450 likes | 685 Views
ระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ (เดิม) ๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม. ๑. หมวดแรงงาน ๒. หมวดกึ่งฝีมือ ๓. หมวดฝีมือ ๔. หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น ๕. หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง ๖. หมวดฝีมือพิเศษระดับสูง ๗. หมวดฝีมือพิเศษเฉพาะ ๘. กลุ่มชื่อ/ลักษณะงานเหมือนข้าราชการ. การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่.
E N D
ระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ (เดิม)๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม ๑. หมวดแรงงาน ๒. หมวดกึ่งฝีมือ ๓. หมวดฝีมือ ๔. หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น ๕. หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง ๖. หมวดฝีมือพิเศษระดับสูง ๗. หมวดฝีมือพิเศษเฉพาะ ๘. กลุ่มชื่อ/ลักษณะงานเหมือนข้าราชการ
การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่ วัตถุประสงค์ - เพื่อให้ระบบตำแหน่งลูกจ้างมีความทันสมัยสอดคล้องกับแนวโน้ม การปรับบทบาทของภาครัฐ สภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปและภาระความรับผิดชอบในปัจจุบัน - เพื่อให้ส่วนราชการมีแนวทางในการบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำให้เกิดความคุ้มค่า - เพื่อเสริมสร้างขวัญ กำลังใจ และแรงจูงใจในการทำงานของลูกจ้างประจำ
การบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำตามระบบตำแหน่งใหม่การบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำตามระบบตำแหน่งใหม่ สำนักงาน ก.พ. ได้จัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำของส่วนราชการขึ้นมาใหม่โดยจำแนกตำแหน่งลูกจ้างประจำ ตามลักษณะงานเป็น ๔ กลุ่มงาน มีสายงานทั้งหมด ๓๕๖ สายงาน และมีผลใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ๑. กลุ่มงานบริการพื้นฐาน หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานให้บริการหลัก หรือเป็นงานพื้นฐานของส่วนราชการ มีจำนวน ๕๕ สายงาน (มีระดับชั้นงานไม่เกิน ๒ ระดับ) ๒. กลุ่มงานสนับสนุน หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะในการช่วยปฏิบัติ หรือสนับสนุนผู้ปฏิบัติภารกิจหลัก มีจำนวน ๑๕๐ สายงาน (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน ๔ ระดับ)
๓. กลุ่มงานช่าง หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานในการปฏิบัติงานช่าง ได้แก่ สร้าง ใช้ ซ่อมแซม ปรับแก้ ติดตั้ง ประกอบเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ จำนวน ๑๔๑ สายงาน (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน ๔ ระดับ) ๔. กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ หมายถึง กลุ่มตำแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานที่ต้องใช้ตามความสามารถเฉพาะตัว ทักษะพิเศษ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเฉพาะในการปฏิบัติงาน มีจำนวน ๑๐ สายงาน (มีระดับชั้นงานไม่เกิน ๓ ระดับ) ทุกภาคส่วนจึงต้องปรับตำแหน่งลูกจ้างประจำจากระบบเดิม เข้าสู่กลุ่มงาน และระดับชั้นงาน ตามระบบตำแหน่งใหม่ ตามแนวทางที่ ก.พ. กำหนด
การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำการจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำ เดิม ใหม่ ๓๕๖ สายงาน ๔ กลุ่มงาน - กลุ่มงานบริการพื้นฐาน (๕๕) - กลุ่มงานสนับสนุน (๑๕๐) - กลุ่มงานช่าง (๑๔๑) -กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ (๑๐) ๑,๒๖๘ สายงาน ๗ หมวด ๑ กลุ่ม - หมวดแรงงาน - หมวดกึ่งฝีมือ - หมวดฝีมือ - หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น - หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง - หมวดฝีมือพิเศษระดับสูง - หมวดฝีมือพิเศษเฉพาะ - กลุ่มเหมือนข้าราชการ
สพฐ. ได้กำหนดตำแหน่งลูกจ้างประจำในสังกัด กำหนดตำแหน่งไว้ ๓ กลุ่มงาน คือ ๑.กลุ่มงานบริการพื้นฐาน จำนวน ๑๔ สายงาน ๒.กลุ่มงานสนับสนุน จำนวน ๒๙ สายงาน ๓.กลุ่มงานช่าง จำนวน ๑๙ สายงาน รวมทั้งหมด๖๒ สายงาน และได้กำหนดหน้าที่โดยย่อคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง และอัตราค่าจ้างของลูกจ้างประจำ ตามที่สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงการคลังกำหนด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 • กลุ่มงานบริการพื้นฐาน มีตำแหน่งงาน ดังนี้ 1. พนักงานบริการ (บ 1 – บ 2) 2. พนักงานบริการเอกสารทั่วไป (บ 1 – บ 2) 3. แม่บ้าน (บ 1 – บ 2) • กลุ่มงานสนับสนุน มีตำแหน่งงาน ดังนี้ 1. พนักงานการเงินและบัญชี (ส 1 – ส 4) 2. พนักงานพัสดุ (ส 1 – ส 4) 3. พนักงานธุรการ (ส 1 – ส 4) 4. พนักงานขับรถยนต์ (ส 1 – ส 2)
กลุ่มงานช่าง มีตำแหน่งงาน ดังนี้ 1. ช่างไฟฟ้า (ช 1 – ช 4) 2. ช่างไม้ (ช 1 – ช 4) 3. ช่างปูน (ช 1 – ช 4) 4. ช่างสี (ช 1 – ช 4) 5. ช่างฝีมืองานโลหะ (ช 1 – ช 3) 6. ช่างครุภัณฑ์ (ช 1 – ช 3) 7. ช่างระบบน้ำ (ช 1 – ช 2) 8. พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง (ช 1 – ช 2)
ผลของการพัฒนาระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่ผลของการพัฒนาระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำใหม่ • มีหนทางก้าวหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น • มีโอกาสเลื่อนสู่ชั้นงาน/ตำแหน่งที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนหมวดลักษณะงาน • มีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น • มีโอกาสได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นเมื่อเลื่อนระดับตำแหน่ง • เกิดความเป็นธรรม/ไม่ลักลั่นในการบริหารงานบุคคล
การปรับระดับชั้นงาน หลักเกณฑ์การพิจารณา 1. การปรับระดับชั้นงานของตำแหน่งที่มีคนครอง 2. เป็นผู้มีคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งครบถ้วน ตรงตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. เป็นการปรับระดับชั้นงานของตำแหน่งให้สูงขึ้นจาก ระดับ 1 เป็น ระดับ 2 หรือจาก ระดับ 2 เป็นระดับ 3 หรือจาก ระดับ 3 เป็นระดับ 4 ทั้งนี้ไม่เกินระดับสูงสุดในแต่ละสายงาน 4. ให้ได้รับอัตราค่าจ้าง ไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และไม่สูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นสูงของตำแหน่งที่ขอปรับระดับชั้นงานสูงขึ้น
5. การประเมินบุคคล และผลการปฏิบัติงาน 5.1 แต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ไม่น้อยกว่า 3 คน ประกอบด้วย -ผู้อำนวยการสถานศึกษา -ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล -ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 **ส่วนใหญ่จะเพิ่ม รองผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการเขตฯ เป็นกรรมการ 5 คน 5.2 เกณฑ์การตัดสินผู้ผ่านการประเมิน ต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากคณะกรรมการ ดังนี้ -การปรับระดับ จาก ระดับ 1 เป็น ระดับ 2 คะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 -การปรับระดับ จาก ระดับ 2 เป็น ระดับ 3 คะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 -การปรับระดับ จาก ระดับ 3 เป็น ระดับ 4 คะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) และกลุ่มงานของลูกประจำ หลักเกณฑ์การพิจารณา 1. เป็นการเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) และกลุ่มงานของตำแหน่งที่มีตนครอง 2. ไม่เป็นผู้เกษียณอายุราชการในปีงบประมาณนั้น 3. เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ครบถ้วนตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ในตำแหน่งที่ขอเปลี่ยน 4. เป็นการเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) ทั้งตำแหน่งภายในกลุ่มงานเดียวกัน และต่างกลุ่มงาน โดยไม่เพิ่มจำนวนอัตรากำลัง 5. ตำแหน่งที่ขอเปลี่ยน ต้องเป็นตำแหน่งที่ สพฐ. กำหนดไว้ 6. การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) ให้คำนึงถึงความเหมาะสม และสอดคล้อง กับลักษณะงาน รวมถึงความจำเป็นภารกิจของส่วนราชการ และประโยชน์ของทางราชการ
7. เมื่อได้รับการเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตำแหน่ง) ต้องปฏิบัติงานให้สอดคล้องตรงตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งตามที่สำนักงาน ก.พ. กำหนดไว้ 8. กรณีสายงานในตำแหน่งใหม่มีลักษณะงานใกล้เคียงกับลักษณะงานในตำแหน่งเดิมให้นำระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเดิมมานับรวมกับระยะเวลาในตำแหน่งใหม่ได้ 9. การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่กระทรวงการคลังกำหนดกลุ่มบัญชีค่าจ้างไว้มากกว่า 1 กลุ่ม ให้ใช้บัญชีค่าจ้างเดิมจนถึงขั้นสูงสุดก่อน แล้วจึงเปลี่ยนไปใช้ขั้นวิ่งในกลุ่มบัญชีค่าจ้างที่สูงกว่า 10. การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่มีอัตราค่าจ้างขั้นสูง ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นสูงของตำแหน่งเดิมให้ดำเนินการกรณีที่มีความจำเป็น และให้ปรับค่าจ้างไม่สูงกว่าอัตราค่าจ้าง ขั้นสูงของตำแหน่งใหม่ โดยให้มีหนังสือแสดงความยินยอมของลูกจ้างประจำ 11. การประเมินบุคคล
หมวดกลุ่มงาน กลุ่มงานบริการพื้นฐาน กลุ่มงานสนับสนุน พนักงานการเงินและบัญชี ระดับ ส.1 – ส.4 เป็นลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ พนักงานพัสดุ ระดับ ส.1 – ส.4 เป็นลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ พนักงานธุรการ ระดับ ส.1 – ส.4 เป็นลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส.1 – ส.2 เป็น ฝีมือ • พนักงานบริการ ระดับ บ.1 - บ.2 เป็น กึ่งฝีมือ • พนักงานบริการเอกสารทั่วไป ระดับ บ.1 เป็น กึ่งฝีมือ ระดับ บ.2 เป็น ลักษณะงาน เหมือนข้าราชการ • แม่บ้าน ระดับ บ.1 - บ.2 เป็น ฝีมือ
หมวดกลุ่มงาน กลุ่มงานช่าง ช่างฝีมืองานโลหะ ระดับ ช.1 - ช.3 เป็น หมวดฝีมือ พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง ระดับ ช.1 - ช.2 เป็น หมวดฝีมือ ช่างระบบน้ำ ระดับ ช.1 - ช.2 เป็น หมวดฝีมือ ช่างครุภัณฑ์ ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.3 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างไฟฟ้า ระดับ ช.1 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างไม้ ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างปูน ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ • ช่างสี ระดับ ช.1 เป็น หมวดกึ่งฝีมือ ระดับ ช.2 - ช.4 เป็น หมวดฝีมือ
กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ หมวดฝีมือ/ลักษณะงานเหมือนข้าราชการ กลุ่มงานช่าง ช่างไฟฟ้า ระดับ ช.1 – ช.4 ช่างไม้ ระดับ ช.2 – ช.4 ช่างปูน ระดับ ช.2 – ช.4 ช่างสี ระดับ ช.2 – ช.4 ช่างฝีมืองานโลหะ ระดับ ช.1 – ช.3 พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดกลาง ระดับ ช.1 - ช.2 ช่างระบบน้ำ ระดับ ช.1 – ช.2 ช่างครุภัณฑ์ ระดับ ช.2 – ช.3 กลุ่มงานบริการพื้นฐาน พนักงานบริการเอกสารทั่วไป ระดับ บ.2 แม่บ้าน ระดับ บ.1 - บ.2 กลุ่มงานสนับสนุน พนักงานการเงินและบัญชี ระดับ ส.1 - ส.4 พนักงานพัสดุ ระดับ ส.1 - ส.4 พนักงานธุรการ ระดับ ส.1 - ส4 พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส.1 - ส.4
กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่ได้กลุ่มงานที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่ได้ หมวดกึ่งฝีมือ กลุ่มงานบริการพื้นฐาน พนักงานบริการ ระดับ บ.1 – บ.2 พนักงานบริการเอกสารทั่วไป ระดับ บ.1 กลุ่มงานช่าง ช่างไม้ ระดับ ช.1 ช่างปูน ระดับ ช.1 ช่างสี ระดับ ช.1 ช่างครุภัณฑ์ ระดับ ช.1
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการพ.ศ. 2537 • ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2537 เป็นต้นไป • ระเบียบนี้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างประจำของส่วนราชการที่ได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณรายจ่าย
หมวดที่ 3 การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 22 ลูกจ้างประจำผู้ใดปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พึงพอใจของทางราชการ ถือว่าผู้นั้นมีความชอบ จะได้รับบำเหน็จความชอบ ซึ่งอาจเป็นคำชมเชย เครื่องเชิดชูเกียรติ รางวัล หรือการได้เลื่อนขั้นค่าจ้าง ตามควรแก่กรณี
การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 23 การเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโดยคำนึงถึงคุณภาพ และปริมาณงาน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานที่ได้ปฏิบัติมา ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงานตลอดจนการรักษาวินัย และการปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด การเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำที่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณา
การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 26 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่พัฒนาลูกจ้างประจำ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการ หลักและวิธีปฏิบัติราชการ บทบาทและหน้าที่ของลูกจ้างประจำ แนวทางปฏิบัติตนเพื่อเป็นลูกจ้างประจำที่ดี และเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ทัศนคติที่ดี คุณธรรมและจริยธรรม อันจะทำให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ ในการปฏิบัติงาน ข้อ 27 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อใช้ประกอบ การพิจารณาแต่งตั้ง เลื่อนขั้นค่าจ้าง พัฒนาลูกจ้างประจำ และเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ และมีหน้าที่เสริมสร้างแรงจูงใจให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
หมวด 4วินัยและการรักษาวินัย ข้อ 28 ลูกจ้างประจำต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ ข้อ 29 ลูกจ้างประจำต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ ข้อ 30 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม ห้ามมิให้อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่ราชการของตน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น
วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 31 ลูกจ้างประจำต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดี หรือความก้าวหน้าแก่ราชการ ข้อ 32 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ และต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ข้อ 33 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ
วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 36 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการ โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ โดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะทำให้เสียหายแก่ทางราชการ หรือจะเป็นการไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการจะเสนอความเห็นเป็นหนังสือทันที เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคำสั่งนั้นก็ได้ และเมื่อได้เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเดิม ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตาม การขัดคำสั่ง หรือหลีกเลี่ยง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 38 ลูกจ้างประจำต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา การรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้งถือว่าเป็นการรายงานเท็จด้วย การรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ 40 ลูกจ้างประจำต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการมิได้ การละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 41 ลูกจ้างประจำต้องสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี และไม่กระทำการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง และต้องช่วยเหลือกันในการปฏิบัติราชการระหว่างลูกจ้างประจำด้วยกันและผู้ร่วมปฏิบัติราชการ ข้อ 42 ลูกจ้างประจำต้องต้อนรับ ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรมและให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนผู้ติดต่อราชการเกี่ยวกับหน้าที่ของตนโดยไม่ชักช้า และด้วยความสุภาพเรียบร้อย ห้ามมิให้ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 46 ลูกจ้างประจำต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใด ๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ข้อ 48 โทษทางวินัย มี 5 สถาน คือ 1) ภาคทัณฑ์ 2) ตัดค่าจ้าง 3) ลดขั้นค่าจ้าง 4) ปลดออก 5) ไล่ออก
วินัยและการรักษาวินัยวินัยและการรักษาวินัย ข้อ 49 การลงโทษลูกจ้างประจำให้ทำเป็นคำสั่ง ผู้สั่งลงโทษต้องสั่งลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด และมิให้เป็นไปโดยความพยาบาท โดยอคติ หรือโดยโทสะจริต หรือลงโทษผู้ไม่มีความผิด ในคำสั่งลงโทษให้แสดงว่าผู้ถูกลงโทษได้กระทำผิดวินัยในกรณีใด ตามข้อใด
หมวด 5 การดำเนินการทางวินัย ข้อ 50 การดำเนินการทางวินัยแก่ลูกจ้างประจำซึ่งมีกรณีอันมีมูลว่ากระทำผิดวินัย ให้สอบสวนเพื่อให้ได้ความจริง และยุติธรรมโดยไม่ชักช้า ข้อ 51 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดค่าจ้าง หรือลดค่าจ้างตามควรแก่กรณี ให้เหมาะสมกับความผิด ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อน จะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่สำหรับโทษภาคทัณฑ์ให้ใช้เฉพาะกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย หรือมีเหตุอันควรลดหย่อน
การดำเนินการทางวินัย ข้อ 52 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ในกรณีที่สั่งลงโทษไล่ออก ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษต่ำกว่าปลดออก ข้อ 53 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 จะดำเนินการตามข้อ 52 โดยไม่สอบสวนก็ได้
หมวด 6 การออกจากราชการ ข้อ 57 ลูกจ้างประจำออกจากราชการเมื่อ 1) ตาย 2) พ้นจากราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง 3) ลาออกจากราชการ และได้รับอนุญาตให้ลาออกหรือการลาออกมีผลตามข้อ 58 4) ถูกสั่งให้ออก 5) ถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก
การออกจากราชการ ข้อ 58 ลูกจ้างประจำผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลากออกจากราชการต่อผู้บังคับบัญชา โดยให้ยื่นล่วงหน้าก่อนวันที่จะขอลาออกจากราชการไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 เป็นผู้พิจารณาอนุญาต ในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษ ผู้บังคับบัญชาจะอนุญาตให้ลูกจ้างประจำซึ่งประสงค์จะลาออกจากราชการยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการล่วงหน้าน้อยกว่า 30 วันก็ได้
การออกจากราชการ ข้อ 60 ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 มีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างประจำออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างได้ และการสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จ นอกจากให้ทำได้ในกรณีที่กำหนดไว้ในข้ออื่นของระเบียบนี้แล้ว ให้ทำได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย 1) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ ถ้าผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 เห็นสมควรให้ออกจากราชการ ให้สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการได้
การออกจากราชการ 2) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดขาดคุณสมบัติตามข้อ 6 (1) (4) (6) (9) หรือ (10) ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการได้ 3)เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 6 (3) และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 เห็นว่ากรณีมีมูลก็ให้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไม่ชักช้า และให้นำข้อ 61 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในกรณีที่ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13เห็นว่าผู้นั้นเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 6 (3) ก็สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ
การออกจากราชการ 4)เมื่อทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งใด ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ลูกจ้างประจำผู้ดำรงตำแหน่งนั้นออกจากราชการได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด หรือ 5) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พึงพอใจของทางราชการได้ ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลม
การออกจากราชการ ข้อ 63 เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งศาล หรือต้องรับโทษจำคุตโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดที่ได้กระทำ โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 จะสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จก็ได้
หมวด 7การอุทธรณ์ ข้อ 65 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามระเบียบนี้ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ในกรณีที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์กลับเข้าปฏิบัติราชการให้นำข้อ 55 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
หมวด 8การร้องทุกข์ ข้อ 65 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตามระเบียบนี้ด้วยเหตุใด ๆ ให้ผู้นั้นมีสิทธิร้องทุกข์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ข้อ 66 ลูกจ้างประจำผู้ใดเห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติต่อตนโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ปฏิบัติต่อตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาต่อตนในกรณีตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ผู้นั้นอาจร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจได้ ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีที่มีสิทธิอุทธรณ์ตามหมวด 7 ซึ่งต้องให้สิทธิอุทธรณ์ตามที่กำหนดไว้ในหมวดนั้น