340 likes | 545 Views
การ จัดการเรียนรู้โดยใช้ เพลง วิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา. เสนอ. อาจารย์ สุวิ สาข์ เหล่าเกิด. จัดทำโดย. 1. นางสาวขวัญชนก วิโย เลขที่ 3 ปี 3 กลุ่ม 3 2. นายเกษมสันต์ ตะดวงดี เลขที่ 30 ปี 3 กลุ่ม 3 สาขาวิชา การศึกษาปฐมวัย คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์
E N D
การจัดการเรียนรู้โดยใช้เพลงวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยใช้เพลงวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
เสนอ อาจารย์สุวิสาข์ เหล่าเกิด
จัดทำโดย 1.นางสาวขวัญชนก วิโย เลขที่ 3 ปี 3 กลุ่ม 3 2.นายเกษมสันต์ ตะดวงดี เลขที่ 30 ปี 3 กลุ่ม 3 สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม
วีดีโอการจัดการเรียนรู้โดยใช้เพลงวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ความหมาย เพลง หมายถึง บทประพันธ์ที่มีทำนองใช้ขับร้องหรืออาจจะมีดรตรีประกอบด้วยซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของคนทุกชาติ เป็นสิ่งจรรโลงใจทำให้ทุกคนเกิดอารมณ์คล้อยตามได้ง่ายที่สุด (วิจิตรา เจือจันทร์, 2533: 28)ซึ่งผู้สอนสามารถนำมาเป็นสื่อหลักหรือสื่อเสริมในการจัดการเรียนการสอนได้
ทฤษฎีแนวคิด/แนวคิด เพลงมีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาตั้งแต่แรกเกิด เช่น เพลงกล่อมเด็กนอกจากนี้ยังมีเพลงที่แต่งไว้สำหรับเด็กๆ ร้องเกี่ยวกับสัตว์บ้าง เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยบ้าง เกี่ยวกับโอกาสและเทศกาลต่างๆ เช่น วันสงกรานต์ วันเกิด วันคริสต์มาส เป็นต้น
ปัจจุบันได้นำเพลงมาใช้ในการเรียนการสอนเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากงานวิจัยเทปเพลงการศึกษาเกี่ยวกับเด็ก เพลงมีความสำคัญต่อจิตใจของผู้ฟัง ให้ความบันเทิงและลดความเครียด ผ่อนคลายอารมณ์ทำให้มนุษย์เกิดสุนทรียภาพทางอารมณ์ ทั้งเป็นสื่อหลักและสื่อเสริมพลังที่ครูนำมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งประโยชน์ของเพลงในด้านกิจกรรมการเรียนการสอนมีดังนี้
1.เพลงช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนให้สนุกสนาน ลดความตึงเครียดระหว่างครูกับนักเรียน หล่อหลอมลักษณะนิสัย จิตใจ ของนักเรียนให้อ่อนโยน 2.เพลงช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ บุคลิกภาพและด้านสังคมของนักเรียน
3.การเข้าสู่บทเรียน สรุปบทเรียนหรือทบทวนบทเรียน เพลงช่วยย้ำสิ่งที่เรียนไปแล้ว เช่น คำศัพท์ รูปประโยค กฎไวยากรณ์บางเรื่อง เช่น เกี่ยวกับกาล (tense) ต่างๆ 4.เพลงช่วยพัฒนาทางด้านภาษา ซึ่งเป็นการฝึกการฟังให้เข้าใจข้อความในเนื้อเพลงพร้อมทั้งเป็นการฝึกการออกเสียง เชื่อมคำ และจังหวะไปในตัว ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจ ที่สามารถร้องเพลงได้ ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนและช่วยส่งเสริมให้การเรียนดีขึ้น
5.เพลงให้ความรู้หลากหลายแกนักเรียน เช่น วัฒนธรรม สถานที่สำคัญ วันสำคัญเป็นต้น โดยออาจใช้เพลงเป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนา หรืออภิปรายเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในเพลง
สรุปได้ว่าเพลงมีประโยชน์ทางด้านอารมณ์ บุคลิกภาพ สังคมและการเรียนการสอน ทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอน นักเรียนได้รับความรู้จากเพลง และเรียนจากเพลงด้วยความสนุกสนานดังนั้นครูจึงนำเพลงไปสอดแทรกได้เกือบทุกวิชา
แนวทางการจัดการเรียนรู้แนวทางการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมที่ใช้เพลงในการเรียนการสอน เจียรนัย พงษ์ศิวาภัย (2539: 52) ได้เสนอให้ผู้สอนว่าควรใช้เพลงเป็นเครื่องมือเพิ่มพูนประสบการณ์ โดยจัดกิจกรรมต่างๆดังนี้
1.เล่าเรื่อง หรือเล่าเรื่องที่สร้างขึ้นใหม่เกี่ยวกับเพลง • 2.เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเพลง • 3.ดัดแปลงเนื้อหาเป็นบทสนทนาสั้นๆ • 4.นำแบบประโยคในเพลง หรือนำประโยคดีๆ มาฝึกโครงสร้างทางไวยากรณ์
5.หาคำใหม่มาแทนในเพลง หรือประโยคดีๆ มาฝึกโครงสร้างทางไวยากรณ์ • 6.แสดงท่าทางประกอบจังหวะ • 7.สนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อเพลงเหมือนกับ ถาม – ตอบ ในการอ่านเพื่อความเข้าใจ • 8.เขียนเนื้อเพลงลงสมุด
ขั้นตอนการสอนเพลงประกอบการเรียนการสอนขั้นตอนการสอนเพลงประกอบการเรียนการสอน ขั้นตอนการสอนเพลงประพกอบการเรียนการสอนมีดังนี้ (วราภรณ์วราธิพร. 2543: 21) 1.ทบทวนหรือแนะนำโครงสร้างไวยากรณ์ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเพลง หรืออธิบายเนื้อหาของเพลง หรือใช้วัสดุอุปกรณ์ (visual Aids) หรือแสดงท่าทาง (action) และคำที่พ้องรูป หรือพ้องเสียง ตลอดจนคำที่สัมผัสกัน
2.เปิดเพลง 1 รอบครั้งแรก เพื่อให้นักเรียนคุ้นเคย • 3.ก่อนจะเปิดโอกาสให้นักเรียนเห็นเนื้อเพลงทั้งหมด ควรนำเนื้อเพลงทีละบรรทัดร้องแต่ละบรรทัดและให้นักเรียนร้องตาม ควรบันทึกเพลงทิ้งช่วงแต่ละบรรทัด
4. แจกเนื้อเพลงให้กับเด็กนักเรียน เปิดเพลงอีกครั้งตั้งแต่ต้น ในช่วงแรกให้นักเรียนอ่านเนื้อเพลงตาม เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับจังหวะ ทำนอง จากนั้นเปิดเพลงหลายๆครั้ง และชักชวนให้เด็กร้องเพลง • 5.หลังจากที่เด็กนักเรียนสามารถจับทำนองเนื้อร้องได้แล้ว นักเรียนก็สามารถร้องไปกับดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้องหรือคาราโอเกะได้ ในช่วงแรกนักเรียนควรร้องเป็นกลุ่ม เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้นจึงให้ร้องเป็นคู่หรือร้องเดี่ยว
6.นำเนื้อร้องมาสร้างกิจกรรม เปิดโอกาสให้นักเรียนทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับเพลง
ขั้นตอนการร้องเพลงมีองค์ประกอบ 3 ประการ ดังนี้ • 1.การเลือกเพลงในการเลือกเพลงจะต้องคำนึงถึง • 1.1 ระดับชั้น วัย และความสามารถของผู้เรียน • 1.2 ความไพเราะ จังหวะของเพลง ไม่เร็วหรือช้าเกินไป • 1.3 ภาษาไม่ยาก คำที่อยู่ในเพลงชัดเจนและมีความหมาย • 1.4 เป็นเพลงที่ผู้ฟังแล้วเกิดความรู้สึกและจินตนาการใกล้เคียงกัน สามารถร้องตามได้
2.การดำเนินการสอน การดำเนินการสอนมีหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับบรรยากาศของชั้นเรียนได้ ดังนี้ • 2.1 แจกเนื้อเพลงแล้วอธิบายศัพท์ สำนวนหรือโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่จำเป็น • 2.2 เปิดเพลงให้ฟังเป็นครั้งที่ 2 ถ้าต้องการให้ผู้เรียนทำท่าประกอบหรือร้องตาม • 2.3 ถามคำถามทั่วๆไป เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสฝึกทักษะ ฟัง พูด เช่น • 2.3.1 รู้สึกอย่างไรกับเพลงนี้? (มีความสุข โกรธ ว้าเหว่ เสียใจ) • 2.3.2 เพลงนำเสนอเกี่ยวกับอะไร? (ความรัก สงคราม ความเข้าใจผิด)
3.การประเมินผล • 3.1 เก็บเนื้อเพลงที่แจกไปครั้งแรกคืนมา แล้วแจกเนื้อเพลงที่ผู้สอนเตรียมเว้นคำที่เหมาะสมว่างไว้ เพื่อให้นักเรียนเติมขณะที่เปิดเพลงให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง • 3.2 ถามคำถามจากเนื้อหาของเพลง คำถามนี้อาจเป็นคำถามปากเปล่าหรือแบบให้เลือกตอบ (multiple choices) หรือแบบเติมคำหรือข้อความให้สมบูรณ์ (completion) • 3.3 อาจเป็นคำถามปลายเปิด (open-ended questions) เพื่อให้ผู้เรียนได้อภิปรายความคิดเห็น นักเรียนทุกคนต้องพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นของตนเอง โดยไม่มีการตัดสินใจความคิดเห็นของนักเรียนคนใดผิดหรือของคนใดถูกและผู้สอนเป็นเพียงผู้ควบคุมชั้นเรียนเท่านั้น
ข้อค้นพบจากการวิจัย จากการจัดการเรียนรู้โดยใช้เพลง มีข้อค้นพบจากการวิจัยดังนี้
1.การฟังและการออกเสียงSumie(2001) ได้นำเพลงไปใช้กับนักเรียนอาชีวะที่ต้องการสอบภาษาอังกฤษเพื่อรับใบประกาศทางภาษา เช่น TOEIC พบว่า การฟังเพลงเป็นวิธีการที่ดีในการฝึกฟัง เพื่อการออกเสียงที่ถูกต้อง นอกจากนี้เพลงยังเป็นสื่อที่กระตุ้นให้นักเรียนต้องการเรียนภาษาอังกฤษจากการฟังเพลงและเรียนด้วยความสนุกสนาน ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าที่ไม่ได้ใช้เพลง
2.ผลสัมฤทธ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการสอน พันธ์ศรี สิทธิชัย (2529: 46) ได้วิจัยกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้เพลงประกอบการสอนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้สูงกว่าการสอนตามคู่มือครู สุปราณี กัลปนารถ (2533: 40) ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนที่เรียนวิชาภาษาไทยโดยไม่ใช้เพลงประกอบการสอน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนวิชาภาษาไทยโดยไม่ใช้เพลงประกอบการสอน รองเนือง ศุขสมิติ (2537: 47) ได้ศึกษาผลของการใช้เพลงเสริมบทเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า นักเรียนที่สอนโดยใช้เพลงเสริม มีผลสัมฤทธิ์สูงกว่านักเรียนที่สอนตามคู่มือครู
3.แรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษและความสามารถด้านการฟังและการพูดวราภรณ์วราธิพร (2543: 47) ได้ศึกษาการใช้เพลงประกอบการสอนกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โปรแกรมสอนภาษา พบ่า นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษโดยการใช้เพลงประกอบการสอนเพิ่มขึ้นร้อยล่ะ 18.6 ความสามารถด้านการฟังและพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 24
1.ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการนำเพลงมาใช้ในด้านกิจกรรมการเรียนการสอน1.ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการนำเพลงมาใช้ในด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ก.เพลงช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนให้สนุกสนาน ข.เพลงช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ค.ช่วยให้เด็กเล่นและอยู่ร่วมกับสังคมในหมู่เพื่อนได้มากขึ้น ง.ช่วยให้เด็กพัฒนาทางด้านภาษา
2. ขั้นตอนการร้องเพลงมีองค์ประกอบกี่ประการ • 3 ประการ • 5 ประการ • 2 ประการ • 4 ประการ
3.ใครเป็นผู้บอกขั้นตอนการสอนเพลงประพกอบการเรียนการสอน • Sumie(2001) • สุปราณี กัลปนารถ (2533: 40) • รองเนือง ศุขสมิติ (2537: 47) • วราภรณ์วราธิพร(2543: 21)
4.ใครเป็นผู้นำเพลงไปใช้กับนักเรียนอาชีวะที่ต้องการสอบภาษาอังกฤษเพื่อรับใบประกาศทางภาษา • Sumie(2001) • สุปราณี กัลปนารถ (2533: 40) • รองเนือง ศุขสมิติ (2537: 47) • วราภรณ์วราธิพร(2543: 21)
5.ข้อใดไม่ใช่ข้อค้นพบจากการวิจัย5.ข้อใดไม่ใช่ข้อค้นพบจากการวิจัย • การฟังและการออกเสียง • ผลสัมฤทธ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการสอน • แรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษและความสามารถด้านการฟังและการพูด • การดำเนินการสอน