660 likes | 1.13k Views
การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน. โดย ดร. ทัศตริน วรรณเกตุศิริ. หลักการเลือกประเด็น ปัญหาสำหรับ การวิจัย. เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และผู้วิจัยมีความสนใจ ต้องการแก้ไขหรือหาคำตอบอย่างแท้จริง
E N D
การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดย ดร. ทัศตริน วรรณเกตุศิริ
หลักการเลือกประเด็นปัญหาสำหรับการวิจัยหลักการเลือกประเด็นปัญหาสำหรับการวิจัย • เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และผู้วิจัยมีความสนใจ ต้องการแก้ไขหรือหาคำตอบอย่างแท้จริง • ผู้วิจัยต้องมีความรู้ และ/หรือมีความถนัดในเรื่องที่จะวิจัย • สามารถสร้างเครื่องมือวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูล ต้องการกระบวนการวิจัยเพื่อให้ได้คำตอบ ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ได้โดยการจัดการ • มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ ไม่กว้างจนเกินไป
หลากหลายชื่อแต่ความหมายเดียวกันหลากหลายชื่อแต่ความหมายเดียวกัน • การวิจัยในชั้นเรียน (Classroom Research) • การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) • การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ (Research for Learning Development) • การวิจัยของครู หรือ การวิจัยโดยครู (Teacher-Based research) • การแสวงหาความรู้เชิงสะท้อนผลด้วยตนเอง (Self-Reflection) • การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research
ความยากของการวิจัยในชั้นเรียน • ขาดความเข้าใจด้านกระบวนการวิจัย และสถิติที่ใช้ในการวิจัย • ขาดงบประมาณสนับสนุน • ไม่นำผลงานวิจัยไปใช้จริง • การขาดทักษะในการเขียนรายงานวิจัย
ความสัมพันธ์ระหว่าง กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนการสอน การวางแผนการวิจัย : P การวางแผนการสอน จัดกิจกรรมการเรียนการสอน พบปัญหาการเรียนรู้ ปฏิบัติตามแผน : A ประเมินผลการเรียนรู้ เก็บข้อมูล : O สะท้อนความคิด ความรู้สึกและข้อค้นพบ : R วิเคราะห์ผลการประเมิน นำผลการวิจัยไปใช้ปรับปรุงและพัฒนา เขียนรายงานการวิจัย
ตัวอย่างหัวข้อการวิจัยในชั้นเรียนตัวอย่างหัวข้อการวิจัยในชั้นเรียน • ความรู้ • กระบวนการคิด • การแก้ปัญหา • ความคิดเห็น • ความรู้สึก • เจตคติ • ค่านิยม cognitive affective performance • ทักษะทางร่างกาย • ทักษะการปฏิบัติ • ทักษะการทำงานเดี่ยว/กลุ่ม การวิจัยเพื่อให้บรรลุจุประสงค์ของหลักสูตร
ตัวแปรของการวิจัยในชั้นเรียนตัวแปรของการวิจัยในชั้นเรียน • ตัวแปรต้น คือ นวัตกรรม หรือสิ่งที่ครูสร้างขึ้น เพื่อใช้ในการพัฒนาผู้เรียนหรือแก้ปัญหาในชั้นเรียน เช่น วิธีการสอน ชุดกิจกรรม สื่อประกอบการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ ฯลฯ • ตัวแปรตาม คือ สิ่งที่ต้องการศึกษาที่เป็นผลมาจาการใช้นวัตกรรม เช่น คะแนน ทักษะ ความพึงพอใจ กระบวนการคิด ฯลฯ
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง “ระบบสมการ” ระหว่างกลุ่มที่เรียนโดยใช้วิธีสอนตามขั้นตอนการสอนของกาเย่กับการสอนแบบปกติ การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง “ระบบสมการ” และเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างกลุ่มที่เรียนโดยใช้วิธีสอนตามขั้นตอนการสอนของกาเย่กับการสอนแบบปกติ
เพื่อการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร และเจตคติในต่อวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างโดยใช้การเรียนรู้การสอนแบบลงมือปฏิบัติและการจัดการเรียนรู้แบบปกติ โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติในวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนการสอนแบบลงมือปฏิบัติและการจัดการเรียนรู้แบบปกติ โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา
การศึกษาผลของการจัดกิจกรรมโดยใช้วิธีสอนของโพลยาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง ทฤษฎีบทพีทาโกรัส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การศึกษาผลของการจัดใช้กิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง ทฤษฎีบทพีทาโกรัสโดยใช้วิธีสอนตามแนวคิดของโพลยา ที่มีต่อเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยส่วนประกอบของรายงานการวิจัย
บทที่ 1:การเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การตั้งวัตถุประสงค์ของการวิจัยการตั้งวัตถุประสงค์ของการวิจัย • การกำหนดสิ่งที่จะทำในการวิจัยในชั้นเรียน มี 2 สิ่งที่สำคัญ คือ • การพัฒนา/สร้างนวัตกรรม (เพื่อพัฒนา/สร้างอะไร สำหรับใคร เพื่อใช้สอนเรื่องอะไร) • การตรวจสอบผลการใช้นวัตกรรม เช่น เปรียบเทียบผล (คะแนน/ทักษะ/ความสามารถ) ก่อนและหลังการใช้นวัตกรรม และ/หรือการศึกษาความพึงพอใจ ความคิดเห็นต่อการเรียน
บทที่ 1:การเขียนวัตถุประสงค์งานวิจัย
บทที่ 1:การเขียนวัตถุประสงค์งานวิจัย
บทที่ 1:การเขียนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ทำให้นักเรียนสามารถ/มี ...........(ตัวแปรตาม)......... และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ครูสามารถนำ .........(ตัวแปรต้น)...... ไปใช้เพื่อให้เกิด .......(ตัวแปรตาม)..... ได้ เป็นแนวทางในการพัฒนา ...........(ตัวแปรตาม)........ของผู้เรียนในพื้นที่หรือระดับอื่นๆ ได้
บทที่ 1:การเขียนขอบเขตการวิจัย
บทที่ 1:การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ
การเขียนบทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การเขียนบทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย
รูปแบบของการวิจัย (Research Design) • ในการวิจัยในชั้นเรียน แบ่งได้ 3 กลุ่ม • กลุ่มที่ 1 การวิจัยก่อนมีแบบการวิจัยเชิงทดลอง (pre-experimental design) • กลุ่มที่ 2 การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (quasi-experimental design) • กลุ่มที่ 3 การวิจัยเชิงทดลอง (experimental design)
Pre-experimental design เป็นวิจัยเชิงทดลองอย่างอ่อน (leaky design) วิจัยตัวแปรต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว ไม่มีการทดลองจริง ไม่มีกลุ่มควบคุม (control group)มีเฉพาะกลุ่มทดลอง (experimental group) ควบคุมอิทธิพลของตัวแปรเกินได้น้อยกว่าแบบอื่นๆ
One Shot Case Study X T2 • เลือกกลุ่มตัวอย่าง 1 กลุ่มหรือ 1 กรณี มีการทดลอง และทำการสังเกตหรือวัดผลเพื่อดูว่าตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ • ง่าย สะดวก เหมาะสำหรับ action research เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม • ไม่มีการสุ่มตัวอย่าง ไม่สามารถอ้างอิงผลไปสู่กลุ่มอื่นได้ ไม่มีการควบคุมตัวแปร ผลที่ได้อาจไม่ได้มาจากตัวแปรต้นที่ต้องการศึกษา
One-Group Pretest Posttest Design T1 X T2 • เลือกกลุ่มตัวอย่าง 1 กลุ่ม วัดตัวแปรตามก่อนและหลังการให้ตัวแปรต้น นำผลการวัดก่อนและหลังมาเปรียบเทียบกัน ดูว่าเพิ่มมากขึ้น หรือลดน้อยลง • สามารถทราบได้ว่าตัวแปรต้นให้ผลอย่างไร • การสอบก่อนทดลองอาจมีอิทธิพลต่อการสอบหลังการทดลอง แต่ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าผลการสอบที่แตกต่างกัน มาจากตัวแปรต้นเพียงอย่างเดียวหรือไม่ อาจมาจากการมีวุฒิภาวะมากขึ้น/โตขึ้น
Quasi-Experimental Design มีการทดลองแต่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีการสุ่มตัวอย่างเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เพราะกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนที่ถูกจัดให้เรียนในห้องเรียนปกติ ไม่สามารถควบคุมตัวแปรเกินได้
Nonrandomized control group pretest posttest design E T1 X T2 C T1 ~X T2 เลือกกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม เป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม วัดตัวแปรตามก่อนทดลองเพื่อดูว่าสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันก่อนให้ตัวแปรต้น มีกลุ่มควบคุมใช้เปรียบเทียบผลของการให้ตัวแปรต้น ถ้าสองกลุ่มมีความแตกต่างกัน ผลการทดลองที่ได้จะได้รับการกระทบกระเทือน
บทที่ 3:การเขียนขั้นตอนการดำเนินการวิจัย
บทที่ 3:การเขียนวิธีสร้างและพัฒนานวัตกรรม
บทที่ 3:การเขียนแบบวิจัย
บทที่ 3:การเขียนเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
บทที่ 3:การเขียนเกี่ยวกับการรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูล