340 likes | 504 Views
ความรุนแรงที่บุคลากรทางการพยาบาลต้องเผชิญ ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง Workplace violence Faced by Nursing Personnel in a Hospital. หลักสูตรอาชีวอนามัย ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. เฉลิมรัฐ ค้ำชูชาติ. ความเป็นมาและความสำคัญ. ความรุนแรงเป็นปัญหาสังคม
E N D
ความรุนแรงที่บุคลากรทางการพยาบาลต้องเผชิญ ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งWorkplace violence Faced by Nursing Personnelin a Hospital หลักสูตรอาชีวอนามัย ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เฉลิมรัฐ ค้ำชูชาติ
ความเป็นมาและความสำคัญความเป็นมาและความสำคัญ • ความรุนแรงเป็นปัญหาสังคม • เกิดได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ แม้กระทั่งในที่ทำงาน
ความเป็นมาและความสำคัญความเป็นมาและความสำคัญ • ความรุนแรงในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้นในอัตราสูง • ปรากฏตามสื่อต่าง หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต • เป็นปัญหาทางด้านสุขภาพ ส่งผลต่อร่างกาย จิตใจและสังคม • ทบวงยุติธรรม (USA. 1992-1996 )ระบุว่า ประชากรมากกว่า 2 ล้านคน ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในที่ทำงาน
ลักษณะงานของพยาบาล • บริการด้านสุขภาพต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง • ปฏิบัติงานในภาวะไม่ปกติสุขของผู้มารับบริการ • มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบด้าน
ความรุนแรงในโรงพยาบาลความรุนแรงในโรงพยาบาล Reported Number of Violence Incidents Verbal threats of physical harm Attempts of physical harm Sexual harassment Physical attack Harsh/ Insulting language reported a total number of 5,932 violence incidents,Cruickshank,1995
ความเป็นมาและความสำคัญ (ต่อ) • ประเทศไทย การศึกษาเรื่องความรุนแรงในสถานที่ทำงานยังมีน้อย • ข้อมูลการถูกกระทำความรุนแรงในสถานที่ทำงาน ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการเปิดเผย • ผลการศึกษาครั้งนี้จะ ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อนำมาสู่การวิจัยและแก้ปัญหาต่อไป
กรอบแนวคิดการวิจัย เงื่อนไขสถาบัน เงื่อนไขในที่ทำงาน สภาพแวดล้อมเฉพาะกรณี ผลกระทบต่อบุคคล ผู้กระทำ, ผู้ถูกกระทำ ผลกระทบต่อการทำงาน ผู้ประสบเหตุ เพื่อนร่วมงาน / เพื่อนร่วมสถาบัน หมายเหตุ ใช้แบบสอบถาม สัมภาษณ์เชิงลึก ตัวแปรมีผลกระทบ ผลโดยตรง ผลเล็กน้อย
วัตถุประสงค์การวิจัย 1. ลักษณะของความรุนแรงและบุคคลที่กระทำความรุนแรง 2. ปัจจัยสาเหตุตามการรับรู้ของผู้ถูกกระทำความรุนแรงและผู้เกี่ยวข้อง 3. ผลของการถูกกระทำความรุนแรง 4. กลุ่มเสี่ยงในบุคลากรทางการพยาบาลที่มีความเสี่ยงต่อ การได้รับความรุนแรง
การออกแบบการวิจัย • การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive cross-sectional survey with supplementary qualitative study) ประชากร พยาบาลวิชาชีพ พยาบาลเทคนิค พนักงานผู้ช่วยเหลือคนไข้จำนวนทั้งหมด 594 คน (ศึกษาประชากรทั้งหมด)
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล • เชิงปริมาณ เป็นแบบสอบถามพัฒนามาจาก ILO/ICN/WHO/PSI, 2003; Ontario Nurses ‘Association, 1995 • เชิงคุณภาพ เป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึกที่กำหนดแนวคำถามเอง
การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ทำหนังสือผ่านหัวหน้าหน่วยระบาดวิทยา คณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถึง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของกลุ่มตัวอย่าง 2. พบหัวหน้ากลุ่มงานพยาบาลเพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ และ ขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 3. กำหนดระยะเวลาในการรับแบบสอบถามคืนภายหลังแจก แบบสอบถามแล้ว 2 สัปดาห์ กรณีที่กลุ่มตัวอย่างส่ง แบบสอบถามช้าหรือไม่ได้รับคืน ติดตามข้อมูลอีกครั้ง
การเก็บรวบรวมข้อมูล 4. สัมภาษณ์เชิงลึก เลือกกลุ่มตัวอย่างจากผู้ตอบแบบสอบถามที่มีประสบการณ์ความรุนแรงและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30 ราย (ด้วยวิธีการ สัมภาษณ์ตาม แนวคำถามที่เตรียมไว้ โดยผู้วิจัยจดบันทึกทุกคำพูดที่กลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูล) 5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ทางสถิติ 6. ได้รับแบบสอบถามกลับ 545 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 91.7
การวิเคราะห์ผล โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS/PC และโปรแกรม Stata version 7 1. ข้อมูลเชิงปริมาณ ตัวแปรพื้นฐานใช้สถิติเชิงพรรณนา โดยนำมาหาค่าร้อยละ, ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. การวิเคราะห์หากลุ่มเสี่ยงใช้ Chi square กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 เลือกตัวแปรที่มีค่า p-value น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.25 นำตัวแปรที่ได้มาทดสอบหากลุ่มเสี่ยงใช้ logistic regression กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 3. ข้อมูลเชิงคุณภาพ นำเสนอโดยอธิบายประเด็นสำคัญของความรุนแรง
ผลการวิจัย ประเภทความรุนแรงที่ได้รับ
ผลการวิจัย ลักษณะความรุนแรงทางวาจา
ผลการวิจัย ลักษณะความรุนแรงทางร่างกาย
ผลการวิจัย บุคคลที่กระทำความรุนแรงต่อบุคลากรทางการพยาบาล
ผลการวิจัย ปัจจัยสาเหตุนำมาสู่ความรุนแรง
ผลการวิจัย ผลของความรุนแรงด้านสังคม
ผลการวิจัย (ต่อ) Adjusted odds ratio การถูกกระทำความรุนแรงทางวาจา * p –value for linear trend = 0.018
สรุปผลการวิจัย 1. บุคลากรทางการพยาบาลเผชิญกับความรุนแรงทางวาจา มากที่สุดร้อยละ 38.9 รองลงมาเป็นความรุนแรงทาง ร่างกายร้อยละ 3.1 2. ลักษณะความรุนแรงทางวาจาเป็นการใช้น้ำเสียงตะคอก ความรุนแรงทางร่างกายเป็นการผลัก ดึง กระชาก การ คุกคามทางเพศเป็นการใช้มือสัมผัส 3. บุคคลที่กระทำความรุนแรงทางวาจาและร่างกายเป็นผู้ป่วย/ ผู้รับบริการมากที่สุด การคุกคามทางเพศเป็นเพื่อนร่วมงาน
สรุปผลการวิจัย 4. สาเหตุความรุนแรงทางวาจามาจากความบกพร่องในการ ติดต่อสื่อสารมากที่สุด ความรุนแรงทางร่างกายมาจาก อาการแสดงความเจ็บป่วย 5. ผลด้านสังคม พบว่าความรุนแรงทางวาจาเกิดผลเสียต่อ สัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานมากที่สุด 6. กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงทางวาจาคือกลุ่มที่ไม่ได้ รับการฝึกอบรมเรื่องการจัดการกับความรุนแรง
อภิปรายผล • งานพยาบาลมีลักษณะเฉพาะ ต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดัน ในภาวะไม่ปกติสุขของผู้ป่วย • ปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบด้าน • ให้บริการต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
อภิปรายผล • มีหลักฐานชี้ชัดว่าบุคลากรทางการพยาบาลมีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางวาจามากกลุ่มอาชีพอื่น ๆ 4 เท่า และมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอาชีพที่ดูแลด้านสุขภาพอื่น ๆ 3.5 เท่า (Home Office 1999) • การใช้น้ำเสียงตะคอกเป็นการแสดงอารมณ์โกรธ เมื่อไม่สามารถควบคุมได้จะเกิดความคุกคามของความรุนแรง
อาชีพและแหล่งที่มาของความรุนแรงอาชีพและแหล่งที่มาของความรุนแรง ผู้ป่วย/ผู้รับบริการเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับบุคลากรมากที่สุด บทบาทการดูแลผู้ป่วยด้านการพยาบาล ให้บริการผู้ป่วยอาจเกิดความล่าช้าไม่เป็นที่พอใจของผู้รับบริการ ส่งผลให้เกิดความโกรธ
ความบกพร่องในการติดต่อสื่อสาร การประสานงานที่ไม่ชัดเจน การสื่อสารไม่ตรงกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งพูดจาโต้เถียง ใช้คำหยาบคายบางครั้งรุนแรงมาก (ทัดดาว นิยมาศ, 2545) อาการแสดงความเจ็บป่วยของผู้ป่วย ภาวะวิตกกังวลและอาการไข้ ปวดทำให้ผู้ป่วยขาดสติและทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการพยาบาล (ทองศุกร์ บุญเกิดและคณะ, 2543 ) สาเหตุความรุนแรง ทางวาจา ทางร่างกาย
ผลด้านสังคม • ผลเสียจากความรุนแรงทางวาจาอาจมีมากกว่าที่คนทั่วไปรับรู้
การฝึกอบรม • ผลการฝึกอบรมเรื่องการจัดการกับความรุนแรงสามารถแก้ไขและป้องกันความรุนแรงในสถานที่ทำงาน
ข้อเสนอแนะ 1. ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผู้บริหารบุคลากรทางการพยาบาลควรรับทราบข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเข้าใจความเสี่ยงของวิชาชีพและหาทางป้องกันแก้ไขต่อไป 2. สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมเรื่องการจัดการกับ ความรุนแรงในสถานที่ทำงาน 3. พัฒนาเทคนิคการสื่อสาร
ข้อเสนอแนะ (1) • ความรุนแรงในวิชาชีพพยาบาลพบบ่อย • มีผลเสียมากกว่าที่เกิดขึ้น เผยแพร่ความเสี่ยงให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบและหาทางป้องกัน
ข้อเสนอแนะ (2) • พยาบาลที่มีความเสี่ยงคือกลุ่มที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมเรื่องการจัดการกับความรุนแรง • งานวิจัยที่ผ่านมา พบว่าการฝึกอบรมสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงและลดระดับความรุนแรงได้ อบรมพยาบาลทุกคนเรื่องวิธีป้องกันและควบคุมความรุนแรง
ข้อเสนอแนะ (3) • สาเหตุของความรุนแรงทางวาจามาจากความบกพร่องในการสื่อสาร • ผลของความรุนแรงมีผลเสียต่อสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมงาน อบรมทักษะการติดต่อสื่อสารและหาทางรักษาสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมงาน
จุดเด่นและจุดอ่อนของงานวิจัยจุดเด่นและจุดอ่อนของงานวิจัย จุดเด่น 1. แบบสอบถามได้รับการตอบกลับ ร้อยละ 91.7 2. ศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพสนับสนุนผลวิจัย จุดอ่อน 1. การรายงานอาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าความเป็นจริงได้ 2. การรับรู้ความรุนแรงแตกต่างกัน อาจจะทำให้แปลผลผิด