการบันเทิง • 2. วงการการเมือง • 3. วงการการแพทย์ • 4. องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร • 5. OTOP • 6. การศึกษา • 7. การประชาสัมพันธ์