650 likes | 791 Views
Lecture 7_3 ระบบชำระเงินอีเล็กทรอนิกส์ (e-Payment). องค์ประกอบหลักของระบบการชำระเงิน. ลูกค้า ร้านค้า ธนาคาร หรือ สถาบันทางการเงิน ผู้กำหนดกฎระเบียบปฏิบัติ มาตรฐาน เครือข่ายธนาคาร. การสร้างระบบการชำระเงิน. 1. พัฒนาระบบเอง โดย พัฒนาโปรแกรม พร้อมกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ ( Web Server)
E N D
Lecture 7_3 ระบบชำระเงินอีเล็กทรอนิกส์(e-Payment)
องค์ประกอบหลักของระบบการชำระเงินองค์ประกอบหลักของระบบการชำระเงิน • ลูกค้า • ร้านค้า • ธนาคาร หรือ สถาบันทางการเงิน • ผู้กำหนดกฎระเบียบปฏิบัติ มาตรฐาน • เครือข่ายธนาคาร
การสร้างระบบการชำระเงินการสร้างระบบการชำระเงิน 1. พัฒนาระบบเอง โดยพัฒนาโปรแกรมพร้อมกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) 2. จัดหาโปรแกรมสำเร็จรูปด้วยการซื้อ หรือการเช่าใช้รายเดือน / ปี 3. จ้างบริษัทมืออาชีพในการพัฒนา (Outsource) 4. ใช้ระบบชำระเงินของธนาคารใดธนาคารหนึ่ง
สิ่งจำเป็นของระบบชำระเงินสิ่งจำเป็นของระบบชำระเงิน • การรักษาความปลอดภัยการส่งข้อมูลการทำรายการ • การเข้ารหัส และการถอดรหัส (Encryption-Decryption) • ระบบตรวจสอบผู้ทำรายการซื้อขายเป็นบุคคลที่มีสิทธิจริง • ลายเซ็นดิจิตอล (digital signature) ใช้ในการรับรองผู้ซื้อ • ใบรับรองดิจิตอล (digital certificate) ใช้เพื่อรับรองว่าร้านค้ามีอยู่จริงและเชื่อถือได้
สิ่งที่จำเป็นของระบบชำระเงินRequirements of Commerce Cryptography เป็นกลไกหลักในแต่ละ Application
ระบบการชำระเงิน (Payment System) • สำหรับการทำธุรกิจทั่ว ๆ ไป • เช่น เงินสด เช็ค บัตรเดบิต การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ • สำหรับการทำธุรกิจแบบ E-commerce • - บัตรแม่เหล็ก (Magnetic Strip Card) • - บัตรอัจฉริยะ (Smart Card) • - เช็คอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Check) • - เงินสดอิเล็กทรอนิสก์ (Electronic Cash) E-Payments อาศัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
บัตรแม่เหล็ก Magnetic Strip Cards แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ 1. Online Magnetic Strip Cards - ATM Card - Debit Card - Credit Card 2. Offline Magnetic Strip Cards - บัตรโทรศัพท์ 3. Hybrid Magnetic Strip Cards
Type of Electronic Payments • Credit Cards • Internet Banking • Electronic Wallet • Electronic Check • Digital Cash / E-Cash • Debit Card/Smart Card • Person to Person (P2P) • E-Mobile • Offline
ระบบชำระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ทระบบชำระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ท รูปแบบการชำระเงิน แบ่งเป็น 2 ระบบ คือ 1. ระบบชำระเงินแบบจ่ายก่อน (Pre-paid Payment System) “ ชำระเงินก่อนแล้วค่อยนำไปซื้อสินค้าทีหลัง ” เช่น E-Cash 2. ระบบชำระเงินแบบจ่ายทีหลัง (Post-paid Payment System) “ ซื้อสินค้าก่อนแล้วชำระเงินภายหลัง ” เช่น E-Check และ Credit Card
ระบบชำระเงินแบบจ่ายก่อน Pre-paid Payment System • E-Cash หรือ เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ • คือ การชำระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ท ที่แปลงจากเงินจริงให้ • เป็นเงินที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ชำระเงินให้ผู้ขายแทนการใช้ • เงินจริง • เงื่อนไขการชำระเงิน • 1. ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีบัญชีธนาคารเดียวกัน • 2. ผู้ซื้อและผู้ขายต้องขอใช้บริการเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ • 3. ผู้ซื้อและผู้ขายต้องมี E-wallet อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง
เงินสดอิเล็กทรอนิกส์(Digital Cash or E-Cash) • ลูกค้าต้องมีบัญชีเดียวกันกับผู้ขาย และต้องมี software e-wallet เพื่อใช้ในการรับส่งข้อมูลระหว่างลูกค้าและผู้ขาย ที่ลูกค้าจะใช้ eCoin (ทั้งนี้ลูกค้าจัดซื้อ eCoin ด้วยบัตรเครดิตและ eCoin จะอยู่ในรูปตัวเลขจำนวน 15 หลัก) • ลูกค้าจะต้องทราบราคาของสินค้าชนิดนั้น และทำการตกลงกับผู้ขายว่าจะชำระเงินทางธนาคารใด • ติดต่อไปยังธนาคารเพื่อซื้อ Coin โดยธนาคารจะตรวจสอบบัญชีและสร้าง coin ที่ตามมูลค่าที่ลูกค้าต้องการ โดยใน coin จะระบุว่า coin นี้ใครเป็นผู้ซื้อ จำนวนเท่าใด และมีลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์กำกับว่าเป็นของธนาคารจริง และส่งให้ลูกค้า • ร้านค้า จะแสดงสัญลักษณ์ไอคอนพิเศษของ eCoin ไว้ที่หน้าเว็บเพจการชำระเงิน • หลังจากนั้นลูกค้าคลิกสัญลักษณ์การชำระเงินเพื่อกรอกหมายเลข 15 หลักดังกล่าว • ชุดข้อมูลดิจิตอล(Digital)แทนเงินสด
เงินสดอิเล็กทรอนิกส์(Digital Cash or E-Cash) • ผู้ขายจะส่ง Coin จากลูกค้าไปให้ธนาคารตรวจสอบว่าเป็นของธนาคารจริงหรือไม่ โดยดูจากลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ • เมื่อตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ธนาคารจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ขายตามจำนวนเงินที่ระบุใน Coin
ข้อจำกัด • ไม่สะดวกในการเปิดบัญชี และดาวน์โหลดโปรแกรม E-Wallet • ยุ่งยากในการจัดการสำหรับลูกค้าที่มีจำนวนมาก ๆ • คนที่ไม่มีบัตรเครดิตจ่ายเงินลำบาก • เหมาะกับธุรกรรมที่มูลค่าน้อยต่ำกว่า $10 • ข้อมูลดิจิตอล 1 ชุด ใช้ได้เพียงครั้งเดียว • เหมาะกับการซื้อสินค้าที่รับสินค้าได้ทันทีบนInternet เช่น เกม โปรแกรม ข้อมูลภาพ เป็นต้น
ตัวอย่างองค์กรที่ใช้ • รูปแบบใช้เฉพาะที่ธนาคารใน USA. • Cybercash • Mondex • Spendcash • Visa
ระบบชำระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ทระบบชำระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ท 2. ระบบชำระเงินแบบจ่ายทีหลัง (Post-paid Payment System) “ ซื้อสินค้าก่อนแล้วชำระเงินภายหลัง ” เช่น E-Check และ Credit Card
ระบบชำระเงินแบบจ่ายทีหลัง Post-paid Payment System 1. E-Check หรือ เช็คอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการใช้เช็คที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ชำระเงินให้กับผู้ขาย บริการเช็คอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอินเทอร์เน็ท - นำเสนอบิลให้กับผู้ซื้อ - ยินยอมให้ผู้ซื้อชำระเงินตามใบแจ้งราคาของรายการสินค้า - จัดการเกี่ยวกับข้อมูลการโอนเงิน - ยินยอมให้ผู้ซื้อชำระเงินอัตโนมัติ - เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างโปรแกรมจัดการด้านการเงิน กับโปรแกรม จัดการการติดต่อซื้อขาย
การใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์ Electronic Check
Check Electronic • ลูกค้าสั่งจ่ายส่ง check electronic ไปร้านค้า • ร้านค้าส่งข้อมูลไปยังธนาคารเพื่อทำการตรวจสอบและโอนเงินเข้าบัญชี • ธนาคารส่งข้อมูลมายังผู้สั่งจ่ายว่าได้โอนเงินเรียบร้อยแล้ว ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล • เข้ารหัสเลขที่บัญชี • ธนาคารเพียงผู้เดียวถอดรหัสบัญชีได้ • โปรโตคอล SETและใบรับรองดิจิตอล ตรวจสอบผู้สั่งจ่าย หรือธนาคารว่าเป็นจริง
2. Credit Card (บัตรเครดิต) • สามารถชำระเงินด้วยบัตรแทนการชำระด้วยเงินสดได้ โดยค่าของสินค้าจะถูกหักจากยอดคงเหลือของบัตรเครดิต • ใช้บัตรเครดิตในระบบเดิมต่อเชื่อมเข้ากับระบบอนุมัติวงเงินผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยวงเงินขึ้นอยู่กับข้อตกลงของสถาบันทางการเงิน • ส่งข้อมูลการสั่งซื้อ และข้อมูลของผู้ถือบัตรไปตรวจสอบยังธนาคารที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิตและอนุมัติแบบReal Time • ระบบจะยืนยันการอนุมัติวงเงินผ่านทางหน้าจอบราวเซอร์และทางอีเมล์ในเวลาเดียวกัน
ลูกค้าจะถูกตรวจสอบความสามารถในการชำระเงินเมื่อสมัครเป็นสมาชิกลูกค้าจะถูกตรวจสอบความสามารถในการชำระเงินเมื่อสมัครเป็นสมาชิก ร้านค้าจะตรวจสอบกับธนาคาร เมื่อลูกค้าใช้บัตรเครดิต ร้านค้าออกใบสลิป(สำเนา)ให้ลูกค้าเซ็นชื่อเป็นหลักฐานว่าได้ชำระเงินจริง ร้านค้านำใบสลิปไปเรียกเก็บเงินกับทางธนาคาร ลูกค้านำเงินไปชำระธนาคารในวันครบกำหนดชำระตามใบแจ้งค่าใช้จ่าย ขั้นตอนการชำระเงินด้วย Credit Card แบบ offline
ร้านค้าหรือ Serverของร้านค้า Gateway ลูกค้า ธนาคารที่ร้านค้าใช้บริการ กระบวนการอื่น ๆ เครือข่ายของธนาคาร ธนาคารเจ้าของบัตรลูกค้า ขั้นตอนการสั่งซื้อ Online ด้วยบัตรเครดิต
การชำระเงินด้วย Credit Card แบบ online ตัวอย่างวิธีการซื้อหนังสือจาก Tohome.com • เลือกสินค้าใส่ในตระกร้า • ลงทะเบียนเป็นสมาชิก • ระบุที่จัดส่ง • ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
ขั้นตอนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตขั้นตอนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
การสมัครเป็นสมาชิกของร้านค้ามี 2 รูปแบบ คือ 1. ร้านค้าสมัครเป็นสมาชิกธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ธนาคารจะให้Merchant Internet Account ร้านค้านำ Merchant Internet Account มาเซตกับระบบ ระบบตะกร้า (Shopping Cart) และระบบรักษาความปลอดภัย การสมัครเพื่อเปิดบริการชำระเงินด้วย Credit Card แบบ online ของร้านค้า
2. ร้านค้าสมัครเป็นสมาชิกกับองค์กร หรือบริษัทตัวกลางรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต • ไม่ใช่ธนาคาร • เป็นร้านค้าของบุคคลธรรมดา • ลดขั้นตอนในการติดต่อธนาคาร • เพิ่มช่องทางทำมาหากิน • ไม่ต้องมีเงินก้อนเพื่อฝากไว้ประกันความเสี่ยง • คิดค่าบริการต่อ Transaction • เช่น Escrow, Verisign, Paypal
สัญลักษณ์รูปการทำธุรกรรมที่มีการรักษาความปลอดภัยสัญลักษณ์รูปการทำธุรกรรมที่มีการรักษาความปลอดภัย
3 Digits • หมายเลข 3 หลักสุดท้ายที่ปรากฎอยู่ที่ด้านหลังบัตรเครดิตบริเวณแถบลายเซ็นต์ • หมายเลขเพิ่มเติมนอกเหนือจากหมายเลขบัตร 16 หลัก • เพิ่มความปลอดภัยสำหรับการสั่งซื้อสินค้าผ่านทาง mailorder / telephone order / internet • บ. MasterCard International เป็นผู้นำมาใช้เป็นรายแรก • ทุกครั้งที่มีการชำระเงินผู้ถือบัตรต้องกรอกหมายเลข 3 ตัวเพิ่มเติม จากหมายเลข 16 หลัก
Credit Card • ข้อดี • - ชำระเงินได้สะดวก • - ผู้ซื้อที่ยังไม่มีเงินก็สามารถซื้อสินค้าได้ • ข้อเสีย • - เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมหมายเลขบัตรเครดิต
3. Internet Banking (การหักบัญชีออนไลน์) • การต่อเชื่อมระบบการรับชำระเงินของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบInternet Banking โดยตรง • ให้ผู้ซื้อสินค้าผ่านเว็บเข้าไปกดอนุมัติให้หักบัญชีของตนเองเพื่อชำระค่าสินค้าได้โดยตรง • ก่อนการใช้งานจะต้องมีการลงทะเบียนเพื่อแสดงความยินยอมและอนุมัติกับทางธนาคารก่อนล่วงหน้า
Internet Banking • การให้บริการธนาคารทาง Internet • เป็นบริการประเภท Self Service Non-cash • เป็นการให้บริการที่มีต้นทุนต่ำที่สุด สามารถทดแทนบริการส่วนใหญ่ที่เดิมต้องทำที่ สาขาธนาคาร ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่ามาก (ประมาณ 10 เท่า) • ใช้บริการได้ง่าย มีการโต้ตอบในทันที (Interactive) • ง่ายต่อการบำรุงรักษา • สามารถใช้บริการได้จากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศที่ สามารถเข้าถึง Internet ได้ จึงมีค่าใช้จ่ายต่ำ
ตัวอย่างของการให้บริการ Internet Banking • การสอบถามข้อมูลในบัญชี • การโอนเงิน • ชำระค่าบริการต่าง ๆ เช่น ค่าประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ ฯลฯ • แบบฟอร์มคำร้องขอใช้บริการต่างๆ เช่น ขอใช้บัตรเครดิต ขอสินเชื่อ • การบริการลูกค้าอื่น เช่น ขอสมุดเช็ค ระงับการจ่าย ฯลฯ
ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยที่ให้บริการ • เอเชีย www.bankasia4u.com • กสิกร www.tfb.co.th • ไทยพาณิชย์ www.scbeasy.com • กรุงไทย www. ktb.co.th • กรุงศรีอยุธยา www. krungsrionline.com
4. การใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) • เป็นโปรแกรมที่ลูกค้าต้องดาวน์โหลดไปติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเอง เพื่อจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิต และข้อมูลส่วนตัว • เมื่อลูกค้าเข้าไปชอปปิ้งที่เว็บไซต์ที่มีให้บริการ E-wallet ลูกค้าจะกรอกข้อมูลเท่าที่จำเป็นอย่างอัตโนมัติเท่านั้น • เหมือนกับรูปแบบ “One Click Shopping” • ช่วยประหยัดเวลาในการสั่งซื้อมากขึ้น
Electronic Wallet Server ของธุรกิจ/ร้านค้า Order Form / Payment Client HTTP Server ถอดรหัสและดึงข้อมูล Download Pro.เพื่อติดตั้งจากเว็บ VISA ข้อมูลการสั่งซื้อ ข้อมูลการสั่งซื้อ ส่งต่อข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ เพื่อขออนุมัติ Electronic Wallet $ Cyber Cash $
5. สมาร์ทการ์ด (Smart Card) • เป็น Card ที่ฝังด้วย microship เพื่อเก็บข้อมูล • ข้อมูลที่จัดเก็บ เช่น การเงิน การประกันชีวิต เลขหมายบัตร credit และ รหัส password • ปลอดภัยกว่า บัตรเครดิต และบัตรเดบิต • ข้อมูลมีการเข้ารหัส Encryption • ใช้กับเครื่องอ่าน (smart card reader)
Smart Card ในไทย ความล้มเหลวของสมาร์ดการ์ด • การ์ดที่ ICT ประมูลจากบริษัทเอกชนมาได้ 70,000 ใบ • ไม่สามารถอ่านข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยได้
6. เดบิทการ์ด (Debit Cards) • ใช้เหมือนเงินสด หรือ เช็คส่วนตัว • ตั้งวงเงินการใช้จ่ายได้เอง • buy now pay now • ต้องมีบัญชีในธนาคาร • เมื่อซื้อสินค้าจะถูกหักบัญชีทันที • แถบ magnetic จะใช้เก็บข้อมูล • เมื่อมีการใช้จ่ายจักมีการตรวจสอบวงเงินจากบัญชีเงินฝากโดยตรงว่า มีเงินเพียงพอที่จะชำระสินค้าหรือไม่
7. Person to Person (P2P) • ชำระเงินระหว่างบุคคลผ่านเว็บไซต์ที่เป็นผู้ให้บริการทางการเงิน • เช่น Paypal.com Paysbuy.com • ข้อดี • รวดเร็ว • ง่าย • เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องเสี่ยงกับระบบความปลอดภัย และ จัดหาระบบการชำระเงินที่ยุ่งยาก
ระบบการจ่ายเงินของ Paypal ระบบการจ่ายเงินของ Paypal เป็นระบบที่น่าสนใจและกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ระบบของ Paypal ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินสดไปให้ใครก็ได้ในประเทศ โดยใช้เพียงแค่อีเมล์เท่านั้น • บ.Paypal เป็นตัวอย่างบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยี P2P • บริการที่นิยม คือ การโอนเงินระหว่างบุคคล การชำระค่าสินค้า เช่น Ebay.com
ระบบการจ่ายเงินของ Paypal ขั้นตอนการใช้บริการ • สมัครเป็นสมาชิกกับ Paypal (จะได้ user+psw) หลังจากเปิดบัญชีและเติมเงินไว้แล้ว • เมื่อต้องการจะจ่ายเงินให้กับใคร ผู้จ่ายเงินใส่หมายเลขบัตรเครดิตของตนและจำนวนเงินที่ต้องการจ่าย บัตรเครดิตของผู้จ่ายก็จะถูกหักบัญชี • Paypal จะสร้างบัญชีของผู้รับเงินเอาไว้ให้มีเงินตามจำนวนที่ได้รับ และจะส่ง E-mail ไปยังปลายทางผู้รับเงิน • ผู้รับเงินรับ E-mail และลิงค์เข้าไป Paypal (ผู้รับเงินต้องเป็นสมาชิก) ผู้รับเงินจะทราบว่าเงินมาจากใคร และแสดงความต้องการว่าจะเลือกรับเงินแบบไหน เช่น ฝากเงินเข้าบัญชีของตน ส่งเช็คไปให้ หรืออาจจะเก็บเงินนี้ไว้ที่ Paypal ก่อนเพื่อที่จะนำไปใช้ส่งให้คนอื่นต่อไปก็ได้ในอนาคต • รายได้ของ Paypal นั้นมาจากดอกเบี้ยของเงินที่ค้างอยู่ในบัญชี