1 / 60

การออกแบบและกรรมวิธีการผลิต

การออกแบบและกรรมวิธีการผลิต. บทที่ 3. ผศ.ดร.สมศักดิ์ มีนคร. ความหมายของการออกแบบ.

msamuel
Download Presentation

การออกแบบและกรรมวิธีการผลิต

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การออกแบบและกรรมวิธีการผลิต บทที่ 3. ผศ.ดร.สมศักดิ์ มีนคร

  2. ความหมายของการออกแบบ • “การออกแบบ” หมายถึงเป็นกระบวนการทางความคิดของมนุษย์ในการวางแผน การกำหนดรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการผสมผสานของศาสตร์ในสาขาวิชาทางด้านคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับความคิดสร้างสรรค์จากการวิเคราะห์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนไม่ส่งผลกระทบจากการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มนุษย์ได้ออกแบบขึ้นมา

  3. การออกแบบอุตสาหกรรม • นักออกแบบช่างหัตถกรรมระดับชาวบ้าน เป็นช่างนักออกแบบที่ทำหน้าที่ออกแบบทั่ว ๆ ไป สำหรับชาวบ้านและชนชั้นกลาง • นักออกแบบที่เป็นศิลปิน จะทำหน้าที่ออกแบบงานศิลปะต่าง ๆ ในราชสำนักและออกแบบศิลปกรรมการก่อสร้าง การตกแต่งอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ทั้งสาธารณะและพระราชวัง

  4. องค์ประกอบของการออกแบบ • จุด (Point)หมายถึง ตำแหน่งที่ตั้งของส่วนประกอบต่าง ๆ อาจจะเป็นบริเวณเป้าหมายหรือจุดหมายก็ได้ ภาพจุดเรียงกันแบบมีความสัมพันธ์สวยงามในการออกแบบ

  5. เส้น (Line)เมื่อจุดเคลื่อนที่ทำให้เกิดเส้นต่าง ๆ เส้นมีด้วยกัน 5 ชนิด ได้แก่ เส้นตรง (Straight lines) เส้นโค้ง (Curve lines) เส้นคด (Winding lines) เส้นฟันปลาหรือเส้นหยัก (Zigzag lines) และเส้นขนานหรือเส้นประ (Jagged lines)

  6. รูปร่างอิสระ (Free shapes) คือ รูปร่างลักษณะที่บอกไม่ได้ว่าเป็นรูปทรงมาตรฐานแบบใดแน่ มีรูปร่างไม่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงได้

  7. รูปทรง (Form)คือ รูปที่มีลักษณะ 3 มิติ มีทั้งด้านยาว ด้านสูง ด้านลึก หรือด้านหนา เป็นแท่งเหลี่ยม ซึ่งรูปทรงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้ • รูปทรงมาตฐาน (Basic forms) มีลักษณะเป็นรูปทรงเรขาคณิตสามารถแบ่งออกเป็น 6 ลักษณะ ได้แก่ รูปทรงสามเหลี่ยม (Triangulars) รูปทรงสี่เหลี่ยมหรือลูกบาศก์ (Cubes) รูปทรงกรวย (Pyramids) รูปทรงกระบอก (Cylinders) และรูปทรงกลม (Spheres) • รูปทรงอิสระ (Free forms) คือ รูปทรงที่ดันแปลงมาจากรูปทรงมาตรฐาน วิวัฒนาการจากรูปแบบเดิม มีรูปลักษณะแปลกออกไปให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงได้

  8. แสงและเงา (Light & Shade) คือ แสงสว่างและเงามืดที่มีอิทธิพลทำให้เกิดการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ว่ามีลักษณะใด ตลอดจนพื้นผิวขรุขระ เรียบ และส่วนละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง • แสง (Light) หมายถึง ความสว่างที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติหรือที่มนุษย์สร้างขึ้น • เงา (Shade) หมายถึง ส่วนมืดที่อยู่ด้านตรงกันข้ามกับแสงสว่าง

  9. ทฤษฎีสี (Theory of color) หมายถึง การรับรู้และสัมผัสสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ส่วนใหญ่ใช้สายตาเป็นระบบสัมผัสที่ละเอียดอ่อนทั้งการแยกสี ซึ่งการใช้สีจากวงจรสีธรรมชาติมีวิธีการนำสีมาใช้ด้วยกันหลายวิธีต่าง ๆ • วรรณะของสี (Tone) การใช้วิธีนี้แบ่งสีออกเป็น 2 กลุ่ม คือ สีร้อน (Warm tone) และสีเย็น (Cool tone) • ค่าของสี (Value) หมายถึง ความแก่อ่อนของสี ความหนักเบาของสี • สีกลมกลืน (Harmony)หมายถึง สีที่มีปริมาณมากกว่าสีอื่น ๆ เป็นสีที่เด่นชัดของสีเดียว ซึ่งในวงจรสีธรรมชาตินับเรียงตามกันไป จะวนไปทางใดก็ได้ • สีส่วนรวม (Totality) หมายถึง สีที่มีปริมาณมากกว่าสีอื่น ๆ ก็เป็นสีที่เด่นชัดของสีเดียว • ความเข้มของสี (Intensity)หมายถึง สีที่มีจุดเด่นสว่างสดใสอยู่ในกลุ่มสีที่ถูกลดความจัดลงไป

  10. ภาพวงจรสีธรรมชาติ

  11. ส่ดส่วน (Proportion) หมายถึง ความสัมพันธ์กันระหว่างขนาดขององค์ประกอบ ต่าง ๆ เช่น ขนาดของตน สัตว์ และสิ่งของ เป็นต้น จึงจะเกิดความงาม

  12. บริเวณว่าง (Space)หมายถึง ช่องว่างวัตถุที่ปรากฎเป็นรูปทรงในผลงาน บางทีก็เรียกกันว่าช่องไฟของว่างต่าง ๆ เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน มีระยะใกล้ ไกล กว้าง แคบต่างกัน

  13. จังหวะ (Rhythm) หมายถึง ความช้า ความเร็วที่ปราฎขึ้นในองค์ประกอบศิลป์ อันเกิดจากลีลา จังหวะต่าง ๆ กัน เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กันกับบริเวณ สัดส่วน เส้น สี รูปร่าง รูปทรง และลักษะผิว

  14. ลักษณะผิว (Texture)หมายถึง ลักษณะผิวหน้าของวัตถุที่ปรากฏในงานศิลป์ เช่น หยาบ ละเอียด หนา ทึบ ด้าน มัน เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนละเอียดขององค์ประกอบนั้น ๆ ลักษณะผิว มีอิทธิพลทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกทางจิตสัมผัสและกายสัมผัสด้วย

  15. หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม • หน้าที่ใช้สอย (Function) การออกแบบเหมาะสมกับการใช้งาน • ความปลอดภัย (Safety) จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ • ความแข็งแรง ทนทาน (Durability) จะต้องสนองต่อหน้าที่ได้เป็นเวลานาน • ความประหยัด (Economic) สามารถที่จะผลิตได้ในระบบเศรษฐศาสตร์ • วัสดุ (Material) จะต้องเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานที่มีความทนทานและประหยัด

  16. โครงสร้าง (Construction)วิธีการทำโครงสร้างของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิด • ความสะดวกสบายในการใช้ (Ergonomic)จะต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เหมะสม • ความสวยงาม (Aesthetic) จะต้องมีรูปร่างและขนาดความสูง กว้าง ยาว • มีลักษณะเฉพาะ (Personality) อาจจะได้คะแนนสูงในเรื่องของคุณภาพ • กรรมวิธีการผลิต (Production) เมื่อทำการออกแบบแล้ว • การซ่อมบำรุงรักษา (Easy of maintenance) เมื่อนำไปใช้งานได้รับความเสียหาย • การขนส่ง (Transportation) จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย

  17. ขอบเขตของการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมขอบเขตของการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม • ผลิตภัณฑ์เป็นสองมิติ คือ เป็นรูปแบบมีเฉพาะความกว้างกับความยาว • สามารถดำเนินงานออกแบบโดยบุคคลเดียวกันได้ไม่ต้องร่วมกับผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ • ผลิตภัณฑ์นั้นมีกรรมวิธีการผลิตที่เหมือนหรือคล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่มีมาแต่โบราณ • การลงทุนอุปกรณ์ในการผลิตต่ำ ตัวอย่างเช่น ถ้วยกาแฟดินเผากับถ้วยกาแฟ

  18. ประเภทผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม • ผลิตภัณฑ์อุปโภค (Consumer products) คือสิ่งของเครื่องใช้ภายในที่อยู่อาศัยเพื่อจะอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้ รูปแบบเป็นไปตามสมัยนิยม

  19. ผลิตภัณฑ์การค้าหรือบริการ (Commercial or service equipment) คือ ผลิตภัณฑ์ใช้ในการประกอบการค้าและบริการงานต่าง ๆ

  20. ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกล (Capital or durable goods) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนอง ความต้องการของผู้ใช้อุตสาหกรรม โดยที่ผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมจะเป็นผู้ซื้อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการผลิตหรืออำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจการ

  21. ผลิตภัณฑ์ขนส่ง (Transportation equipment) คือ ผลิตภัณฑ์ยานพาหนะที่ใช้ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อการขนส่งในทางการค้า บริการ และสามารถใช้โดยสาร เพื่อการเดินทางเคลื่อนที่ถึงที่หมายได้ เช่น รถไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยนต์ เครื่องบิน เรือ รถจักรยาน รถจักรยานสามล้อ รถสามล้อเครื่อง

  22. กระบวนการออกแบบ • ธรรมชาติของการออกแบบ (The nature of designing) งานออกแบบนี้มักจะปรากฏอยู่ทั่วไปในงานด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรม อุตสาหกรรม ศาสตร์แขนงต่าง ๆ • สรุปเนื้อหาในวิธีการ (Getting the brief) ในการสรุปเนื้อหาเพื่อค้นหาข้อมูลใน การแก้ปัญหามีลำดับขั้นตอน

  23. การตรวจสอบเพื่อความชัดแจ้ง (Examination the evidence) การแบ่งขั้นตอนใน การแก้ปัญหางานออกแบบใช้วิธีทางตรรกวิทยา • การสร้างสรรค์ (The creative lead) การสร้างสรรค์เกิดจากการไตรตรองคำถามที่ หาทางแก้ไข • ภาวะของนักออกแบบ (The donkey work) ช่วงของการสร้างสรรค์งานออกแบบนั้น ได้มีการพัฒนาทางระบบวิธีการอย่างมากที่สุด

  24. กระบวนการออกแบบ • ขั้นตอนการกำหนดปัญหา เริ่มจากการตั้งวัตถุประสงค์ กำหนดขอบเขตปัญหา ศึกษาความเป็นไปได้ของวัตถุประสงค์ที่สัมพันธ์กับปัญหา • ขั้นตอนการออกแบบ เป็นขั้นตอนการแก้ปัญหา โดยศึกษาวิธีการแก้ปัญหาหลายแนวทางเลือกในรูปของโครงร่าง • ขั้นตอนการดำเนิน เป็นขั้นตอนการผลิตตามแบบเพื่อทำจริง • ขั้นตอนการประเมินผล เป็นการประเมินผลประสิทธิภาพของงานออกแบบว่า ตรงตามวัตถุประสงค์และเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับใด

  25. แนวคิดของกระบวนการออกแบบแนวคิดของกระบวนการออกแบบ • ขั้นตอนที่ 1 การตีปัญหา (Problem identification) การตีปัญหาเป็นขั้นตอนที่ทำการออกแบบการแก้ปัญหางาน โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ • มีข้อกำหนดของปัญหา (Problem statement) • ข้อบังคับของปัญหา (Problem requirement) • ขอบเขตของปัญหา (Problem limitations) • ภาพร่าง (Sketches) • การรวบรวมข้อมูล (Data collection)

  26. ขั้นตอนที่ 2 ความคิดริเริ่มเบื้องต้น (Preliminary ideas) • การทำงานด้วยตนเองและทำงานโดยกลุ่ม (Individual team) • การวางแผนกิจกรรม (Plan of action) • การระดมสมอง (Brainstorming) • การสเกตซ์ภาพและจดบันทึก (Sketching and note) • วิธีการวิจัย (Research methods) • วิธีการสำรวจ (Survey methods)

  27. ความคิดริเริ่มเบื้องต้นความคิดริเริ่มเบื้องต้น

  28. ขั้นตอนที่ 3 การกลั่นกรองการออกแบบ (Design refinement) • สัดส่วนทางกายภาพ (Physical properties) • การประยุกต์ทางเรขาคณิต (Application of geometry) • เงื่อนไขการกลั่นกรอง (Refinement considerations) • ชิ้นส่วนมาตรฐาน (Standard parts)

  29. การกลั่นกรองการออกแบบการกลั่นกรองการออกแบบ

  30. ขั้นตอนที่ 4 การวิเคราะห์ (Analysis) • การวิเคราะห์ประโยชน์ใช้สอย (Function analysis) • การวิเคราะห์ทางวิศวกรรม (Engineering analysis) • การวิเคราะห์การตลาดของผลิตภัณฑ์ (Market and product analysis) • การวิเคราะห์รายละเอียด (Specification analysis) • การวิเคราะห์ความแข็งแรง (Strength analysis) • การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ (Economic analysis) • การวิเคราะห์หุ่นจำลอง (Model analysis)

  31. การวิเคราะห์การออกแบบ

  32. ขั้นตอนที่ 5 การตัดสินใจ (Decision) • ประโยชน์ที่ใช้สอย (Function) • พฤติกรรมของมนุษย์ที่ใช้งาน (Human factors) • ความต้องการของตลาด (Market analysis) • ความแข็งแรงทนทาน (Strength) • การผลิต (Production) • ราคา (Cost) • ผลกำไรทางธุรกิจ (Profitability) • รูปแบบโดยรวม (Appearance)

  33. การตัดสินใจ

  34. ขั้นตอนที่ 6 การทำให้เกิดผลสำเร็จ (Implementation) • การสร้างสรรค์ทางเอกลักษณ์ของงาน (Identification) • การศึกษางานและแบบแผนให้ชัดเจน (Final study) • การวิเคราะห์และสังเคราะห์ขั้นสุดท้าย (Selection of solution)

  35. ความหมายของการผลิต • “การผลิต” หมายถึง เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการแปรสภาพของปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวข้องจนได้มาของผลผลิต ซึ่งอาจเป็นในรูปของการผลิตสินค้าหรือการบริการก็ได้ เพื่อนำมาตอบสนองความต้องการของมนุษย์ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น

  36. ระบบการผลิต • ปัจจัยการผลิต (Input) ในการผลิตสินค้าและบริการ • คน (Man) • วัสดุ (Materials) • เงิน (Money) • เครื่องจักร (Machine) • ข่าวสาร (Information) ข้อมูลต่าง ๆ

  37. ปัจจัยสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต • ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้น จะต้องถูกผลิตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีปริมาณพอดี • ความพอใจ ผลผลิตจะต้องเป็นที่พอใจของลูกค้า นอกจากนั้นต้องเป็นที่พอใจของ ผู้ถือหุ้น พนักงาน และลูกค้าด้วย • เจริญเติบโต ธุรกิจนั้นจะต้องมีการเจริญเติบโต มีการพัฒนาและก้าวทันต่อเทคโนโลยีต่าง ๆ

  38. การเลือกเครื่องจักรและกรรมวิธีการผลิต • กรรมวิธีการผลิตที่ดีนั้นต้องการเครื่องมือเครื่องจักรที่สามารถผลิตได้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และมีความแน่นอนเที่ยงตรง ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกใช้เครื่องจักรและกรรมวิธีการผลิตที่เหมาะสม การเลือกนั้นจะต้องมุ่งถึงปริมาณในการผลิต

  39. ความแตกต่างระหว่างเครื่องจักรอเนกประสงค์กับเครื่องจักรเฉพาะประสงค์ความแตกต่างระหว่างเครื่องจักรอเนกประสงค์กับเครื่องจักรเฉพาะประสงค์

  40. การเลือกกรรมวิธีการผลิต • ความเที่ยงตรงของขนาดและคุณภาพของผิวสำเร็จ ขนาดและรูปร่างของผลิตภัณฑ์ • ค่าใช้จ่ายการดำเนินการและการผลิต ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการออกแบบและค่าเครื่องมือ • ปริมาณการผลิตและอัตราการผลิต • จำนวนสุทธิของการขึ้นรูป กรรมวิธีการผลิตแบบใดแบบหนึ่งอาจไม่สามารถผลิตชิ้นงานได้สำเร็จใน 1 ครั้ง

  41. กรรมวิธีการขึ้นรูป • การรีดขึ้นรูป (Rolling) เป็นกระบวนการลดขนาดหรือ เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตัดของชิ้นงานโดยใช้เครื่องอัดผ่านลูกรีด ซึ่งการรีดขึ้นรูปสามารถทำให้เกิดรูปทรงได้หลายรูปแบบ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกันดังนี้คือ แสลบ บลูม และบิลเล็ต

  42. การตีขึ้นรูป (Forging) เป็นวิธีการขึ้นรูปโลหะขั้นพื้นฐานที่ใช้แรงตีหรืออัดผ่านแม่พิมพ์หรือเครื่องมือเพื่อให้ได้รูปทรงชิ้นงานตามความต้องการ

  43. การตีขึ้นรูปด้วยวิธีนี้ชิ้นงานจะมีรูปทรงเหมือนงานสำเร็จมากที่สุด จะมีเพียงขอบงานที่เป็นส่วนเกินที่จะต้องตัดออกในขั้นตอนสุดท้ายการตีขึ้นรูปก้านสูบที่มีหลายขั้นตอน

  44. การอัดรีดขึ้นรูป(Extrusion) การอัดรีดเป็นการขึ้นรูปชิ้นงานโลหะด้วยการใช้แรงอัดดันให้โลหะเกิดการไหลผ่านแม่พิมพ์ เพื่อให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการโดยมากโลหะจะถูกขึ้นรูปที่อุณหภูมิสูงการขึ้นรูปชิ้นงาน

  45. การดึงขึ้นรูป (Drawing) การดึงขึ้นรูปเป็นการขึ้นรูปโลหะโดยการดึงให้โลหะผ่านแม่พิมพ์ ชิ้นงานที่ขึ้นรูปโดยการดึงลวดขนาดความยาวมีลักษณะการขึ้นรูป ข้อแตกต่างระหว่างการขึ้นรูปโดยการอัดรีดและการดึงก็คือ แรงที่ใช้ทำให้โลหะเปลี่ยนรูปโดยการดึงจะใช้แรงดึง

  46. การตัดเฉือน (Shearing) เป็นการใช้แรงทางกลในการตัดโลหะแผ่นให้มีรูปทรงตามที่เราต้องการการตัดเฉือนนั้นต้องมีใบมีดในการตัดลักษณะการตัดเฉือนหากชิ้นงานที่ถูกตัด

  47. การพับขึ้นรูป (Bending)การพับขึ้นรูปจะทำกับโลหะแผ่นนั้นเกิดมุมและรูปร่าง ได้หลายรูปแบบ โดยการขึ้นรูปจะใช้เครื่องเพรสส์ (Press) ขนาดแรงกดอัดหลายตันส่งแรงกดผ่านแม่พิมพ์ที่มีทั้งส่วนบนและส่วนล่าง

  48. กรรมวิธีการกัดแต่ง • การกลึง (Turning)เป็นการแต่งผิวงานรูปทรงกระบอกที่ผิวนอกหรือรูภายในการกลึงสามารถกัดแต่งชิ้นงานได้หลายลักษณะ

  49. การกัด (Milling)เป็นการขึ้นรูปชิ้นงานที่ใช้เครื่องมือตัดที่มีคมตัดหลายคมในการกัดขึ้นรูป อาจใช้คมตัดด้านข้างหรือที่ปลายคมตัด การกัดสามารถกัดได้ทั้งแบบผิวหน้าเรียบ การกัดเซาะร่อง หรือการกัดผิวโค้ง การทำงานของเครื่องในการป้อนชิ้นงานให้ใบมีดกัด การกำหนดความลึก

  50. การเจียระไน (Grinding) เป็นการกัดแต่งในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้งานได้ขนาดและความเรียบตามต้องการการเจียระไนจะใช้หินเจียระไนที่ทำจากวัสดุที่มีความแข็งสูง เช่นซิลิคอน คาร์ไบด์ อะลูมิเนียมออกไซด์ หรือเพชร

More Related