1 / 36

การติดตั้งอุปกร์เครื่อค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้าน

รายงาน เรื่อง การติดตั้งอุปกรณ์เครือค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้าน วิชา DATA COMMUNICATION AND COMPUTER NETWORK เสนอ รศ . ธีรวัฒน์ ประกอบผล จัดทำโดย นาย สมชัย ทองดอนน้อย รหัส 54631119. การติดตั้งอุปกร์เครื่อค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้าน. จะขออธิบาย การต่อ Computer ใช้ ดังนี้

Download Presentation

การติดตั้งอุปกร์เครื่อค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้าน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รายงาน เรื่องการติดตั้งอุปกรณ์เครือค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้านวิชาDATA COMMUNICATION AND COMPUTER NETWORKเสนอรศ. ธีรวัฒน์ ประกอบผลจัดทำโดยนาย สมชัย ทองดอนน้อยรหัส 54631119

  2. การติดตั้งอุปกร์เครื่อค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้านการติดตั้งอุปกร์เครื่อค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้าน จะขออธิบาย การต่อ Computer ใช้ ดังนี้ 1.การต่อ Computer แบบ ใช้ สาย แบบระบบ LAN 2.การต่อComputer แบบไร้สาย แบบ Wireless LAN

  3. วิธีต่อสายแลน มีวิธีการต่อสายแลนมี 2 แบบ 1.การต่อแบบตรง Straig Through Cable 2.การต่อแบบไขว้ Crossover Cable

  4. 1.การเข้าหัวแบบสายตรง ( Straight-through cable EIA/TIA 568B )

  5. 2.การเข้าหัวแบบสายไขว้ ( Crossover cable EIA/TIA 568A & 568B )

  6. ใช้ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ใช้ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  7. วิธีการเข้าสาย UTP กับขั้ว RJ45 1. นำสาย UTP มาปอกฉนวนหุ้มที่ปลายสายทั้งสองด้านยาวประมาณ 3 ซ.ม. เมื่อปอกแล้วจะพบเห็นสายอยู่ 4 คู่ บิดเป็นเกลี่ยวแยกสีไว้ชํดเจน 2. คลายเกลียวที่สายออก แล้วแรียงสายตามสีที่กำหนด แบ่งการเชื่อมต่อสายสัญญาณได้2วิธี

  8. 3. เมื่อเรี่ยงสายตามสีในขั้นตอนที่ 2 แล้วตัดสายให้เหลือประมาณ 1.5 ซ.ม.4. เสียบสาย UTP ที่ตัดและเรียงสีไว้แล้ว เข้าไปในขั้วต่อ RJ45 โดย ให้หมายเลขสายที่เรากำหนดไว้ตามขั้นตอนที่1และ2 ตรงกับหมายเลขขั้ว RJ45

  9. 5. เสียบขั้ว RJ45 เข้าไปในร่องคีม ดันสาย UTP ให้สนิทอีกครั้ง แล้วใช้มือบีบด้ามคีมให้แน่น โลหะทองเหลืองของขั้ว RJ45 จะเข้าไปสัมผัสกับสายทองแดง ข้อควรระวัง การดึงหัว RJ45 ออกจากคีมให้ใช้มือบีบหางพลาสติกสำหรับสำหรับล็อกก่อน

  10. 1.การต่อ Computer แบบ ใช้สาย แบบระบบ LANการต่อสาย LAN เข้ากับคอมพิวเตอร์การต่อสายของระบบ LAN จะมีสองแบบหลักๆคือ Bus และ Star ถ้าจะต่อแบบประหยัดก็ใช้แบบ Bus เพราะไม่ต้องใช้ HUB แต่ว่าหากเครื่องในระบบ มากอาจจะเกิดปัญหาจุกจิกได้ เนื่องจากสายหลุด หรือสายขาดเพียงจุดใดจุดหนึ่งก็จะทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด เราลองมาดูเลยว่าต่อยังไง

  11. การต่อ Computer แบบระบบ BUS

  12. การต่อ Computer แบบระบบ STAR ระบบ Star เมื่อสายขาด หรือ หลุดเสียหายจะมีผลกระทบกับคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น

  13. สายที่ใช้ในระบบ Bus จะเป็นสาย Coaxial คล้ายๆสายอากาศทีวี ส่วน สายในระบบ Star จะเป็นสาย UTP หรือเรียกแบบไทยๆว่าสายคู่ตีเกลียว จะมี 4 คู่ หรือนับทั้งหมดได้ 8 เส้น การต่อสายในกรณีใช้กับ HUB ดังรูป จะต่อสายแบบปกติ pin ต่อ pin ไม่มีการสลับ ส่วนการต่อแบบ Cross นั้นจะกล่าวต่อไปว่าใช้เมื่อไหร่อย่างไร การต่อแบบ Bus จะวุ่นวายกว่านิดหน่อย คือจะต้องมี T-Connector และ Terminator มาวุ่นวาย การต่อ ก็จะต่อดังรูป ให้นำ T-Connector ต่อกับการ์ด LAN ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวจากนั้นเครื่อง หัว-ท้าย ให้ ปิดด้วย Terminator เพื่อให้สัญญาณวนครบตลอดทั้งระบบ Bus

  14. ต่อแบบ 2 เครื่องโดยใช้สาย UTPการต่อแบบนี้จะใช้ได้แค่ 2 เครื่องเท่านั้นไม่สามารถขยายได้อีกเลยเพราะจะต้องใช้สาย UTP แบบ Cross เท่านั้น สาย Cross สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และสาย Network ทั่วไป

  15. การต่อแบบ Star ใช้ HUB หลายตัว การขยาย HUB เพื่อเพิ่ม Port ให้มากขึ้นกว่าเดิม จะมีการต่ออยู่สามสี่แบบคร่าวๆ ต่อไปนี้ 1. HUB บางยี่ห้อมีตัวต่อพิเศษที่สามารถนำ HUB ยี่ห้อและรุ่นเดียวกันอีกตัวมาซ้อนทับได้เลยทันที2. ถ้า HUB ที่มีหัว BNC(แบบที่ใช้ต่อสาย Coaxial) สามารถต่อเชื่อมกันด้วยสาย Coaxial จะได้ประหยัด Port 3. ถ้า HUB ที่ไม่มีหัว BNC จะมีช่องเสียบสาย UTP อยู่ 1 Port เขียนว่า UP-LINK ให้ใช้สาย UTP แบบธรรมดา (ไม่ใช่สาย Cross) เสียบช่อง UP-LINK และไปเสียบที่ช่องธรรมดา (ไม่ใช่ช่อง UP-LINK) ของอีก HUB นึง 4. ถ้าไม่มีช่อง UP-LINK ให้ใช้สาย Cross ต่อระหว่าง Port ใด Port หนึ่งก็ได้ระหว่าง HUB สองตัว

  16. อุปกรณ์เนื่องจากการต่อLanมีหลายแบบและอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแตกต่างกันไปแต่ที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะแบบ BUS ซึ่งเป็นการต่อ Computer ทุกตัวกับ สาย Cable ตามแนวของสายCable โดยใช้สายCoaxial ข้อดีของแบบ BUS ก็คือง่าย และ ประหยัด ทีนี้ก็เริ่มว่าต้องใช้อะไรบ้าง

  17. 1.Lan Card เท่า จำนวนComputer ที่ต้องการต่อ จะเป็นแบบ PCI เขาว่าเร็ว หรือ ISAก็ได้ โดยให้มีขั้วต่อแบบ BNC ด้วย เพราะบางCardจะมีเฉพาะRJ-45 ,บางอันมีครบ3อย่างคือมี AUI ด้วย

  18. 2. T-Connectorเท่าจำนวน Lan Card , Terminator2 อัน 50 ohm สำหรับปิดเครื่องหัว-ท้าย สำหรับTerminator ถ้าฉุกเฉินจริงๆ ก็ใช้ ความต้านทาน 50 ohm1/2 wattแทนได้

  19. 3.สาย Coaxial RG 58 ซึ่งเป็นสาย 50 ohm พร้อม BNC Connector จำนวนตามที่ต้องการต่อสายที่ใช้กับTV ใช้ไม่ได้ เพราะสาย TV เป็น สาย 75 ohm ถ้าท่านพอจะมีความรู้ทางช่าง อยู่บ้าง จะซื้อสาย Coaxial กับ ขั้ว BNC มาต่อเองก็ได้

  20. รูปแสดงการเชื่อมโยงระหว่างCom.ที่ขั้ว BNC ในกรณีที่เราจะใช้ขั้วต่อที่ RJ-45 Connector ต้องใช้สาย UTPซึ่งเป็นสาย 100 ohm

  21. 2.การต่อแบบไร้สาย แบบ Wireless LAN ระบบเครือข่ายไร้สาย ระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ ระบบเครือข่ายแบบ Wireless LAN หรือ WLAN  เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายแบบไร้สายไม่จำเป็นต้องเดินสายเคเบิ้ล เหมาะสำหรับการติดตั้งในสถานที่ที่ไม่สะดวกในการเดินสาย หรือในสถานที่ที่ต้องการความสวยงาม เรียบร้อย และเป็นระเบียบ เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น

  22. หลักการทำงานของระบบ Wireless LAN การทำงานจะมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ และกระจายสัญญาณ หรือที่เราเรียกว่า Access Point และมี PC Card ที่เป็น LAN card สำหรับในการเชื่อมกับ access point โดยเฉพาะ การทำงานจะใช้คลื่นวิทยุเป็นการรับส่งสัญญาณ โดยมีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 2.4 to 2.4897 Ghzและสามารถเลือก configใน Wireless Lanภายในระบบเครือข่าย Wireless Lanควรเลือกช่องสัญญาณเดียวกัน

  23. ระยะทางการเชื่อมต่อของระบบ Wireless LANภายในอาคาร   1. ระยะ 50 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps           2. ระยะ 80 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps           3. ระยะ 120 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps           4. ระยะ 150 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 1 Mbps ภายนอกอาคาร   1.ระยะ 250 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps           2. ระยะ 350 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps         3. ระยะ 400 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps       4. ระยะ 500 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 1 Mbps

  24. การเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย Wireless LAN มี 2 ลักษณะ ดังนี้ ที่แพร่กระจายออกมา ถ้าใช่ข้อมูลของตนก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลต่อไป 1.การเชื่อมโยงเครือข่ายไวร์เลสแลนที่ใช้โครงสร้างการเชื่อมโยงแบบ Ad-hoc ไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ตได้ เนื่องจากบนระบบไม่มีการใช้สัญญาณเลย

  25. 2. การเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure (Client/Server) โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure หรือ Client / Server มีข้อพิเศษกว่าการเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc (Peer to Peer) 

  26. โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc หรือ Peer to Peer เป็นการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป โดยที่ไม่มีศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ทุกเครื่องสามารถสื่อสารข้อมูลถึงกันได้เอง ตัวส่งจะใช้วิธีการแพร่กระจายคลื่นออกไปในทุกทิศทุกทางโดยไม่ทราบจุดหมายปลายทางของตัวรับว่าอยู่ที่ใด ซึ่งตัวรับจะต้องอยู่ในขอบเขตพื้นที่

  27. ให้บริการที่คลื่นสามารถเดินทางมาถึงแล้วคอยเช็คข้อมูลว่าใช่ของตน หรือไม่ ด้วยการตรวจสอบค่า Mac Address ผู้รับปลายทางในเฟรมข้อมูละบบแบบ Ad-hoc ตรงที่มีแอ็กเซสพอยน์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง (ทำหน้าที่คล้ายฮับ) และเป็นสะพานเชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายอุปกรณ์ไวร์เลสแลนเข้าสู่เคลือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนหลัก (Ethernet Backbone) รวมถึงการควบคุมการสื่อสารข้อมูลอุปกรณ์ไวร์เลสแลน

  28. อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย Wireless LAN         1. แลนการ์ดไร้สาย (Wireless LAN Card)ทำหน้าที่ในการ แปลงข้อมูล ดิจิตอล ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นคลื่นวิทยุแล้วส่งผ่านสายอากาศให้กระจายออกไป และทำหน้าที่ในการรับเอาคลื่นวิทยุที่แพร่กระจายแปลงเป็น ข้อมูลดิจิตอล ส่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผล Wireless LAN ที่ผลิตออกมาจำหน่าย มีหลายรูปแบบแบ่งตามลักษณะช่องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ดังนี้ - แลนการ์ดแบบ PCI - แลนการ์ดแบบ PCMCIA - แลนการ์ดแบบ USB - แลนการ์ดแบบ Compact Flash (CF)

  29. 2. อุปกรณ์เข้าใช้งานเครือข่าย (Wireless Access Point) ทำหน้าที่เสมือน ฮับ เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ไวร์เลสแลนแบบต่าง ๆเข้าด้วยกัน อีกทั้งเป็นสะพานเชื่อมต่อ เครื่องไวร์เลสแลนเข้ากับเครื่องอีเธอร์เนตทำให้ระบบทั้งสองสามารถสื่อสารกันได้

  30. 3. สะพานเชื่อมโยงไร้สาย (Wireless Bridge) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระบบ เครือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนตั้งแต่สองระบบขึ้นไปเข้าด้วยกันแทนการใช้สายสัญญาณ ข้อมูลที่สื่อสารระหว่างเครือข่ายอีเธอร์เน็ตจะถูกแปลงเป็นคลื่นวิทยุแล้วถูกแปลงไปยังปลายทาง

  31. 4. Wireless Broadband Router ทำหน้าที่ในการต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านคู่สายโทรศัพท์ (ADSL) หรือ เคเบิลทีวี (UBC) ด้วยเทคโนโลยี Broadband Router ซึ่งมีฟังชันการทำงานเป็นตัวค้นหาเส้นทาง, NAT (Network Address Translation) , Firewall , VPN ๆลๆ มาผสมผสานเข้ากับ Access Point ทำให้ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายสามารถสื่อสารข้อมูลไปยังระบบอินเทอร์เน็ต

  32.       5. Wireless Print Server  เป็นอุปกรณ์การแชร์เครื่องพิมพ์บนระบบเครือข่าย Wireless LAN

  33.          6. Power Over Ethernet Adapter ทำหน้าที่แยกสาย UTP ที่มีสายทองแดงตีเกลียวอยู่ข้างใน 4 คู่โดยสายทองแดงสำหรับใช้สื่อสารข้อมูลใช้เพียง 2 คู่เท่านั้น ส่วนสายทองแดงอีก 2 คู่สามารถใช้อุปกรณ์ตัวนี้นำมาใช้เป็นเส้นทางสำหรับส่งแรงดันไฟฟ้าไปให้กับตัว Access Point ได้

  34.   7. สายอากาศ (Antenna) ทำหน้าที่เปลี่ยนข้อมูลในรูปของกระแสไฟฟ้าที่ส่งออกมาจากภาคส่งของอุปกรณ์ไวร์เลสแลนให้กลายเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแพร่กระจายออกไปในอากาศและสายอากาศยังทำหน้าที่รับเอาคลื่นที่อุปกรณ์ไวร์เลสแลนเครื่องอื่น ๆ ส่งออกมาแปลงกลับให้อยู่ในรูปของกระแสไฟฟ้าส่งให้ภาครับต่อไป

  35. ประโยชน์ของระบบ Wireless LAN        1. สะดวกในการเคลื่อนย้าย ติดตั้ง เนื่องจาก WLAN ไม่จำเป็นต้องมีสายเคเบิ้ลในการต่อพ่วง 2. ง่ายในการติดตั้ง เพราะไม่จำเป็นต้องเดินสายเคเบิ้ล          3. ลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องจำเป็นต้องเสียค่าบำรุงรักษา ในระยะยาว 4. สามารถขยายเครือข่ายได้ไม่จำกัด

  36. ข้อเสียของระบบ Wireless LAN 1. มีอัตราการลดทอนสัญญาณสูง นั้นหมายความว่า ส่งสัญญาณได้ระยะสั้น 2. มีสัญญาณรบกวนสูง          3. ต้องแชร์กันใช้ช่องสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกัน          4. ยังมี หลายมาตรฐาน ตามผู้ผลิต แต่ละราย ทำให้มี ปัญหาในการใช้งานร่วมกัน          5. ราคาแพงกว่าระบบเครือข่ายแบบมีสาย    6. มีความเร็วไม่สูงมาก

More Related