260 likes | 460 Views
อนาคตแพทย์ไทย. กับ ภาษี. ภาษี. นายแพทย์ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย. แพทย์. จ้างแรงงาน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๐ ( ๑ ) จากการรับทำงานให้ ตามมาตรา ๔๐ ( ๒ ) จากการประกอบวิชาชีพอิสระ ตามมาตรา ๔( ๖ ) จากการประกอบธุรกิจ ตามมาตรา ๔๐ ( ๘ ) เปิดคลินิกรักษาคนไข้ของตนเอง = มาตรา ๔๐ ( ๖ )
E N D
อนาคตแพทย์ไทย กับภาษี ภาษี นายแพทย์ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย
แพทย์ จ้างแรงงาน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๐ ( ๑ ) จากการรับทำงานให้ ตามมาตรา ๔๐ ( ๒ ) จากการประกอบวิชาชีพอิสระ ตามมาตรา ๔( ๖ ) จากการประกอบธุรกิจ ตามมาตรา ๔๐ ( ๘ ) เปิดคลินิกรักษาคนไข้ของตนเอง = มาตรา ๔๐ ( ๖ ) กิจการสถานพยาบาลมีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน = ๔๐ ( ๘ )
ฎีกาที่ ๕๐๒ / ๒๕๑๙ ( ประชุมใหญ่ )โจทก์เป็นแพทย์เป็นพนักงานของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้ว ยังไปรับหน้าที่ตรวจ และรักษาพยาบาลให้พนักงานและลูกจ้างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่โรงจักรแม่เมาะ และที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง สัปดาห์ละ ๒ วันโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนแห่งละ ๑๕,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท มาตรา ๔๐ ( ๒ )
ฎีกาที่ ๑๘๐๒ / ๒๕๓๓ โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล ได้รับเงินเดือนประจำจากโรงพยาบาล และโรงพยาบาลตกลงให้โจทก์เปิดคลินิกพิเศษนอกเวลาทำการปกติโดยใช้สถานที่ของโรงพยาบาล มีข้อตกลงว่าโจทก์จะแบ่งรายได้ให้โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ อย่างสูงไม่เกินร้อยละ ๘๐ เช่นนี้ เงินได้ที่โจทก์ได้รับจากการเปิดคลินิกพิเศษนอกเวลา มาตรา ๔๐ ( ๖ )
ที่ กค 0811(กม)/03785 วันที่ 27 มีนาคม 2541เรื่อง ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับเงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระฯ 1. รัฐ หรือเอกชน ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน หรือค่าจ้าง = ม.40 (1) 2. ตาม (1) แล้วมีรายได้พิเศษจากค่าล่วงเวลาจากการเข้าเวรหรือค่าตอบแทนพิเศษ ม.40 (1) 3. ตาม (1) แล้วครั้งคราวอีกแห่งหนึ่งค่าตอบแทนหรือค่าจ้างแน่นอนในแต่ละเดือน ไม่ว่าเป็นงานประจำหรือชั่วคราว= 40 (2) 4. ข้อตกลงพิเศษกับสถานพยาบาลนอกเวลาข้อตกลงแบ่งเงินที่ตนได้รับจากผู้ป่วยให้สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร = ม.40 (6) 5. ทำงานประจำและมิได้ทำงานประจำในรัฐหรือเอกชน แต่ได้ประกอบโรคศิลปะ ตรวจรักษาที่สถานพยาบาลอีกแห่งหนึ่งครั้งคราว = ม.40 (6) 6. เปิดสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเป็นของตนเอง ไม่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน =40 (6)
ฎีกาที่ ๒๖๔๓ / ๒๕๔๓โจทก์เป็นแพทย์ทำสัญญารับจ้างบริษัท ก. ทำงานในโรงพยาบาลราชบุรี มีหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย ตกลงค่าตอบแทนโดยให้โจทก์เรียกเก็บค่าตรวจรักษาจากผู้ป่วยเป็นราย ๆ ไป แต่ต้องไม่เกินอัตราที่ผู้ว่าจ้างกำหนดไว้ โจทก์จะได้รับค่าตอบแทนร้อยละ ๘๕ ของค่าตรวจรักษาที่เรียกเก็บจากผู้ป่วย หากเป็นผู้ป่วยที่โจทก์นำมารักษาจะได้รับค่าตรวจรักษาทั้งหมด แต่การคิดค่าตรวจรักษาต้องไม่เกินอัตราที่ผู้ว่าจ้างกำหนด ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆที่ผู้ป่วยต้องชำระ เช่น ค่ายา ค่าพยาบาล ค่าห้อง ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ได้รับ โจทก์ได้รับเงินจากผู้ว่าจ้างโดยตรง โดยผู้ว่าจ้างหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นกรณีที่ผู้ป่วยจ้างผู้ว่าจ้างตรวจรักษาอาการแล้วผู้ว่าจ้างมอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ตรวจรักษา โดยให้ค่าตรวจรักษาตามสัญญาว่าจ้างแพทย์ที่โจทก์ทำไว้กับผู้ว่าจ้าง ไม่ใช่เป็นกรณีผู้ว่าจ้างตกลงให้โจทก์เปิดคลินิกพิเศษนอกเวลาทำการปกติของโรงพยาบาล และโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยที่มารักษาเอง โจทก์จึงได้เงินได้จากการับทำงานให้ผู้ว่าจ้าง เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา๔๐ ( ๒ )
ฎีกาที่ ๖๘๖๕ / ๒๕๔๓โจทก์ซึ่งเป็นแพทย์ทำสัญญารับจ้างทำงานในโรงพยาบาล มีหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ของโรงพยาบาล ส่วนค่ายา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โรงพยาบาลเป็นผู้ออก ผู้ป่วยที่เข้าทำการรักษาให้โจทก์เรียกเก็บเป็นค่าตรวจรักษาเป็นราย ๆ และเป็นครั้ง ๆ โดยโจทก์ได้รับค่าตอบแทนร้อยละ ๘๕ ส่วนโรงพยาบาลได้รับร้อยละ ๑๕ ของค่าตรวจรักษา แม้โจทก์จะเป็นผู้กำหนดค่าตรวจรักษาผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลด้วยตนเอง แต่มิใช่ว่าโจทก์จะกำหนดเพียงใดก็ได้ เพราะค่าตรวจรักษาดังกล่าวต้องไม่เกินอัตราที่ผู้ว่าจ้างกำหนด และโจทก์จะได้รับเฉพาะค่าตรวจรักษาเท่านั้น ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ได้รับทั้งสิ้น โดยผู้ป่วยจะชำระให้ผู้ว่าจ้างพร้อมกับค่าตรวจรักษา เห็นได้ว่า โจทก์ได้รับเงินได้จากผู้ว่าจ้างโดยตรงซึ่งผู้ว่าจ้างได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้จึงเป็นกรณีที่ผู้ป่วยจ้างผู้ว่าจ้างตรวจรักษาอาการป่วยเจ็บ แล้วผู้ว่าจ้างมอบหมายให้โจทก์เป็นผู้รักษาโดยให้ค่าตอบแทน คือค่าตรวจรักษาตามสัญญาว่าจ้างแพทย์ จึงเป็นเงินได้เนื่องจากรับทำงานให้ผู้ว่าจ้าง ตามมาตรา๔๐ ( ๒ )
ฎีกาที่ ๖๘๖๘ / ๒๕๔๓โจทก์เป็นแพทย์ทำสัญญารับจ้างบริษัท ก. ทำงานในโรงพยาบาล มีหน้าที่รักษาผู้ป่วย โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ยารักษา ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งผู้ว่าจ้างเป็นผู้ออก ค่าตรวจรักษาโจทก์เป็นผู้กำหนดแต่ไม่เกินอัตราที่โรงพยาบาลกำหนดไว้ โดยโจทก์ได้รับค่าตรวจรักษาร้อยละ ๘๕ โรงพยาบาลได้รับร้อยละ ๑๕ ในกรณีเป็นผู้ป่วยที่โจทก์นำมารักษา โจทก์จะได้รับค่าตรวจรักษาทั้งหมด แต่จะได้รับเฉพาะค่าตรวจรักษาเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยต้องชำระ ผู้ว่าจ้างเป็นผู้รับทั้งสิ้น โจทก์มิได้รับเงินจากผู้ป่วยโดยตรง แต่เป็นการรับโดยผ่านผู้ว่าจ้าง จึงเป็นกรณีที่ผู้ป่วยจ้างผู้ว่าจ้างตรวจรักษา แล้วผู้ว่าจ้างมอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ตรวจรักษา โดยให้ค่าตอบแทนคือค่ารักษาตามสัญญาว่าจ้าง จึงเป็นเงินได้เนื่องจากการรับทำงานให้ ตามมาตรา๔๐( ๒ )
ที่ กค 0811/ว.2497 วันที่ 29 มีนาคม 2543เรื่อง ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับเงินได้จากวิชาชีพอิสระการประกอบโรคศิลปะ 40(6) ทำข้อตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อขอใช้สถานที่ เครื่องมือ โดยผู้ประกอบฯ เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าตรวจรักษาเอง และมีข้อตกลงแบ่งเงินค่าตรวจรักษาให้แก่สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร สถานพยาบาลเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าตรวจรักษาแทนผู้ได้รับอนุญาต ให้ประกอบฯ แล้วนำมาจ่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบฯ เพื่อแบ่งรายได้ให้แก่สถานพยาบาลต่อไป
ให้ถือว่าเงินที่ผู้ได้รับอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ป่วยให้ถือว่าเงินที่ผู้ได้รับอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ป่วย ทั้งจำนวน เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) ให้ถือว่าเงินที่ผู้ได้รับอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ป่วย ทั้งจำนวน เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) 40(2) ให้ผู้จ่ายเงินได้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินตามมาตรา 50(1) สถานพยาบาลมิใช่ผู้จ่ายเงินได้ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ 7 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528
ประเภทของเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา ๔๐ แบ่งเป็น ๘ ประเภท เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ ( ๖ ) เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอิสระอื่น ซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้
วิชาชีพ กับ อาชีพ ความแตกต่างระหว่าง แพทย์ กับ ช่างตัดผม
กรณี ร.พ.รัชดาท่าพระชนะคดี ฎีกาที่ ๕๓๔๕/๒๕๔๙ โจทก์เป็นบริษัท ฟ้องสำนักงานประกันสังคม คดีแรงงาน กรณีสำนักงานประกันสังคมเรียกเก็บเงินโจทก์ย้อนหลังกรณีส่งเงินสมทบประกันสังคมที่คำนวณจากพนักงานไม่ครบ โดยขาดส่งในส่วนของแพทย์ โดยสำนักงานประกันสังคมตีความว่าแพทย์เป็นลูกจ้างของโรงพยาบาล แต่โจทก์สู้ว่า แพทย์มิใช่เป็นลูกจ้างของโรงพยาบาล ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ด้วยเหตุผลว่าแพทย์เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ เสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๔๐(๖) เนื่องจากมีสัญญาที่เป็นข้อตกลงระหว่างโรงพยาบาลกับแพทย์ในฐานะที่เป็นคู่สัญญา และมีลักษณะของนิติสัมพันธ์ที่ไม่มีสภาพการบังคับบัญชา ไม่ต้องมีการลางาน ทำผิดไม่ต้องถูกลงโทษ ไม่ต้องมีเวลาเข้าออกงานที่แน่นอน จึงไม่ใช่นายจ้างลูกจ้างต่อกัน
กรณี น.พ.เอนก อารีพรรค แพ้คดี ฎีกาเลขที่ ๕๙๖๐/๒๕๔๙ โจทก์รับราชการมีเงินได้ประเภทเงินเดือนจากคณะแพทยศาสตร์ และมีเงินได้จากการประกอบโรคศิลปะนอกเวลาราชการโรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชนอื่นอีก การที่โจทก์ ยื่นแบบ๔๐ (๖) ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าผู้ป่วยที่มารับการรักษาจากโจทก์ทั้งสองไม่ใช่ผู้ป่วยของโรงพยาบาล แต่เป็นผู้ป่วยที่ได้นัดหมายมาตรวจกับแพทย์โดยตรงและใช้สถานที่ของโรงพยาบาลเป็นสถานที่ในการนัดหมายตรวจรักษา และโจทก์ยอมรับว่าคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชนอื่น เป็นผู้เก็บเงินและออกใบเสร็จรับเงินในนามของคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการที่โรงพยาบาลไม่ได้ออกในนามของโจทก์ทั้งสองได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ในการปฏิบัติงานที่คลินิกพิเศษฯไม่สามารถนำสืบพิสูจน์ได้ว่า การประกอบโรคศิลปะของโจทก์มีค่าใช้จ่ายมากเพียงใด จึงเข้าลักษณะเป็นค่าจ้างซึ่งเป็นเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๒)
เปรียบเทียบความแตกต่าง ชนะ/แพ้ ของคดี ไม่มีสภาพบังคับบัญชา ไม่มีเวลาเข้า/ออกงาน ไม่มีการลางาน คำอธิบายคำพิพากษาฎีกา ใบเสร็จรับเงินของแพทย์ ไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย แสดงรายการรับจ่ายได้ คู่สัญญา ลูกจ้าง
สถานที่ประกอบการ ความแตกต่างระหว่าง คลินิก กับ เปิดร้านขายของ
ต้นทุนรายจ่าย วิชากฎหมาย เช่น เงินได้จากค่าทนายความที่ว่าความในศาล การรับทำสัญญา หรือพินัยกรรม หรือให้คำปรึกษาทางกฎหมาย
ต้นทุนรายจ่าย วิศวกรรม ได้แก่ การนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาประยุกต์ใช้เป็นประโยชน์ในสาขาวิศวกรรม รวมถึงการให้คำปรึกษาทางด้านวิศวกรรม หรือเกี่ยวกับวิศวกรรม แต่ไม่รวมถึงการติดตั้ง ซ่อมแซม หรือการควบคุม
ต้นทุนรายจ่าย สถาปัตยกรรม ได้แก่ วิชาการช่าง เช่น งานวางโครงการ วางผังและออกแบบ ทำรายการกำหนดราคาก่อสร้าง รวมถึงการให้คำปรึกษาทางด้านสถาปัตยกรรม หรือเกี่ยวเนื่องกับสถาปัตยกรรม แต่ไม่รวมถึงการรับเหมาก่อสร้าง รับพิมพ์แบบพิมพ์เขียว
ต้นทุนรายจ่าย ประณีตศิลปกรรม ได้แก่การกระทำใด ๆ ที่มีคุณค่าทางศิลปะ กรมสรรพกรถือหลักว่า ถ้าวัสดุสิ่งของที่นำมาทำนั้นมีราคาน้อย แต่เมื่อทำเสร็จแล้วผลของงานมีมูลค่า หรือคุณค่าสูบ คือเป็นงานประณีตศิลปกรรม
ต้นทุนรายจ่าย การบัญชี ได้แก่ ศิลปะของการเก็บรวบรวม บันทึก จำแนก และนำสรุปข้อมูลอันเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในรูปตัวเงิน และการให้ข้อมูลทางการเงิน ซึ่งมีหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชี การวางระบบบัญชี การบัญชีการเงิน การบัญชีต้นทุน การตรวจสอบบัญชี เพื่อให้ความเห็นต่องบการเงิน
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 161) เรื่องกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดทำบัญชีหรือรายงานแสดงรายได้และรายจ่าย ประกาศ ณวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร จัดทำบัญชีหรือรายงานแสดงรายได้และรายจ่ายเป็นประจำวัน โดยต้องมีรายการและข้อความอย่างน้อยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้
การจัดตั้งคณะบุคคล หนังสือ กค 0811/2227 มีข้อหารือว่า คณะบุคคลยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2ราย คณะบุคคลนายแพทย์ ส. และคณะ จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรม ประกอบด้วย นายแพทย์ ส. และนายแพทย์บ. โดยนายแพทย์ ส. เป็นผู้จัดการ คณะบุคคล นายแพทย์ บ. และคณะ จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรม ประกอบด้วย นายแพทย์ ส. และนายแพทย์บ. โดยนายแพทย์ บ. เป็นผู้จัดการ สำนักงานสรรพากรภาค จึงหารือว่าคณะบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่