400 likes | 762 Views
เยอบีร่า. ชื่อสามัญ Gerbera ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gerbera jamesonii hybrids วงศ์ : Compositae (Asteraceae) ถิ่นกำเนิด : South Africa. เยอบีร่าเป็นไม้ตัดดอกที่ได้รับการพัฒนาพันธุ์ก้าวหน้าและรวดเร็ว ปัจจุบันที่ปลูก ตัดดอกเป็นพันธุ์ลูกผสม
E N D
เยอบีร่า ชื่อสามัญ Gerbera ชื่อวิทยาศาสตร์: Gerbera jamesonii hybrids วงศ์: Compositae (Asteraceae) ถิ่นกำเนิด: South Africa
เยอบีร่าเป็นไม้ตัดดอกที่ได้รับการพัฒนาพันธุ์ก้าวหน้าและรวดเร็ว ปัจจุบันที่ปลูก ตัดดอกเป็นพันธุ์ลูกผสม ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นผู้ผลิตเยอบีร่ารายใหญ่ของโลก ผลิตในโรงเรือน ประเทศคู่ค้า เยอรมันนี ฝรั่งเศส ออสเตรีย สหรัฐอเมริกา ชาวเยอรมันนิยมและชื่นชมเยอบีร่าเป็นพิเศษ
นำเข้าประเทศไทย พ.ศ. 2451 โดยนายแพทย์คาร์ทิว จนเรียกว่าสายพันธุ์ไทย ปัจจุบันนิยมพันธุ์ยุโรป เพราะมีคุณภาพดี มีความสม่ำเสมอ ให้ผลตอบแทนสูง 1 ปี ตัดดอกได้ 75-180 ดอกต่อตารางเมตร
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้เนื้ออ่อน (herbaceous) มีลำต้นแบบไรโซม เจริญไปตามแนวราบ ใบเกิดจากตาที่ลำต้น แตกเป็นพุ่มก้านใบติดกับไรโซม ใบสีเขียวเข้ม ขอบใบหยัก เว้าไม่เท่ากัน ไม่มีหูใบ แผ่นใบไม่กางเต็มที่ มีขนละเอียด
ช่อดอกแตกจากตาที่ส่วนของช่อดอกแตกจากตาที่ส่วนของ ลำต้น ก้านดอกกลมยาว 20-70 ซม. ช่อดอกแบบ head ประกอบด้วยดอกย่อย (florets) จำนวนมาก อัดตัวกันแน่น
กลีบเลี้ยงลดรูปเป็นขนเล็กๆ เรียกว่า papus อับละอองเกสรตัวผู้มี 5 อัน เชื่อมติดกันเป็น วงรอบก้านเกสรตัวเมีย (style) อับละอองเกสรตัวผู้มี 2 ช่องแตกตามยาว ก้านเกสรตัวผู้ ติดกับกลีบดอก (corolla tube)รังไข่เป็นแบบอยู่ใต้ฐานรองดอก (inferior ovary) มี 1 locule 2 carpel
การจำแนกประเภท • 2 ประเภท • เยอบีร่าดอกชั้นเดียว มีชั้นนอก 1-2 ชั้น ชั้นในมีขนาดสั้น เป็นกระจุก • เยอบีร่าดอกซ้อน มีชั้นนอกมากกว่า 2 ชั้น ชั้นในมีขนาดสั้นลดหลั่นกันไป • สายพันธุ์ไม้ตัดดอก • สายพันธุ์ไทย ดอกซ้อน ตัวผู้เป็นหมัน มีหลายสี ขาว แดง ชมพู ส้ม สีอิฐ • สายพันธุ์อเมริกาและออสเตรเลีย ดอกชั้นนอกมี 1-2 ชั้น กลีบดอกแคบยาว • ไม่นิยมเป็นไม้ตัดดอก
3. สายพันธุ์ยุโรป ดอกชั้นเดียว ชั้นนอก 2-3 ชั้น กลีบกว้าง ป่องกลาง กลีบหนา ไส้ดำหรือน้ำตาล เหมาะเป็นพ่อพันธุ์ นิยมเป็นไม้ตัดดอก พันธุ์สีแดง cleopatra floijn สีชมพู Appelblesem สีขาว delphi สีเหลือง golden สีส้ม Agnes
4. สายพันธุ์นิวซีแลนด์ ดอกซ้อน แยกเป็น 2 ชั้นเห็นชัดเจน 5. ลูกผสมระหว่างดอกซ้อนและยุโรป นิยมเป็นไม้ตัดดอก
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม • แสง ควรปลูกในโรงเรือนพรางแสง 50 % ก้านดอกยาวสีสดใส • อุณหภูมิ ชอบอากาศเย็น กลางวัน 24-28 องศาเซลเซียส กลางคืน 14-18 องศาเซลเซียส • 3. ความชื้น ความชื้นในอากาศ 80-90 % • 4. pH 5.5-7.0
การขยายพันธุ์ • การเพาะเมล็ด วัสดุเพาะ ขุยมะพร้าวกับทราย 1:1 • ใช้ถาดเพาะ หรือตะกร้าพลาสติก งอกภายใน 5-7 วัน อายุ 2-3 สัปดาห์ มีใบจริง 2 ใบ • ย้ายลงถุง 10x15 ซม. ส่วนผสมคือ • ดินร่วน 1 • ปุ๋ยคอก 1 • แกลบ 1 • ถ่านแกลบ 1 • เก็บไว้ในโรงเรือนพลาสติกกันฝน เมื่อต้นกล้าเริ่มตั้งตัวให้ปุ๋ยสูตร 21-21-21 1-2 ช้อนแกง • ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อกล้าอายุ 45-60 วัน ย้ายปลูกลงกระถาง ให้ดอกแรกเมื่ออายุ 4-5 เดือน
2. การแยกหน่อ ครบ 1 ปี ให้แยกหน่อ งดให้น้ำก่อนขุด 1 เดือน เพื่อให้หยุดการแตกกอ ก่อนขุด 1 สัปดาห์รดน้ำให้เต็มที่ ขุดกอทำการแยก ต้นตั้งตัวได้เร็ว 1 กอได้ 10-15 หน่อ ให้มีรากติดมาด้วย 2-3 ราก ตัดรากและใบให้ สั้น จุ่มโคนหน่อในฮอร์โมนเร่งราก IBA 8000 ppm (เซราดิกซ์เบอร์ 3) จะออก รากใหม่ใน 2 สัปดาห์ อีก 2 สัปดาห์ย้ายลงแปลงและให้ดอกหลังปลูก 60-75 วัน
3. การชำยอดอ่อน ได้ต้นมากกว่าหน่อ โดยการขุดกอมาล้างน้ำ ดึงใบ ดึงยอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดตาข้างแตก ใช้ยากันราฉีดพ่น นำไปชำในกระบะชำ เหง้าจะแตกยอดใหม่ ตัดยอดจุ่มฮอร์โมนเบอร์ 1 หรือ 2 ชำจนออกราก 4. การขยายพันธุ์ระบบทวีคูณ เป็นการสร้างหน่อใหม่ โดยการกระตุ้นต้นเยอบีร่า ให้มีการแตกหน่อจำนวนมาก ได้ตลอดระยะการปลูก คือหลังย้ายปลูก 3 สัปดาห์ จะเกิดการแตกหน่อ ให้ตัดหน่อที่ได้ขนาดไปชำในกระบะชำ ให้น้ำระบบพ่นฝอย เพื่อให้เกิดราก วิธีนี้นิยมมาก เพราะได้ต้นกล้าขนาดใหญ่ ออกดอกเร็ว ประมาณ 45-60 วัน หลังย้ายปลูก 5.การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ นิยม ใช้ส่วนปลายยอดของดอกอ่อน ฐานรองดอกที่บานแล้ว สูตรอาหาร ms (murashigeand skoog) ได้ต้นจำนวนมากและรวดเร็ว
ขั้นตอนการปลูกและการดูแลรักษาขั้นตอนการปลูกและการดูแลรักษา • 1. การเตรียมพื้นที่ปลูกเยอบีร่า • 1.1 โรงเรือน การสร้างโรงเรือนพลาสติกเหมาะสำหรับการปลูกเยอบีร่าในที่อากาศค่อนข้างเย็น ส่วนในเขตร้อน อุณหภูมิในโรงเรือนจะสูงมาก ควรสร้างโรงเรือนในที่โล่งจะได้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ขนาดโรงเรือนหลังละ 1 ไร่ ห่างกันไม่ต่ำกว่า 5 เมตร การปลูกในโรงเรือนสามารถป้องกันการระบาดของโรคและแมลง ความเสียหายจากน้ำฝน โรคใบจุด ดินกระแทก โรคราที่ดอก รากเน่าเกิดน้อย ส่วนในฤดูร้อนปลูกในโรงเรือน ดีกว่าปลูกกลางแจ้ง เพราะใบและดอกไม่เหี่ยว และยังสามารถป้องกันแมลงและผีเสื้อกลางคืนได้ดี ลดการใช้สารเคมี
1.2 แปลงปลูกและวัสดุปลูก แปลงสูง 30 ซม.กว้าง 65-75 ซม. ความยาวตามพื้นที่ ทางเดิน 50 ซม. โดยใช้วัสดุ ปลูกดังนี้คือ • - ขุยมะพร้าว 3 • - แกลบดำ-แกลบดิบ 2 • - ดินดำ 2 • ทรายหยาบ 1 • - ปุ๋ยหมัก 1 • ธาตุอาหารรอง • - แคลเซียมคาร์บอเนต 500 กรัม/ลบ.ม • - แคลเซียมซัลเฟต 100 กรัม • เฟอรัสซัลเฟต 500 กรัม • คอปเปอร์ซัลเฟต 10 กรัม • - ซิงค์ซัลเฟต 10 กรัม
1.3 การปลูก ระหว่างแถว 30-40 ซม. ระหว่างต้น 30-35 ซม. และควรปลูกแบบสลับฟันปลา การปลูกควรให้ต้นอยู่ระดับผิวดินหรือเหนือดินเล็กน้อย ไม่ควรปลูกลึก อย่าให้วัสดุปลูกกลบยอด เพราะจะทำให้ต้นเน่าตายได้
2. การดูแลรักษาต้นเยอบีร่า • 2.1 การให้น้ำ เยอบีร่ายุโรป ต้องการน้ำมาก ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะ ถ้าต้นเยอบีร่าขาดน้ำ ทำให้ใบ ดอกเหี่ยว คอดอกพับลง ก้านดอกไม่ตรง ดอกเล็ก คุณภาพและอายุการปักแจกันลดลง ถ้าให้น้ำไม่สม่ำเสมออาจทำให้ก้านดอกเปราะหัก มีรอยแตกตามขวาง • วิธีการให้น้ำต้นเยอบีร่าสามารถทำได้ 3 วิธีดังต่อไปนี้
2.1.1 แบบสปริงเกอร์ ช่วง 1 เดือนแรกช่วยปรับอุณหภูมิและสภาพความชื้นได้ดี ในฤดูร้อน สิ้นเปลืองน้ำมาก ถ้าให้ในช่วงดอกบานจะทำให้ดอกเปียก
2.1.2 แบบใช้สายยางรดทั้งแปลง ใช้ฝักบัวสวมสายยาง สิ้นเปลืองน้ำน้อย ข้อเสียคือ จะทำให้ดินในแปลงอัดแน่น
2.1.3 แบบระบบน้ำหยด เหมาะสำหรับเยอบีร่าที่ปลูกมาแล้ว 1 เดือน สามารถให้ปุ๋ยพร้อมกับน้ำ ต้องลงทุนสูง
2.2 การให้ปุ๋ย ต้องการปุ๋ยมาก ให้ปุ๋ยทั้งทางรากและทางใบ แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ
2.2.1 ช่วงก่อนออกดอก - เมื่อเริ่มปลูก 1 เดือนแรก N สูง เช่น 20-0-0 หรือ 46-0-0 ผสมกับปุ๋ยเกล็ดสูตร 20-20-20 อัตราส่วน 1:1 อย่างละ 1/2 กิโลกรัม+น้ำ 200 ลิตร แล้วใช้น้ำปุ๋ยรดครึ่งลิตร ต่อต้นทุก 7 วัน • เดือนที่ 2 ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ใช้ 15 กิโลกรัม+น้ำ 200 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 คืน ต่อมาเอาหัวปุ๋ยที่แช่ไว้ 5 ลิตร ผสมกับน้ำ 200 ลิตร ใช้น้ำปุ๋ยรด 1 ลิตรต่อต้นทุก 15 วัน จนกว่าจะมีดอกแรก และใช้ปุ๋ยเกล็ดสูตร 25-5-5 หรือ 20-20-20 ผสมฉีดพ่นเสริมทางใบทุก 7 วัน สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงผสมกับปุ๋ยไปด้วย
2.2.2 ช่วงออกดอก สูตร 15-15-15 สูตร 12-24-12 สูตร 8-24-24 หรือสูตร 0-0-60 หรือใช้ 2 สูตร รวมกัน เช่นใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15+สูตร 0-0-60 อัตรา 1:1 หรือใช้สูตร 12-24-12+0-0-60 อัตรา 1:1 โดยผสมปุ๋ย ทั้ง 2 สูตรให้ได้ 15 กิโลกรัม/น้ำ 200 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำ หัวปุ๋ย 7 ลิตร/น้ำ 200 ลิตร ใช้รดต้นเยอบีร่าต้นละ 1 ลิตรทุก 15 วัน และใช้ปุ๋ย0-46-0 ฝังลงดิน ใกล้โคนต้น1 ช้อนชา/เดือน ส่วนปุ๋ย 20-20-20 หรือสูตร 15-30-15 พ่นทางใบ+สารเคมีป้องกันกำจัดโรค และแมลงทุก 7 วัน
3. การแต่งทรงพุ่ม • เมื่อพุ่มโตเต็มที่ ตัดใบด้านล่าง ใบไม่สมบูรณ์ มีโรคและแมลงรบกวน ใบแก่ ให้เหลือใบไว้กอละ 20-25 ใบ การเด็ดใบ ต้องเด็ดให้หลุดจากขั้ว ระหว่างต้นกับใบ ห้ามใช้กรรไกรตัด เพราะทำให้เชื้อราเข้าทำลายได้
4. การเก็บดอก การคัดเกรด และการบรรจุหีบห่อเยอบีร่า • 4.1 การเก็บดอกเยอบีร่า จากการเพาะเมล็ดการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ4-5 เดือน ต้นจากการแยกหน่อ 2-3 เดือน ดอกแรกมีขนาดเล็กให้ดูแลต่อไปอีก 1-2 เดือน จึงจะได้ดอกที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ระยะเวลาที่ เหมาะสมในการตัดดอก คือ กลีบดอกชั้นในที่เป็นเกสรตัวผู้บานได้ 1-2 วง หากเก็บเร็วเกินไปหรือปล่อยให้ดอกแก่ ทำให้ดอกคอหักพับ อายุปักแจกันสั้น ควรเก็บในช่วงเช้า
วิธีเก็บดอก ใช้มือจับที่โคนก้านดอกเหนือจากดิน 2-3 นิ้วโยกลงข้างๆ ระหว่างก้านใบแล้วกระตุกขึ้น ดอกจะ หลุดออกมา แช่ก้านดอกลงในถังน้ำที่ใส่สารฟอกผ้าขาว (Sodium hypochlorite) เช่น คลอร็อกซ์ หรือไฮเตอร์ 7 มิลลิลิตรต่อน้ำ 1 ลิตร เก็บไว้ในที่ร่ม เยอบีร่าควรเก็บในตอนเช้า
4.2 การคัดเกรดเยอบีร่า เป็นการเพิ่มราคาผลผลิตและลดการเสียหายของดอกระหว่างการขนส่ง เมื่อเก็บดอกออกจากแปลงแล้ว ต้องนำมาทำการคัดเกรดตามความต้องการ ของตลาด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 เกรด คือ • 1.A ความยาว 40 เซนติเมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางดอกมากกว่า 4 นิ้ว • 2. B ความยาว 35-40 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 3.5-4 นิ้ว • 3.C ความยาว 30-35 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 3.0-3.5 นิ้ว • 4. ส่วนดอกที่มีตำหนิหรือดอกที่ไม่ได้ขนาด เป็นดอกตกเกรด
4.3 การบรรจุหีบห่อเยอบีร่า • 1 ใช้ถุงพลาสติกใส 3 x 5 นิ้ว หากดอกใหญ่ให้ใช้ 4 x 6 นิ้ว เจาะรูตรงกลางด้านล่างของถุง แล้วสอดก้านดอกรูดให้ดอกเข้าไปอยู่ในถุงพลาสติก • 2 ใช้ฟลอร่าเทปใสมัดดอกรวบเข้าด้วยกัน มัดละ 10 ดอก แล้วห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้นหนึ่งให้ก้านดอกพ้นจากกระดาษประมาณ 3 นิ้ว และตัดก้านดอกด้วยมีดที่คมและสะอาดประมาณ 1 นิ้ว นำไปแช่น้ำผสมสารฟอกผ้าขาว 4 ชั่วโมง เพื่อให้ ดอกดูดน้ำเต็มที่ก่อนบรรจุลงกล่อง เพื่อเตรียมการขนส่งต่อไป
5. การป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูที่สำคัญของเยอบีร่า • โรค • 1 โรคใบจุดหรือตากบ เกิดจากเชื้อรา Cercospora sp. มีจุดเป็นสีม่วง ปนน้ำตาลไหม้ แผลจะใหญ่ทะลุเป็นรู กระจาย ระบาดมากในช่วงฤดูฝน • การป้องกันกำจัด • - ควรเลือกต้นที่ปราศจากโรค • - เด็ดใบที่เป็นโรคออกทำลาย และฉีดยาป้องกันเชื้อรา เช่น คาร์เบนดาซิม
2. โรคเหี่ยวหรือโรครากเน่า เกิดจากเชื้อรา Sclerotium sp. ใบเหี่ยวเฉา แห้งและตายในที่สุด ที่โคนต้นและรากที่เน่าจะพบเส้นใยและเม็ดกลมๆ สีน้ำตาล ของเชื้อรา (ราเม็ดผักกาด) ทำให้ตายทั้งกอ • การป้องกันกำจัด • - ใช้ต้นพันธุ์ที่ปราศจากโรค • ไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิม • - ไม่ควรปลูกในดินที่เป็นกรด ถ้าดินเป็นกรดควรปรับสภาพดินด้วยปูนขาวก่อนปลูก • - พบต้นที่เป็นโรค เผาไฟ และใส่ปูนขาวบริเวณหลุมที่เป็นโรค • - ราดดินด้วยเทอร์ราคลอร์หรือเด็กซาน เป็นระยะ ๆ
3. โรครากปม เป็นโรคที่เกิดจากไส้เดือนฝอย ทำให้แคระแกรน รากโป่งนูน พบในต้นที่ปลูกมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปี • การป้องกันกำจัด • - เลือกต้นที่ไม่มีโรค รากไม่มีปุ่มปม • - ไม่ควรปลูกเยอบีร่าในที่โรคระบาด • - ใช้สารเคมีป้องกันกำจัด ฟูราดาน 3 จี • - ใช้สารเคมีบาซามิค-จี อบดินก่อนปลูก
4. โรคดอกเขียว เกิดจากเชื้อ Mycoplasma sp. โรคนี้ไม่แสดงอาการจนกว่าจะออกดอก มีกลีบดอกสีเขียว และจะเจริญเป็นยอดหรือต้นเล็กๆ อยู่บนช่อดอก ต้นที่ เป็นโรคนี้อาจจะเห็นว่ามีต้นเล็กๆ ขึ้นอยู่บริเวณโคนต้น จำนวนมาก เมื่อพบต้นที่เป็นโรคเผาทิ้ง เพลี้ยจักจั่นบางชนิดเป็นพาหะของโรค
5.2 แมลงศัตรูของเยอบีร่าที่สำคัญ คือ • 1 เพลี้ยไฟ (Thrips) ทำลายทั้งต้นใบและดอก ระบาดมากในช่วงอากาศร้อนและแห้งแล้ง ใบหงิกงอ และมีขนาดเล็กกว่าปกติ ดอกที่ถูกทำลายจะมีรอยด่างสีขาว กลีบดอกจะหงิกงอ ไม่บาน ดอกไม่มีคุณภาพ • การป้องกันกำจัด • - ใช้สารเคมีคาร์โบซัลแฟน ฉีดพ่นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือถ้า ระบาดมากให้ฉีดพ่น 3 วันต่อครั้ง ติดต่อกัน 2 ครั้ง
5.2.2 ไรแดงหรือไรต่างๆ มีจุดสีเทาหรือเหลืองบนใบ ถ้าระบาดมากดอกอ่อน ของที่ขอบหรือปลายใบ หงิกงอ ควรกำจัดตั้งแต่เมื่อพบอาการระยะแรก เพราะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วใน อุณหภูมิสูงและความชื้นต่ำ • การป้องกันกำจัด • - ควรเก็บใบและดอกออกแล้วเผาทิ้ง และฉีดพ่นด้วยสารเคมี อามีทราว สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าระบาดมากให้ฉีดสารเคมี 3 วันต่อครั้ง ติดต่อกัน 2 ครั้ง
3. หนอนชอนใบ ใบส่วนที่ถูกหนอนชอน เป็นทางสีอ่อนกว่าเนื้อใบปกติ เพราะเซลใบสีเขียวถูกทำลาย ทำให้การสังเคราะห์แสงลดน้อยลง ทำให้ใบเยอบีร่าเป็นแผล • การป้องกันกำจัด • - ควรเก็บใบที่โดนทำลายเผาทิ้งเป็นการกำจัดตัวอ่อนไปด้วย และพ่นด้วยสารเคมี ไดคลอร์วอส กำจัดตัวอ่อน และสารเคมีโมโนโคร โตฟอส เมทโธนิล มีกำจัดตัวแก่ สัปดาห์ ละ 1 ครั้ง กรณีที่มีการระบาด
4. หนอนผีเสื้อกลางวัน หนอนระบาดในช่วงฤดูร้อน ผีเสื้อกลางวันจะวางไข่ตามใบและดอก เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนก็จะกัดกินทำลายใบและดอก • การป้องกันกำจัด • - ควรจับตัวหนอนในช่วงเช้าหรือเย็น • - ให้ฉีดยาฆ่าแมลงเมทโทมิล โมโนโครโตฟอส ทำลายตัวหนอนเล็กๆ แต่ตัวหนอนตัวใหญ่มักจะไม่ตาย
5. เพลี้ยอ่อน (Aphids) • การป้องกันกำจัด • ฉีดสารเคมีโมโนโครโตฟอส คาร์โบซัลแฟน ทุกสัปดาห์ • การปลูกเยอบีร่าจะได้ผลผลิตและคุณภาพดีที่สุดในช่วงปีแรก หลังจากปลูกได้ 1 ปี คุณภาพดอกและปริมาณจะ เริ่มลดลง ดังนั้นเมื่อปลูกเยอบีร่าไปแล้ว 1 ปีครึ่ง ควรปรับปรุงคุณภาพของดินและคุณภาพของต้นให้ดีอยู่เสมอ