1 / 33

หัวเรื่อง : หน้ายินดีต้อนรับเข้าบทเรียน

File : ba291_welcome_05.swf. หัวเรื่อง : หน้ายินดีต้อนรับเข้าบทเรียน. ยินดีต้อนรับเข้าสู่ BA 291 Introduction to Business ( ธุรกิจเบื้องต้น) บทที่ 5 การบริหารงาน. คลิกที่ปุ่มเพื่อเข้าสู่บทเรียน. ENTER. แสดงข้อความ และ Mascot คลิกที่ปุ่มเพื่อเข้าสู่บทเรียน. เสียงดนตรี.

Download Presentation

หัวเรื่อง : หน้ายินดีต้อนรับเข้าบทเรียน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. File : ba291_welcome_05.swf หัวเรื่อง : หน้ายินดีต้อนรับเข้าบทเรียน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ BA 291 Introduction to Business (ธุรกิจเบื้องต้น) บทที่ 5 การบริหารงาน คลิกที่ปุ่มเพื่อเข้าสู่บทเรียน ENTER • แสดงข้อความ และ Mascot • คลิกที่ปุ่มเพื่อเข้าสู่บทเรียน เสียงดนตรี

  2. File : ba291_05_welcome.swf หัวเรื่อง : หน้าเปิดบทเรียน พบ.291 ธุรกิจเบื้องต้น (Introduction to Business) บทที่ 5 การบริหารงาน วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. คลิกที่ปุ่มเพื่อเข้าสู่บทเรียน ENTER • แสดงข้อความ สวัสดีครับนักศึกษา ยินดีต้อนรับนักศึกษาเข้าสู่ บทที่ห้า เรื่องการบริหารงาน ขอวัตถุประสงค์ครับ

  3. File : ba291_05_home.swf หัวเรื่อง : หน้าสารบัญบทที่ 1 สารบัญบท หน้าที่ทางการบริหาร การวางแผน การจัดองค์การ การควบคุม  คลิกบทเรียนที่ต้องการศึกษา เสียง music background ขอหัวข้อ เพิ่มเติมด้วยครับ • Mouse over ที่ปุ่ม แสดง active bottom • คลิก หน้าที่ทางการบริหาร ลิงค์ไป File : ba291_05_01.swf • คลิก การวางแผน ลิงค์ไป File : ba291_05_03.swf • คลิก การจัดองค์การ ลิงค์ไป File : ba291_05_05.swf • คลิก การควบคุม ลิงค์ไป File : ba291_05_09.swf

  4. File : ba291_05_01.swf หัวเรื่อง : หน้าเปิดบทเรียน การบริหารงาน หน้าที่ทางการบริหาร เจ้าของธุรกิจ ทรัพยากร • แสดงภาพ + เสียงบรรยาย สวัสดีครับ ในบทที่ 7 นี้ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ การบริหารทรัพยากร ซึ่งการบริหารคือหน้าที่ในการใช้ทรัพยากรทั้งที่เป็นคนและทรัพยากร อื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนที่ได้กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดๆ ผู้ประกอบการธรุกิจหรือเจ้าของธุรกิจจะต้องทำหน้าที่บริหารธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรทั้งหลายในกิจการนั้นจะถูกใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายที่กำหนดไว้

  5. File : ba291_05_01.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน หน้าที่ทางการบริหาร 1 ผู้บริหารระดับสูง (Top Management) ทำหน้าที่กำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะยาวของกิจการ ตำแหน่งเช่น ประธานกรรมการ ประธานผู้บริหาร กรรมการผู้จัดการ ฯลฯ จัดว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง งานส่วนใหญ่เป็นการกำหนดนโยบายและมองภาพรวมของกิจการ 2 ผู้บริหารระดับสูง (Top Management) 3 ผู้บริหารระดับกลาง ( Middle Management) ผู้บริหารระดับต้น (Supervisory/First-Line Management)  วางเมาส์ที่ภาพเพื่อแสดงคำอธิบาย • เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • แสดงภาพ+ข้อความ • แสดง pop up เมื่อนำเมาส์ไปวางที่ภาพ • เมื่อนำเมาส์ไปวางแสดงลูกศรชี้ไปยังกล่องข้อความ พร้อมกับปรากฏกล่องข้อความ ผู้ที่ทำหน้าที่นี้คือ “ผู้บริหาร” ซึ่งอาจจะแบ่งได้เป็น 3 ระดับคือ ผู้บริหารระดับสูง (Top Management) ผู้บริหารระดับกลาง ( Middle Management) ผู้บริหารระดับต้น (Supervisory/First-Line Management) นักศึกษาสามารถดูคำอธิบายเพิ่มเติมโดยการนำเมาส์ไปวางที่ภาพได้เลยค่ะ ผู้บริหารระดับกลาง ผู้บริหารระดับกลาง ( Middle Management) ทำหน้าที่ตัดสินใจและวางแผนระยะสั้นถึงระยะปานกลางจะอยู่กลางระหว่างผู้บริหารระดับสูงแบะผู้บริหารระดับต้นที่จะรับเอาแผนของผู้บริหารสูงมาเปลี่ยนให้เป็นแผนปฏิบัติงานโดยบังคับบัญชามอบหมายไปยังผู้บริหารระดับต้น ผู้บริหารระดับนี้จะเกี่ยวข้องกับงานปฏิบัติมากขึ้นกว่าผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับต้น ผู้บริหารระดับต้น (Supervisory/First-Line Management) ทำหน้าที่บังคับบัญชาผู้ปฏิบัติงานและเกี่ยวข้องกับงานปฏิบัติประจำวันเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่ตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดกับงานประจำหรือวางแผนระยะสั้น ผู้บริหารระดับต้นได้แก่ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หัวหน้าส่วนธุรการ หัวหน้าพนักงานขาย ฯลฯ

  6. File : ba291_05_02.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน หน้าที่ทางการบริหาร การวางแผน (Planning) การจัดองค์การ(Organizing) การนำและบังคับบัญชา (Leading) การควบคุม (Controlling)  คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดงเนื้อหา • แสดงปุ่ม+เสียงบรรยาย • เมื่อคลิก แสดงดังนี้ • เมื่อคลิกปุ่ม การวางแผน แสดง File : ba291_05_03.swf • เมื่อคลิกปุ่ม การจัดองค์การ แสดง File : ba291_05_05.swf • เมื่อคลิกปุ่ม การนำและบังคับบัญชา แสดงFile : ba291_05_07.swf • เมื่อคลิกปุ่ม การควบคุม แสดง File : ba291_05_09.swf เพื่อให้การใช้ทรัพยากรทั้งหลายในกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมาย ผู้บริหารธุรกิจจะต้องทำหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ

  7. File : ba291_05_03.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การวางแผน (Planning) การกำหนดว่ากิจการต้องการจะเป็นอะไรในอนาคต เป็นภาพในอนาคตที่กิจการต้องการจะเป็นหรือต้องการให้สาธารณชนรับรู้ เช่น “บริษัทจะเป็นผู้นำในธุรกิจโทรคมนาคมของเอเชีย วิสัยทัศน์ (Vision) เหตุผลของการมีอยู่และดำรงอยู่ของกิจการ หรือการตอบคำถามว่ากิจการนั้น”อยู่ในธุรกิจอะไร” เช่น บริษัทของเรา”เป็นผู้จัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงให้กับสถานพยาบาลขนาดใหญ่ในประเทศไทย” พันธกิจ (Mission) การกำหนดอนาคตของกิจการ • แสดงภาพ + เสียงบรรยาย • ปุ่ม เมื่อคลิกแสดงกล่องข้อความตามสีปุ่ม เป็นหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดอนาคตของกิจการ ในการทำหน้าที่นี้ผู้บริหารจะเริ่มจากการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) และพันธกิจ (Mission) ของกิจการ วิสัยทัศน์คือการกำหนดว่ากิจการต้องการจะเป็นอะไรในอนาคต เป็นภาพในอนาคตที่กิจการต้องการจะเป็นหรือต้องการให้สาธารณชนรับรู้ เช่น “บริษัทจะเป็นผู้นำในธุรกิจโทรคมนาคมของเอเชีย” พันธกิจคือ เหตุผลของการมีอยู่และดำรงอยู่ของกิจการ หรือการตอบคำถามว่ากิจการนั้น”อยู่ในธุรกิจอะไร” เช่น บริษัทของเรา”เป็นผู้จัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงให้กับสถานพยาบาลขนาดใหญ่ในประเทศไทย”

  8. File : ba291_05_04.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การวางแผน (Planning) แผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) แผนยุทธวิธี (Tactical Plan) แผนฉุกเฉิน (Contingency Plan) แผนปฏิบัติการ (Operational Plan)  คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดงเนื้อหา • แสดงปุ่ม+เสียงบรรยาย • เมื่อคลิก แสดง jigsaw ขยับ และแสดงเนื้อหา • แสดง pop up ดังสไลด์ถัดไป เมื่อกำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจแล้ว ผู้บริหารจะทำการว่างแผน ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของแผนได้ดังต่อไปนี้

  9. File : ba291_05_04.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การวางแผน (Planning) แผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) เป็นแผนระยะยาวของกิจการเพื่อจะนำกิจการไปสู่วิสัยทัศน์ ที่กำหนดไว้ แผนนี้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้กำหนด โดยจะ กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์เพื่อที่จะนำพาธุรกิจไปสู่วิสัยทัศน์ภายใต้พันธกิจกำหนด เป็นแผนที่มีขอบเขตกว้างขวางครอบคลุมการใช้ทรัพยากร ระยะยาวจองกิจการ • แสดง pop up เสียงดนตรี แผนยุทธวิธี แผนยุทธวิธี (Tactical Plan) แผนนี้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางร่วมกันรับผิดชอบ เป็นแผนที่มีระยะสั้น แผนยุทธวิธีเป็นเสมือนทางผ่านเพื่อให้แผนกลยุทธ์ประสบความสำเร็จ แผนปฏิบัติการ แผนปฏิบัติการ (Operational Plan) เป็นเผนที่ลงในรายละเอียดถึงวิธีการปฏิบัติเพื่อทำให้แผนยุทธวิธีประสบความสำเร็จเป็นแผนที่มีระยะสั้นกว่าแผนยุทธวิธีปกติมักจะครอบคลุมเวลา 1 ปี ในแผนปฏิบัติการนี้มักจะมีการกำหนดนโยบาย (Policies) เพื่อเป็นแนวทาง (guidelines) ในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีกรอบในการตัดสินใจ นอกจากนั้นยังมีการกำหนดขั้นตอนระเบียบววิธีปฏิบัติ (Procedures) เอาไว้ด้วยซึ่งจะระบุขั้นตอนการปฏิบัติงานแต่ละอย่างเอาไว้โดยละเอียด แผนฉุกเฉิน แผนฉุกเฉิน (Contingency Plan) เป็นแผนที่วางไว้เผื่อกรณีที่ข้อสมมติฐานหรือเงื่อนไขทางธุรกิจไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้โดยจะมีการกำหนดทางเลือกในการปฏิบัติทางเลือกอื่น ๆ ไว้หากสภาพแวดล้อมหรือเงื่อนไขทางธุรกิจเปลี่ยนไป ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีแนวทางปฏิบัติหากเผชิญกับปัญหาที่ไม่คาดคิดหรือภาวะฉุกเฉิน

  10. File : ba291_05_05.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การจัดองค์การ (Organizing) นโยบาย ............. ............. ผู้จัดการฝ่ายบัญชี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม ผู้บริหาร ผู้จัดการฝ่ายบัญชี กำหนดนโยบายและวางแผนงานด้านบัญชีและการเงิน ควบคุมการจัดทำบัญชี ควบคุมและตรวจสอบการจัดทำงบการเงิน Job Description  คลิกที่ภาพเพื่อแสดงหน้าที่และความรับผิดชอบ • แสดงภาพ+เสียงบรรยาย • ทำให้ภาพ ทั้ง 3 ตำแหน่งเป็นปุ่ม • เมื่อคลิกที่ภาพ แสดงข้อความ ดังตัวอย่าง • เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม และผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ อ้างอิงจากข้อความตัวอย่างด้านล่าง การจัดองค์การเป็นหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรคน งาน และทรัพยากรอื่นๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกิจการที่กำหนดไว้ ทั้งนั้นเพราะเมื่อกิจการวางแผนและกำหนดเป้าหมายแล้ว ก็จะพบว่ามีงานจำนวนมากที่ต้องทำ จำเป็นจะต้องมีการแบ่งสรรงานเหล่านั้นออกเป็นส่วนๆ และจัดสรรให้พนักงานแต่ละคนทำ มีการกำหนดว่าอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรและงานแต่ละส่วนที่แยกให้แต่ละคนหรือแต่ละหน่วยงานไปทำนั้นจะต้องมีการประสานงานกันอย่างไร เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม ศึกษาความจำเป็นในการฝึกอบรมของแต่ละแผนกในบริษัท กำหนดวัตถุประสงค์เนื้อหาและขอบเขตของการฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตร ติดต่อวิทยากร จัดเตรียมแบบประเมิน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กำหนดนโยบาย และทิศทางในการประชาสัมพันธ์บริษัท ควบคุมดูแลการผลิตข่าว การจัดแถลงข่าว

  11. File : ba291_05_06.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การจัดองค์การ (Organizing) • เมื่อมีงานเปลี่ยนไปมีกำลังคนที่เปลี่ยนไปก็จะมีการจัดงานจัดคนกันใหม่ • เพื่อให้สอดรับกับงานและเป้าหมายที่กำหนดไว้ • งานจะถูกจัดให้อยู่ในโครงสร้าง (Structure) • เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง การจัดองค์การเป็นหน้าที่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในกิจการ เมื่อมีงานเปลี่ยนไปมีกำลังคนที่เปลี่ยนไปก็จะมีการจัดงาน จัดคนกันใหม่เพื่อให้สอดรับกับงานและเป้าหมายที่กำหนดไว้ งานจะถูกจัดให้อยู่ในโครงสร้าง (Structure) ที่สอดคล้องกับภารกิจและกำลังคนที่มีอยู่ ซึ่งโครงสร้างจะมีอยู่หลายแบบหลายประเภทที่จะได้กล่าวถึงในบทต่อไป

  12. File : ba291_05_07.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การนำและบังคับบัญชา (Leading) หน้าที่ของผู้บริหารคือการสร้างอิทธิพลต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อผลักดันให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้บริหารจะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างหรือเป็นผู้นำที่ดี มีการสื่อสารและจูงใจให้พนักงานทุ่มเททำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ผู้นำแบบเผด็จการ (autocratic) ผู้นำแบบปล่อยตามสบาย (Free-rein / laissez-faire) ผู้นำแบบมีส่วนร่วมหรือแบบประชาธิปไตย (Participative / democratic)  คลิกที่ปุ่มเพื่อเลือกประเภท • เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • แสดง ปุ่ม + ภาพ ซิงค์เสียง • คลิกที่ปุ่มแสดง pop up ดังสไลด์ถัดไป หน้าที่นี้ของผู้บริหารคือการสร้างอิทธิพลต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อผลักดันให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้บริหารจะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างหรือเป็นผู้นำที่ดี มีการสื่อสารและจูงใจให้พนักงานทุ่มเททำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ภาวะผู้นำอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ ผู้นำแบบเผด็จการ (autocratic) ผู้นำแบบปล่อยตามสบาย (Free-rein / laissez-faire ผู้นำแบบมีส่วนร่วมหรือแบบประชาธิปไตย (Participative / democratic) นักศึกษาสามารถคลิกที่ปุ่มเพื่อเลือกศึกษาในแต่ละประเภทได้เลยค่ะ

  13. File : ba291_05_07.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การนำและบังคับบัญชา (Leading) ผู้นำแบบเผด็จการ (autocratic) ผู้นำแบบนี้เน้นการใชอำนาจอย่างเต็มที่ในการตัดสินใจ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะมีส่วนน้อยมากในการให้ข้อมูลหรือตัดสินใจ ผู้นำแบบนี้เน้นการออกคำสั่ง การใช้กฏข้อบังคับและการลงโทษ ผู้นำแบบปล่อยตามสบาย (Free-rein / laissez-faire) จะมอบอำนาจส่วนใหญ่ไปให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงเป็นรูปแบบความเป็นผู้นำที่ตรงกันข้ามกับผู้นำแบบเผด็จการ ผู้นำแบบนี้อาจจะแจ้งเพียงเป้าหมายการทำงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบแล้วให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคิดหาวิธีการปฏิบัติด้วยตัวเอง เป็นผู้นำที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีการควบคุมจูงใจและปฏิบัติงานด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ ผู้นำแบบมีส่วนร่วมหรือแบบประชาธิปไตย (Participative / democratic) เป็นผู้นำที่ยอมรับความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนทำการตัดสินใจ เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้แสดงความคิดเห็นและมีการสื่อสารระหว่างกันเสมอๆ มอบหมายงานที่มีคุณค่าและจูงใจผูใต้บังคับบัญชาไม่ใช่เพียงด้วยเงิน แต่ด้วยความรับผิดชอบความภูมิใจที่ได้ทำงานที่สำคัญ

  14. File : ba291_05_08.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การนำและบังคับบัญชา (Leading) 3 2 1 Put the right man to the right job ผู้นำแบบเผด็จการ (autocratic) ผู้นำแบบปล่อยตามสบาย (Free-rein / laissez-faire) ผู้นำแบบมีส่วนร่วมหรือแบบประชาธิปไตย (Participative / democratic) 4 4 4 ผู้ใต้บังคับบัญชาขาดความรู้ความสามารถ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถมากพร้อมที่จะทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์และแรงจูงใจสูง ผู้ใต้บังคับบัญชามีความรู้ในงาน่ดีเนื่องจากใกล้ชิดกับงานประจำ ผู้บริหารควรเลือกภาวะผู้นำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของงานและความรู้ความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นำแบบปล่อยตามสบายอาจจะเหมาะกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถมากพร้อมที่จะทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์และแรงจูงใจสูง ขณะที่หากผู้ใต้บังคับบัญชาขาดความรู้ความสามารถก็ต้องใช้ความเป็นผู้นำแบบเผด็จการ แต่หากผู้ใต้บังคับบัญชามีความรู้ในงาน่ดีเนื่องจากใกล้ชิดกับงานประจำก็ควรใช้ความเป็นผู้นำแบบประชาธิปไตยเพื่อรับข้อมูลจากผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนตัดสินใจ • เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • แสดงตามลำดับ ซิงค์เสียง

  15. File : ba291_05_09.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การควบคุม (Controlling) หน้าที่ในการติดตามและประเมินผลเพื่อให้แน่ใจว่างานต่างๆ ในกิจการได้ดำเนินไปตามแผนและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในการทำหน้าที่นี้ผู้บริหารจะกำหนดมาตรฐานขึ้นมาเพื่อใช้เทียบเคียงกับผลงานที่เกิดขึ้นจริงเช่น • ยอดขาย • จำนวนผลิต • ต้นทุน • กำไร • อื่นๆ การควบคุมคือหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลเพื่อให้แน่ใจว่างานต่างๆ ในกิจการได้ดำเนินไปตามแผนและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในการทำหน้าที่นี้ผู้บริหารจะกำหนดมาตรฐานขึ้นมาเพื่อใช้เทียบเคียงกับผลงานที่เกิดขึ้นจริง มาตรฐานอาจจะเป็นยอดขายจำนวนผลิตต้นทุนกำไรและอื่นๆที่จะเป็นตัววัดผลงานของกิจการ เมื่อวัดแล้วก็จะทราบว่าเกิดความบกพร่องที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงที่จุดใด การควบคุมหรือประเมินผลงานจะต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่ได้รับนั้นสนับสนุนต่อความสำเร็จในแผนกลยุทธ์หรือไม่ • เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง

  16. File : ba291_05_10.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ทักษะของผู้บริหาร (Managerial Skills) ผู้บริหารจำเป็นจะต้องมีทักษะ 4 ประการเพื่อที่จะสามารถปฏิบัติงานในฐานะผู้บริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะด้านความคิด (Conceptual Skills) ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Skills) ทักษะด้านการปฏิบัติงาน (Technical Skills) ทักษะด้านการตัดสินใจ (Decision-making Skills)  คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดง ทักษะแต่ละด้าน • เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • แสดงภาพ เป็น อนิเมชั่น + ปุ่ม ทั้ง4 ปุ่ม • เมื่อคลิกที่ปุ่มแสดงดังนี้ • เมื่อคลิก ทักษะด้านความคิด แสดง File : ba291_05_11.swf • เมื่อคลิก ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ แสดงFile : ba291_05_12.swf • เมื่อคลิก ทักษะด้านการปฏิบัติงาน แสดงFile : ba291_05_13.swf • เมื่อคลิก ทักษะด้านการตัดสินใจ แสดงFile : ba291_05_14.swf ผู้บริหารจำเป็นจะต้องมีทักษะ 4 ประการเพื่อที่จะสามารถปฏิบัติงานในฐานะผู้บริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ทักษะด้านความคิด (Conceptual Skills) ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Skills) ทักษะด้านการปฏิบัติงาน (Technical Skills) ทักษะด้านการตัดสินใจ (Decision-making Skills) นักศึกษาสามารถคลิกทีปุ่มเพื่อ ศึกษา ทักษะแต่ละด้าน ได้เลยค่ะ

  17. File : ba291_05_11.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ทักษะของผู้บริหาร (Managerial Skills) ทักษะด้านความคิด ความสามารถในการเข้าใจและเชื่อมโยงงานทุกๆส่วนของกิจการเข้าด้วยกันได้ เป็นทักษะในการคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม การตัดสินใจและการวางแผน • แสดงภาพ+เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • คลิก back ไปยังหน้าหลัก ทักษะด้านความคิด คือความสามารถในการเข้าใจและเชื่อมโยงงานทุกๆส่วนของกิจการเข้าด้วยกันได้ เป็นทักษะในการคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม การตัดสินใจและการวางแผน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้บริหารระดับสูงและระดับกลาง

  18. File : ba291_05_12.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ทักษะของผู้บริหาร (Managerial Skills) ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ ความสามารถในการทำงานร่วมกับคนอื่น ความสามารถในการติดต่อสื่อสารไม่เฉพาะกับพนักงานด้วยกันเท่านั้นแต่ยังรวมถึงลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ในงานอีกด้วย • แสดงภาพ+เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • คลิก back ไปยังหน้าหลัก ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ คือความสามารถในการทำงานร่วมกับคนอื่น ความสามารถในการติดต่อสื่อสารไม่เฉพาะกับพนักงานด้วยกันเท่านั้นแต่ยังรวมถึงลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ในงานอีกด้วย ทักษะนี้จำเป็นสำหรับผู้บริหารในทุกระดับ

  19. File : ba291_05_13.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ทักษะของผู้บริหาร (Managerial Skills) ทักษะด้านการปฏิบัติงาน ความสามรถในการปฏิบัติงานเข้าใจขั้นตอนเทคนิคและวิธีการทำงานให้ลุล่วง เป็นทักษะที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับผู้บริหารระดับต้น ทักษะด้านการปฏิบัติงาน คือความสามรถในการปฏิบัติงานเข้าใจขั้นตอนเทคนิคและวิธีการทำงานให้ลุล่วง เป็นทักษะที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับผู้บริหารระดับต้น • แสดงภาพ+เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • คลิก back ไปยังหน้าหลัก

  20. File : ba291_05_14.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ทักษะของผู้บริหาร (Managerial Skills) ทักษะด้านการตัดสินใจ • มีความสำคัญสำหรับผู้บริหารทุกระดับเพียงแต่การตัดสินใจของผู้บริหารแต่ละระดับจะต่างกันไปตามปัญหาที่เผชิญ • ผู้บริหารระดับสูงต้องตัดสินใจปัญหาสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับทิศทางและอนาคตของกิจการ • ผู้บริหารระดับกลางตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับงานแต่ละด้านที่จะสอดรับกับความสำเร็จของกลยุทธ์ • ผู้บริหารระดับต้นตัดสินใจแก้ปัญหางานประจำวันการตัดสินใจที่ดีจะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ ทักษะด้านการตัดสินใจ มีความสำคัญสำหรับผู้บริหารทุกระดับเพียงแต่การตัดสินใจของผู้บริหารแต่ละระดับจะต่างกันไปตามปัญหาที่เผชิญ ผู้บริหารระดับสูงต้องตัดสินใจปัญหาสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับทิศทางและอนาคตของกิจการ ผู้บริหารระดับกลางตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับงานแต่ละด้านที่จะสอดรับกับความสำเร็จของกลยุทธ์ ผู้บริหารระดับต้นตัดสินใจแก้ปัญหางานประจำวันการตัดสินใจที่ดีจะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ ช่วยให้การใช้ทรัพยากรของกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลกำไรที่ดี • แสดงภาพ+เสียงบรรยายสอดคล้องกับตัวหนังสือที่แสดง • เนื้อหาต่อสไลด์ถัดไป

  21. File : ba291_05_14.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ขั้นตอนการตัดสินใจประกอบด้วย ระบุทางเลือกที่เป็นไปได้ รวบรวมข้อมูลของทางเลือกต่าง ๆ ประเมินผลได้ผลเสียของแต่ละทางเลือก ตัดสินใจเลือกและนำไปปฏิบัติ ประเมินผลได้ผลเสียของแต่ละทางเลือก ข้อมูลย้อนกลับ ขั้นตอนการตัดสินใจประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ระบุทางเลือกในการตัดสินใจที่เป็นไปได้ ขั้นที่ 2 รวบรวมข้อมูลของทางเลือกแต่ละทางที่ระบุในขั้นที่ 1 ขั้นที่ 3 ประเมินผลได้ผลเสียของทางเลือกในแต่ละทาง ขั้นที่ 4 ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดและนำไปปฏิบัติ ขั้นที่ 5 ประเมินผลการตัดสินใจ • แสดงภาพ+เสียงบรรยายสอดคล้องกับกล่องข้อความที่แสดง • คลิก back ไปยังหน้าหลัก

  22. File : ba291_05_15.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน โครงสร้างองค์การ (Organizational Structure) รูปแบบโครงสร้าง องค์การหรือธุรกิจ จำเป็นจะต้องมีการจัดโครงสร้างองค์การซึ่งเป็นการจัดแบ่งงานต่างๆ ภายในกิจการออกเป็นส่วนๆ กำหนดว่างานแต่ละส่วนนั้นมีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรบ้าง และมีความสัมพันธ์ในระหว่างงานแต่ละงานเหล่านั้นอย่างไร โครงสร้างขององค์การนั้นจะแสดงออกมาในรูปของผังองค์การ (Organization chart) ตัวอย่าง  คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดงภาพตัวอย่าง องค์การทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือองค์การประเภทใดๆ จำเป็นจะต้องมีการจัดโครงสร้างองค์การซึ่งเป็นการจัดแบ่งงานต่างๆ ภายในกิจการออกเป็นส่วนๆ กำหนดว่างานแต่ละส่วนนั้นมีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรบ้าง และมีความสัมพันธ์ในระหว่างงานแต่ละงานเหล่านั้นอย่างไร การจัดโครงสร้างองค์การจะทำให้รู้ว่าใครอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของใคร เพื่อที่จะทำให้เกิดการควบคุมดูแลและผลักดันให้งานก้าวหน้าไปได้อย่างเหมาะสม การจัดโครงสร้างองค์การจึงเท่ากับสนับสนุนให้มีการใช้ทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างขององค์การนั้นจะแสดงออกมาในรูปของผังองค์การ ที่นอกจากจะแสดงการแบ่งงานออกเป็นส่วนๆแล้วยังแสดงให้เห็นถึงสายการบังคับบัญชา (Chain of com mand ) ที่ระบุว่าใครจะต้องรายงานกับใครในการปฏิบัติงาน ใครรับผิดชอบกับงานในส่วนไหน นักศึกษาสามารถคลิกที่ปุ่มตัวอย่างเพื่อแสดงภาพโครงสร้างองค์กร • แสดงภาพ+เสียงบรรยายสอดคล้องกับกล่องข้อความที่แสดง • แสดงปุ่มตัวอย่าง • เมื่อคลิกแสดงภาพองค์กรด้านล่าง

  23. File : ba291_05_16.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน โครงสร้างองค์การ (Organizational Structure) ขนาดของการควบคุม • จำนวนพนักงานที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บริหารคนหนึ่งๆ tall Organizational structure ขนาดการควบคุมแคบ • ผู้บริหารคนหนึ่งบังคับบัญชาพนักงานจำนวนน้อยคน flat Organization structure ขนาดการควบคุมกว้าง • ผู้บริหารคนหนึ่งควบคุมดูแลบังคับบัญชาพนักงานจำนวนมาก • คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดงโครงสร้าง ลักษณะโครงสร้างองค์การในธุรกิจแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ขนาดของการควบคุม และลำดับชั้นในองค์การ การใช้ตำแหน่งงานด้านปฏิบัติ (Line) และงานด้านสนับสนุน (Staff) ขนาดของการควบคุมหมายถึง จำนวนพนักงานที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บริหารคนหนึ่งๆ ขนาดการควบคุมแคบ (narrow span of control) หมายถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารคนหนึ่งบังคับบัญชาพนักงานจำนวนน้อยคน ตรงกันข้ามขนาดการควบคุมกว้าง (wide span of control) จะหมายถึงผู้บริหารคนหนึ่งควบคุมดูแลบังคับบัญชาพนักงานจำนวนมาก หากงานที่ทำเป็นงานง่ายๆ หรือซ้ำๆ กัน ผู้บริหารสามารถควบคุมคนจำนวนมากได้ ขนาดของการควบคุมจะกว้าง แต่หากงานนั้นยากหรือมีความหลากหลายในการใช้ทักษะเพื่อทำงานนั้น เป็นการยากที่ผู้บริหารหนึ่งคนจะควบคุมพนักงานจำนวนมากได้ขนาดของการควบคุมก็จะแคบ และยังได้แบ่งโครงสร้างขององค์กรออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ โครงสร้างองค์การมีลักษณะสูงขึ้น(tall Organizational structure) และ โครงสร้างที่แบนราบ (flat Organization structure) นักศึกษาสามารถคลิกที่ปุ่มเพื่อ ศึกษาใสส่วนของโครงสร้างทั้ง 2 ลักษณะได้เลยครับ • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย • แสดงปุ่ม • เมื่อคลิก แสดง ดังนี้ • เมื่อคลิก tall Organizational structure แสดง สไลด์ถัดไป ภาพแรก • เมื่อคลิก flat Organization structure แสดงสไลด์ถัดไป ภาพที่ 2

  24. File : ba291_05_17.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน องค์การแบบสูงกับองค์การแบบแบนราบ ผู้จัดการใหญ่ tall Organizational structure ผู้จัดการฝ่ายขาย 1 ผู้จัดการฝ่ายขาย 2 flat Organization structure พนักงานขาย1 พนักงานขาย2 พนักงานขาย3 พนักงานขาย4 • คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดงโครงสร้าง • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย • แสดงปุ่ม • เมื่อคลิก แสดง ดังนี้ • เมื่อคลิก tall Organizational structure แสดง ดังตัวอย่าง • เมื่อคลิก flat Organization structure แสดงภาพด้านล่าง (มื่อคลิกปุ่มแรก)องค์การที่มีขนาดของการควบคุมแคบ จะทำให้เกิดลำดับขั้นหลายขั้นในองค์การทำให้โครงสร้างองค์การมีลักษณะสูงขึ้น(tall Organizational structure) (เมื่อคลิกปุ่มที่ 2)หากมีขนาดการควบคุมกว้างจะทำให้องค์การมีโครงสร้างที่แบนราบ (flat Organization structure) มีลำดับขั้นในการบริหารเพียงไม่กี่ขั้น

  25. File : ba291_05_18.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน โครงสร้างองค์การ (Organizational Structure) ตำแหน่งงานสายปฏิบัติการ (Line Positions) ตำแหน่งงานสายสนับสนุน (Staff Positions) • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย ตำแหน่งงานที่ปรากฏในโครงสร้างองค์การนั้น สามารถจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือตำแหน่งงานสายปฏิบัติการ (Line Positions) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำหน้าที่ตัดสินใจในงานหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายหลัก หรือความอยู่รอดของกิจการ ในขณะที่ตำแหน่งงาน สายสนับสนุน (Staff Positions) จะเป็นตำแหน่งงานที่ทำหน้าที่สนับสนุนงานด้านปฏิบัติการ เช่นในโรงงานผลิตเสื้อผ้า ผู้จัดการฝ่ายผลิตจะถือเป็นงานสายปฏิบัติการเพราะเกี่ยวข้องกับงานของกิจการ หรือฝ่ายสินเชื่อก็ถือเป็นตำแหน่งงานสายปฏิบัติการในธนาคาร ในขณะที่ฝ่ายฝึกอบรบหรือฝ่ายกฏหมายจะเป็นสายสนับสนุนงานของสายปฏิบัติการให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

  26. File : ba291_05_19.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ประเภทของโครงสร้างองค์การ การจัดแผนกงานตามหน้าที่ (Departmentalization by Function) การจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ (departmentalize by Product) การจัดแผนกงานตามพื้นที่ (Departmentalize by location) การจัดแผนกงานตามลูกค้า (Departmentalize by Customers)  คลิกที่ปุ่มเพื่อแสดงเนื้อหา • แสดงปุ่ม+เสียงบรรยาย • เมื่อคลิกแสดงดังนี้ • เมื่อคลิก การจัดแผนกงานตามหน้าที่ แสดง File : ba291_05_20.swf • เมื่อคลิก การจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ แสดง File : ba291_05_21.swf • เมื่อคลิก การจัดแผนกงานตามพื้นที่ แสดง File : ba291_05_22.swf • เมื่อคลิก การจัดแผนกงานตามลูกค้า แสดง File : ba291_05_23.swf เมื่อจะจัดโครงสร้างองค์การ ผู้บริหารจะต้องทำการระบุออกมาว่ามีงานและความรับผิดชอบอะไรบ้างที่จะเป็นในกิจการ จากนั้นจึงจัดงานออกเป็นกลุ่มๆ ที่เรียกว่า เป็นการจัดแผนกงาน (departmentalization) การจัดแผนกงานซึ่งจะนำไปสู่การจัดโครงสร้างองค์การนั้นทำได้หลายวิธี ดังนี้ การจัดแผนกงานตามหน้าที่ (Departmentalization by Function) การจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ (departmentalize by Product) การจัดแผนกงานตามพื้นที่ (Departmentalize by location) การจัดแผนกงานตามลูกค้า (Departmentalize by Customers)

  27. File : ba291_05_20.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การจัดแผนกงานตามหน้าที่ (Departmentalization by Function) ผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผู้จัดการฝ่ายการเงิน ผู้จัดการฝ่ายผลิต • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย การจัดแผนกงานตามหน้าที่ (Departmentalization by Function) วิธีการนี้งานจะถูกจัดกลุ่มตามหน้าที่ต่างหน้าที่ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับกิจการ โครงสร้างองค์การที่ได้จะเป็นโครงสร้างตามหน้าที่งาน (Functional Structure) ซึ่งเหมาะกับกิจการขนาดไม่ใหญ่นักมีสินค้าไม่มากชนิด หรือขอบข่ายการจำหน่ายไม่กว้างขวางนักดังรูป

  28. File : ba291_05_21.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ (departmentalize by Product) 1 ผู้จัดการใหญ่ 2 3 4 5 ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม 7 6 8 9 ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย • ลำดับการนำเสนอตามลำดับตัวเลข การจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ (departmentalize by Product) วิธีการนี้งานจะถูกจัดกลุ่มตามผลิตภัณฑ์ที่กิจการจำหน่าย มักเป็นโครงสร้างที่พบในกิจการขนาดใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก งานจะถูกจัดกลุ่มทั้งตามผลิตภัณฑ์และตามหน้าที่ โครงสร้างแบบนี้ทำให้กิจการสามารถให้ความใส่ใจผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิด กลุ่มผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่มจะมีกลุ่มงานที่แบ่งตามหน้าที่ของตนเอง (เช่น ตลาด การเงิน ผลิตฯลฯ) ทำให้มีความคล่องตัวขึ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์จะทำหน้าที่เหมือนเป็นกิจการเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ในกิจการขนาดใหญ่รับผิดชอบกำไรขาดทุนอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ไหนควรจะเพิ่มหรือลดการลงทุน ขณะเดียวกันโครงสร้างแบบนี้ไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กเพราะสิ้นเปลืองเกินไป เนื่องจากภายใต้โครงสร้างแบบนี้จะเกิดความซ้ำซ้อนของหน่วยงานสิ้นเปลืองคนและค่าใช้จ่าย รูปที่ 8.3 แสดงถึงการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์

  29. File : ba291_05_22.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การจัดแผนกงานตามพื้นที่ (Departmentalize by location) การจัดแผนกงานตามพื้นที่ การจัดแผนกงานแบบนี้มีลักษณะคล้ายกันกับการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถดูแลในแต่ละพื้นที่ได้ใกล้ชัดขึ้น เหมาะสำหรับกิจการที่มีพื้นที่การดำเนินกิจการกว้างขวางหรือลูกค้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งมีการติดต่อธุรกิจด้วยอย่างสม่ำเสมอ • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย การจัดแผนกงานตามพื้นที่ (Departmentalize by location) การจัดแผนกงานแบบนี้มีลักษณะคล้ายกันกับการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถดูแลในแต่ละพื้นที่ได้ใกล้ชัดขึ้น เหมาะสำหรับกิจการที่มีพื้นที่การดำเนินกิจการกว้างขวางหรือลูกค้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งมีการติดต่อธุรกิจด้วยอย่างสม่ำเสมอการวัดผลการดำเนินงานน่าจะมีความชัดเจน ว่าพื้นที่ไหนมีกำไร - ขาดทุนอย่างไรและมีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน

  30. File : ba291_05_23.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน การจัดแผนกงานตามลูกค้า (Departmentalize by Customers) การจัดแผนกงานตามลูกค้า การจัดแผนกงานตามลูกค้ามีลักษณะใกล้เคียงกับการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์และพื้นที่ ข้อดี- ข้อเสีย จะเหมือนกับการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์และตามพื้นที่ดังกล่าวแล้ว • แสดงภาพข้อความ+เสียงบรรยาย การจัดแผนกงานตามลูกค้า (Departmentalize by Customers) การจัดแผนกงานตามลูกค้ามีลักษณะใกล้เคียงกับการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์และพื้นที่ เช่น บริษัทขายคอมพิวเตอร์อาจแบ่งกลุ่มงานเพื่อดูแลลูกค้าเป็นกลุ่มๆเช่น กลุ่มลูกค้าพาณิชย์ กลุ่มลูกค้าสถาบันศึกษา กลุ่มลูกค้าราชการ กลุ่มลูกค้าย่อยทั่วไป ฯลฯ ข้อดี- ข้อเสียจะเหมือนกับการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์และตามพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

  31. File : ba291_05_24.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน ประเภทของโครงสร้างองค์การ โครงสร้างแบบเมทริกซ์(Matrix Organization) โครงสร้างสนับสนุนผู้ประกอบการภายใน (Intrapreneur ship) • แสดงปุ่ม+เสียงบรรยาย • เมื่อคลิกแสดงดังนี้ • เมื่อคลิก Matrix Organization แสดง File : ba291_05_25.swf • เมื่อคลิก Intrapreneur ship แสดง File : ba291_05_26.swf นอกจากโครงสร้างในลักษณะดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันธุรกิจจะนำโครงสร้างอื่นๆมาใช้เพื่อพยายามจะใช้ความสามารถของพนักงานได้อย่างเต็มที่ในกิจกรรมเฉพาะอย่าง โครงสร้างเหล่านี้ทำให้กิจการสามารถดึงศักยภาพของพนักงานออกมาได้มากขึ้น กระตุ้นให้พนักงานมีความทุ่มเทมากขึ้น หรือทำให้ได้ข้อมูลจากพนักงานมากขึ้น โครงสร้างเหล่านี้ได้แก่ โครงสร้างแบบเมทริกซ์(Matrix Organization) โครงสร้างสนับสนุนผู้ประกอบการภายใน (Intrapreneur ship)

  32. File : ba291_05_25.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน โครงสร้างแบบเมทริกซ์ • แสดงภาพ+เสียงบรรยาย โครงสร้างแบบนี้เป็นการดึงเอาพนักงานแต่ละหน่วยงานมาร่วมกันทำงานในโครงการพิเศษในขณะที่พนักงานอาจจะทำงานในหน่วยงานต้นสังกัดอยู่ด้วย หรืออาจจะลดจากงานปกติมาทำงานในโครงการพิเศษเต็มตัวจนเมื่องานในโครงการพิเศษเสร็จแล้วจึงกลับไปทำงานที่ต้นสังกัด ในขณะที่ทำงานในโครงการพิเศษนั้นพนักงานจะอยู่ใต้การบังคับบัญชาของหัวหน้าโครงการในเวลาเดียวกันก็ยังต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของต้นสังกัดด้วยดังรูป ข้อดีของโครงสร้างแบบเมทริกซ์ ทำให้เป็นที่รวมของพนักงานที่มีความสามารถและมุมมองแตกต่างกัน แต่ละคน (หรือมากกว่า 1 คนจากแต่ละสังกัด) สามารถทุ่มเทและใช้ทักษะของตนเองผลักดันงานสำคัญๆ ที่แข่งกับเวลาให้สำเร็จลงได้ แต่ข้อเสียก็คือพนักงานแต่ละคนต้องรายงานกับผู้บังคับบัญชา 2 คนอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งและสับสนได้

  33. File : ba291_05_26.swf หัวเรื่อง : หน้าเนื้อหา การบริหารงาน โครงสร้างที่สนับสนุนผู้ประกอบการภายใน (Intrapreneur ship) 4 พนักงานธรรมดาๆสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้บริษัทได้เป็นผลสำเร็จ 3 ให้รางวัลแก่ความคิดดีๆ 7 1 2 การเปิดโอกาส 6 Intrapreneur ship กิจการ โครงสร้างองค์การที่รองรับและกระตุ้น 5 • แสดงภาพ+เสียงบรรยาย • ลำดับการนำเสนออ้างอิงจากวงกลมตัวเลข บางกิจการพยายามผลักดันให้พนักงานคิดสร้างสรรค์และทำงานแบบผู้ประกอบการ การผลักดันเช่นนี้เป็นความพยายามที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือความคิดใหม่ๆในกิจการ โครงสร้างที่จะรองรับแนวคิดเช่นนี้คือเปิดโอกาสให้พนักงานคิด ทดลองปฏิบัติเหมือนกับเป็นเจ้าของกิจการภายเล็กๆที่แทรกอยู่ในกิจการขนาดใหญ่ บทบาทของคนเหล่านี้คือการเป็นผู้ประกอบการภายใน( Intrapreneur ship) ผู้ประกอบการภายใน ( Intrapreneur ship) แตกต่างจากผู้ประกอบการ (Entrepreneur)ตรงที่ผู้ประกอบการภายในมีฐานะเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของกิจการ ไม่ใช่ผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าของกิจการเหมือนผู้ประกอบการ (Entrepreneur) แต่ผู้ประกอบภายในสามารถคิดค้น ประดิษฐ์หรือเสนอแนวทางรวมทั้งทดลองทำกิจการที่ตนเองคิดขึ้นมาได้ราวกับเป็นผู้ประกอบการจริงๆ วิธีการนี้เกิดขึ้นในหลายบริษัท เช่น 3M , Apple ที่ทำให้พนักงานธรรมดาๆสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้บริษัทได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะต้องมีโครงสร้างองค์การที่รองรับและกระตุ้น เช่นการเปิดโอกาสของผู้บังคับบัญชา การพร้อมทั้งที่จะเสี่ยงหากโครงการนั้นล้มเหลว การมีระบบให้รางวัลแก่ความคิดดีๆ เหล่านี้จะ กระตุ้นให้พนักงานคิดอย่างผู้ประกอบการแทนที่จะทำงานไปวันๆ อย่างพนักงานทั่วไป

More Related