1 / 33

บทที่ 4

บทที่ 4. กฎหมายว่าด้วยบุคคล. บุคคล คือ สิ่งที่สามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกฎหมาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล บุคคลธรรมดา คือ ผู้คลอดจากครรภ์มารดาแล้วอยู่รอดมีชีวิต สภาพบุคคลย่อมเริ่ม เมื่อ คลอด แล้วอยู่รอดเป็นทารก สิ้นสภาพบุคคล เมื่อตายและศาลสั่งเป็นคนสาบสูญ.

shiela
Download Presentation

บทที่ 4

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 4 กฎหมายว่าด้วยบุคคล

  2. บุคคล คือ สิ่งที่สามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกฎหมาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล • บุคคลธรรมดา คือ ผู้คลอดจากครรภ์มารดาแล้วอยู่รอดมีชีวิต • สภาพบุคคลย่อมเริ่ม เมื่อคลอด แล้วอยู่รอดเป็นทารก • สิ้นสภาพบุคคลเมื่อตายและศาลสั่งเป็นคนสาบสูญ

  3. ทารกในครรภ์มารดาที่จะมีสิทธิรับมรดกจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ ก. ทารกนั้นต้องเกิดมาภายใน 310 วัน นับแต่เวลาที่เจ้ามรดกตาย ข. ทารกนั้นเกิดมาแล้วต้องมีชีวิตรอดอยู่

  4. การตายซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพบุคคลแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ • ตายโดยธรรมดา • ตายโดยผลของกฎหมาย เรียกว่า สาบสูญ

  5. หลักเกณฑ์ของการเป็นคนสาบสูญหลักเกณฑ์ของการเป็นคนสาบสูญ • บุคคลที่หายสาบสูญจากภูมิลำเนาโดยไม่มีผู้ใดรู้ข่าวคราว กฎหมายกำหนดไว้ดังนี้ 1. หายไป 5 ปี กรณีธรรมดา 2. หายไป 2 ปี กรณีพิเศษ 2. ต้องมีคำสั่งของศาลว่าเป็นบุคคลสาบสูญ

  6. การถอนคำสั่งแสดงความสาบสูญการถอนคำสั่งแสดงความสาบสูญ • บุคคลที่เป็นคนสาบสูญนั้นยังมีชีวิตอยู่ • บุคคลที่เป็นคนสาบสูญนั้นได้ถึงแก่ความตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาที่กฎหมายกำหนด

  7. กรณีความไม่แน่นอนแห่งการเริ่มหรือสิ้นสภาพบุคคลกรณีความไม่แน่นอนแห่งการเริ่มหรือสิ้นสภาพบุคคล • กรณีไม่ทราบวันเกิดของบุคคล - ไม่รู้วันเกิด แต่รู้เดือนเกิด ให้นับวันที่ 1 ของเดือนนั้นเป็นวันเกิด - ไม่รู้วันและเดือนเกิด ให้นับวันต้นปีปฎิทินเป็นวันเกิด • กรณีไม่ทราบลำดับการตายของบุคคล - บุคคลที่ตายก่อนย่อมไม่มีสิทธิได้รับมรดก - บุคคลตายพร้อมกัน ให้ถือว่าตายพร้อมกัน

  8. ส่วนประกอบสภาพบุคคล จะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ • สัญชาติ คือ ความผูกพันกับประเทศ • ชื่อ มีชื่อตัวและชื่อสกุล • ภูมิลำเนา ถิ่นอันบุคคลนั้นอยู่ • สถานะ คือสถานะในประเทศชาติ • ความสามารถ คือ การใช้สิทธิและหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมายได้หรือไม่เพียงใด

  9. 1. สัญชาติ- การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด 1. ผู้เกิดโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย 2. ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นคนต่างด้าวและคณะฑูต - การได้สัญชาติหลังการเกิด 1. โดยการสมรส 2. โดยการขอแปลงสัญชาติ

  10. 2. ชื่อ 1. ชื่อตัว 2. ชื่อสกุล 3. ชื่อรอง ชื่อเรียกขานบุคคล 1. ชื่อบรรดาศักดิ์ 2. ชื่อแฝง 3. ชื่อฉายา

  11. 3. ภูมิลำเนา คือ ที่อยู่ตามกฎหมายของบุคคล ได้แก่ ถิ่นอันบุคคลนั้นมีสถานที่อยู่เป็นสำคัญ

  12. 3. ภูมิลำเนา • ถ้ามีที่อยู่หลายแห่งให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่ง • ถ้าภูมิลำเนาไม่ปรากฏให้ถือถิ่นที่อยู่ประจำเป็นภูมิลำเนา • ถ้าไม่มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พบที่ไหนถือว่าภูมิลำเนา • ภูมิลำเนาของผู้เยาว์ ได้แก่ ภูมิลำเนาของผู้แทนโดยชอบธรรม

  13. 5. ภูมิลำเนาของคนไร้ความสามารถ ได้แก่ ภูมิลำเนาของผู้อนุบาล 6. ภูมิลำเนาของข้าราชการ ได้แก่ ถิ่นอันเป็นที่ทำการตามตำแหน่งหน้าที่ประจำ 7. ภูมิลำเนาของผู้ถูกจำคุกได้แก่ เรือนจำที่ถูกจำคุกอยู่

  14. 4. สถานะ คือ ตำแหน่งหรือฐานะของบุคคล - คนเกิดในบ้าน แจ้งภายใน 15 วัน - คนเกิดนอกบ้าน แจ้งภายใน 30 วัน - คนตายในบ้าน แจ้งภายใน 24 ชั่วโมง - คนตายนอกบ้าน แจ้งภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อพบศพ การสมรส กำหนดให้จดทะเบียน 1 ต.ค. 2478 การหย่า ต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานรับรอง

  15. การรับบุตรบุญธรรม ก. ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี ข. ต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี ค. ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุตั้งแต่ 15 ปี ผู้นั้นต้องให้ความยินยอมด้วย ง. การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมายแล้ว

  16. การเลิกรับบุตรบุญธรรมการเลิกรับบุตรบุญธรรม 1. เลิกโดยการตกลงยินยอมกันเอง 2. เลิกโดยคำพิพากษาของศาล 3. เลิกโดยผลของกฎหมาย คือ เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมสมรสกัน

  17. การรับรองบุตร บุตรนอกสมรสจะมีสถานะเป็นบุตรโดยชอบธรรมด้วยกฎหมายได้ 3 กรณี คือ ก. บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง ข. บิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร ค. ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร

  18. 5. ความสามารถของบุคคลมี 2 แบบ คือ 1. ความสามารถในการมีสิทธิต่างๆ เช่น สิทธิในทรัพย์สิน การรับมรดก การแต่งงาน สิทธิในการดำเนินคดี 2. ความสามารถในการใช้สิทธิต่างๆ เช่น สามารถในการทำนิติกรรม การรับบุตรบุญธรรม การรับรองบุตร บุคคลผู้หย่อนความสามารถที่ถูกจำกัดความสามารถ ได้แก่ 1. ผู้เยาว์ 2. ผู้ไร้ความสามารถ 3. คนเสมือนไร้ความสามารถ

  19. ผู้เยาว์ ผู้เยาว์ คือ ผู้ที่ยังอ่อนทั้งในด้านอายุ ร่างกาย และสติปัญญา กฎหมายจัดให้ผู้เยาว์อยู่ในความดูแลของบุคคลซึ่งเรียกว่า “ผู้แทนโดยชอบธรรม”

  20. ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ผู้ใช้อำนาจปกครอง 2. ผู้ปกครอง การตั้งผู้ปกครองอาจทำได้โดย 1. พินัยกรรมของบิดาหรือมารดา 2. ศาลตั้งเมื่อญาติของผู้เยาว์หรืออัยการร้องขอ

  21. บุคคลที่ยกเว้นการเป็นผู้ปกครองบุคคลที่ยกเว้นการเป็นผู้ปกครอง • คนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ • บุคคลล้มละลาย • ผู้ซึ่งไม่เหมาะสมปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินผู้เยาว์ • ผู้เคยมีคดีในศาลกับผู้เยาว์ • บิดาหรือมารดาระบุไว้ห้ามเป็นผู้ปกครอง

  22. ผู้เยาว์ คือ ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้เยาว์จะบรรลุ นิติภาวะต่อเมื่อ 1. อายุ 20 ปีบริบูรณ์ 2. สมรสแล้วถูกต้องตามกฎหมาย - หญิงชายจะสมรสได้ต่อเมื่ออายุครบ 17 ปี - เมื่อศาลอนุญาตให้สมรสในกรณีอายุไม่ครบ 17 ปี

  23. ตามหลักกฎหมายผู้เยาว์จะทำนิติกรรมต้องได้รับความยินยอมจาก ผู้แทนโดยชอบธรรม หากทำไปโดยปราศจากความยินยอม นิติกรรมย่อมตกเป็น โมฆียะ นิติกรรมเป็นโมฆียะ หมายถึง นิติกรรมที่ใช้ได้สมบูรณ์ เพียงแต่ว่าถ้านิติกรรมที่เป็นโมฆียะนี้ถูกบอกล้างเมื่อใด นิติกรรมจะตกเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มแรกที่ทำนิติกรรม แต่หากมีการให้สัตยาบันนิติกรรมนี้ก็จะสมบูรณ์ตลอดไป

  24. ความสามารถของผู้เยาว์ความสามารถของผู้เยาว์ • นิติกรรมที่เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้เยาว์ฝ่ายเดียว เช่น การรับทรัพย์โดยเสน่ห์หา การรับมรดก • นิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว เช่น การสมัครเรียน การรับรองบุตร ทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุ 15 ปี • ทำการใดๆที่เป็นอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร ผู้เยาว์ที่ได้รับอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม ถือว่าผู้เยาว์มีฐานะเหมือนผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

  25. คนไร้ความสามารถ คือ บุคคลวิกลจริตซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและอยู่ภายใต้อนุบาลหรือความดูแลของผู้อนุบาล คำสั่งดังกล่าวให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องมีลักษณะคือ 1. ต้องเป็นอย่างมาก 2. ต้องเป็นอยู่ประจำ ผู้เยาว์และคนไร้ความสามารถ ทำนิติกรรมใดๆ ถือว่าเป็นโมฆียะเสมอ

  26. ผลของการเป็นคนไร้ความสามารถผลของการเป็นคนไร้ความสามารถ • ต้องอยู่ในความดูแลของผู้อนุบาล • กฎหมายจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรม คือ ทำนิติกรรมใดๆไม่ได้ถือเป็นโมฆียะต้องให้ผู้อนุบาลทำให้ • คนไร้ความสามารถทำพินัยกรรม ถือเป็นโมฆะ

  27. นิติกรรมที่คนวิกลจริต แต่ศาลยังไม่ได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำลงไปจะตกเป็นโมฆียะ เมื่อครบหลักเกณฑ์ 2 ประการ คือ ก. นิติกรรมนั้นได้ทำขณะที่บุคคลนั้นวิกลจริต ข. คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วว่าผู้ทำเป็นคนวิกลจริต

  28. คนเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่มีร่างกายพิการ หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือพฤติกรรมสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา จนไม่สามารถจัดทำการงานโดยตนเองได้และศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถต้องจัดให้อยู่ในความดูแลของผู้พิทักษ์ และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา

  29. 1. เหตุบกพร่องซึ่งทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งอาจถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ได้แก่ ก. คนพิการ ข. จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ค. ประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเป็นอาจิณ ค. ติดสุรายาเมา 2. ไม่สามารถจะจัดการงานโดยตนเองได้

  30. ผลของการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถผลของการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ • ต้องอยู่ในความพิทักษ์ อยู่ในความดูแลของผู้พิทักษ์ 2. มีความสามารถทำนิติกรรมได้ทุกอย่าง ยกเว้นนิติกรรม 11 อย่าง ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน หากไม่ได้รับความยินยอมนิติกรรมนั้นมีผลเป็น โมฆียะ

  31. ผู้เสมือนไร้ความสามารถกระทำนิติกรรมใดๆ ได้ทุกประการ ยกเว้น • นำทรัพย์สินไปลงทุน • รับคืนทรัพย์สินที่นำไปลงทุน • กู้ยืมเงินผู้อื่นหรือให้ผู้อื่นกู้ยืมเงิน • รับประกันซึ่งมีผลให้ตนต้องถูกบังคับชำระหนี้ • เช่าหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์ที่มีระยะเวลาเกิน 6 เดือน และอสังหาริมทรัพย์ที่มีระยะเวลาเกิน 3 ปี

  32. 6. ให้ทรัพย์สินแก่ผู้อื่นโดยเสน่หา 7. รับการให้โดยมีเงื่อนไขหรือค่าภาระติดพันหรือไม่รับการให้โดยเสน่หา 8. การได้มาหรือปล่อยไปซึ่งสิทธิในอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์อันมีค่า 9. ก่อสร้างหรือดัดแปลงสิ่งก่อสร้าง 10. เสนอคดีต่อศาล 11. ประนีประนอมยอมความ

  33. สภาพของการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถอาจสิ้นสุดลงด้วยเหตุ 3 ประการ คือ ก. ตาย ข. ถูกศาลเพิกถอนคำสั่งที่ได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ค. ถูกศาลสั่งเป็นคนไร้ความสามารถ

More Related