1 / 53

บทที่ 1

บทที่ 1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์. ความหมายของคอมพิวเตอร์.

Download Presentation

บทที่ 1

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

  2. ความหมายของคอมพิวเตอร์ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computareซึ่งหมายถึงการนับหรือ การคำนวณ  พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2525ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"

  3. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • ในระยะ 5,000 ปี ที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนาเป็นอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลูกหิน

  4. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณ เรียกว่า ลูกคิด (Abacus) ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยการคำนวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน

  5. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมาเรียกว่า Napier's Bonesเป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน

  6. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal ได้ออกแบบเครื่องมือช่วยในการคำนวณโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟือง เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ดีในการคำนวณบวกและลบ เท่านั้น ส่วนการคูณและหารยังไม่ดีเท่าไร

  7. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2216 นักปรัชญาชาวเยอรมันชื่อ Gottfried Wilhelm Baronvon Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่องคำนวณของปาสกาล ซึ่งใช้การบวกซ้ำๆ กันแทนการคูณเลข จึงทำให้สามารถทำการคูณและหารได้โดยตรง และยังค้นพบเลขฐานสอง (Binary Number)

  8. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Joseph Marie Jacquard พัฒนาเครื่องทอผ้าโดยใช้บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่งควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการประดิษฐ์เครื่องเจาะบัตรในเวลาต่อมา และถือว่าเป็นเครื่องจักรที่ใช้ชุดคำสั่ง (Program) สั่งทำงานเป็นเครื่องแรก

  9. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2373 Charles Babbage ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ของอังกฤษ ได้สร้างเครื่องหาผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้คำนวณและพิมพ์ตารางทางคณิตศาสตร์อย่างอัตโนมัติ แต่ก็ไม่สำเร็จตามแนวคิด ด้วยข้อจำกัดทางด้านวิศวกรรมในสมัยนั้น แต่ได้พัฒนาเครื่องมือหนึ่งเรียกว่า เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine)

  10. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • เครื่องนี้ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน คือ • 1. ส่วนเก็บข้อมูล • 2. ส่วนประมวลผล • 3. ส่วนควบคุม • 4. ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ ด้วยเครื่องวิเคราะห์ มีลักษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงทำให้ Charles Babbage ได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งคอมพิวเตอร์ "

  11. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2385 สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady Augusta Ada Byron ได้ทำการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Analytical Engine และได้เขียนขั้นตอนของคำสั่งวิธีใช้ เครื่องนี้ให้ทำการคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อน จึง นับได้ว่า ออกุสต้า เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรก ของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรูที่ บรรจุชุดคำสั่งไว้สามารถนำกลับมาทำงานซ้ำใหม่ นั่นคือหลักการทำงานวนซ้ำ หรือที่เรียกว่า Loop

  12. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้สร้างระบบพีชคณิตแบบใหม่ เรียกว่า พีชคณิตบูลลีน (Boolean Algebra) ซึ่งมีประโยชน์มากต่อการออกแบบวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบทางตรรกวิทยาของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันด้วย

  13. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2423 Dr. Herman Hollerith นักสถิติชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์เครื่องประมวลผลทางสถิติเครื่องแรก ซึ่งใช้กับบัตรเจาะรู ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกา

  14. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken ได้พัฒนาเครื่องคำนวณตามแนวคิดของแบบเบจ ร่วมกับวิศวกรของบริษัท ไอบีเอ็มได้สำเร็จ โดยเครื่องจะทำงานแบบเครื่องจักรกลปนไฟฟ้าและใช้บัตรเจาะรู เครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK Iหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนับเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก

  15. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2486 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ต้องการเครื่องคำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชม.ต่อการยิง 1 ครั้ง ดังนั้น จึงให้ทุนอุดหนุนแก่ John W. Mauchly และ Persper Eckert สร้างคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา มีชื่อว่า ENIAC (Electronic Numerical Intergrater and Calculator) สำเร็จในปี พ.ศ. 2489 โดยนำหลอด สุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้ เครื่องมีความเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำในการ คำนวณมากขึ้น

  16. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2492 Dr. John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำของเครื่องได้สำเร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวคิดนี้ได้แก่ EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) และนำมาใช้งานจริงในปี 2494 และในเวลาเดียวกันมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์ ก็ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ในลักษณะคล้ายกับเครื่อง EDVAC นี้ และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Storage Automatic Calculator) มีลักษณะการทำงานเหมือนกับ EDVAC คือเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำ แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปคือ ใช้เทปแม่เหล็กในการบันทึกข้อมูลต่อมา ศาสตราจารย์แอคเคิทและมอชลี ได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์อีก ชื่อว่า UNIVAC I (Universal Automatic Calculator) ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อขายหรือเช่า เป็นเครื่องแรกที่ออกสู่ตลาด

  17. วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ • ยุคที่ 1 ใช้หลอดสูญญากาศ

  18. วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ • ยุคที่ 2 ใช้ทรานซิสเตอร์

  19. วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ • ยุคที่ 3 ใช้ไอซี (IC : Intergrated Circuit)

  20. วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ • ยุคที่ 4 ใช้แอลเอสไอ (VLSI : Very Large Scale Integrated)

  21. ประเภทของคอมพิวเตอร์ • แบ่งตามหลักของการแทนค่าข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ • แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ (Analog Computer) • ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) • แบ่งตามลักษณะการใช้งาน • คอมพิวเตอร์เฉพาะกิจ (Special-Purpose Computer) • คอมพิวเตอร์ใช้งานทั่วไป (General-Purpose Computer)

  22. ประเภทของคอมพิวเตอร์ • แบ่งตามขนาดของเครื่อง • ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computers) • Desktop, Laptop, Notebook • Handheld Computer Palmtop ,Tablet ,Smart Phone • สถานีงาน (Workstations) • มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computers) • เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computers) • ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computers)

  23. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ • คน (Peopleware) • ตัวเครื่อง (Hardware) • ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ • โปรแกรมคำสั่ง (Software) • System Program • Application Program

  24. ส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ • หน่วยประมวลผลกลาง (CPU : Central Processing Unit) • หน่วยควบคุม (Control Unit) • หน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์และตรรกะ (ALU :Arithmetic Logic Unit) • Register • หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) • หน่วยแสดงผล (Output Unit) • หน่วยความจำ (Memory Unit) • หน่วยความจำหลัก (Primary memory : Main memory) • หน่วยความจำสำรอง (Secondary memory : Storage)

  25. รูปแสดงส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์รูปแสดงส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

  26. หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ • หน่วยความจำที่เรียกว่า ROM (Read Only Memory)ข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจำ แม้จะปิดไฟเครื่อง สิ่งที่บันทึกอยู่ก็จะไม่หาย • หน่วยความจำที่เรียกว่า RAM (Random Access Memoryใช้เป็นที่เก็บข้อมูลและโปรแกรมของผู้ใช้ โดยจะเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม ลบออกได้ แต่เมื่อปิดไฟเครื่อง ข้อมูลที่อยู่ในส่วนนี้จะหายไปหมด

  27. หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ • หน่วยที่เล็กที่สุดที่อาจเป็นเลข 0 หรือ 1 เรียกว่า บิต (Bit) ที่ย่อมาจาก Binary Digit และเมื่อนำเอาบิตมารวมกันเป็นกลุ่ม เช่น 8 บิต เรียกว่า 1 ไบต์ (Byte) โดย 1 ไบท์จะใช้แทนตัวอักษรหรือตัวเลข 1 ตัว ทุกๆไบท์จะมีหมายเลขกำกับ (Address number) ขนาดของหน่วยความจำจะขึ้นอยู่กับจำนวนไบท์ โดยไบท์จะมีหน่วยเป็น KB (Kilobyte) หรือ MB (Megabyte) หรือ GB (Gigabyte) เช่น เครื่อง IBM มีหน่วยความจำขนาด 128 Mb คือ เครื่องนี้จะสามารถเก็บตัวอักษรหรือตัวเลขได้ 128*1,024*1,024 ตัวอักษร เป็นต้น • ( 1 Kilobyte = 210 = 1,024 bytes) • ( 1 Megabyte = 210 * 210 = 1,048,576 bytes) • ( 1 Gigabyte = 210 * 210 * 210= 1,073,741,824 bytes)

  28. หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์

  29. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ • โปรแกรมระบบ (System Program) • ระบบปฏิบัติการเช่น Windows, Linux, UNIX, iOS, Android ฯลฯ • โปรแกรมจัดการระบบ เช่น Control Panel, Disk Defragment, Disk Cleanup, Windows Registry ฯลฯ • โปรแกรมแปลภาษา Compiler และ Interpreter • BASIC, FORTRAN, COBOL, PASCAL, C, VB, VC, Delphi, .net, Java • โปรแกรมประยุกต์ (Application Program) • โปรแกรมเฉพาะงาน(เขียนขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์) เช่น Microsoft Office, Internet Browserโปรแกรมสำนักงาน, โปรแกรมระบบบัญชี, โปรแกรมทะเบียน, งานวิจัย

  30. ภาษาคอมพิวเตอร์ • ภาษาเครื่อง (Machine Language) • คำสั่งของภาษาประกอบด้วยกลุ่มเลขฐานสอง (0 และ 1) • ภาษาใกล้เคียงภาษามนุษย์ (Human Oriented Language) • ภาษาระดับต่ำ (Low level language) • มีเพียงภาษาเดียวเท่านั้น คือ ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) • ภาษาระดับสูง (High level language) • BASIC, FORTRAN, COBOL, PASCAL, C, VB, VC, Delphi, .net, Java

  31. รหัสแทนข้อมูล • รหัส BCD (Binary Code Decimal) • 1 ไบต์ 6 บิต ได้ 64 ลักษณะ • รหัส EBCDIC (Extended Binary Code Decimal Interchange Code) • 1 ไบต์ 8 บิต ได้ 256 ลักษณะ • รหัส ASCII (American Standard Code Information Interchange) • 1 ไบต์ 8 บิต ได้ 256 ลักษณะเป็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน • รหัส Unicode (American Standard Code Information Interchange) • 1 ไบต์ 16 บิต ได้ 65536 ลักษณะ

  32. รหัสแทนข้อมูล

  33. ประโยชน์และข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์ประโยชน์และข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์ ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ ได้แก่ • ความเร็ว (Speed) • ความถูกต้อง (Accuracy) • ความน่าเชื่อถือ (Reliability) • การเก็บรักษาข้อมูลหรือโปรแกรม (Retention) • การประหยัด (Economy) • การใช้งานได้หลาย ๆ ด้าน (Wide Applicability)

  34. ประโยชน์และข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์ประโยชน์และข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์ ข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์ ได้แก่ • การทำงานต้องขึ้นกับมนุษย์ (Dependence of People) • การวางระบบงานคอมพิวเตอร์ต้องใช้เวลามาก (Time-Consuming System) • การรบกวนระบบงานปกติ (Disruptiveness) • การไม่รู้จักปรับปรุงให้ดีขึ้น (Unadaptiveness)

  35. ความหมายของการประมวลผลข้อมูลความหมายของการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) หมายถึง การกระทำ กระบวนการต่างๆ ของข้อมูลเพื่อเกิดสารสนเทศที่มีความหมาย หรือมีประโยชน์ • ข้อมูล (Data) หมายถึง วัตถุดิบ หรือข้อเท็จจริง เช่น ตัวเลข, ตัวอักขระ, ข้อความ, รูปภาพ, เสียง หรือภาพยนตร์ เป็นต้น • สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลซึ่งมีการประมวลผลแล้ว และมีการจัดเรียงข้อมูลอย่างเป็นระเบียบให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

  36. ความหมายของการประมวลผลข้อมูลความหมายของการประมวลผลข้อมูล ลำดับการประมวลผลข้อมูล Data ข้อมูล Processing การประมวลผล Information สารสนเทศ

  37. องค์ประกอบข้อมูล มีองค์ประกอบของข้อมูลดังนี้ • บิต (Bit)คือ หน่วยของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งแทนด้วยเลขฐานสอง คือ 0 และ 1 • ไบต์ (Byte)คือ กลุ่มของบิตใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ตัวเลข หรือ สัญลักษณ์พิเศษ เพียง 1 ตัว เช่น 01000001 คือ ตัว A โดยที่ 8 บิต เท่ากับ 1 ไบต์ • ฟิลด์ (Field) คือ กลุ่มของไบต์ที่รวมกันแล้วมีความหมาย เช่น ชื่อ, นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์

  38. องค์ประกอบข้อมูล มีองค์ประกอบของข้อมูลดังนี้ • เรคอร์ด (Record) คือ กลุ่มของฟิลด์ที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น เรคอร์ดของข้อมูลนักศึกษา ซึ่งประกอบด้วย ฟิลด์รหัส, ชื่อ, นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, อายุ, ที่อยู่, ชั้น, ปี เป็นต้น • แฟ้มข้อมูล (File)คือ กลุ่มของเรคอร์ดที่มีข้อมูลเป็นเรื่องเดียวกัน เช่น แฟ้มข้อมูลนักศึกษา, แฟ้มข้อมูลประวัติคนไข้, แฟ้มข้อมูลสินค้า เป็นต้น • ฐานข้อมูล (Database) คือ กลุ่มของแฟ้มข้อมูลที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันหลายๆ แฟ้มข้อมูล มารวมกันเป็นระบบ เช่น ฐานข้อมูลระบบทะเบียนนักศึกษา, ระบบคงคลังสินค้า เป็นต้น

  39. องค์ประกอบข้อมูล แสดงองค์ประกอบข้อมูล

  40. การประมวลผลข้อมูล แสดงการแยกขั้นตอนการประมวลผลในลำดับการประมวลผล ดังนี้

  41. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • ไวรัสคอมพิวเตอร์ • ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์มีความสำคัญมากๆ ถ้าไม่มีการเก็บรักษาและป้องกันที่ดีข้อมูลเหล่านี้ ก็อาจจะถูกทำลายให้เกิดความเสียหายได้ง่าย เนื่องจากมีโปรแกรมบางชนิด ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเราจะรู้จักในชื่อว่า “ไวรัสคอมพิวเตอร์” • ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปแทรกอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็จะสำเนาตัวเองไปสู่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ต่อไปและเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส โดยอาจจะผ่านทางไฟล์ต่างๆ หรือ อีเมล์

  42. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์ • ไวรัสที่ฝังตัวอยู่ตามบูตเซ็กเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์พันธุ์นี้จะแพร่กระจายโดยติดในบูตเซ็กเตอร์ หรือบู๊ตเรคอร์ด ซึ่งเป็นเนื้อที่สำคัญของระบบเก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ ทุกครั้งที่ทำการเปิดเครื่อง ระบบจัดการของคอมพิวเตอร์จะอ่านข้อมูลจากบูตเซ็กเตอร์ และโหลดเข้าไปในหน่วยความจำก่อนเสมอ ทำให้ไวรัสถูกโหลดไปหลบซ่อนในหน่วยความจำ เพื่อรอจังหวะแพร่กระจายต่อไปยังแผ่นดิสก์

  43. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์ • ไวรัสที่เกาะตามไฟล์หรือโปรแกรม ส่วนมากจะเกาะติดไฟล์ที่มีสกุล COMหรือEXE คือเมื่อมีการใช้งานโปรแกรมที่มีนามสกุลดังกล่าว ไวรัสประเภทนี้จะแยกตัวไปซ่อนอยู่ในหน่วยความจำ แล้วหาทางเกาะติดไฟล์ที่มีนามสกุลดังกล่าว ที่เก็บไว้ในแผ่นดิสก์ หรืออาจจะไปเกาะติดและทำลายไฟล์ที่นามสกุล COM หรือEXE เรียกใช้งาน

  44. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์ • ไวรัสมาโคร เป็นโปรแกรมทำงานอย่างอัตโนมัติที่มีขนาดเล็ก ที่มีติดตั้งอยู่ในชุดโปรแกรมสำนักงาน (Microsoft Word, Excel, Power Point เป็นต้น) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรแกรมสั่งการทำงานหลายๆ อย่างได้พร้อมกันในคราวเดียว ไวรัสมาโครจะติดต่อกับไฟล์ซึ่งใช้เป็นต้นแบบ ในการสร้างเอกสาร (Documents ) หลังจากที่ต้นแบบในการใช้สร้างเอกสารติดไวรัสแล้ว ทุกๆ เอกสารที่เปิดขึ้นด้วยต้นแบบอันนั้นจะเกิดความเสียหายขึ้นทำให้ไม่สามารถใช้งานไฟล์นั้นๆได้

  45. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์ • ม้าโทรจัน (Trojan Horse Virus) เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นเหมือนว่าเป็นโปรแกรมธรรมดาทั่ว ๆ ไป เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทำการเรียกมาทำงาน แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมาแล้ว ก็จะเริ่มทำลายตามที่คำสั่งของโปรแกรมทันที และนับว่าเป็นหนึ่งในประเภทของโปรแกรมที่มีความอันตรายสูง เพราะยากที่จะตรวจสอบ

  46. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์ • หนอน (Worm) ไวรัสพวกนี้ไม่น่าจัดว่าเป็นไวรัสเพราะมันจะไม่เกาะติดกับไฟล์ใดๆ แต่จะจำลองตัวและเพิ่มจำนวนคลืบคลานไปตามเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายอินเทอร์เนตที่มีการเชื่อมต่อกัน ในปัจจุบันเราถูกหนอนพวกนี้โจมตีมากที่สุด ในการเดินทางของมันจะมีการใช้บริการของ E-mail, สาย Network และอื่นๆ และพวกหนอนเหล่านี้ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์ทำให้ยากแก่การดักจับและการทำลาย

  47. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • อาการของคอมพิวเตอร์เมื่อมีไวรัสคอมพิวเตอร์ • เนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยไม่ได้ลงโปรแกรม หรือนำข้อมูลมาลง • วินโดวส์แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ข้อความโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีโปรแกรมบางตัวทำงานโดยที่ไม่ได้สั่ง • คอมพิวเตอร์ทำงานช้า อืดผิดปกติทั้งๆที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมอะไร • ไฟล์ข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก ทุกครั้งที่ใช้งาน • เปิดหรือการโหลด เข้าใช้งานโปรแกรมเข้าสู่หน่วยความจำใช้เวลานานขึ้น • เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดอาการแฮงค์ (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่ดีๆโปรแกรมก็ปิดเอง

  48. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • อาการของคอมพิวเตอร์เมื่อมีไวรัสคอมพิวเตอร์ • เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้ บูตเครื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้ • เปิดไฟล์เอกสารไม่ได้ทั้งๆที่เคยเปิดอยู่ทุกวัน หรือเปิดได้แต่เป็นตัวอักษรประหลาดๆ ปนมาด้วย • เครื่องคอมพิวเตอร์มีการกระทำที่แปลกๆ สุดแต่ผู้เขียนโปรแกรมไวรัสจะกำหนดมา เช่น อาจส่งเสียงพิสดารต่างๆ หรือกดอักษร A หนึ่งครั้ง ก็แสดงอักษร A ออกมาได้หลายสิบตัว • เปิดเล่น โปรแกรม IE, Mozilla Firefox เข้าเว็บ สแกนไวรัส.com แล้วมีข้อความโฆษณาหรือข้อความแปลกๆขึ้นที่หน้าจอ • โปรแกรมป้องกันไวรัสไม่สามารถเปิดได้ หรือเปิดโปรแกรมต่างๆ ไม่ได้ อยู่ดีๆโปรแกรมที่ใช้ทุกวันก็หายไป

  49. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • อาการของคอมพิวเตอร์เมื่อมีไวรัสคอมพิวเตอร์ • เครื่องมีการรีสตาร์ทหรือปิดเองขณะใช้งาน หรือไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้ • ฮาร์ดดิสก์ หรือ CPU ทำงานมากอย่างผิดสังเกต หรือไฟแสดงการทำงานของอุปกรณ์เครือข่าย (เช่น Broadband Modem, Hub, Switch) ติดตลอดเวลา โดยที่ท่านไม่ได้ใช้งานอะไรเป็นพิเศษ • มีไฟล์ต่างๆ เช่น Autorun.inf หรือไฟล์นามสกุล .vbsในไดรฟ์ต่างๆ โดยที่ไม่ได้สร้างขึ้น • ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ • เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ • แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย

  50. การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การดูแลป้องกันข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ • อาการของคอมพิวเตอร์เมื่อมีไวรัสคอมพิวเตอร์ • ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป • อาการของการติดไวรัสนั้นยังมีอีกมากมาย ขึ้นอยู่กันชนิดของไวรัสด้วยโดยทางสแกนไวรัส.com ขอเสนออาการที่ท่านสามารถสังเกตได้โดยง่ายเท่านั้น แต่ความเข้าใจผิดบางอย่างก็อย่าไปเข้าใจว่าเป็นอาการของไวรัสทั้งหมดนะครับ

More Related