280 likes | 471 Views
การดำเนินการด้านกฎหมาย ตามแผนกลยุทธ์ราชการใสสะอาด โดย นายเรืองรัตน์ บัวสัมฤทธิ์ ผอ. กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม. แผนกลยุทธ์สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใสสะอาด. มี 5 แผนกลยุทธ์
E N D
การดำเนินการด้านกฎหมายการดำเนินการด้านกฎหมาย ตามแผนกลยุทธ์ราชการใสสะอาด โดย นายเรืองรัตน์ บัวสัมฤทธิ์ ผอ. กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม
แผนกลยุทธ์สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใสสะอาดแผนกลยุทธ์สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใสสะอาด มี 5 แผนกลยุทธ์ กลยุทธ์ที่ 1. ส่งเสริม ปลูกฝัง และสร้างจิตสำนึก ราชการใสสะอาด กลยุทธ์ที่ 2. ป้องกันและเฝ้าระวังเหตุการณ์ และ พฤติกรรมที่อาจเป็นภัยต่อการทุจริต และประพฤติมิชอบ
กลยุทธ์ที่ 3. จัดการกรณีมีการทุจริตและประพฤติมิชอบ เกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังจะเกิดขึ้น กลยุทธ์ที่ 4. ประชาสัมพันธ์ราชการใสสะอาด กลยุทธ์ที่ 5. สร้างเครือข่ายสาธารณสุขไทยใสสะอาด กลยุทธ์ที่ 6. พัฒนาระบบการปฏิบัติงาน ให้มีความใสสะอาด .....................
กลยุทธ์ที่ 3. จัดการกรณีมีการทุจริต และประพฤติมิชอบ เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้น
จัดการกรณีมีการทุจริตและประพฤติมิชอบจัดการกรณีมีการทุจริตและประพฤติมิชอบ เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้น มีมาตรการ 3 มาตรการ... 1. การจัดหน่วยรับข้อมูลและรับเรื่อง ร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต. 2. การเร่งรัดการดำเนินการทางวินัยที่รวดเร็ว เปิดเผยและโปร่งใส. 3. การคุ้มครองพยานและผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตคอร์รัปชั่น.
มาตรการ : การเร่งรัดการดำเนินการทางวินัย ที่รวดเร็ว เปิดเผยและโปร่งใส มีกิจกรรม 4 กิจกรรม... 1. จัดอบรมความรู้การดำเนินการทางวินัย. 2. เผยแพร่ กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์และขั้นตอน การดำเนินการทางวินัยและการลงโทษ. 3. เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนและการตรวจสำนวน 4. เร่งรัดการนำเรื่องเสนอ อ.ก.พ.กระทรวง.
กิจกรรม : จัดอบรมความรู้ การดำเนินการทางวินัย การดำเนินการทางวินัยไม่ร้ายแรง 1. หลักกฎหมาย ในมาตรา 102 2. แนวทางปฏิบัติ ก.พ.ที่ นร 1011/ว.19 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2547 ...................
การดำเนินการทางวินัยไม่ร้ายแรงการดำเนินการทางวินัยไม่ร้ายแรง 1. วิธีก่อนการดำเนินการทางวินัย 1.1 หลักกฎหมาย มาตรา 99 วรรค 4,5 - วรรค 4 เมื่อปรากฏกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการ กระทำผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐานแล้ว * ให้ ผบ. ดำเนินการทางวินัยทันที - วรรค 5 เมื่อมีการกล่าวหา โดยยังไม่มีพยานหลักฐาน *ให้ ผบ. รีบดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้น ว่ากรณีนั้นมีมูลที่ควรกล่าวหาหรือไม่ ๐ ถ้าไม่มีมูล ให้ ผบ. สั่งยุติเรื่อง ๐ ถ้ามีมูล ให้ ผบ. สั่งดำเนินการทางวินัยทันที.
1.2 แนวทางปฏิบัติ(ก.พ.ที่ นร 1011/ว 19, 14 ก.ค. 2547) (1) การพิจารณาในเบื้องต้น (1.1) เมื่อมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้ถูกกล่าวหา ให้ ผบ. พิจารณาว่าถ้าเป็นจริง จะผิดมาตราใด หรือไม่ - ถ้าข้อเท็จจริงตามที่กล่าวหาไม่อาจปรับบทได้ ให้ยุติเรื่อง - ถ้ากรณีที่กล่าวหาไม่มีมูล ให้ยุติเรื่อง
(1.2) เมื่อมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้ถูกกล่าวหา - แต่ไม่ระบุพยานหลักฐาน - ไม่ชี้ช่องให้สืบหาพยานหลักฐานได้ - กล่าวหาเลื่อนลอยไม่ระบุกรณีแวดล้อม *ผบ. ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ถูกกล่าวหา ถ้าไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะกล่าวหาได้ ให้ยุติเรื่อง.
(1.3) เมื่อมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้ถูกกล่าวหา และ - ระบุพยานหลักฐาน - ระบุกรณีแวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง - ผบ. เห็นว่ามีพฤติการณ์ที่น่าสงสัย แต่ยังไม่มีพยานหลักฐาน *ให้ ผบ. รีบดำเนินการสืบสวน (1.4) กรณีกล่าวหาโดยไม่ปรากฏตัวผู้ถูกกล่าวหา เช่น บัตรสนเท่ห์ - ให้รับพิจารณาเฉพาะกรณีที่ระบุพยานหลักฐาน กรณี แวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง ตลอดจนชี้พยานบุคคลแน่นอน *ให้ ผบ. รีบดำเนินการสืบสวน.
(1.5) กรณีดังต่อไปนี้ - การกล่าวหาที่มีพยานหลักฐาน - กรณีสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัย โดยมีพยานหลักฐาน - กรณีการกล่าวหาโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งได้มีการ สืบสวนมาก่อนแล้ว * ให้ ผบ. ดำเนินการทางวินัย ตามมาตรา 102 ทันที.
(2) การสืบสวน การสืบสวน หมายความว่า... (2.1) การสืบสวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ในเบื้องต้น เพื่อพิจารณาว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหา ว่ากระทำผิดวินัย หรือไม่ (2.2) การสืบสวน ดำเนินการได้โดย - ผบ. ดำเนินการเอง - ผบ. มอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือแต่งตั้ง คณะกรรมการดำเนินการสืบสวนก็ได้
(3) การพิจารณาผลการสืบสวน (2.1) ให้ ผบ. พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามสำนวนการสืบสวนว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิด วินัย หรือไม่ - ถ้าเห็นว่าไม่มีพยานหลักฐาน - มีพยานหลักฐาน แต่ยังไม่มีมูลเพียงพอ *ให้ ผบ. สั่งยุติเรื่อง หากข้อเท็จจริงไม่ชัดเจน จะสืบสวนเพิ่มก็ได้ (2.2) กรณีมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ -ให้ ผบ. ดำเนินการทางวินัย ตาม ม.102 ทันที. .......................
2. วิธีการสอบสวนทางวินัยไม่ร้ายแรง 2.1 หลักกฎหมาย มาตรา 102 วรรค 1,2 “การดำเนินการทางวินัยไม่ร้ายแรงแก่ ข้าราชการ ให้ดำเนินการสอบสวนเพื่อให้ได้ ความจริงและยุติธรรม ตามวิธีการที่ผู้บังคับ บัญชาเห็นสมควร”
เนื่องจากการสอบสวนทางวินัยไม่ร้ายแรง เป็นวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครองอย่างหนึ่ง ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครองพ.ศ. 2539 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทางวินัยได้เข้ามาในกระบวน การพิจารณาทางปกครอง ในฐานะคู่กรณี เนื่องจากสิทธิของผู้ถูก กล่าวหาจะกระทบกระเทือน จากผลของคำสั่งทางปกครอง(คำสั่งลง โทษทางวินัย) พ.ร.บ. วิปกครองฯ ตาม ม. 30 จึงวางหลักประกัน ความเป็นธรรมไว้ โดย.. “เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้ง และแสดง หลักฐานของตน”
ดังนั้นการสอบสวนทางวินัยไม่ร้ายแรง ว.19/2547 จึงวางแนวทางปฏิบัติไว้ โดยให้ผู้สอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา และสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มี ให้ ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบแก้ ข้อกล่าวหา (อนุโลมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามกฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) ข้อ 14,15) โดยมีสาระสำคัญดังนี้
2.1 เรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงและอธิบาย ข้อกล่าวหา ที่ปรากฏตามเรื่องกล่าวหา... โดยแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบดังนี้.. - แจ้งให้ทราบว่าผู้ถูกกล่าวหา กระทำการใด เมื่อใด อย่างไร - แจ้งให้ทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิได้รับแจ้งสรุป พยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา - แจ้งให้ทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะให้ถ้อยคำหรือชี้แจง แก้ข้อกล่าวหา ตลอดจนอ้างพยานหลักฐาน หรือนำพยาน หลักฐานมาสืบแก้ข้อกล่าวหา.
2.2 ถามผู้ถูกกล่าวหาว่า ได้กระทำการ ตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อย่างไร - ผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพ - ผู้ถูกกล่าวหาไม่รับสารภาพ
2.3 ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหา ให้ถ้อยคำรับ สารภาพว่าได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา - ให้ผู้สอบสวนแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่า การกระทำ ตามที่ถูกกล่าวหานั้น เป็นความผิดกรณีใด อย่างไร - ถ้าผู้ถูกกล่าวหายังคงยืนยันรับสารภาพ ให้บันทึกคำ รับสารภาพ รวมทั้งเหตุผลในการรับสารภาพ(ถ้ามี) และสาเหตุ แห่งการกระทำผิดไว้ด้วย - เสร็จแล้วให้พิจารณาว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิด กรณีใด มาตราใด และควรได้รับโทษสถานใด.
2.4 ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหา มิได้ให้ถ้อย คำรับสารภาพ - ให้ผู้สอบสวนดำเนินการสอบสวน เพื่อรวบรวม พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา - ให้ผู้สอบสวนพิจารณาว่า มีพยานหลักฐานใด ที่สนับสนุนข้อกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำ การใด เมื่อใด อย่างไร เป็นความผิดวินัยกรณีใด มาตราใด หรือไม่ อย่างไร
- แล้วให้ผู้สอบสวนเรียกผู้ถูกกล่าวหา มาแจ้ง ข้อกล่าวหาอีกครั้ง โดยระบุข้อกล่าวหาที่ปรากฏตาม พยานหลักฐานว่า เป็นความผิดกรณีใด ตามมาตราใด - ให้สรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา เท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยระบุวัน เวลา สถานที่ และการกระทำที่มีลักษณะเป็นการสนับสนุนข้อกล่าวหา (พยานบุคคลจะระบุชื่อหรือไม่ก็ได้).
2.5 ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เป็นหนังสือ หรือให้ถ้อยคำต่อผู้สอบสวนและนำสืบแก้ ข้อกล่าวหา -โดยผู้ถูกกล่าวหาจะนำพยานหลักฐานมาเอง หรือจะอ้างพยานหลักฐานก็ได้
2.6 พิจารณาเปรียบเทียบพยานหลักฐาน ที่ สนับสนุนข้อกล่าวหาและพยานหลักฐานที่หักล้างข้อ กล่าวหาและวินิจฉัยว่า.. - ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัย หรือไม่ อย่างไร - ถ้าเป็นความผิด ผิดกรณีใด ผิดมาตราใด ควรรับโทษสถานใด - แล้วทำรายงานการสอบสวน
2.7 ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาสอบสวนเอง ก็พิจารณาสั่งลงโทษตามอำนาจหน้าที่ได้ - อำนาจตามมาตรา 103 2.8 เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ให้รายงานการ ดำเนินการทางวินัยต่อผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกลงโทษ ต่อไปตามมาตรา 109 ประกอบด้วยระเบียบก.พ. ว่า ด้วยการรายงานการดำเนินการทางวินัยฯพ.ศ. 2539 ..........................
การสอบข้อเท็จจริง ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ต้องตกอยู่ในบังคับ มาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง พ.ศ. 2539 ด้วย ........................
นายเรืองรัตน์ บัวสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการ(นิติกร 8ว) กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม สำนักบริหารกลาง สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข โทร. 02 5901316, 02 5901314 01 4090916 Fax.02 5918589