410 likes | 590 Views
รายงานการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ผสมผสานปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจริยธรรมของนักศึกษา. A Development of Blended Problem-based Learning Model to develop Students’ Academic achievements and Ethics. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สายฝน เสกขุนทด.
E N D
รายงานการวิจัยเรื่อง • การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ผสมผสานปัญหาเป็นฐาน • เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจริยธรรมของนักศึกษา A Development of Blended Problem-based Learning Model to develop Students’ Academic achievements and Ethics ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สายฝน เสกขุนทด
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา ในสังคมยุคสารสนเทศ เป็นการปฏิรูปสังคมที่มีผลมาจากการรวมเข้าด้วยกันของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT) ก่อให้เกิดการสร้าง การเผยแพร่ การใช้ความรู้และสารสนเทศ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ โดย ICT เป็นเครื่องมือที่เชื่อมโยงแนวคิดสมัยใหม่ต่างๆ เข้าด้วยกัน นับตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา เช่น e-Learning, e-Library เป็นต้น
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา ดังนั้นการพัฒนาด้านการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาทางด้านการศึกษาก็คือ ครู หรือผู้สอน การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้เรียน และรูปแบบการเรียนโดยการนำคอมพิวเตอร์มาเอื้อประโยชน์ในการเรียนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถก้าวทันโลกแห่งเทคโนโลยีและให้เหมาะสมกับสังคมแห่งความรู้ โดยบทบาทของผู้เรียนต้องเปลี่ยนเป็นผู้คิดเอง กระทำเอง เพื่อสามารถเรียนได้ในกระบวนการเรียนการสอนรูปแบบต่างๆ ที่แตกต่างไปจากผู้อื่น โดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 หมวด 4 มาตรา 22 ได้กำหนดแนวการจัดการศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนต้องมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา การสอนแบบใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์จะเป็นการเปลี่ยนบทบาทของผู้สอนให้แตกต่างไปจากเดิม โดยเปลี่ยนจากจุดศูนย์กลางการเรียนรู้มาเป็นผู้ช่วยเหลือแนะนำและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียน ผู้สอนจึงต้องมีความรู้และทักษะด้านคอมพิวเตอร์อย่างดี และใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการสอนให้สามารถรองรับและตอบสนองความกระตือรือร้นของผู้เรียนได้อย่างเต็มความสามารถ ผู้สอนควรเปลี่ยนบทบาทจากการสอนในห้องเรียนแบบเดิมเป็นบทบาทต่างๆ ดังนี้
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา 1) เป็นผู้จัดการของการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้ร่วมกัน 2) เป็นผู้กำกับการสอน 3) เป็นผู้อำนวยความสะดวก 4) เป็นผู้ออกแบบ 5) เป็นผู้ชี้แนะเพื่อนำไปสู่การสืบถามและผู้ส่งเสริมรูปแบบ การคิดแนวใหม่
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา ดังนั้นผู้สอนจึงต้องแสวงหาวิธีการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลายวิธี อาทิ การเรียนรู้แบบผสมผสาน หรือเรียกว่า เบล็นเด็ดเลิร์นนิ่ง (blended learning) ซึ่งหมายถึง กระบวนการเรียนรู้ ที่ผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา แก่นแท้ของการผสมผสานคือ วิธีการเรียนการสอนที่ประกอบด้วย 1) ผู้เรียน (audience) 2) เนื้อหา (content) 3) โครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) 4) เน้นการเรียนรู้แบบกลุ่ม ส่งเสริมกระบวนการ เรียนรู้และผสมผสานเทคโนโลยีสู่การศึกษา
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา การเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning: PBL) ส่งเสริมให้เกิดองค์ความรู้โดยเริ่มจากประสบการณ์การแก้ปัญหาของแต่ละบุคคลด้วยตนเอง สู่ผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเล็ก ผู้เรียนจะต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองและกลุ่ม โดยระบุปัญหาและแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว สมาชิกในกลุ่มจะต้องศึกษาค้นคว้าอย่างอิสระในขอบเขตปัญหา เพื่อนำข้อค้นพบหรือองค์ความรู้ใหม่นั้นมาเผยแพร่ให้สมาชิกในกลุ่มได้รับทราบ (Savery, 2006)
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา วูดส์ (Woods, 1994) ได้สรุปขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน 4 ขั้นตอนหลักดังนี้ (EILA) 1. สำรวจปัญหา (Explore the problem: E) 2. ระบุประเด็นที่เกี่ยวข้อง (Identify: I) ประกอบไปด้วย 2.1) พยายามแก้ปัญหาด้วยความรู้ในปัจจุบันที่มีอยู่ 2.2) ระบุสิ่งที่ยังไม่รู้ และสิ่งใดที่รู้ 2.3) กำหนดแผนการศึกษาค้นคว้าวิจัย
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา 3. หัวข้อที่จะต้องนำไปหาเนื้อหาหรือคำตอบจะต้องไป ศึกษาค้นคว้า (Learning Issue: L) ประกอบด้วย 3.1) เรียนรู้ด้วยตนเองและเตรียมความพร้อม 3.2) แบ่งปันความรู้ใหม่ให้สมาชิกในกลุ่มได้รับทราบ 4. การประยุกต์ใช้ความรู้ (Apply it: A) ประกอบด้วย 4.1) ประยุกต์หรือนำความรู้สู่การแก้ปัญหา 4.2) สะท้อนกระบวนการแก้ปัญหา
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐานแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1) กระตุ้นความรู้เดิม 2) การเสริมสร้างความรู้ใหม่ และ 3) การสร้างความเข้าใจให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น (Schmidt, 1983)
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 เพื่อต้องการปฏิรูปการศึกษาการบริหารและการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพการพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขที่เรียกว่า เก่ง ดี มีสุข (มาตรา 3)
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2552 (ราชกิจจานุเษกษา, 2552) กำหนดคุณลักษณะของบัณฑิตที่พึงประสงค์ ดังนี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม ถ่อมตนและทำหน้าที่เป็น พลเมืองดี รับผิดชอบต่อตนเอง วิชาชีพและสังคม2. มีความรู้พื้นฐานในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติอยู่ในเกณฑ์ดี
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา 3. มีความรู้ทันสมัย ใฝ่รู้ และมีความสามารถพัฒนา ความรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนางานและพัฒนาสังคม 4. คิดเป็น ทำเป็น และเลือกวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างเป็น ระบบและเหมาะสม 5. มีความสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น มีทักษะ การบริหารจัดการและทำงานเป็นหมู่คณะ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา 6. รู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเองและสามารถติดต่อสื่อสารกับ ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี 7. มีความสามารถการใช้ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ในการสื่อสารและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ดี 8. มีความสามารถวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ ออกแบบ พัฒนา ติดตั้ง และปรับปรุงระบบ คอมพิวเตอร์ให้สามารถ แก้ไขปัญหาขององค์กรหรือบุคคลตามข้อกำหนดได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา 9. สามารถวิเคราะห์ผลกระทบของการประยุกต์ คอมพิวเตอร์ต่อบุคคล องค์กร และสังคม รวมทั้ง ประเด็นทางด้านกฎหมายและจริยธรรม 10. มีความสามารถเป็นที่ปรึกษาในการใช้งานระบบ คอมพิวเตอร์ในองค์กร11. มีความสามารถบริหารระบบสารสนเทศในองค์กร 12. มีความสามารถในการพัฒนาโปรแกรมขนาดเล็กเพื่อ ใช้งานได้
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา 9. สามารถวิเคราะห์ผลกระทบของการประยุกต์ คอมพิวเตอร์ต่อบุคคล องค์กร และสังคม รวมทั้ง ประเด็นทางด้านกฎหมายและจริยธรรม 10. มีความสามารถเป็นที่ปรึกษาในการใช้งานระบบ คอมพิวเตอร์ในองค์กร11. มีความสามารถบริหารระบบสารสนเทศในองค์กร 12. มีความสามารถในการพัฒนาโปรแกรมขนาดเล็กเพื่อ ใช้งานได้
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา จากแนวคิดดังกล่าวนี้ ผู้วิจัยจึงพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ผสมผสานปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และจริยธรรมของนักศึกษา รวมถึงค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นฐานทางด้านการเรียนรู้และขยายสังคมแห่งการเรียนรู้ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ผสมผสานปัญหาเป็นฐาน“PIE-BPBL model” 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษากับเกณฑ์ที่กำหนด 3. เพื่อเปรียบเทียบจริยธรรมของนักศึกษาระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วย “PIE-BPBL model”
วัตถุประสงค์การวิจัย 4. เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของ นักศึกษาที่เรียนด้วย “PIE-BPBL model” 5. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อ การเรียนด้วย “PIE-BPBL model”
สมมติฐานการวิจัย 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาหลังเรียน ด้วย “PIE-BPBL model” สูงกว่าร้อยละ 80 2. จริยธรรมของนักศึกษาหลังเรียนด้วย “PIE-BPBL model” สูงกว่าก่อนเรียน 3. ความคงทนในการเรียนรู้ของนักศึกษาที่เรียนด้วย“PIE-BPBL model” ลดลงไม่เกิน ร้อยละ 10 เมื่อระยะเวลาผ่านไป 15 วัน
ขั้นตอนที่ 1: การพัฒนา (ร่าง) “PIE-BPBL model” ขั้นตอนที่ 2: คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ และประเมินความ สอดคล้องและความเหมาะสมของ (ร่าง) “PIE-BPBL model” ขั้นตอนที่ 3: นำเสนอรูปแบบ “PIE-BPBL” ต่อที่ประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านอิเลิร์นนิ่ง (International e-Learning Conference 2011: ICE2011)
1. ขั้นเตรียมการ (Preparation stage: P) • 1.1 กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ • 1.2 การคัดเลือกเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอน • 1.3 กำหนดผู้เรียน • 1.4 ปฐมนิเทศ • 1.5 จัดหาสิ่งสนับสนุน/อำนวยความสะดวกการเรียนรู้
2. ขั้นพัฒนาการเรียนรู้ (Instructional development stage: I) • 2.1 วิธีการเรียนผ่านอีเลิร์นนิ่ง ใช้หลักแบบ ADDIE model • 1) ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis: A) • 2)ขั้นการออกแบบ (Design: D) • 3) ขั้นการพัฒนา (Development: D) • 4) ขั้นการนำไปใช้ (Implementation: I) • 5) ขั้นการประเมินผล (Evaluation: E) • 2.2 การเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (EILA Model)
3. ขั้นประเมินผล (Evaluation stage: E) 3.1 ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็น • แบบทดสอบปรนัย จำนวน 50 ข้อ • 3.2 ประเมินผลจริยธรรมของนักศึกษา โดยใช้แบบวัดจริยธรรม จำนวน 75 ข้อ
เครื่องมือสำหรับการพัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิ่งในครั้งนี้ • เป็นระบบอีเลิร์นนิ่งของ มรร. โดยระบบ Moodle เป็น • ระบบการจัดการเรียนรู้สำเร็จรูป เหมาะสำหรับนำมา • เป็นเครื่องมือในการสร้างบทเรียนอีเลิร์นนิ่งที่มีความ • ยืดหยุ่นสูง สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้ เนื่องจากเป็น • ระบบแบบเปิด
1. วิธีการเรียนผ่านอีเลิร์นนิ่ง ใช้หลักแบบ ADDIE model • 1.1 ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis: A) • 1.2ขั้นการออกแบบ (Design: D) • 1.3 ขั้นการพัฒนา (Development: D) • 1.4 ขั้นการนำไปใช้ (Implementation: I) • 1.5 ขั้นการประเมินผล (Evaluation: E) • 2. การเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (EILA Model)
1) แบบแผนการทดลอง แบบกลุ่มเดียวสอบก่อนและหลัง (one-group pretest posttest design) 2) ขั้นตอนการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล
2) ขั้นตอนการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล 2.1) ทดสอบระดับจริยธรรมของนักศึกษาเพื่อ ตรวจสอบระดับจริยธรรมของนักศึกษาก่อนการทดลอง 2.2) จัดกิจกรรมการเรียนรู้ผสมผสานปัญหาเป็นฐาน ให้กับนักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา ภาคเรียนที่ 2/2554 จำนวน 33 คน
2) ขั้นตอนการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล • 2.3) เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้วทำการทดสอบหลังเรียน โดยทดสอบวัดระดับจริยธรรมของนักศึกษาด้วยแบบวัดชุดเดียวกันกับก่อนเรียน • 2.4) ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทันทีหลัง • การทดลอง ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2) ขั้นตอนการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล • 2.5) สอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อการเรียนด้วย “PIE-BPBL model” • 2.6) หลังทดลอง 15 วัน ทดสอบวัดความคงทนในการเรียนรู้หรือสภาวะที่สามารถระลึกถึง หรือความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่ยังคงจดจำหลังจากที่เรียนรู้ด้วย “PIE-BPBL model”
สรุปและอภิปรายผล 5.1) การพัฒนา “PIE-BPBL model” พบว่า ผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ 9 ท่าน มีความสอดคล้องและ เหมาะสมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 4.25)
สรุปและอภิปรายผล 5.2) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษากับเกณฑ์ที่กำหนด (ร้อยละ 80) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า นักศึกษาได้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 42.58 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่กำหนดไว้
สรุปและอภิปรายผล 5.3) การเปรียบเทียบจริยธรรมของนักศึกษาระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน ด้วย “PIE-BPBL model” พบว่า นักศึกษาได้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่กำหนดไว้
สรุปและอภิปรายผล 5.4) การศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักศึกษาที่เรียนด้วย “PIE-BPBL model” พบว่า กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้ผู้เรียนมีความคงทนทางการเรียน สามารถระลึกถึงความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหรือยังคงจดจำหลังจากที่เรียนไปแล้ว เมื่อระยะเวลาผ่านไปแล้ว 15 วัน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาลดลงเพียง 4.06 ซึ่งลดลงไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือร้อยละ 10
สรุปและอภิปรายผล 5.5 การศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาที่เรียนด้วย “PIE-BPBL model” พบว่า คะแนนเฉลี่ยภาพรวมของความคิดเห็น อยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53
ขอขอบคุณทุกท่าน จบการนำเสนอแล้วค่ะ