1 / 21

สุดยอดวิธีอ่านตำรา

สุดยอดวิธีอ่านตำรา. จากหนังสือ TEXT BOOK-Speed Reading สุดยอดวิธีอ่านตำรา สรุปย่อโดย พรทิพย์ แสงระยับ. สุดยอดวิธีอ่านตำรา. หัวข้อสำคัญ. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ อ่านแล้ว...ไม่ลืม จะทำอย่างไร. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล.

Download Presentation

สุดยอดวิธีอ่านตำรา

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สุดยอดวิธีอ่านตำรา จากหนังสือ TEXT BOOK-Speed Reading สุดยอดวิธีอ่านตำรา สรุปย่อโดย พรทิพย์ แสงระยับ

  2. สุดยอดวิธีอ่านตำรา หัวข้อสำคัญ • วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ • อ่านแล้ว...ไม่ลืม จะทำอย่างไร

  3. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล

  4. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • เรื่องที่ชัดเจนก่อนลงมืออ่าน 1. วัตถุประสงค์ของการอ่าน หนังสือแต่ละประเภทจะมีวัตถุประสงค์ในการอ่านและวิธีอ่านที่แตกต่างกัน เช่น - การอ่านให้เข้าใจในรายละเอียด ตั้งแต่ต้นจนจบโดยรวดเร็ว เป็นการอ่านเพื่อการ ทำงานและเพื่อการศึกษา - การอ่านเพื่อทบทวนในสิ่งที่เรียนรู้และได้เคยอ่านไปแล้ว - การอ่านเพื่อค้นหาข้อมูลและความเป็นจริงของเรื่องราวบางอย่าง ผู้อ่านจึงมีหน้าที่กำหนดวัตถุประสงค์ในการอ่านทุกครั้งให้ชัดเจนว่าต้องการจะได้รับอะไรจากการอ่านในครั้งนั้น 2. วิธีการอ่านและเทคนิคในการอ่านหนังสือแต่ละประเภท

  5. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • ความเข้าใจในโครงสร้างของหนังสือ โครงสร้างของหนังสือตำราวิชาการ (Text Book) ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 : ส่วนเกริ่นนำ แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อย่อย คือ - คำนิยม (Foreword) - คำนำ (Preface) - สารบัญ (Contents) - กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) ส่วนที่ 2 : ส่วนเนื้อหา แบ่งออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือ - บทนำ (Introduction) เป็นการปูพื้นฐานให้แก่ผู้อ่านในการที่จะอ่านในบทต่อ ๆ ไป ผู้เขียนบางคนอาจนำเรื่องสรุปของเนื้อหาแต่ละบทมาแสดงไว้ที่บทนำ - เนื้อหา-สาระ (Text) จะแบ่งออกเป็นบท (Chapters) ต่าง ๆ แล้วแต่วิธีการของ ผู้เขียนในการที่จะนำเสนอให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย

  6. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • ความเข้าใจในโครงสร้างของหนังสือ ในแต่ละบทจะแบ่งเป็นย่อหน้ามากมาย ถ้าจะอ่านให้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นทีละ 1 ย่อหน้า หรือทีละหน้า ก็ควรเข้าใจว่า สาระสำคัญของแต่ละย่อหน้าจะถูกนำเสนอมาในลักษณะใดบ้าง เมื่อเราทราบวัตถุประสงค์ของการอ่าน ทราบว่ากำลังอ่านหนังสือที่นำเสนออะไรรวมถึงทราบเจตนารมณ์ของผู้เขียน ก็จะสามารถเลือกอ่านตรงตำแหน่งของสาระสำคัญที่ปรากฏอยู่ในแต่ละย่อหน้าได้โดยง่าย ตำแหน่งของสาระสำคัญ- ลำดับต้น ๆ ของย่อหน้า- ลำดับต้น ๆ หรือท้ายย่อหน้า- ลำดับกลาง หรือท้ายย่อหน้า ประเภทของการเขียน- เขียนเพื่อแจ้งให้ทราบ หรือแสดงข้อเท็จจริง- เขียนเพื่อชักชวน โน้มน้าว- เขียนเพื่อให้ความเพลิดเพลิน และความบันเทิง รื่นรมย์

  7. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • วิธีอ่านให้เร็วและได้ผล มี 2 ประการ คือ 1. อ่านแบบสอบแนม (Previewing)ลำดับแรกก่อนลงมืออ่านหนังสือ ต้องสำรวจดูก่อนว่าหนังสือเล่มนั้นมีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง โดยสำรวจตั้งแต่ - ชื่อเรื่องของหนังสือ - สารบัญ (Contents) และคำนำ (Preface) - บทนำหรือความเบื้องต้นหรืออารัมภบท (Introduction) ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของผู้แต่ง สาระของหนังสือ และจุดที่เราควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ รวมถึงวิธีการใช้ นอกจากเข้าใจในสาระและแนวคิดของหนังสือแล้ว สิ่งที่ควรสำรวจต่อไป คือ วิธีการนำเสนอและความยาก-ง่าย โดยพิจารณาได้จาก - รูปภาพ ตารางข้อมูล รูปกราฟ การใช้สีหรือสกรีนต่าง ๆ - การใช้รูปแบบและขนาดของตัวอักษร ทั้งในหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย

  8. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • วิธีอ่านให้เร็วและได้ผล มี 2 ประการ คือ 2. อ่านแบบรวดเร็ว แบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ 2.1 การอ่านแบบผาด ๆ (Skimming) เป็นการอ่านที่เน้นความรวดเร็วและคัดแต่ใจความสำคัญ ๆ โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้ - เลือกวิธีอ่านด้วยเทคนิคที่มีความถนัดสูงสุด เช่น การอ่านเป็นช่วง อ่านกลางบรรทัด ในแนวดิ่ง หรืออ่านทีละหนึ่งย่อหน้า - ไม่ต้องกังวลหรือลังเลใจกับคำศัพท์บางคำที่อาจจะยังไม่เข้าใจความหมาย - ใช้ดินสอขีดเส้นใต้ข้อความหรือคำที่สำคัญ รวมถึงจุดที่ยังไม่เข้าใจ - พยายามอ่านต่อไปข้างหน้าให้ได้อย่างสม่ำเสมอ การหยุดหรือสะดุดจากการขีด เขียนสิ่งใด ควรเป็นไปให้น้อยที่สุด (เป็นการอ่านเพื่อเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด) - เมื่ออ่านจบทั้งเล่มแล้ว ให้หาเวลาที่เหมาะสม เพื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง โดยเฉพาะจุด ที่ขีดเส้นใต้ไว้ หรือบันทึกข้อความสั้น ๆ ไว้

  9. วิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผลวิธีอ่านตำราให้เร็วและได้ผล • อ่านแบบรวดเร็ว 2. อ่านแบบรวดเร็ว แบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ 2.2 การอ่านแบบค้นหา (Scanning) เป็นการกวาดสายตา เพื่อค้นหาสาระ หรือข้อความที่ต้องการ เป็นการอ่านเพื่อเติมหรือหาในส่วนที่เราขาดสรุป - การอ่านแบบผาด ๆ เป็นการอ่านเพื่อให้ได้สาระสำคัญมากที่สุด ในเวลาที่สั้นที่สุด - การอ่านแบบค้นหา เป็นการอ่านเฉพาะเรื่อง หรือ เฉพาะประเด็น เพื่อพิเคราะห์หา สาระที่ต้องการเท่านั้น การอ่านแบบนี้จึงง่ายกว่าการอ่านแบบแรก

  10. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ “ วิธีการอ่านทั้ง 8 วิธี เป็นแนวทางในการฝึกจากระดับที่ง่ายไปสู่ยากไม่จำเป็นต้องฝึกทุกวิธี แต่หากฝึกด้วยวิธีแรก ๆ ก็สามารถจะช่วยให้มีความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้นเป็น 200-300 คำต่อนาทีได้โดยง่าย ”

  11. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ 1. ห้ามอ่านออกเสียง การอ่านออกเสียงทั้งการเปล่งเสียงดังออกมาหรือการอ่านออกเสียงในใจ ล้วนแต่เป็นข้อห้าม-ไม่ควรปฏิบัติ เพราะเท่ากับว่าเรากำลังอ่านหนังสือด้วยความเร็วของการออกเสียงหรือการพูด แทนที่จะอ่านด้วยการใช้ความเร็วของสายตาและสมอง 2. ใช้ตาให้สัมพันธ์กับมือ การใช้มือกับนัยน์ตาให้สัมพันธ์กัน (Guiding) จะมีประโยชน์ ดังนี้- เมื่อเราใช้ปลายนิ้วมือชี้ลงไปยังบรรทัดที่อ่าน จะช่วยให้สายตาโฟกัสได้ถูกจุด- ช่วยให้การอ่านเดินไปข้างหน้า ไม่ย้อนไปย้อนมา และช่วยรักษาสมาธิการอ่านได้อย่างต่อเนื่อง(นอกจากการใช้ปลายนิ้วมือแล้ว อาจใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีรูปทรงเป็นแท่งเล็ก ๆ ยาวประมาณ6-10 นิ้ว เช่น ดินสอ ปากกา และไม้ถักนิตติ้ง ก็สามารถใช้เป็นช่วยเครื่องช่วยชี้ (Guide) ได้)

  12. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ 3. อ่านไปข้างหน้า-อ่านเป็นช่วง ๆ วิธีการอ่านที่ถูกต้อง คือ การอ่านไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว และอ่านเป็นช่วง ๆ ตรงจุดใดที่มีสาระที่สำคัญ หรือไม่เข้าใจก็อาจใช้ดินสอขีดเส้นใต้ไว้ก่อน Fixations This is the example of the experiment to speed up your reading skill. Group of words covered แผนภาพ : วิธีการใช้สายตาที่ถูกต้อง

  13. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ 4. อ่านทีละสองบรรทัด การวางปลายนิ้วไว้ใต้บรรทัดที่สอง พร้อมกับกำหนดสายตาไว้ที่ข้างหน้าปลายนิ้ว แล้วให้อ่านทีละ 2 บรรทัด ตามปลายนิ้วที่เลื่อนไปทางด้านขวา จะช่วยเพิ่มสมาธิในการอ่าน 5. อ่านกลางบรรทัดในแนวดิ่ง ท่านสามารถลองฝึกการอ่านแบบทีละ 1 บรรทัดในแนวดิ่ง ด้วยการอ่านเฉพาะช่วงกลางของแต่ละบรรทัดลงมา โดยมีกรอบสายตาเป็นแนวอยู่ด้านซ้ายและขวาสุดของแต่ละบรรทัด ศูนย์กลาง ของสายตา กรอบสายตา(ด้านซ้าย) กรอบสายตา(ด้านขวา) When the worm turns Scientists have charted a complete genetic map of a tiny worm – and their achievement is being hailed as A great leap forward in unraveling the genetic mys teries of life.

  14. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ 6. อ่านทีละหนึ่งย่อหน้า การอ่านทีละหนึ่งย่อหน้า ต้องกำหนดกรอบสายตาในการอ่านเป็น 2 ชั้น คือ - ชั้นในสุด (Clear Vision) โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 นิ้ว และมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงกลางย่อหน้า- ชั้นนอก (Peripheral Vision) คือ ส่วนที่เหลือจนถึงขอบซ้ายและขวาของย่อหน้าในหน้าหนังสือ But the Fed’s aggressive moves have also boosted the spirits of already exuberant con- sumers and fed a rally in stock prices that observers inside and outside the Fed say have reached levels simply not justifiable by the economic outlook. วงกลมด้านใน คือ Clear Vision วงกลมด้านนอก คือ Peripheral Vision

  15. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ 7. อ่านทีละหนึ่งหน้า (เป็นวิธีที่ยากที่สุด) วิธีการอ่านมีเทคนิค ดังนี้- ใช้กรอบสายตา เป็น - เมื่อโฟกัสสายตาไว้ตามวิธีข้างต้น นานประมาณ 10 วินาทีแล้ว ให้กวาดสายตาในลักษณะของการอ่านทแยงมุม จากด้านบนลงล่างอีก 2 ครั้ง • วงกลมด้านใน (Clear Vision) มีเส้นผ่าน-ศูนย์กลางประมาณ2 นิ้ว โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงหน้ากระดาษ • วงกลมด้านนอก (Peripheral Vision)ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนที่เหลือของหน้าหนังสือ

  16. 8 เทคนิคในการอ่านให้เร็วและได้ใจความ 8. การใช้ระบบจำภาพ (Photographic Memory) ข้อเปรียบเทียบระหว่างการขับรถกับการอ่านหนังสือให้เป็นรูปธรรม สรุปได้ดังนี้- ในการขับรถนั้น ขณะที่เรากำลังอ่านเส้นทางแนวถนนอย่างมีสมาธินั้น เปรียบได้กับการมี Clear Vision ที่ใช้สายตาจับจ้องอยู่กลางหน้าหนังสือ และเดินหน้าไปในแนวดิ่ง (Vertical Reading) - การได้เห็นทิวทัศน์ข้างทาง เปรียบได้กับการมี Peripheral Vision ที่เป็นการเก็บภาพ หรือถ่ายภาพเข้าสู่สมองไว้เป็นครั้ง ๆ มิใช่ภาพต่อเนื่อง เช่น Clear Vision แต่ถือว่าเป็นภาพที่เราจดจำได้ การใช้ระบบจำภาพ จะให้ประโยชน์แก่การอ่านใน 4 ลักษณะ คือ1. การอ่านไปข้างหน้าและอ่านเป็นช่วง ๆ 2. การอ่านกลางบรรทัดในแนวดิ่ง3. การอ่านทีละหนึ่งย่อหน้า 4. การอ่านทีละหน้า

  17. อ่านแล้ว....ไม่ลืม จะทำอย่างไร

  18. อ่านแล้ว....ไม่ลืม จะทำอย่างไร • การเขียนข้อสรุปหลังการอ่าน การเขียนข้อสรุปหลังการอ่าน มีประโยชน์ 2 ประการ คือ1. ทำให้เกิดความเข้าใจได้อย่างชัดเจนมากขึ้น2. ใช้อ่านทบทวน รวมทั้งประหยัดเวลาในการอ่านเรื่องนั้นอีกครั้งวิธีการจัดทำข้อสรุป คือ การถามและตอบตนเองด้วยสูตร W5Hดังนี้ ลักษณะของข้อสรุป ควรมีองค์ประกอบดังนี้- เป็นข้อความสั้น ๆ กระชับ- อย่าสอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัวหรือขยายความออกไป- ควรมีสาระที่เป็นการตอบคำถามตามสูตร W5H What Who Where When Why How

  19. อ่านแล้ว....ไม่ลืม จะทำอย่างไร • การทำแผนภูมิความคิด (Mind Mapping) เป็นการเรียบเรียงความเข้าใจในสาระที่ได้จากเนื้อเรื่องที่อ่าน ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของแผนภูมิหรือแผนภาพ และในการเขียนควรใช้คำสั้น ๆ เครื่องหมาย รูปภาพ ตัวเลขและสัญลักษณ์ต่าง ๆ มาประกอบกัน เพื่อให้การเขียนแผนภูมิเป็นไปโดยง่ายและรวดเร็ว

  20. อ่านแล้ว....ไม่ลืม จะทำอย่างไร • การทำแฟ้มภูมิปัญญา (Knowledge File) ทุกครั้งที่อ่านหนังสือจนจบเรื่อง และทำข้อสรุปหรือ Mind Mapping เสร็จแล้ว ควรนำมาจัดเป็นแฟ้มภูมิปัญญา (Knowledge File) โดยแยกเป็นเรื่อง ๆ เฉพาะที่อยู่ในหมวดหมู่ หรือสาขาเดียวกัน

  21. The End

More Related