1 / 30

บทที่ 2 ตลาดเงินในประเทศ

บทที่ 2 ตลาดเงินในประเทศ. ความหมายของตลาดเงิน ตลาดเงิน หมายถึง ตลาดที่มีการระดมทุนและการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี เท่านั้น โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย สินทรัพย์ทางการเงินที่มีอายุการไถ่ถอนสั้น มีสภาพคล่องตัวสูงและมีความเสี่ยงน้อย. บทบาทของตลาดเงินในประเทศไทย

Download Presentation

บทที่ 2 ตลาดเงินในประเทศ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 2 ตลาดเงินในประเทศ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  2. ความหมายของตลาดเงิน ตลาดเงิน หมายถึง ตลาดที่มีการระดมทุนและการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี เท่านั้น โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย สินทรัพย์ทางการเงินที่มีอายุการไถ่ถอนสั้น มีสภาพคล่องตัวสูงและมีความเสี่ยงน้อย อ.ชารวี บุตรบำรุง

  3. บทบาทของตลาดเงินในประเทศไทยบทบาทของตลาดเงินในประเทศไทย ตลาดเงินในประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งจัดสรรเงินทุนให้กับผู้ต้องการเงินทุนทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อนำไปใช้ในการปรับสภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้น และภาครัฐบาลได้มีการใช้นโยบายทางการเงินและการคลังเพื่อแก้ไขหรือ บรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงเวลาต่างๆ ผ่านตลาดเงิน ซึ่งตลาดเงินนับว่าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง อ.ชารวี บุตรบำรุง

  4. ลักษณะของตลาดเงินในประเทศไทยลักษณะของตลาดเงินในประเทศไทย ตลาดเงินเป็นการจัดหาเงินทุนระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ตามนิยามเครื่องมือ ทางการเงินในตลาดเงินจึงเป็นเครื่องมือที่มีอายุคงเหลือ(maturity) ไม่เกิน 1 ปีในประเทศไทย ตลาดเงินสามารถแบ่งได้ตามประเภทของผู้ระดมทุนว่าเป็นภาครัฐ และภาคเอกชน สำหรับเครื่องมือทางการเงิน ภาครัฐใช้ประกอบด้วยตั๋วเงินคลัง การซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลไทยแบบมีสัญญาขายคืนและซื้อคืน พันธบัตรระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนเครื่องมือทางการเงินที่ภาคเอกชนใช้ระดมทุนในตลาดเงินประกอบด้วย การกู้ยืมเงินระหว่างสถาบันการเงิน ธุรกรรมการซื้อคืนภาคเอกชน ตั๋วแลกเงิน ตั๋วแลกเงินที่รับรองโดยธนาคารพาณิชย์ ใบรับฝากเงินที่เปลี่ยนมือได้ ตราสารพาณิชย์(คือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ,เช็คลงวันที่ล่วงหน้า อ.ชารวี บุตรบำรุง

  5. ตลาดเงินที่สำคัญของประเทศ ประกอบด้วย 1. ตลาดซื้อคืนพันธบัตร ตลาดซื้อคืนพันธบัตร(repurchase market)จัดตั้งขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ.2522 เพื่อทำหน้าที่เป็นแหล่งปรับสภาพคล่องของสถาบันการเงิน เพิ่มการแข่งขันและลดอำนาจการผูกขาดในตลาดกู้ยืมระหว่างธนาคาร ตลอดจนเป็นช่องทางให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินนโยบายการเงินแบบการดูดเงินหรือปล่อยเงินในตลาดซื้อคืนพันธบัตรตามจำนวนที่ต้องการในแต่ละวัน(open market operation)ได้ด้วย อ.ชารวี บุตรบำรุง

  6. 1. ตลาดซื้อคืนพันธบัตร(ต่อ) ผู้เข้าร่วมในตลาดซื้อคืนพันธบัตร ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองชิเอร์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจบางแห่ง(ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การประปานครหลวง เป็นต้น) การเผยแพร่ข้อมูลในตลาดจะเป็นลักษณะเรียลไทม์(real-time)แสดงการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยประเภทอายุต่างๆ รวมทั้งดอกเบี้ยเสนอซื้อสูงสุด และเสนอขายต่ำสุดในแต่ละขณะผ่านเครือข่ายของสำนักข่าวรอยเตอร์และสำนักข่าวบิสนิวส์ทำให้ผู้เสนอซื้อขายได้ทราบผลรวดเร็วว่าสามารถทำธุรกรรมในอัตราดอกเบี้ยตามที่เสนอได้หรือไม่ โดยไม่ต้องรอถึงเวลาปิดทำการของตลาดและเพื่อให้ตลาดเงินอื่นๆสามารถใช้ อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรเป็นอัตราอ้างอิงได้ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  7. 2.ตลาดเงินให้กู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน2.ตลาดเงินให้กู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน ตลาดเงินให้กู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน(interbank market)เป็นแหล่งเงินกู้ระยะสั้นระหว่างสถาบันการเงินเองเพื่อปรับสภาพคล่อง ซึ่งธุรกรรมอาจอยู่ในรูปการกู้ยืมแบบเรียกคืนทันที(at call)หรือการกู้ยืมแบบมีกำหนดระยะเวลาแน่นอนตั้งแต่ 1 วันถึง 6 เดือนอย่างไรก็ตามธุรกรรมประมาณร้อยละ 95 เป็นการกู้ยืมระยะ 1 วัน(overnight)ส่วนอีกประมาณร้อยละ 5 เป็นการกู้ยืมแบบจ่ายคืน เมื่อทวงถาม(at call)ส่วนการกู้ยืมแบบมีกำหนดระยะเวลา(term)แทบไม่ปรากฏธุรกรรม ผู้ให้กู้ยืมที่สำคัญในตลาด ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4-5 แห่ง(รวมธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแลพกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ส่วนผู้กู้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  8. 3. ตลาดตราสารพาณิชย์ ตลาดตราสารพาณิชย์ (commercial paper market)เป็นตลาดตราสารการเงินระยะสั้น ซึ่งโดยปกติจะมีอายุต่ำกว่า 1 ปี ได้แก่ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงินที่ออกโดยธุรกิจและกิจการอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและฐานะมั่นคง และตั๋วแลกเงินเพื่อระดมทุนที่ออกโดยสถาบันการเงิน สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ เช่น ซิตี้โน้ต(city note) เชสโน๊ต(chase note) อ.ชารวี บุตรบำรุง

  9. 3.ตลาดตราสารพาณิชย์(ต่อ)3.ตลาดตราสารพาณิชย์(ต่อ) ตั๋วเงินที่เป็นหลักทรัพย์ หมายถึง เฉพาะตั๋วแลกเงินหรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกเพื่อระดมทุนที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือตั๋วเงินที่มีความเสี่ยงต่ำได้แก่ (1)ตั๋วเงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเพื่อเป็นหลักฐานการรับเงินจากประชาชนเป็นปกติของการประกอบธุรกิจ (2) ตั๋วเงินที่มีความเสี่ยงอันเนื่องมาจากธนาคาร(bank risk)ซึ่งรวมถึงตั๋วเงินที่มีสถาบันการเงินเป็นผู้รับ และตั๋วเงินที่สถาบันการเงินเป็นผู้จ่ายและการให้การรับรองหรือเป็นผู้รับอาวัล และ(3)ตั๋วเงินที่กระทรวงการคลังอาวัลหรือค้ำประกัน อ.ชารวี บุตรบำรุง

  10. 3. ตลาดตราสารพาณิชย์(ต่อ) ตั๋วแลกเงินสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท 3.1 ตั๋วแลกเงิน(B/E)ที่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนเป็นผู้รับรองหรืออาวัล โดยผู้ที่ออกตั่วส่วนใหญ่เป็นบริษัทระดับกลางและไม่เป็นที่รู้จักมากนัก บริษัทที่ต้องการออกตั๋วจะต้องยืนข้อเสนอต่อธนาคารพาณิชย์(ตั๋วแลกเงินที่ได้รับการรับรองโดยธนาคารที่มีชื่อเฉพาะว่า bank’s acceptance) 3.2 ตั๋วแลกเงินที่ไม่มีการอาวัลหรือรับรอง ผู้ออกตั๋วส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง อัตราดอกเบี้ยของตั๋วแลกเงินประเภทนี้จะสูงกว่าประเภทแรก 3.3 ตั๋วแลกเงินแบบแบ็ค ทู แบ็ค (back to back)โดยผู้ออกตั๋วและผู้ซื้อตั๋วเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน อ.ชารวี บุตรบำรุง

  11. 4.ตลาดตั๋วเงินคลัง ตลาดตั๋วเงินคลัง ดำเนินการโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่ง นอกจากทำหน้าที่ เป็นผู้ประกันการจำหน่ายตั๋วเงินคลังแต่ผู้เดียวแล้วยังทำหน้าที่เป็นตลาดรองของตั๋วเงินคลังอีกด้วยโดยทั่วไปตั๋วเงินคลังจะมีกำหนดอายุไม่เกิน 180 วันและมีการประมูลขายทุกสัปดาห์ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและทุนรักษาระดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจะเป็นผู้ซื้อและผู้ถือตั๋วเงินคลังรายใหญ่ สำหรับธนาคารพาณิชย์ ระยะเวลาการถือตั๋วเงินคลังจะแตกต่างไปตามฐานะสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ตั๋วเงินคลังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สภาพคล่องตามกฎหมายได้เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาล อ.ชารวี บุตรบำรุง

  12. 5.ตลาดเงินตราต่างประเทศ5.ตลาดเงินตราต่างประเทศ ตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศ(foreign exchange market)เป็นตลาดเงินตราอีกประเภทหนึ่งที่สถาบันการเงินสามารถปรับเพิ่มหรือลดสภาพคล่องเงินบาทได้ด้วยการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ(เกือบทั้งหมดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา:สรอ.)ระหว่างสถาบันการเงินด้วยกันเอง ธนาคารพาณิชย์ไทยให้ความสำคัญกับการเป็นผู้สร้างสภาพคล่องเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้สร้างสภาพคล่องอยู่แล้ว โดยการโค๊ดราคาซื้อขายและราคาขายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศต้องปรับฐานะด้านเงินตราต่างประเทศและยังต้องพึ่งพาเงินทุนระยะสั้นด้วยการกู้ยืมจากต่างประเทศ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  13. 5.ตลาดเงินตราต่างประเทศ(ต่อ)5.ตลาดเงินตราต่างประเทศ(ต่อ) ประเภทธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ของไทยในตลาดเงินตราต่างประเทศมี 3 ประเภท คือ 5.1 การทำธุรกรรม สปอท(spot transaction)เป็นธุรกรรมที่กำหนดส่งมอบ ไม่เกิน 2 วันทำการ(value spot)ตามมาตรฐานสากลแทนการส่งมอบภายในวันที่ตกลงซื้อขาย(value today) 5.2 การทำธุรกรรม สวอป(swap)เป็นธุรกรรมที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศหรือการลงทุนในหุ้นและตราสารเงินบาท 5.3 การทำธุรกรรมการซื้อขายล่วงหน้า(outright forward)เป็นธุรกรรมซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเกิน 2 วันทำการ ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาส่งมอบกันไม่เกิน 2 เดือน อ.ชารวี บุตรบำรุง

  14. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงินผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน โดยบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินที่มีต่อตลาดเงินของไทยสามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆได้ดังนี้ 1.บทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยในตลาดเงิน 1.1 การออกและพิมพ์พันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้พิมพ์พันธบัตรออกใช้ในประเทศไทย โดยมีโรงพิมพ์พันธบัตรเป็นผู้มีหน้าที่ออกแบบและพิมพ์พันธบัตรรวมทั้งสิ่งพิมพ์ มีค่าอื่นๆตามที่ธนาคารกำหนด 1.2 การเป็นนายธนาคารของรัฐบาลธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เก็บรักษาเงินคงคลังของรัฐบาล รับเงินฝากจากรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้รัฐบาลกู้เงินทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้บริการการจำหน่ายตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบัตร 1.3 การดำเนินนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นองค์กรกลาง ทำหน้าที่ดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  15. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน(ต่อ)ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน(ต่อ) 1.4 การบริการอัตราแลกเปลี่ยน การประกาศเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนจากระบบเงินบาทที่อิงกับตะกร้าเงินมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการ 1.5 การเป็นนายธนาคารของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเงินสำรองตามกฎหมายของธนาคารพาณิชย์โดยรับฝากและโอนเงินรวมทั้งทำหน้าที่เป็นสำนักหักบัญชีระหว่างธนาคารพาณิชย์ หน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือการเป็นผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้ายแก้สถาบันการเงิน 1.6 การเป็นผู้กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  16. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน(ต่อ)ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน(ต่อ) 2.บทบาทของสถาบันการเงินในตลาดเงิน 2.1 บทบาทในการเป็นแหล่งระดมเงินออม ธนาคารพาณิชย์เป็นสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่ในการระดมเงินออมได้มากที่สุด 2.2 บทบาทในการอำนวยสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์นับว่าเป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทเด่นมากที่สุดในการระดมสินเชื่อให้แก่ธุรกิจต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจของไทย 2.3 บทบาทในการอำนวยความสะดวกในการชำระหนี้ จากการที่สถาบันการเงินได้มีการนำเอาเครื่องมือทางการเงินชนิดต่างๆ เข้ามาใช้ในระบบการเงินมากขึ้น 2.4 บทบาทในด้านการสนับสนุนการเกษตร ในปัจจุบันการเงินต่างๆได้ให้ความสำคัญในการสนับสนุนภาคการเกษตรเพิ่มมากขึ้น อ.ชารวี บุตรบำรุง

  17. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน(ต่อ)ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเงิน(ต่อ) 2.5 บทบาทในการสร้างงาน สถาบันการเงินนับว่ามีบทบาทในการสร้างงานได้เช่นกัน 2.6 บทบาทต่อสังคม การดำเนินของสถาบันการเงินต่างๆ ได้หันมาให้ ความสนใจเกี่ยวกับการทำประโยชน์ให้กับสังคมเพิ่มขึ้น 2.7 บทบาทในการให้บริการด้านอื่นๆ เกี่ยวกับการให้บริการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน อ.ชารวี บุตรบำรุง

  18. ตราสารทางการเงินในตลาดเงินของไทยตราสารทางการเงินในตลาดเงินของไทย สินทรัพย์หรือตราสารทางการเงิน ซึ่งถือว่าเป็นเครดิตระยะสั้น (short-term credit instruments) สามารถนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้และเป็นที่ยอมรับในตลาดเงินซึ่งมีอยู่ 6 ประเภท คือ ตราสารพาณิชย์ (commercial paper) ตั๋วแลกเงินที่รับรองโดยธนาคารพาณิชย์ (banker’sacceptance) ใบรับฝากเงินที่เปลี่ยนมือได้ (negotiable certificate of deposit) บัญชีลูกหนี้ (account receivable) ตั๋วเงินคลัง (treasury bill) และพันธบัตร (bond) ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  19. ตราสารทางการเงินในตลาดเงินของไทยตราสารทางการเงินในตลาดเงินของไทย ตราสารทางพาณิชย์ ตราสารทางพาณิชย์(commercial paper)เป็นตั๋วสัญญาระยะสั้น ส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 4-6 เดือน โดยไม่มีหลักประกันใดๆนอกจากชื่อเสียงของธุรกิจผู้ออกหรือสั่งจ่าย ผู้รับอาวัลและผู้รับรอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะตั๋วเงินบัญญัติให้ตั๋วเงินมี 3 ประเภทคือ 1.ตั๋วสัญญาใช้เงิน(promissory note) 2.เช็ค(cheque) 3.ตั๋วแลกเงิน(bill of exchange) อ.ชารวี บุตรบำรุง

  20. 1.1 ตั๋วสัญญาใช้เงิน(promissory note) เป็นตราสารที่ออกโดยลูกหนี้ให้แก่ เจ้าหนี้ ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหนังสือตราสารซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้ออกตั๋ว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของของบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับเงิน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราที่กำหนดและ วัน เดือน ปี ที่กำหนดบนหน้าตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเมื่อทวงถาม อ.ชารวี บุตรบำรุง

  21. 1.2 เช็ค(cheque) เช็ค(cheque) เป็นหนังสือตราสารซึ่งบุคคลหนึ่ง(ที่เป็นลูกหนี้ของผู้ที่จะรับชำระหนี้ด้วยเช็ค)โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งเช็คออกได้เป็น 2 ประเภทคือ เช็คระบุชื่อและเช็คผู้ถือ โดยเช็คระบุชื่อคือเช็คที่ผู้สั่งจ่ายออกโดยสั่งธนาคารให้จ่ายเงินโดยระบุชื่อผู้รับเงินหรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลนั้น และเช็คผู้ถือคือ เช็คที่ผู้สั่งจ่ายออกโดยสั่งธนาคารให้จ่ายแก่ผู้ถือหรือจ่ายตามคำสั่งของผู้ถือหรือระบุชื่อผู้รับเงินและมีคำว่าหรือผู้ถือรวมอยู่ด้วย จะให้ผู้ออกเช็คเขียนหรือพิมพ์ลงไปได้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1.คำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค 2.คำสั่งซึ่งใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอนโดยไม่มีเงื่อนไขในการใช้เงิน 3.ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักงานของธนาคาร 4.ชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับเงินหรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ 5.สถานที่ใช้เงิน 6.วัน เดือน ปี และสถานที่ที่ออกเช็ค 7.ลายมือชื่อ(ลายเซ็น)ของผู้สั่งจ่าย อ.ชารวี บุตรบำรุง

  22. ตัวอย่าง เช็ค อ.ชารวี บุตรบำรุง

  23. 1.3 ตั๋วแลกเงิน (bill of exchange) ตั๋วแลกเงิน คือ หนังสือตราสาร ซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้สั่งจ่าย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จ่ายให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ผู้รับเงิน โดยทั่วไปแล้วตั๋วแลกเงินจะประกอบไปด้วยรายการดังต่อไปนี้ 1.คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงิน 2.คำสั่งอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจำนวนแน่นอน 3.ชื่อหรือยี่ห้อผู้จ่าย 4.วันถึงกำหนดใช้เงิน 5.สถานที่ใช้เงิน 6.ชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงิน หรือคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ 7.วันและสถานที่ออกตั๋วเงิน 8.ลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย อ.ชารวี บุตรบำรุง

  24. ตัวอย่าง ตั๋วแลกเงิน อ.ชารวี บุตรบำรุง

  25. 2. ตั๋วแลกเงินที่รับรองโดยธนาคารพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์นี้มีอยู่ 2 ชนิด คือ 2.1ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารพาณิชย์รับรองให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและบุคคลทั่วไป เพื่อการชำระหนี้หรือหาเงินทุนในตลาดเงิน 2.2ตั๋วแลกเงินที่รับรองโดยสถาบันการเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศตามระบบการค้าระหว่างประเทศ อ.ชารวี บุตรบำรุง

  26. 3.ใบรับฝากเงินที่เปลี่ยนมือได้3.ใบรับฝากเงินที่เปลี่ยนมือได้ ใบรับฝากเงินที่เปลี่ยนมือได้ (negotiable certificate of deposit หรือ NCD) ในต่างประเทศถือเป็นตั๋วเงินประเภทหนึ่งที่มีความคล่องตัวมากในการเปลี่ยนมือเพื่อการโอนสิทธิเพียงแต่ผู้ถือลงรายมือชื่อสลักหลังเท่านั้นก็เปลี่ยนมือได้และใบรับฝากเงินที่เปลี่ยนมือได้นี้จะมีทั้งประเภทระบุชื่อผู้ถือและประเภทที่ไม่ระบุชื่อผู้ถือและอัตราดอกเบี้ย จะมีทั้งกำหนดไว้ตายตัวและอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อ.ชารวี บุตรบำรุง

  27. 4.บัญชีลูกหนี้ บัญชีลูกหนี้ (account receivable) ตามระบบบัญชีธุรกิจหมายถึงลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ(account and note receivables)ได้แก่ เงินที่ลูกค้าค้างชำระค่าสินค้าและค่าบริการที่ได้ขายไปตามการดำเนินงานปกติและลูกหนี้ตามตั๋วเงินรับ 5.ตั๋วเงินคลัง ตั๋วเงินคลัง(treasury bill)จัดเป็นหลักทรัพย์รัฐบาล(governmental securities)ประเภทหลักทรัพย์ที่รัฐบาลออกเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนมือกันในตลาดเงินตั๋วเงินคลังนี้ถือได้ว่าเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง(liquidity)สูงกล่าวคือ สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายโดยการนำไปขายลด(discount)ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย อ.ชารวี บุตรบำรุง

  28. 6. พันธบัตร พันธบัตร (bond) เป็นหลักทรัพย์ที่ออกโดยรัฐบาลและถือเป็นหลักทรัพย์ในตลาดทุน แต่เนื่องจากพันธบัตรเป็นหลักทรัพย์ที่มีความคล่องตัวและมีความปลอดภัยสูงจึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือกู้ยืมในตลาดเงินได้ เช่น นำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน การกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงิน ปกติจะแบ่งพันธบัตรเป็น 3 ชนิด คือ ชนิดแรกเป็นพันธบัตรที่มีระยะเวลาซื้อคืนสั้นที่สุดคือ 1 วัน ชนิดที่2เป็นพันธบัตรที่สามารถผ่อนผันระยะเวลาซื้อคืนไปได้อีก ถ้าผู้ขายไม่สามารถซื้อคืนได้ทันตามกำหนดที่ตกลงไว้และชนิดสุดท้ายเป็นพันธบัตรที่มีกำหนดเวลาซื้อคืนไว้แน่นอนและค่อนข้างยาวกว่า 2 ชนิดแรก คือประมาณ 60 วันหรือ 180 วันเป็นต้น อ.ชารวี บุตรบำรุง

  29. ลักษณะของตลาดเงินระหว่างประเทศลักษณะของตลาดเงินระหว่างประเทศ • ตลาดเงินระหว่างประเทศเป็นแหล่งของการดำเนินกิจกรรมระหว่างประเทศที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกับการ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างๆ และตราสารหนี้ระยะสั้นที่เปลี่ยนมือได้ ณ ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ • โดยตลาดเงินระหว่างประเทศจะมีชื่อเรียกที่ต่างกันไป เช่น ยูโรดอลลาร์ (eurodollar) ยูโรเคอเรนซี่ (eurocurrency)กิจการวิเทศธนกิจ (international banking facilities) ตลาดออฟชอร์(offshore financial market) เป็นต้น อ.ชารวี บุตรบำรุง

  30. ตลาดเอเชียดอลลาร์ • ตลาดเอเชียดอลลาร์(asian dollar) หมายถึงเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่หมุนเวียนอยู่ในทวีปเอเชีย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์เริ่มตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1960 เพราะสิงคโปร์มีความพร้อมอยู่หลายประการ เช่นสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ มีสถาบันการเงินสำคัญๆหลายแห่ง มีระบบสื่อสารที่ดีมาก มีเสถียรภาพทางการเมือง การกู้ยืมเอเชียดอลลาร์ในตลาดสิงคโปร์มีอัตราดอกเบี้ยที่เรียกว่า ไซบอร์(SIBOR หรือSingapore inter-bank offer rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินต่างๆในสิงคโปร์ให้กู้ยืมเอเชียดอลลาร์ระหว่างกัน อ.ชารวี บุตรบำรุง

More Related