1 / 39

ระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ (เดิม) ๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม

ระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ (เดิม) ๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม. ๑. หมวดแรงงาน ๒. หมวดกึ่งฝีมือ ๓. หมวดฝีมือ ๔. หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น ๕. หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง ๖. หมวดฝีมือพิเศษระดับสูง ๗. หมวดฝีมือพิเศษเฉพาะ ๘. กลุ่มชื่อ/ลักษณะงานเหมือนข้าราชการ. การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่.

Download Presentation

ระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ (เดิม) ๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ (เดิม)๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม ๑. หมวดแรงงาน ๒. หมวดกึ่งฝีมือ ๓. หมวดฝีมือ ๔. หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น ๕. หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง ๖. หมวดฝีมือพิเศษระดับสูง ๗. หมวดฝีมือพิเศษเฉพาะ ๘. กลุ่มชื่อ/ลักษณะงานเหมือนข้าราชการ

  2. การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่ วัตถุประสงค์ - เพื่อให้ระบบตำแหน่งลูกจ้างมีความทันสมัยสอดคล้องกับแนวโน้ม การปรับบทบาทของภาครัฐ สภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปและภาระความรับผิดชอบในปัจจุบัน - เพื่อให้ส่วนราชการมีแนวทางในการบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำให้เกิดความคุ้มค่า - เพื่อเสริมสร้างขวัญ กำลังใจ และแรงจูงใจในการทำงานของลูกจ้างประจำ

  3. การบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำตามระบบตำแหน่งใหม่การบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำตามระบบตำแหน่งใหม่ สำนักงาน ก.พ. ได้จัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำของส่วนราชการขึ้นมาใหม่โดยจำแนกตำแหน่งลูกจ้างประจำ ตามลักษณะงานเป็น ๔ กลุ่มงาน มีสายงานทั้งหมด ๓๕๖ สายงาน และมีผลใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ๑. กลุ่มงานบริการพื้นฐาน หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานให้บริการหลัก หรือเป็นงานพื้นฐานของส่วนราชการ มีจำนวน ๕๕ สายงาน (มีระดับชั้นงานไม่เกิน ๒ ระดับ) ๒. กลุ่มงานสนับสนุน หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะในการช่วยปฏิบัติ หรือสนับสนุนผู้ปฏิบัติภารกิจหลัก มีจำนวน ๑๕๐ สายงาน (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน ๔ ระดับ)

  4. ๓. กลุ่มงานช่าง หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานในการปฏิบัติงานช่าง ได้แก่ สร้าง ใช้ ซ่อมแซม ปรับแก้ ติดตั้ง ประกอบเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ จำนวน ๑๔๑ สายงาน (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน ๔ ระดับ) ๔. กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานที่ต้องใช้ตามความสามารถเฉพาะตัว ทักษะพิเศษ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเฉพาะในการปฏิบัติงาน มีจำนวน ๑๐ สายงาน (มีระดับชั้นงานไม่เกิน ๓ ระดับ) ทุกภาคส่วนจึงต้องปรับตำแหน่งลูกจ้างประจำจากระบบเดิม เข้าสู่กลุ่มงาน และระดับชั้นงาน ตามระบบตำแหน่งใหม่ ตามแนวทางที่ ก.พ. กำหนด

  5. การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำการจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ เดิม ใหม่ ๓๕๖ สายงาน ๔ กลุ่มงาน - กลุ่มงานบริการพื้นฐาน (๕๕) - กลุ่มงานสนับสนุน (๑๕๐) - กลุ่มงานช่าง (๑๔๑) -กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ (๑๐) ๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม - หมวดแรงงาน - หมวดกึ่งฝีมือ - หมวดฝีมือ - หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น - หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง - หมวดฝีมือพิเศษระดับสูง - หมวดฝีมือพิเศษเฉพาะ - กลุ่มเหมือนข้าราชการ

  6. สพฐ. ได้กำหนดตำแหน่งลูกจ้างประจำในสังกัด กำหนดตำแหน่งไว้ ๓ กลุ่มงาน คือ ๑.กลุ่มงานบริการพื้นฐาน จำนวน ๑๔ สายงาน ๒.กลุ่มงานสนับสนุน จำนวน ๒๙ สายงาน ๓.กลุ่มงานช่าง จำนวน ๑๙ สายงาน รวมทั้งหมด๖๒ สายงาน และได้กำหนดหน้าที่โดยย่อคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง และอัตราค่าจ้างของลูกจ้างประจำ ตามที่สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงการคลังกำหนด

  7. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 • กลุ่มงานบริการพื้นฐาน มีตำแหน่งงาน ดังนี้ 1. พนักงานบริการ (บ 1 – บ 2) 2. พนักงานบริการเอกสารทั่วไป (บ 1 – บ 2) 3. แม่บ้าน (บ 1 – บ 2) • กลุ่มงานสนับสนุน มีตำแหน่งงาน ดังนี้ 1. พนักงานการเงินและบัญชี (ส 1 – ส 4) 2. พนักงานพัสดุ (ส 1 – ส 4) 3. พนักงานธุรการ (ส 1 – ส 4) 4. พนักงานขับรถยนต์ (ส 1 – ส 2)

  8. กลุ่มงานช่าง มีตำแหน่งงาน ดังนี้ 1. ช่างไฟฟ้า (ช 1 – ช 4) 2. ช่างไม้ (ช 1 – ช 4) 3. ช่างปูน (ช 1 – ช 4) 4. ช่างสี (ช 1 – ช 4) 5. ช่างฝีมืองานโลหะ (ช 1 – ช 3) 6. ช่างครุภัณฑ์ (ช 1 – ช 3) 7. ช่างระบบน้ำ (ช 1 – ช 2) 8. พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง (ช 1 – ช 2)

  9. ผลของการพัฒนาระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่ผลของการพัฒนาระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่ • มีหนทางก้าวหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น • มีโอกาสเลื่อนสู่ชั้นงาน/ตำแหน่งที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนหมวดลักษณะงาน • มีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น • มีโอกาสได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นเมื่อเลื่อนระดับตำแหน่ง • เกิดความเป็นธรรม/ไม่ลักลั่นในการบริหารงานบุคคล

  10. การปรับระดับชั้นงาน หลักเกณฑ์การพิจารณา 1. การปรับระดับชั้นงานของตำแหน่งที่มีคนครอง 2. เป็นผู้มีคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งครบถ้วน ตรงตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. เป็นการปรับระดับชั้นงานของตำแหน่งให้สูงขึ้นจาก ระดับ 1 เป็น ระดับ 2 หรือจาก ระดับ 2 เป็นระดับ 3 หรือจาก ระดับ 3 เป็นระดับ 4 ทั้งนี้ไม่เกินระดับสูงสุดในแต่ละสายงาน 4. ให้ได้รับอัตราค่าจ้าง ไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และไม่สูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นสูงของตำแหน่งที่ขอปรับระดับชั้นงานสูงขึ้น

  11. 5. การประเมินบุคคล และผลการปฏิบัติงาน 5.1 แต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ไม่น้อยกว่า 3 คน ประกอบด้วย -ผู้อำนวยการสถานศึกษา -ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล -ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 **ส่วนใหญ่จะเพิ่ม รองผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการเขตฯ เป็นกรรมการ 5 คน 5.2 เกณฑ์การตัดสินผู้ผ่านการประเมิน ต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากคณะกรรมการ ดังนี้ -การปรับระดับ จาก ระดับ 1 เป็น ระดับ 2 คะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 -การปรับระดับ จาก ระดับ 2 เป็น ระดับ 3 คะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 -การปรับระดับ จาก ระดับ 3 เป็น ระดับ 4 คะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

  12. การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) และกลุ่มงานของลูกประจำ หลักเกณฑ์การพิจารณา 1. เป็นการเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) และกลุ่มงานของตำแหน่งที่มีตนครอง 2. ไม่เป็นผู้เกษียณอายุราชการในปีงบประมาณนั้น 3. เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ครบถ้วนตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ในตำแหน่งที่ขอเปลี่ยน 4. เป็นการเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) ทั้งตำแหน่งภายในกลุ่มงานเดียวกัน และต่างกลุ่มงาน โดยไม่เพิ่มจำนวนอัตรากำลัง 5. ตำแหน่งที่ขอเปลี่ยน ต้องเป็นตำแหน่งที่ สพฐ. กำหนดไว้ 6. การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) ให้คำนึงถึงความเหมาะสม และสอดคล้อง กับลักษณะงาน รวมถึงความจำเป็นภารกิจของส่วนราชการ และประโยชน์ของทางราชการ

  13. 7. เมื่อได้รับการเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) ต้องปฏิบัติงานให้สอดคล้องตรงตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งตามที่สำนักงาน ก.พ. กำหนดไว้ 8. กรณีสายงานในตำแหน่งใหม่มีลักษณะงานใกล้เคียงกับลักษณะงานในตำแหน่งเดิมให้นำระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเดิมมานับรวมกับระยะเวลาในตำแหน่งใหม่ได้ 9. การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่กระทรวงการคลังกำหนดกลุ่มบัญชีค่าจ้างไว้มากกว่า 1 กลุ่ม ให้ใช้บัญชีค่าจ้างเดิมจนถึงขั้นสูงสุดก่อน แล้วจึงเปลี่ยนไปใช้ขั้นวิ่งในกลุ่มบัญชีค่าจ้างที่สูงกว่า 10. การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่มีอัตราค่าจ้างขั้นสูง ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นสูงของตำแหน่งเดิมให้ดำเนินการกรณีที่มีความจำเป็น และให้ปรับค่าจ้างไม่สูงกว่าอัตราค่าจ้าง ขั้นสูงของตำแหน่งใหม่ โดยให้มีหนังสือแสดงความยินยอมของลูกจ้างประจำ 11. การประเมินบุคคล

  14. หมวดกลุ่มงาน กลุ่มงานบริการพื้นฐาน กลุ่มงานสนับสนุน พนักงานการเงินและบัญชี ระดับ ส.1 – ส.4 เป็นลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ พนักงานพัสดุ ระดับ ส.1 – ส.4 เป็นลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ พนักงานธุรการ ระดับ ส.1 – ส.4 เป็นลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส.1 – ส.2 เป็น ฝีมือ • พนักงานบริการ ระดับ บ.1 - บ.2 เป็น กึ่งฝีมือ • พนักงานบริการเอกสารทั่วไป ระดับ บ.1 เป็น กึ่งฝีมือ ระดับ บ.2 เป็น ลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ • แม่บ้าน ระดับ บ.1 - บ.2 เป็น ฝีมือ

  15. หมวดกลุ่มงาน กลุ่มงานช่าง ช่างฝีมืองานโลหะ ระดับ ช.1 - ช.3 เป็น หมวดฝีมือ พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง ระดับ ช.1 - ช.2 เป็น หมวดฝีมือ ช่างระบบน้ำ ระดับ ช.1 - ช.2 เป็น หมวดฝีมือ ช่างครุภัณฑ์ ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.3 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างไฟฟ้า ระดับ ช.1 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างไม้ ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างปูน ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างสี ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ

  16. กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ หมวดฝีมือ/ลักษณะงานเหมือนข้าราชการ กลุ่มงานช่าง ช่างไฟฟ้า ระดับ ช.1 – ช.4 ช่างไม้ ระดับ ช.2 – ช.4 ช่างปูน ระดับ ช.2 – ช.4 ช่างสี ระดับ ช.2 – ช.4 ช่างฝีมืองานโลหะ ระดับ ช.1 – ช.3 พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง ระดับ ช.1 - ช.2 ช่างระบบน้ำ ระดับ ช.1 – ช.2 ช่างครุภัณฑ์ ระดับ ช.2 – ช.3 กลุ่มงานบริการพื้นฐาน พนักงานบริการเอกสารทั่วไป ระดับ บ.2 แม่บ้าน ระดับ บ.1 - บ.2 กลุ่มงานสนับสนุน พนักงานการเงินและบัญชี ระดับ ส.1 - ส.4 พนักงานพัสดุ ระดับ ส.1 - ส.4 พนักงานธุรการ ระดับ ส.1 - ส4 พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส.1 - ส.4

  17. กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่ได้กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่ได้ หมวดกึ่งฝีมือ กลุ่มงานบริการพื้นฐาน พนักงานบริการ ระดับ บ.1 – บ.2 พนักงานบริการเอกสารทั่วไป ระดับ บ.1 กลุ่มงานช่าง ช่างไม้ ระดับ ช.1 ช่างปูน ระดับ ช.1 ช่างสี ระดับ ช.1 ช่างครุภัณฑ์ ระดับ ช.1

  18. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการพ.ศ. 2537 • ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2537 เป็นต้นไป • ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างประจำของส่วนราชการที่ได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณรายจ่าย

  19. หมวดที่ 3 การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 22 ลูกจ้างประจำผู้ใดปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พึงพอใจของทางราชการ ถือว่าผู้นั้นมีความชอบ จะได้รับบำเหน็จความชอบ ซึ่งอาจเป็นคำชมเชย เครื่องเชิดชูเกียรติ รางวัล หรือการได้เลื่อนขั้นค่าจ้าง ตามควรแก่กรณี

  20. การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 23 การเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโดยคำนึงถึงคุณภาพ และปริมาณงาน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานที่ได้ปฏิบัติมา ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงานตลอดจนการรักษาวินัย และการปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด การเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำที่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณา

  21. การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 26 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่พัฒนาลูกจ้างประจำ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการ หลักและวิธีปฏิบัติราชการ บทบาทและหน้าที่ของลูกจ้างประจำ แนวทางปฏิบัติตนเพื่อเป็นลูกจ้างประจำที่ดี และเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ทัศนคติที่ดี คุณธรรมและจริยธรรม อันจะทำให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  22. การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 27 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อใช้ประกอบ การพิจารณาแต่งตั้ง เลื่อนขั้นค่าจ้าง พัฒนาลูกจ้างประจำ และเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ และมีหน้าที่เสริมสร้างแรงจูงใจให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล

  23. หมวด 4วินัยและการรักษาวินัย ข้อ 28 ลูกจ้างประจำต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ ข้อ 29 ลูกจ้างประจำต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ ข้อ 30 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม ห้ามมิให้อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่ราชการของตน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น

  24. วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 31 ลูกจ้างประจำต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดี หรือความก้าวหน้าแก่ราชการ ข้อ 32 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ และต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ข้อ 33 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ

  25. วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 36 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการ โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ โดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะทำให้เสียหายแก่ทางราชการ หรือจะเป็นการไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการจะเสนอความเห็นเป็นหนังสือทันที เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคำสั่งนั้นก็ได้ และเมื่อได้เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเดิม ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตาม การขัดคำสั่ง หรือหลีกเลี่ยง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

  26. วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 38 ลูกจ้างประจำต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา การรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้งถือว่าเป็นการรายงานเท็จด้วย การรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ 40 ลูกจ้างประจำต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการมิได้ การละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

  27. วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 41 ลูกจ้างประจำต้องสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี และไม่กระทำการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง และต้องช่วยเหลือกันในการปฏิบัติราชการระหว่างลูกจ้างประจำด้วยกันและผู้ร่วมปฏิบัติราชการ ข้อ 42 ลูกจ้างประจำต้องต้อนรับ ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรมและให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนผู้ติดต่อราชการเกี่ยวกับหน้าที่ของตนโดยไม่ชักช้า และด้วยความสุภาพเรียบร้อย ห้ามมิให้ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

  28. วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 46 ลูกจ้างประจำต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใด ๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ข้อ 48 โทษทางวินัย มี 5 สถาน คือ 1) ภาคทัณฑ์ 2) ตัดค่าจ้าง 3) ลดขั้นค่าจ้าง 4) ปลดออก 5) ไล่ออก

  29. วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 49 การลงโทษลูกจ้างประจำให้ทำเป็นคำสั่ง ผู้สั่งลงโทษต้องสั่งลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด และมิให้เป็นไปโดยความพยาบาท โดยอคติ หรือโดยโทสะจริต หรือลงโทษผู้ไม่มีความผิด ในคำสั่งลงโทษให้แสดงว่าผู้ถูกลงโทษได้กระทำผิดวินัยในกรณีใด ตามข้อใด

  30. หมวด 5 การดำเนินการทางวินัย ข้อ 50 การดำเนินการทางวินัยแก่ลูกจ้างประจำซึ่งมีกรณีอันมีมูลว่ากระทำผิดวินัย ให้สอบสวนเพื่อให้ได้ความจริง และยุติธรรมโดยไม่ชักช้า ข้อ 51 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดค่าจ้าง หรือลดค่าจ้างตามควรแก่กรณี ให้เหมาะสมกับความผิด ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อน จะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่สำหรับโทษภาคทัณฑ์ให้ใช้เฉพาะกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย หรือมีเหตุอันควรลดหย่อน

  31. การดำเนินการทางวินัย ข้อ 52 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ในกรณีที่สั่งลงโทษไล่ออก ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษต่ำกว่าปลดออก ข้อ 53 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 จะดำเนินการตามข้อ 52 โดยไม่สอบสวนก็ได้

  32. หมวด 6 การออกจากราชการ ข้อ 57 ลูกจ้างประจำออกจากราชการเมื่อ 1) ตาย 2) พ้นจากราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง 3) ลาออกจากราชการ และได้รับอนุญาตให้ลาออกหรือการลาออกมีผลตามข้อ 58 4) ถูกสั่งให้ออก 5) ถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก

  33. การออกจากราชการ ข้อ 58 ลูกจ้างประจำผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลากออกจากราชการต่อผู้บังคับบัญชา โดยให้ยื่นล่วงหน้าก่อนวันที่จะขอลาออกจากราชการไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 เป็นผู้พิจารณาอนุญาต ในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษ ผู้บังคับบัญชาจะอนุญาตให้ลูกจ้างประจำซึ่งประสงค์จะลาออกจากราชการยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการล่วงหน้าน้อยกว่า 30 วันก็ได้

  34. การออกจากราชการ ข้อ 60 ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 มีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างประจำออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างได้ และการสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จ นอกจากให้ทำได้ในกรณีที่กำหนดไว้ในข้ออื่นของระเบียบนี้แล้ว ให้ทำได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย 1) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ ถ้าผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 เห็นสมควรให้ออกจากราชการ ให้สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการได้

  35. การออกจากราชการ 2) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดขาดคุณสมบัติตามข้อ 6 (1) (4) (6) (9) หรือ (10) ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการได้ 3)เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 6 (3) และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 เห็นว่ากรณีมีมูลก็ให้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่ชักช้า และให้นำข้อ 61 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในกรณีที่ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13เห็นว่าผู้นั้นเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 6 (3) ก็สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ

  36. การออกจากราชการ 4)เมื่อทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งใด ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ลูกจ้างประจำผู้ดำรงตำแหน่งนั้นออกจากราชการได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด หรือ 5) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พึงพอใจของทางราชการได้ ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลม

  37. การออกจากราชการ ข้อ 63 เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งศาล หรือต้องรับโทษจำคุตโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดที่ได้กระทำ โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 จะสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จก็ได้

  38. หมวด 7การอุทธรณ์ ข้อ 65 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามระเบียบนี้ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ในกรณีที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์กลับเข้าปฏิบัติราชการให้นำข้อ 55 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

  39. หมวด 8การร้องทุกข์ ข้อ 65 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตามระเบียบนี้ด้วยเหตุใด ๆ ให้ผู้นั้นมีสิทธิร้องทุกข์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ข้อ 66 ลูกจ้างประจำผู้ใดเห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติต่อตนโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ปฏิบัติต่อตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อตนในกรณีตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ผู้นั้นอาจร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจได้ ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีที่มีสิทธิอุทธรณ์ตามหมวด 7 ซึ่งต้องให้สิทธิอุทธรณ์ตามที่กำหนดไว้ในหมวดนั้น

More Related