310 likes | 657 Views
หน่วยที่ 6. การวิเคราะห์ราคาและ. การตัดสินใจ ของหน่วยธุรกิจ. การวิเคราะห์ราคาและการตัดสินใจ ของหน่วยธุรกิจ. การกำหนดราคาของหน่วยธุรกิจในโครงสร้างตลาดประเภทต่างๆ การกำหนดราคาเพื่อเป้าหมายต่างๆในระยะยาว การกำหนดราคาสินค้าในทางปฏิบัติ การกำหนดราคาสินค้าใหม่. การตั้งราคาในทางปฏิบัติ.
E N D
หน่วยที่ 6 การวิเคราะห์ราคาและ การตัดสินใจของหน่วยธุรกิจ
การวิเคราะห์ราคาและการตัดสินใจของหน่วยธุรกิจการวิเคราะห์ราคาและการตัดสินใจของหน่วยธุรกิจ • การกำหนดราคาของหน่วยธุรกิจในโครงสร้างตลาดประเภทต่างๆ • การกำหนดราคาเพื่อเป้าหมายต่างๆในระยะยาว • การกำหนดราคาสินค้าในทางปฏิบัติ • การกำหนดราคาสินค้าใหม่
การตั้งราคาในทางปฏิบัติการตั้งราคาในทางปฏิบัติ รศ. จรินทร์ เทศวานิช
วัตถุประสงค์ของการตั้งราคาวัตถุประสงค์ของการตั้งราคา • เพื่อทำกำไรสูงสุด • เพื่อให้รายได้สูงสุด • เพื่อให้ส่วนครองตลาดสูงสุด • เพื่อรักษาระดับราคาสินค้า • เพื่อเผชิญกับการแข่งขัน • เพื่อการเติบโตของยอดขายสูงสุด ฯลฯ
การกำหนดราคาสินค้าแบบต่างๆการกำหนดราคาสินค้าแบบต่างๆ • การกำหนดราคาโดยบวกเพิ่มกับต้นทุน ตัวอย่าง Markup on Cost = 2.99 - 2.30 2.30 = 0.30 หรือ 30% Markup on Cost = Price - Cost Cost
การกำหนดราคาสินค้าแบบต่างๆการกำหนดราคาสินค้าแบบต่างๆ หรือ ใช้สูตรเพื่อหาราคาสินค้าได้ คือ หรือ ตัวอย่าง Price = 2.30 ( 1 + 0.30 ) = 2.99 Price = Cost ( 1 + Markup on Cost ) ราคาสินค้า = ต้นทุน ( 1 + อัตราส่วนเหลื่อมของต้นทุน )
การกำหนดราคาสินค้าแบบต่างๆการกำหนดราคาสินค้าแบบต่างๆ • การกำหนดราคาโดยบวกเพิ่มกับราคา ตัวอย่าง Markup on Price = 8.30 - 6.90 8.30 = 0.17 หรือ 17% Markup on Price = Price - Cost Price
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด ณ จุดกำไรสูงสุด MC = MR โดยที่ MR = P (1 + 1 ) p ดังนั้น P (1 + 1 ) = MC p หรือ P = MC 1 1 + 1 p
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด การหา Optimal Markup on Cost ซึ่ง P = MC ( 1 + Markup on Cost ) ดังนั้น MC ( 1 + Markup on Cost ) = MC 1 1 + 1 p เอา MC หารสมการทั้งสองข้าง ได้ ( 1 + Markup on Cost ) = MC 1 1 + 1 p เพราะฉะนั้น อัตราส่วนเหลื่อมของต้นทุนที่จะให้ได้กำไรสูงสุด Optimal Markup on Cost (OMC) = -1 p + 1
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด ตัวอย่าง ถ้า p = - 1.5 OMC = - 1 = - 1 = 200 % p + 1 - 1.5 + 1 ถ้า p = - 5 OMC = - 1 = - 1 = 25 % p + 1 - 5 + 1
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด การหา Optimal Markup on Price จากสมการ MC = P ( 1 + 1 ) p MC = ( 1 + 1 ) P p MC - P = 1 P p P - MC = - 1 P p Optimal Markup on Price (OMP) = - 1 p
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด ตัวอย่าง ถ้า p = - 1.5 OMC = - 1 = 66.7 % - 1.5 ถ้า p = - 5 OMC = - 1 = 20.0 % - 5
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด จากสูตร ถ้าความยืดหยุ่นต่อราคาสินค้ามีค่าสูง อัตราส่วนเหลื่อมของกำไรจะมีค่าต่ำ ในทางตรงกันข้าม ถ้าความยืดหยุ่นต่อราคาสินค้ามีค่าต่ำ อัตราส่วนเหลื่อมของกำไรจะมีค่าสูง ดังตัวอย่างในตาราง
ความสอดคล้องระหว่างการกำหนดราคาโดยใช้ส่วนเหลื่อมผลกำไร กับกำไรสูงสุด Price Elasticity Optimal Markup on Optimal Markup on of Demand ( p) Cost (%): -1 Price (%): -1 p + 1 p - 1.5 200.0 66.7 - 2.0 100.0 50.0 - 2.5 66.7 40.0 - 5.0 25.0 20.0 - 10.0 11.0 10.0 - 25.0 4.2 4.0
การกำหนดราคาโดยอาศัยส่วนเพิ่มต้นทุน (Incremental Cost) ต้นทุนส่วนเพิ่ม = TC Q ตัวอย่าง ถ้ามีการผลิตสินค้าชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้น ( Q) เท่ากับ 10,000 หน่วย ทำให้ต้นทุนทั้งหมดเพิ่มขึ้น ( TC) 250,000 บาท เพราะฉะนั้น ต้นทุนส่วนเพิ่มต่อหน่วย = 250,000 10,000 = 25 บาท ดังนั้น ในการตั้งราคาสินค้าชนิดนี้ก็ควรไม่ต่ำกว่า 25 บาท/หน่วย
P P P 0 0 0 Q Q Q การกำหนดราคาขายหลายระดับ (Price Discrimination) MCA+B PA PB MRA+B DA+B MRA DA MRB DB QA QB QA+B
การกำหนดราคาขายระดับ โดยวิธีทางคณิตศาสตร์ Public Demand Student Demand Pp = 225 - 0.005 QpPs = 125 - 0.00125 Qs TRp = Pp . QpTRs = Ps . Qs TRp = 225 Qp . - 0.005 Qp2TRs = 125 Qs . - 0.00125 Qs2 MRp = 225 - 0.01 QpMRs= 125 - 0.0025 Qs TC = 1,500,000 + 25 Q MC = 25
การกำหนดราคาขายระดับ โดยวิธีทางคณิตศาสตร์ Public Demand Student Demand MRp = MC MRs = MC 225 - 0.01 Qp = 25 125 - 0.0025 Qs = 25 0.01 Qp = 200 0.0025 Qs = 100 Qp = 20,000 Qs = 40,000 เมื่อ เมื่อ Pp = 225 - 0.005 Qp Ps = 125 - 0.00125 Qs Pp = 225 - 0.005 (20,000) Ps = 125 - 0.00125(40,000) Pp = 125 Ps = 75
การกำหนดราคาขายระดับ โดยวิธีทางคณิตศาสตร์ การหากำไร กำไร = TRp + TRs - TC กำไร = 125 (20,000) + 75 (40,000) - [1,500,000 + 25(60,000)] = 2,500,000
ข้อพิสูจน์ในกรณีตั้งราคาเดียวจะได้กำไรน้อยกว่าข้อพิสูจน์ในกรณีตั้งราคาเดียวจะได้กำไรน้อยกว่า Public Demand Student Demand Qp = 45,000 - 200 PpQs = 100,000 - 800 Ps QT = Qp + Qs QT = 145,000 - 1,000 P และ P = 145 - 0.001 Q TR = P . Q = 145 Q - 0.001 Q2 MR = dTR = 145 - 0.002 Q dQ
ข้อพิสูจน์ในกรณีตั้งราคาเดียวจะได้กำไรน้อยกว่าข้อพิสูจน์ในกรณีตั้งราคาเดียวจะได้กำไรน้อยกว่า จุดกำไรสูงสุด MC = MR เมื่อ MC = 25 145 - 0.002 Q = 25 0.002 Q = 120 Q = 60,000 เมื่อ P = 145 - 0.001 (60,000) P = 85
ข้อพิสูจน์ในกรณีตั้งราคาเดียวจะได้กำไรน้อยกว่าข้อพิสูจน์ในกรณีตั้งราคาเดียวจะได้กำไรน้อยกว่า กำไร = TR - TC = 85 (60,000) - [1,500,000 + 25 (60,000)] = 2,100,000 บาท
ราคา ปริมาณ 0 การกำหนดราคาสินค้าร่วม ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ MC PB DB MRB PA DA MRT MRA Q*
การกำหนดราคาสินค้า ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ทางด้านคณิตศาสตร์ TC = 2,000,000 + 50 Q + 0.01 Q2 MC = dTC = 50 + 0.02 Q Newsprint Packaging Materials PA = 400 - 0.01 QAPB = 350 - 0.015 QB TRA = PA . QATRB = PB . QB TRA = 400 QA - 0.01 QA2TRB = 350QB - 0.015QB2 MRA = 400 - 0.02 QAMRB = 350 - 0.03 QB TR = TRA + TRB TR = 400 QA - 0.01 QA2 + 350 QB - 0.015 QB2
การกำหนดราคาสินค้า ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ทางด้านคณิตศาสตร์ เนื่องจากการผลิต QA และ QBอยู่ในกระบวนการผลิตเดียวกัน นั่นคือ QA = QB = Q TR = 400 Q - 0.01 Q2 + 350 Q - 0.015 Q2 TR = 750 Q - 0.025 Q2 MR = 750 - 0.05 Q ณ จุดกำไรสูงสุด MC = MR 750 - 0.05 Q = 50 + 0.02 Q 0.07 Q = 700 Q = 10,000 หน่วย
การกำหนดราคาสินค้า ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ทางด้านคณิตศาสตร์ ณ Q = 10,000 หน่วย MR แต่ละผลผลิตเท่ากับ MRA = 400 - 0.02 QA MRB = 350 - 0.03 QB = 400 - 0.02 (10,000) = 350 - 0.03 (10,000) = 200 (ที่ 10,000 หน่วย) = 50 (ที่ 10,000) การหาค่าของ MC MC = 50 + 0.02 Q = 50 + 0.02 (10,000) = 250
การกำหนดราคาสินค้า ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ทางด้านคณิตศาสตร์ การหาค่าของ PAและ PB PA = 400 - 0.01 QA PB = 350 - 0.015 QB = 400 - 0.01 (10,000) = 350 - 0.015 (10,000) = 300 = 200
การกำหนดราคาสินค้า ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ทางด้านคณิตศาสตร์ การหากำไร กำไร = TRA + TRB - TC = PA . QA + PB . QB - TC = 300(10,000) + 200(10,000) - 2,000,000 - 50(10,000) - 0.01(10,000)2 = 1,500,000 ธุรกิจจะผลิตและขายสินค้า A และ B ดังนี้ QA = 10,000 หน่วย ขาย PA = 300 /หน่วย QB = 10,000 หน่วย ขาย PB = 200 /หน่วย กำไร = 1,500,000 บาท
ราคา ปริมาณ 0 การกำหนดราคาสินค้าร่วม ที่การผลิตมีความสัมพันธ์สัดส่วนคงที่ในกรณีสินค้าชนิดหนึ่งผลิตเกิน MC PB DB PA MRB DA MRA+B MRA Q2 Q1
ผลผลิตร่วมที่ทำการผลิตในสัดส่วนผันแปรได้(Joint Product Produced in Variable Proportions) ต้นทุนรวมของกลุ่มผลผลิต (บาท) ผลผลิต Y ผลผลิต 1 2 3 4 5 15 7 10 15 22 210 13 18 23 31 320 25 33 40 50 435 43 53 63 75 555 67 78 90 105
QX TC = 20 ผลผลิต (X) = 3 = 5 = 6 = 2 TC = 14 TC = 12 TC = 8 TR = 20 TR = 25 TR = 15 TR = 10 QY 0 ผลผลิต (Y) ผลผลิตร่วมที่ทำการผลิตในสัดส่วนผันแปรได้(Joint Product Produced in Variable Proportions)