1 / 37

การส่งงานวิจัยให้ได้รางวัล

การส่งงานวิจัยให้ได้รางวัล. ศาสตราจารย์สมบูรณ์ เทียนทอง ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ใครมีผลงานวิจัยที่พร้อมจะส่งเข้า ร่วมประชุม R2R ปีนี้บ้าง. ขั้นตอนการพิจารณาผลงาน R2R. เป็นผลงาน R2R หรือไม่. ส่งบท คัดย่อ ผ่านระบบ. ปฐมภูมิ. ทุติยภูมิ. ตติยภูมิ/ รร. แพทย์.

marja
Download Presentation

การส่งงานวิจัยให้ได้รางวัล

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การส่งงานวิจัยให้ได้รางวัลการส่งงานวิจัยให้ได้รางวัล ศาสตราจารย์สมบูรณ์ เทียนทอง ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

  2. ใครมีผลงานวิจัยที่พร้อมจะส่งเข้าใครมีผลงานวิจัยที่พร้อมจะส่งเข้า ร่วมประชุม R2R ปีนี้บ้าง

  3. ขั้นตอนการพิจารณาผลงาน R2R เป็นผลงาน R2R หรือไม่ • ส่งบทคัดย่อผ่านระบบ • ปฐมภูมิ • ทุติยภูมิ • ตติยภูมิ/รร.แพทย์ • บริหาร • กรรมการ เกณฑ์ให้คะแนน ขอ:ฉบับสมบูรณ์/Manuscript/ตีพิมพ์(สัมภาษณ์) รางวัล

  4. ลักษณะงานวิจัยที่เข้าข่าย R2R 1. โจทย์ของงานวิจัยได้มาจากปัญหา ในการทำงานประจำ (มิติคุณภาพ) 2. การวิจัยที่ดำเนินการโดยผู้ปฏิบัติ ที่ต้องการพัฒนางานประจำ 3. ผลของงานวิจัย เน้นที่ผู้รับบริการ 4. สามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ ประโยชน์ในการพัฒนางานประจำ R2R Newsletter ฉบับปฐมฤกษ์ http://r2r.hsri.or.th

  5. เกณฑ์การให้คะแนน (ตติยภูมิ)

  6. ตัวอย่าง VAP • ICU ดูแล ผป 70 ราย/ด • การดูแลผู้ป่วย ICU มีปัญหาหลายอย่าง เช่น ขาดอาหาร,VAP, ….. • VAP เกิดขึ้นบ่อยๆ • ศึกษาลด VAP ด้วยวิธีไม่ล้างมือ (ยอมรับได้ไม๊) • ICU ดูแล ผป Ventilator 70ราย/ด • ผป ใส่ Ventilator มีปัญหา 3 อันดับแรก คือ 1 VAP (..%), 2 ขาดอาหาร (%), 3 ….(..%) • อุบัติการณ์ VAP หน่วยงาน = % • ศึกษาการลด VAP ด้วยวิธี (ใหม่) (ไม่เพิ่มความเสี่ยง)

  7. ตัวอย่างบทคัดย่อ (บทนำ) งานประจำ • ผู้ป่วยภาวะวิกฤตที่มีภาวะหัวใจเต้นช้าผิดจังหวะจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นกระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนทำหัตถการจึงมีความสำคัญยิ่ง วิธีเดิมสอนด้วยแผ่นภาพการทำหัตถการแต่เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างยากทำให้การสื่อสารถึงวิธีการทำหัตถการได้ไม่ชัดเจนและใช้เวลานานทำให้ผู้ป่วยขาดความสนใจไม่เข้าใจวิธีการรักษาโดยรับรู้ว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่และวิตกกังวลกลัวการรักษา • พบว่ามีผู้ป่วยที่ปฏิเสธการรักษาด้วยวิธีนี้ร้อยละ 20-30 หลังทำหัตถการพบอุบัติการณ์เลื่อนหลุดของสาย 3-4 ครั้ง/เดือน ซึ่งสะท้อนว่าผู้ป่วยยังขาดความพร้อมก่อนการทำหัตถการ • การพัฒนาสื่อการสอน (...) จะช่วยให้ทีมสุขภาพทำงานได้ง่าย รวดเร็ว มีคุณภาพ ผู้ป่วยเข้าใจวิธีการทำและให้ความร่วมมือในการทำหัตถการ...... ปัญหา ขนาดปัญหา วัตถุประสงค์ คนหน้างาน? สร้างสรรค์?

  8. ตัวอย่างการทบทวนวรรณกรรม (VAP) • อุบัติการณ์ของ VAP ที่เป็นมาตรฐานไม่ควรเกิน....% • รายงาน (คนอื่น) ที่สามารถลด VAP ได้ดีอยู่ที่ ...% เขาทำได้อย่างไรบ้าง ....ระบุวิธีการ • วิธีการใดบ้างที่ใช้แล้วไม่ได้ผล ......ระบุวิธีการ • ประเด็นใดที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ระบุ (อาจมีหลายประเด็น) • การวิจัยที่เราจะทำตอบปัญหาในประเด็นใด • แนวคิด/ทฤษฎี ที่ใช้ คืออะไร

  9. วิธีการศึกษาแต่ละวิธีควรเน้นอะไรบ้างวิธีการศึกษาแต่ละวิธีควรเน้นอะไรบ้าง กลุ่มทดลอง/กึ่งทดลอง • กลุ่มตัวอย่าง/ขนาดตัวอย่าง • การสุ่มตัวอย่าง • เกณฑ์คัดออก • ระยะเวลาที่ศึกษา • ข้อมูลที่ต้องการศึกษา (รายละเอียดวิธีการที่สำคัญ) • การวิเคราะห์ สถิติเปรียบเทียบ • ผลการศึกษา พบอะไร การศึกษาเชิงพรรณนา • เก็บตัวอย่างจาก..... • ย้อนหลังหรือไปข้างหน้า • ระยะเวลาที่ศึกษา • กลุ่มตัวอย่าง/ขนาดตัวอย่าง • เกณฑ์คัดออก • ข้อมูลที่ต้องการศึกษา • การวิเคราะห์ (อาจไม่ต้อง) • ผลการศึกษา พบอะไร

  10. ตัวอย่าง วิธีการศึกษา เชิงคุณภาพ • บริบทก่อนทำวิจัย • ตัวอย่าง คือใคร จำนวน • ระยะเวลาที่ศึกษา • ข้อมูลที่ต้องการศึกษา (รายละเอียดวิธีการที่สำคัญ) • ผลการศึกษา พบอะไร • การวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือ Action Research • บริบทก่อนทำวิจัย • การพัฒนา ประเด็นใดบ้าง ผู้เกี่ยวข้องมีใครบ้าง • วัดผลอะไรบ้าง อย่างไร • การวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือ

  11. ? ? อธิบายวิธีการทำ ระเบียบวิธีวิจัย เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ....โดยแบ่งหัวข้อการเก็บข้อมูลออกเป็น1. ความพึงพอใจของ ผู้ป่วย 2. ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจผู้ป่วยแต่ละราย 3. ความผิดพลาดที่เกิดจากการ ติดเครื่องมือผิดตำแหน่งการเก็บข้อมูลเป็น 2 ช่วง คือ 1.ก่อนการพัฒนา 2.หลัง การพัฒนา เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล คือ 1.แบบสอบถามความพึงพอใจ (กี่ระดับ) 2. แบบบันทึกข้อมูลระยะเวลา และความผิดพลาดในการติดเครื่องมือผิดตำแหน่ง เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนเมษายน – พฤษภาคม 2555 กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยที่เข้ารับ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่หน่วยตรวจโรค.....จำนวน 100 คน (?) Time? กลุ่มตัวอย่างและจำนวน

  12. ผลการศึกษา • ข้อมูลพื้นฐานของผู้ที่ได้รับการศึกษา • ผลการศึกษามีหลายด้านแต่ต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ • เสนอประเด็นที่พบ ทั้งข้อมูลจริงและการเปรียบเทียบที่ดีขึ้นหรือแตกต่าง • เลือกเฉพาะประเด็นที่สำคัญเพราะมีพื้นที่จำกัด • การใช้สถิติที่เหมาะสม

  13. ข้อมูลประชากร? ผลการศึกษา พบว่าข้อมูลก่อนการพัฒนาเรื่องความพึงพอใจได้ 42 % ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ หัตถการในผู้ป่วยแต่ละรายประมาณ 5-6 นาที และข้อมูลความผิดพลาดในการติด เครื่องมือผิดตำแหน่งพบ 2 ราย เมื่อนำ“ ผ้ากันยุ่ง ”มาใช้ข้อมูลหลังการพัฒนา พบว่าความพึงพอใจได้ 58 % ระยะเวลาที่ใช้ในการทำหัตถการในผู้ป่วยแต่ละราย ประมาณ 4-5 นาที และไม่พบข้อมูลความผิดพลาดในการติดเครื่องมือผิด • จากการศึกษาข้อมูลที่ได้ทั้งก่อนและหลังการพัฒนาพบว่าในเรื่องความพึงพอใจของผู้ป่วยเปอร์เซ็นต์ที่ได้ไม่แตกต่างกันมาก เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผู้ป่วยที่เป็นผู้ชายจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยอวัยวะบริเวณหน้าอกในขณะทำหัตถการน้อยกว่าผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิง • เรื่องระยะเวลาที่ใช้ในการทำหัตถการในผู้ป่วยแต่ละราย ผลการศึกษาพบว่าหลังจากนำ “ ผ้ากันยุ่ง ” มาใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการดีขึ้นเล็กน้อยเนื่องจาก“ ผ้ากันยุ่ง ” ยังมีข้อบกพร่อง คือ ขนาดของผ้าใหญ่เกินไป ผ้าที่นำมาตัดเย็บนิ่มเกินไปทำให้เสียเวลาจัดวางผ้าให้ได้รูปทรงก่อนการใช้งาน และผลการศึกษาเรื่องความผิดพลาดในการติดเครื่องมือผิดตำแหน่งพบว่า “ ผ้ากันยุ่ง ” ช่วยป้องกันความผิดพลาดในการติดเครื่องมือผิดตำแหน่งได้ดี ดีขึ้น 1 นาที? discussion

  14. บทเรียนที่ได้รับจากการทำงานชิ้นนี้ทำให้เป็นการกระตุ้นบุคลากรในหน่วยงานทุกระดับให้เห็นว่าการทำ R2R ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน แต่เป็นการแก้ปัญหาในงานประจำที่ทำทุกวันให้ดีขึ้นและการใช้ “ ผ้ากันยุ่ง ” ยังต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อลดจุดบกพร่องและเพิ่มประสิทธิภาพจากคำแนะนำของผู้ใช้งานในหน่วยงาน • ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ความร่วมมือของทุกคนในหน่วยงานที่ช่วยให้คำติชม ข้อเสนอแนะต่างๆเกี่ยวกับการใช้ “ ผ้ากันยุ่ง ” • การสนับสนุนที่ได้รับจากผู้บริหารหน่วยงาน/องค์กร ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างานการพยาบาลผู้ป่วยนอกและฉุกเฉิน งานบริการผ้า และบุคลากรทุกคนในหน่วยงาน

  15. การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ จากการที่ได้ศึกษาและพัฒนางานในครั้งนี้พบว่าการใช้ “ ผ้ากันยุ่ง ” ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้เล็กน้อย ช่วยลดความวิตกกังวลในผู้ป่วยหญิงมากกว่าผู้ป่วยชาย และลดความผิดพลาดจากการติดเครื่องมือผิดตำแหน่งของพยาบาลในขณะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ ขณะนี้กำลังปรับปรุง “ ผ้ากันยุ่ง ” โดยการนำเอาข้อบกพร่องที่พบไปปรึกษากับงานบริการผ้าของศูนย์ให้เข้ามาช่วยปรับปรุง

  16. ตัวอย่างบทคัดย่อ (1) • วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบปริมาณ ORS ที่ผู้ป่วยเด็กอุจจาระร่วงเฉียบพลันรับได้ในรูปแบบของสารละลายและแบบแช่แข็ง • วิธีการ: เป็นการศึกษาแบบทดลอง (RCT)ในผู้ป่วยเด็กท้องร่วงเฉียบพลัน (อายุ 1-12 ปี) ที่ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันและรับตัวรักษาในหอผู้ป่วยเด็กโรงพยาบาล...... จำนวน 30 ราย โดยทุกรายมีภาวะขาดน้ำในระดับน้อยและปานกลาง ผู้ป่วย 30 รายถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มโดยวิธีสุ่ม กลุ่มแรกได้รับการรักษาภาวะขาดน้ำโดยการรับประทาน ORS แบบสารละลายและกลุ่มที่สองได้รับ ORS แบบแช่แข็งและเปรียบเทียบปริมาณ ORS ที่ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มรับได้ในเวลา 30 นาที สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ t-test และ chi-square test กำหนดค่า p <0.05

  17. ตัวอย่างบทคัดย่อ (2) • ผลการศึกษา: ในเวลา 30 นาทีพบว่า ผู้ป่วยเด็กอุจจาระร่วงเฉียบพลันรับประทาน ORS แบบแช่แข็งในปริมาณเฉลี่ย 66.8 มิลลิลิตร (มล.) ซึ่งมากกว่ากลุ่มที่ได้แบบสารละลายในปริมาณเฉลี่ย 39.8 มล.อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.023) ไม่พบอาการข้างเคียงจากการรับประทาน ORS แบบแช่แข็ง ผู้ปกครองยอมรับ ORS แบบแช่แข็งมากกว่ารูปแบบของสารละลาย โดยพบความพึงพอใจร้อยละ 86.7 ในกลุ่มที่ได้รับ ORS แบบแช่แข็งเปรียบเทียบกับร้อยละ 40 ในกลุ่มที่ได้รับ ORS แบบสารละลายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.008)

  18. อ่าน MS จะได้คะแนนมากกว่านี้

  19. ตัวอย่างบทคัดย่อ (1) • ที่มา การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันทุกวันในหอผู้ป่วย เป็นการตรวจที่ปฏิบัติเป็นงาน ประจำวันในหอผู้ป่วย CCU และ ICCU โรงพยาบาล...... ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันทุกเช้า เพื่อดูความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แม้ว่าจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันในช่วงเช้าแล้วก็ตาม ยังมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจทำเพิ่มเติมในระหว่างวันเมื่อมีอาการผิดปกติ หรือเมื่อพบ ECG monitoring ผิดปกติที่เปลี่ยนไปจากเดิม อุบัติการณ์ความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันที่ตรวจพบในแต่ละวันยังไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูล จึงมีข้อสงสัยที่ว่าการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจในช่วงเช้าทุกวันมีความจำเป็นหรือไม่ • วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อให้ได้ข้อมูลเพื่อประกอบการกำหนดแนวทางในการตรวจ และลดค่าใช้จ่ายจากการตรวจที่ไม่จำเป็น

  20. ตัวอย่างบทคัดย่อ (2) • วิธีการศึกษา เป็น prospective descriptive study design ในผู้ป่วยทุกรายที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วย CCUและ ICCU โรงพยาบาล.. ในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน 2549 จำนวน 110ราย โดยทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันผู้ป่วยทุกรายในช่วงเช้า และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเมื่อมีอาการผิดปกติ (?) จากนั้นวิเคราะห์หาอุบัติการณ์และชนิดของความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าทั้งหมดและความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่เปลี่ยนแปลงการรักษา (ใครอ่าน)

  21. ตัวอย่างบทคัดย่อ (3) • ผลการศึกษา อุบัติการณ์การตรวจพบคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวันการการตรวจเป็นประจำในช่วงเช้า มีจำนวนทั้งสิ้น 52.7% (95%CI 50.8, 61.7) อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้มีอยู่ 25.9% (95%CI 21.9, 35.3) ที่สามารถตรวจพบจาก ECG monitoring ส่วนคลื่นไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงและมีผลต่อการรักษา มีจำนวน 20% (95%CI 16.3, 25.9) โดยมีเพียง 12.7% (95%CI 10.8, 16.5) ที่ไม่สามารถตรวจพบจาก ECG monitoring คลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันที่พบว่าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมพบมากในผู้ป่วยโรค acute coronary syndrome, CHF และ Arrhythmias ตามลำดับ ผู้ป่วยที่พบการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันผิดปกติมากที่สุดคือ กลุ่ม acute coronary syndrome และพบมากในช่วง 3 วันแรกของการรักษา

  22. ตัวอย่างบทคัดย่อ (4) • การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ จากงานวิจัยที่ได้ ได้นำมาเป็นแนวทางในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันในหอผู้ป่วย CCU และ ICCU จากเดิมที่ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการตรวจ EKG 12 leads ทุกวันในช่วงเช้า จนกว่าจะจำหน่ายออกจากหอผู้ป่วย เปลี่ยนเป็นการตรวจ EKG 12 leads เฉพาะในผู้ป่วยกลุ่ม Acute coronary syndrome ใน 3 วันแรกของการ Admit หลังจากนั้นตรวจเมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลง ส่วนผู้ป่วยรายอื่นตรวจ EKG 12 leads แรกรับ ผลจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน พบว่าทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจประจำวันโดยประมาณจาก 1,728,000 บาทต่อปีเป็น 586,800 บาทต่อปี และลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจจาก17,280 นาทีต่อปี เป็น 5,868 นาทีต่อปี

  23. ตัวอย่างบทคัดย่อ (5) • บทเรียนที่ได้รับจากการวิจัยได้มีการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างทีมสุขภาพในการแก้ไขปัญหาในหอผู้ป่วย เพื่อวางแผนในการดูแลรักษาได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ลดการเพิ่มภาระงานที่ไม่จำเป็น ได้ฝึกทักษะในการทำงานวิจัย และช่วยให้บุคลากรในหอผู้ป่วยเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานวิจัยเรื่องอื่นๆ ต่อไป • ปัจจัยแห่งความสำเร็จ บุคลากรในหน่วยงานทั้งพยาบาล แพทย์ ให้ความร่วมมือในการทำงานวิจัย มีการทำงานเป็นทีม และการนำผลงานวิจัยมาใช้ในการลดภาระงานในหอผู้ป่วย ทำให้บุคลากรมีทัศนคติที่ดีต่อการพัฒนางานประจำให้เป็นงานวิจัย • การสนับสนุนที่ได้รับจากผู้บริหารหน่วยงาน/องค์กร ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าสาขาหทัยวิทยา ในการทำงานวิจัย และโครงการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยของ..... สนับสนุนทั้งเงินทุน และการให้คำปรึกษาทุกด้านในการทำงานวิจัย

  24. ขอเชิญรับรางวัล ครั้งที่ 6 (31 ก.ค.-2 ส.ค. 2556) ขอบคุณ

More Related