390 likes | 550 Views
แนวทางการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย. โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อยเด็กและเยาวชน วันที่ 18 มีนาคม 2553 ณ โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินท์ พญาไท กรุงเทพฯ โดย นางสาวดวงพร อุกฤษณ์
E N D
แนวทางการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยแนวทางการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อยเด็กและเยาวชน วันที่ 18 มีนาคม 2553 ณ โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินท์ พญาไท กรุงเทพฯ โดย นางสาวดวงพร อุกฤษณ์ หัวหน้าส่วนพัฒนาระบบงาน สำนักพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ความเป็นมา จำนวนเด็ก/เยาวชน 1. ปล่อยตัว 2. กระทำความผิดซ้ำ ข้อมูลจาก www.djop.go.th
ระบบการฝึกอบรม การปฐมนิเทศ (Orientation Stage) การฝึกและอบรม (Intermediate Stage) การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย (Pre-release Stage)
กลุ่มเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยกลุ่มเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เด็ก/เยาวชน ครอบครัว ชุมชน
เด็กและเยาวชนทุกรายที่ใกล้ครบกำหนดปล่อยตัวและมีระยะเวลาการฝึกอบรมเหลือตั้งแต่ 1 - 3 เดือน ปัญหาที่พบ : เด็ก/เยาวชนเหล่านี้จะเข้าในโปรแกรม เตรียมปล่อยหรือไม่ 1. กลุ่มขั้นต่ำ 2. กลุ่มขอปล่อยก่อนกำหนด 3. กลุ่มขั้นที่ 1 รักษาสถานภาพ
แนวทางการดำเนินงาน • จัดตั้งคณะทำงาน • กำหนดผู้รับผิดชอบและประเมินผลกิจกรรม • จัดกลุ่มเด็กและเยาวชนตามผลการจำแนก/ คัดกรองเพื่อเข้ารับกิจกรรมในโปรแกรมต่างๆ • จัดกิจกรรมตามที่กำหนดในโปรแกรม • ประเมินผลโครงการและจัดส่งรายงานเป็นรายไตรมาสและสรุปผลในภาพรวม
การส่งรายงานสรุปผลในครั้งสุดท้ายการส่งรายงานสรุปผลในครั้งสุดท้าย - เดือนสิงหาคม2553 - สรุปผลเป็นรายกิจกรรม และรายงานปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน ข้อเสนอแนะ - ส่งมายังสำนักพัฒนาระบบฯ (เอกสารหน้า 103-108 : แนวทางการเตรียมความพร้อม 2553)
หน้าที่คณะทำงาน ประเมินและจัดกลุ่ม ตามระดับปัญา/สภาพปัญหา รับผลการจำแนก/คัดกรอง และผลการฝึกอบรม วางแผนกำหนดกิจกรรมเพื่อเตรียม เด็ก เยาวชน ครอบครัว ชุมชน คณะทำงาน ส่งรายงานมา ยังกรม/ ผู้รับผิดชอบหลัก กำหนดผู้รับผิดชอบตามแผน คณะทำงานสรุปผล การดำเนินงาน ในภาพรวม รายงานผลส่งคณะทำงาน
การจำแนก/การประเมินสภาวะความเสี่ยงการจำแนก/การประเมินสภาวะความเสี่ยง และความจำเป็น ผลการบำบัดแก้ไขฟื้นฟู ตามแผนบำบัดฟื้นฟู รายบุคคล หลักเกณฑ์การจำแนก เพื่อเตรียมพร้อมเด็ก/เยาวชน
การจำแนกกลุ่มเด็ก/เยาวชนการจำแนกกลุ่มเด็ก/เยาวชน
หลักเกณฑ์การพิจารณาเด็ก/เยาวชน มีความพร้อมด้านร่างกาย พฤติกรรม อารมณ์ สติปัญญา จิตใจสภาพแวดล้อม เด็กดี ไม่พร้อมด้านใดด้านหนึ่งหรือทุกด้าน ทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ ร่างกาย พฤติกรรม มีแนวโน้มกระทำความผิดซ้ำ/เสี่ยงสูงที่จะกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ หรือใช้ความรุนแรง ต้องได้รับการสงเคราะห์ และการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง (เน้นการประสานส่งต่อ) เด็กไม่พร้อม
หลักเกณฑ์การพิจารณาครอบครัวหลักเกณฑ์การพิจารณาครอบครัว มีความพร้อมที่จะดูแล จัดหาสถานที่เรียนหรือประกอบอาชีพให้เด็กได้ ไม่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ครอบครัวพร้อม ไม่มีผู้อุปการะ สัมพันธภาพไม่ดี ผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมพฤติกรรม ผู้ปกครองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี (ติดยาเสพติด ติดสุรา ติดการพนัน ถูกจำคุก ฯลฯ) จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ด้านใดด้านหนึ่ง ครอบครัวไม่พร้อม
การจัดหอนอน เตรียมปล่อยปกติ 1. กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยู่ขั้นที่ 2 - 5 และใกล้ครบกำหนดปล่อย 2. กลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาด้านพฤติกรรมและใกล้ปล่อยตัว เตรียมปล่อยหอนอนพิเศษ กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยู่ขั้นที่ 1 และใกล้ครบกำหนดปล่อย เตรียมปล่อยโปรแกรม บ้านกาญจนาภิเษก กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยู่ในขั้นที่ 1 และกลุ่มเด็กและเยาวชนที่สามารถรักษาสถานะภาพในขั้นที่ 1 มีความประพฤติดีอย่างสม่ำเสมอ สถานเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และสงเคราะห์ภายหลังปล่อย (Halfway House)* 1.กลุ่มเด็กและเยาวชนใกล้ปล่อยและจำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ภายหลังปล่อย 2. กลุ่มที่มีปัญหาความประพฤติ และมีปัญหาขอรับการสงเคราะห์ใน ด้านต่าง ๆ จำเป็นต้องติดตามสอดส่อง
กิจกรรมภาคบังคับ การอบรมจริยธรรม เด็ก/เยาวชน การฝึกทักษะชีวิต การสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ ปัจฉิมนิเทศ เด็ก เยาวชน ครอบครัว ปัจฉิมนิเทศครอบครัว ครอบครัวสัมพันธ์ การกลับไปเยี่ยมบ้าน ชุมชน แนะแนวการศึกษา/อาชีพ การบำเพ็ญประโยชน์
กิจกรรมทางเลือกเฉพาะปัญหากิจกรรมทางเลือกเฉพาะปัญหา ค่ายครอบครัว ปัญหาครอบครัว ค่ายพุทธบุตร ครอบครัวอุปถัมภ์ ค่ายวิวัฒน์พลเมือง ปัญหาพฤติกรรม การประชุมเตรียมความพร้อม ร่วมกับครอบครัวและเครือข่ายชุมชน ความเสี่ยงกระทำผิดซ้ำสูง รายงานคุมประพฤติภายหลังปล่อย จำเป็นต้องสงเคราะห์ ประสานส่งต่อ มีความพร้อม ฝึกงาน/เรียนภายนอก กลับบ้านและมารายงานตัว
แบบ/เครื่องมือ • แบบการจัดทำแผนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยเด็กและเยาวชนเฉพาะราย (หน้า 13 - 16) • สรุปผลการดำเนินงานตามแผนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของเด็กและเยาวชน (หน้า 17)
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน 2552 ด้านนโยบาย ผู้บริหารมีแนวคิดการดำเนินงานแตกต่างกัน ทำให้แนวทางในการปฏิบัติงานไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ด้านการบริหารจัดการ - ขาดการถ่ายทอดโครงการฯ ภายในหน่วยงานทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่เข้าใจแนวทางในการดำเนินงานตามโครงการจึงทำให้เกิดการทำงานที่ไม่เอื้อต่อการประสานกัน - บุคลากรที่ได้รับมอบหมายให้จัดกิจกรรม บางท่านเต็มใจช่วยแต่ขาดทักษะ และความเข้าใจที่ชัดเจนในการจัดกิจกรรม ซึ่งส่งผลให้เมื่อจัดกิจกรรมแก่เด็กและเยาวชนจะไม่เกิดประโยชน์เต็มที่
- ผู้รับผิดชอบไม่ส่งรายงานทำให้ การรายงานผลการดำเนินงาน เป็นไปด้วยความยากลำบาก เกิดความล่าช้าและเสียสัมพันธภาพต่อเพื่อนร่วมงาน • ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรมอื่นๆ และมีงานด้านเอกสารมากเกินไปทำให้การดำเนินงานติดตามผลโครงการฯ ไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ • การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ส่วนใหญ่มักมีปัญหาในเรื่องการเดินทาง ยานพาหนะ จึงทำให้ไม่สามารถรองรับเด็กและเยาวชนในกลุ่มเพียงพอ
การเบิกจ่ายมีปัญหาติดขัดเนื่องจากผู้รับผิดชอบกิจกรรมจะต้องทำการเบิกจ่ายเงินซ้ำๆ เพราะผู้รับผิดชอบมีหลายโครงการที่ต้องรับผิดชอบ • การเลือกเยาวชนบางส่วนที่เป็นเยาวชนกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้เยาวชนที่เหลือเกิดความน้อยใจ บางครั้งก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจ
ด้านงบประมาณ - งบประมาณไม่เพียงพอและมีจำนวนจำกัด เมื่อแบ่งงบฯให้กับแต่ละกิจกรรมย่อยแล้ว ไม่เพียงพอต่อการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เพื่อจัดกิจกรรม รวมทั้งไม่เพียงพอต่อจำนวนเยาวชนที่เพิ่มขึ้น - งบประมาณมาช้า ทำให้การจัดกิจรรม/โครงการล่าช้า - การจัดสรรงบประมาณในการดำเนินงานมีข้อจำกัดในระเบียบการเบิกจ่าย
ด้านอัตรากำลัง - บุคลากรผู้ปฏิบัติไม่เพียงพอกับปริมาณงาน ทำให้บุคลากรบางคนต้องรับผิดชอบหลายกิจกรรมมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน - บุคลากรอื่นๆ ในหน่วยงานไม่ตระหนักถึงความสำคัญและไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร - ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการไม่ดำเนินการให้ตรงตามแผนที่กำหนดไว้ ทำให้งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เป็นตามเป้าหมาย - มีการโยกย้ายและลาออกหลายคน ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง
ด้านสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ด้านสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ • ไม่มีสถานที่รองรับการทำกิจกรรมของเด็กและเยาวชน ทำให้ไม่สะดวกในการจัดกิจกรรมที่ต้องเลือกเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมเพียงบางส่วน ด้านระบบ/แนวทางในการปฏิบัติงาน • เด็กและเยาวชนมีระยะการฝึกอบรมที่แตกต่างกัน เมื่อตัดเยาวชนเข้ากลุ่มเตรียมความพร้อม เด็กและเยาวชนจะได้รับการฝึกวิชาชีพไม่ครบตามหลักสูตร • เนื่องจากการตรวจเช็คอายัดเด็กและเยาวชนจะทำก่อนเด็กและเยาวชนปล่อยตัวก่อน 1 เดือน ทำให้ต้องเสี่ยงกับเด็กและเยาวชนหลบหนี หรือกระทำผิดได้ง่าย
การจำแนกเด็กและเยาวชนเข้ากลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยนั้น ไม่สามารถทำกิจกรรมให้เยาวชนจนครบโปรแกรมได้ เนื่องจากมีเยาวชนจำนวนหนึ่งได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์ฝึกและอบรมฯไปก่อน • ศาลมีคำพิพากษาให้เยาวชนเข้าฝึกอบรมมีระยะเวลาสั้นเกินไป เช่น 3-6 เดือน หรือไม่ก็ฝากควบคุม ทำให้การจัดเยาวชนเข้ากิจกรรมตามค่อนข้างไม่ประสบผลสำเร็จ • ยอดของเด็กและเยาวชนเคลื่อนไหว เข้า – ออก อยู่ตลอดเวลา เครื่องมือ/กิจกรรม • การออกไปทำงานเข้าไปเย็นกลับ เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่สามารถประเมินผลได้ว่าเยาวชนอยากประกอบอาชีพนั้น ๆ หรือศึกษาต่อ
แบบแผนการอนาคต และแบบสรุปแผนการอนาคตในส่วนรายละเอียด การประกอบอาชีพ ยังมีความไม่ชัดเจน ไม่เที่ยงตรง รับจ้างรายวัน ทำงานโรงงาน ลูกจ้างสถานประกอบการ ควรมีการทำความเข้าใจให้ตรงกันของผู้รายงาน มิเช่นนั้นข้อมูลที่ได้จะไม่มีความถูกต้อง เที่ยงตรง และควรจะเพิ่มในรายละเอียดไม่เรียน ไม่ประกอบอาชีพ และเรียนและทำงาน • ด้านผู้ปกครอง พบว่า ผู้ปกครองบางรายไม่สามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรมปัจฉิมนิเทศได้ เนื่องจากไม่สามารถลางานได้ยังไม่มีความตระหนักในการให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ในการเข้าร่วมกิจกรรมของศูนย์ฝึกฯ เมื่อเข้าร่วมก็จะขอกลับก่อนโดยไม่อยู่ร่วมจนครบกิจกรรมนั้น ขาดความสนใจในตัวเยาวชน และมักจะมีข้อต่อรองกับทางเจ้าหน้าที่เสมอ
ข้อเสนอแนะ ด้านนโยบาย 1. กรมจัดนโยบายเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย จัดประชุมบุคลากรที่จะดำเนินงานที่ผ่านมาซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ ควรจะจัดประชุม ผอ. เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ นโยบายของโครงการเตรียมความพร้อมให้ชัดเจนกับ ผอ. ของศูนย์ฝึกฯ ทุกศูนย์เพื่อจะได้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน 2. การเตรียมความพร้อมมีความจำเป็นในการดำเนินงานควรให้มีความต่อเนื่องตลอดถึงการสนับสนุนงบประมาณ 3. การจัดสรรงบประมาณมายังศูนย์ฝึกฯ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณเพื่อให้ทำงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้
4.ควรมีวางแผนงานโครงการปีงบประมาณต่อไป ตั้งแต่ก่อนปีงบประมาณเพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้ดำเนินการวางแผนเตรียมการในการจัดโครงการฯ ได้ในแต่ละไตรมาส 5. กรมควรจัดให้มีการประชุมบุคลากรให้เกิดความเข้าใจในนโยบายด้านเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เช่นเดียวกับที่ผ่านมาซึ่งเป็นกลุ่มผู้ปฏิบัติงานหลัก และควรจะจัดประชุม ผู้อำนวยการฯเพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ นโยบายของโครงการเตรียมความพร้อมให้ชัดเจนกับผู้อำนวยการของศูนย์ฝึกฯ ทุกศูนย์เพื่อจะได้เข้าใจไปในทิศทางเดียว
ด้านการบริหารจัดการ 6. ในการทำงานเตรียมความพร้อม ควรมีทีมในการทำงาน เฉพาะถ้าหากเป็นไปได้ เพราะจะสามารถทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจะได้ผลดีมากกว่ารวมอยู่กับงานในภาพรวมของการบำบัดเยาวชน 7. ควรมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ผู้ทำรายงานประจำเดือน/ไตรมาศ เป็นกลุ่มงานอื่น ๆ เช่น กลุ่มพฤตินิสัย เนื่องจากเป็นกลุ่มงาน ที่มีจำนวนคนมากกว่า น่าจะช่วยกันทำงานได้มากกว่า กลุ่มประสาน กลุ่มบำบัด ที่มีภารกิจในการทำงานค่อนข้างเยอะ 8. เพิ่มบุคลากรผู้รับผิดชอบการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โดยเฉพาะและควรให้มีเจ้าหน้าที่กลุ่มงานอื่นด้วย ไม่ใช่มีแต่นักสังคมฯ
9. เห็นควรเพิ่มระยะเวลาโครงการ และควรมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่หลากหลายวิชาชีพเพื่อเพิ่มทักษะให้ครอบคลุม 10. ควรมีจัดทำแผนการปฏิบัติงานที่มีความชัดเจนต่อเนื่อง ส่วนการประเมินผลควรเป็นหน่วยงานอื่น และส่งผลให้กรมทราบโดยตรง เพื่อการพัฒนา
11. กิจกรรมการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เช่น เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกให้ออกมาอยู่โดยแยกจากเด็กที่อยู่ข้างใน โดยมาอยู่เป็นบ้าน 10-15 คน ควรคัดเด็ก/เยาวชน ดังนี้ - คดีของเด็กที่ไม่เสี่ยงต่อการกระทำความผิดอีก เช่น คดียาเสพติด - ต้องเหลือระยะเวลาการฝึกอบรมต้องน้อยที่สุดในกลุ่มที่ได้รับการคัดเลือก โดยเลือกจากคะแนนน้อยสุดไปหาคะแนนมากจนได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ - การคัดเลือกต้องเป็นธรรมและให้ผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มเป็นกรรมการ เช่น ครูประจำชั้น ครูวิชาชีพ พ่อบ้านแม่บ้าน ครูที่ปรึกษา นักจิตฯ นักสังคมฯ พยาบาลฯ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
12. ควรจัดตั้งหน่วยเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เหมือนหน่วยเรียนเป็นกิจจะลักษณะ 13. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ควรให้เป็นไปตามเงื่อนไขขององค์กรนั้น ๆ 14. คำนึงถึงระยะเวลาการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับจำนวนกิจกรรม เยาวชนกลุ่มเป้าหมายทุกคน ควรได้รับทุกกิจกรรม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และมีทักษะมีทุนในการออกไปเผชิญสังคมภายนอก
15. ควรมีแบบฟอร์มการประเมินผลในแต่ละกิจกรรมให้ชัดเจน จะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน 16. กิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งควรเป็นแผนบำบัดตั้งแต่เยาวชนแรกเข้า หรือจำแนกแล้ว เพราะอยู่ในศูนย์ฝึกฯ ก็ต้องมีความเข้มแข็งเหมือนกัน
17. เน้นกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อให้เด็กมีต้นทุนทางด้านความคิด ควรเน้นด้านคุณธรรม จริยธรรมให้มากและเป็นประจำ เน้นความรัก ความผูกพันในครอบครัว ปรับความเข้าใจพ่อแม่ โดยการให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพื่อจะได้มีการปรับความรู้ ความเข้าใจต่อกัน มีการวางแผนอนาคตร่วมกัน 18. กิจกรรมประชุมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยร่วมกับครอบครัวและชุมชน ควรปรับปรุงแบบฟอร์มการขอความช่วยเหลือและการให้ความช่วยเหลือ เพราะเมื่อเป็นการผูกมัดที่จะต้องทำ บางหน่วยงานยังไม่มีความพร้อมในการช่วยเหลืออย่างเต็มที่
19. เน้นกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อให้เด็กมีต้นทุนทางด้านความคิด ควรเน้นด้านคุณธรรม จริยธรรมให้มากและเป็นประจำ เน้นความรัก ความผูกพันในครอบครัว ปรับความเข้าใจพ่อแม่ โดยการให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพื่อจะได้มีการปรับความรู้ ความเข้าใจต่อกัน มีการวางแผนอนาคตร่วมกัน 20. กิจกรรมประชุมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยร่วมกับครอบครัวและชุมชน ควรปรับปรุงแบบฟอร์มการขอความช่วยเหลือและการให้ความช่วยเหลือ เพราะเมื่อเป็นการผูกมัดที่จะต้องทำ บางหน่วยงานยังไม่มีความพร้อมในการช่วยเหลืออย่างเต็มที่
21. กิจกรรมครอบครัวอุปถัมภ์ อาจจะต้องปรับปรุงรูปแบบกิจกรรม เนื่องจากการนำชุมชนหรือบุคคลที่มีความสนใจเข้าร่วมในช่วงแรกก็เข้าร่วมดี แต่จากนั้นไม่เคยมาร่วมกิจกรรมอีก เนื่องจากไม่มีเวลา ควรปรับปรุงรูปแบบอาจให้ผู้ปกครองเด็กและเยาวชนที่มีความพร้อมเข้าร่วมในการดูแลเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส 22. การปล่อยตัวแบบคุมประพฤติ ไม่เป็นประโยชน์กับเด็กและสร้างการผูกมัด ขั้นตอนยุ่งยาก ควรใช้การติดตามโดยการเยี่ยมบ้าน โดยสถานพินิจฯ แต่ละจังหวัด 23. ถ้าปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไขคุมประพฤติให้ส่งต่อข้อมูลไปยังสำนักงานคุมประพฤติ เพื่อติดตามประเมินผลต่อ และทางศูนย์ฝึกอาจติดตามเยี่ยมบ้านบ้างขึ้นอยู่เป็นรายกรณี
24. ในการปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไขคุมประพฤติ เราควรให้เยาวชนไปและให้ทำงานกับชุมชนที่ตนเองอยู่ เป็นระยะเวลา 1 เดือน เพื่อให้เยาวชนได้สำนึกรักบ้านเกิด 25. กิจกรรมทางเลือก กิจกรรมควรจัดให้มากขึ้นและจริงจัง ส่วนกิจกรรมทางเลือก ข้อ 3 ควรคัดเลือกเด็กที่มีความประพฤติตัวดีจริง ๆ ระยะเวลาที่ฝึกอบรมเหลือน้อย และเพิ่มจำนวนขึ้น กิจกรรมทางเลือก ข้อ 4 ครอบครัวอุปถัมภ์ ควรเพิ่มปริมาณ กิจกรรมทางเลือก ข้อ 5 การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งในทางจิตใจกิจกรรมควรจัดให้มากขึ้นและจริงจัง 26. ถ้าต้องให้เยาวชนไปค่ายวิวัฒน์พลเมือง ศูนย์ฯควรเชิญวิทยากรทหารมานำค่ายฝึกระเบียบวินัยในศูนย์ฝึกฯ น่าจะดีกว่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
27. ควรเข้าค่ายทหาร อบรมวินัย ปลูกฝังความรักชาติ ก่อนปล่อย 7 วันและให้ทหารที่มีวินัยสูงเป็นวิทยากรอบรมด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม ความรักชาติ ความกตัญญู ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สถานที่ควรใช้ในค่ายทหาร 28. การคัดเลือกกิจกรรมควรคำนึงถึงกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายต่อเด็กและเยาวชน 29. ทัศนศึกษา สถานที่เยาวชนได้เกิดความสำนึกได้ เช่น สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า คนพิการ เรือนจำ แดนประหาร