1 / 37

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในการจัดสรรทุนในระบบเศรษฐกิจไทย ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในการจัดสรรทุนในระบบเศรษฐกิจไทย ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์. สฤณี อาชวานันทกุล และ กิตติชัย แซ่ลี้ 12 กันยายน 2550. หัวข้อนำเสนอ. โครงสร้างการจัดสรรทุนในบริบทของเศรษฐกิจไทยโดยรวม บทบาทของนักลงทุนต่างด้าวในระบบการเงินไทย โครงสร้างการจัดสรรทุนโดยตลาดทุน

zared
Download Presentation

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในการจัดสรรทุนในระบบเศรษฐกิจไทย ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในการจัดสรรทุนในระบบเศรษฐกิจไทย ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ สฤณี อาชวานันทกุล และ กิตติชัย แซ่ลี้ 12 กันยายน 2550

  2. หัวข้อนำเสนอ • โครงสร้างการจัดสรรทุนในบริบทของเศรษฐกิจไทยโดยรวม • บทบาทของนักลงทุนต่างด้าวในระบบการเงินไทย • โครงสร้างการจัดสรรทุนโดยตลาดทุน • โครงสร้างการจัดสรรทุนโดยระบบธนาคารพาณิชย์

  3. โครงสร้างการจัดสรรทุนในบริบทของเศรษฐกิจไทยโดยรวมโครงสร้างการจัดสรรทุนในบริบทของเศรษฐกิจไทยโดยรวม

  4. ระบบธนาคารและตลาดหุ้นมี “ขนาด” ใกล้เคียงกัน

  5. บริษัทและสถาบันการเงินออกตราสารหนี้มากขึ้นบริษัทและสถาบันการเงินออกตราสารหนี้มากขึ้น

  6. โครงสร้างการระดมทุนในตลาดทุนไทยยังไม่สอดคล้องกับขนาดของภาคธุรกิจต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ (เปรียบเทียบกับขนาดของธุรกิจใน GDP)

  7. บทบาทของนักลงทุนต่างด้าวในระบบการเงินไทยบทบาทของนักลงทุนต่างด้าวในระบบการเงินไทย

  8. FDI มีสัดส่วนสูงกว่าเงินลงทุนในตลาดทุนตั้งแต่ปี 2540

  9. Global FDI share ของไทยลดลงเหลือร้อยละ 1.1 ของ FDI ในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก FDI ปัจจุบันเน้นภาคบริการ การค้า (โดยเฉพาะ hypermarket) เครื่องจักร ขนส่ง และอสังหาริมทรัพย์

  10. ตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนสำคัญของการระดมทุนในตลาดแรก และให้ความสนใจในหุ้นขนาดเล็กด้วย หมายเหตุ: รวม IPO, PO, PP

  11. โครงสร้างการจัดสรรทุนโดยตลาดทุนโครงสร้างการจัดสรรทุนโดยตลาดทุน

  12. ตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับภูมิภาค (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยมีมูลค่าตลาดร้อยละ 2 และมูลค่าซื้อขายร้อยละ 0.7 ของภูมิภาค • ปัจจุบันมี Global hedge fund กว่า 9,000 แห่ง มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (net assets under management) 1.42 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

  13. อิทธิพลของการกำกับดูแลตลาดหุ้น “กระจุกตัว” อยู่ในมือของบริษัทหลักทรัพย์ ที่ย่อมต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง... กลุ่มอิทธิพล 2: สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กลุ่มอิทธิพล 1: โครงสร้างทางการ FetCo* กรรมการตัวแทนจากบริษัทสมาชิก 3 คน และบริษัทจดทะเบียน 2 คน กรรมการที่ ก.ล.ต. แต่งตั้งไม่เกิน 5 คน ต้องมาจากบจ. อย่างน้อย 1 คน สมาคม บล. เลือกตั้ง เลือกตั้ง สมาคม บลจ. ผู้จัดการ ตลท. สมาคม บจ. คณะกรรมการ ตลท. 11 คน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กำกับดูแล สมาคมนักวิเคราะห์ เป็นสมาชิก บริษัทสมาชิก *FetCo = Federation of Thai Capital Market Organizations คือชื่อภาษาอังกฤษของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย

  14. ...เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีประสิทธิภาพต่ำ......เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีประสิทธิภาพต่ำ... ผลการดำเนินงานเฉลี่ย 3 ปี (2547-2549) • เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค พบว่า ตลท. มีผลการดำเนินงานค่อนข้าง “แย่” ทั้งในด้านความสามารถในการทำกำไร และ ROE • สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-income ratio) ของตลาดหุ้นไทยสูงกว่าร้อยละ 94 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 74

  15. อากรแสตมป์ ค่านายหน้า Median bid-ask spread ...และนักลงทุนมีต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ต้นทุนของนักลงทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์ (1/100 ของ 1 เปอร์เซ็นต์) ต้นทุนทางอ้อม (bid-ask spread) ต้นทุนทางตรง(ค่านายหน้า+อากร)

  16. ด้านอุปทาน หุ้น 20 ตัวที่ใหญ่ที่สุดส่วนใหญ่เป็นบริษัทของรัฐ...

  17. เนื่องจากหุ้น 20 ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีมูลค่าตลาดร้อยละ 60.5 ของทั้งตลาด และมีมูลค่าการซื้อขายร้อยละ 48.2 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาด การกระจุกตัวของหุ้นใหญ่ในมือรัฐ จึงส่งผลให้ตลาดมีสภาพคล่อง (Free Float) ต่ำ มีส่วนให้ต้นทุนทางอ้อมของนักลงทุน (bid-ask spread) สูงตามไปด้วย

  18. หุ้น 8 ตัวในเครือ ปตท. มีมูลค่าตลาดรวมร้อยละ 30 และมูลค่าซื้อขายร้อยละ 24 ของทั้งตลาด ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นมีความ “ลักลั่น” กับภาคเศรษฐกิจจริงค่อนข้างมาก เพราะปัจจัยที่ทำให้เครือ ปตท. มีกำไรดี (เช่น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น) อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อภาคธุรกิจอื่นๆ หมายเหตุ: หุ้นในกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย PTT, PTTEP, IRPC, TOP, PTTCH, RRC, ATC และ BCP

  19. 6,659 พันล้านบาท 3,596 พันล้านบาท เจ้าของ/ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นักลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนสถาบันในประเทศ นักลงทุนรายย่อย มูลค่าตลาด มูลค่าการซื้อขาย ด้านอุปสงค์ในตลาดรอง นักลงทุนต่างชาติมีบทบาทมากขึ้น... มูลค่าการถือหุ้นและมูลค่าการซื้อขายใน ตลท. 7 เดือนแรก 2550

  20. ...แต่ในยุคโลกาภิวัตน์ทางการเงิน นักลงทุนต่างชาติไม่ได้มองประเทศไทยโดดๆ อีกต่อไป หากตัดสินใจลงทุนจาก ปัจจัยเปรียบเทียบ ...

  21. ...อาทิเช่น ดัชนีการลงทุนระดับภูมิภาค... Country Weighting in “MSCI Far East Ex Japan” index As of 2005 As of January 12, 2007

  22. ...และการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน...และการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน • ยังไม่นับปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานะโดยรวมของพอร์ตลงทุน (เช่น hedge fund จำนวนมากเทขายหุ้นในตลาดเอเชียเพื่อไป “โปะ” ผลขาดทุนจาก CDO)

  23. ทั้งหมดนี้บอกอะไรเราบ้าง?ทั้งหมดนี้บอกอะไรเราบ้าง? • โครงสร้างตลาดทุนไทยมีความ “ลักลั่น” กับภาคเศรษฐกิจจริงค่อนข้างมาก และน่าจะยิ่งลักลั่นมากกว่าเดิมอีกในอนาคต ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไม่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดฐานะหรือแนวโน้มของเศรษฐกิจโดยรวมได้อีกต่อไป • ภาครัฐต้องส่งเสริมบทบาทของนักลงทุนสถาบันไทย และเพิ่มจำนวน “นักลงทุนรายย่อยคุณภาพ” เพื่อให้สามารถทัดทานอิทธิพลของนักลงทุนต่างชาติ ลดความผันผวน สร้างเสถียรภาพให้ตลาดหุ้น และสร้างความเป็นธรรมและความโปร่งใสให้เกิดขึ้นในตลาด • ในบริบทเช่นนี้ นโยบายด้านตลาดทุนควรเน้นเป้าหมายด้าน “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ” เช่น • ส่งเสริมนักลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อสร้างแรงทัดทานอิทธิพลของนักลงทุนต่างชาติ และเพิ่มจำนวนผู้มีส่วนได้เสียในพัฒนาการของตลาดทุนไทย เช่น กองทุนที่ตั้งเป้าระดมทุนจากผู้มีรายได้น้อย • บังคับใช้ พ.ร.บ. หลักทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพให้ได้ โดยเฉพาะการลงโทษผู้ทุจริตที่ใช้ข้อมูลภายใน และ “เจ้ามือปั่นหุ้น” เพื่อคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย ลดความผันผวนของราคาหุ้น ดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ และลบภาพพจน์ว่า “ตลาดหุ้นเป็นแค่บ่อน” ในสายตาประชาชน • เสริมสร้างสภาพคล่องในตลาด เช่น บังคับให้บริษัทจดทะเบียนที่มี free float ต่ำกว่า 10% เกิน 1 ปี ถอดถอนหุ้นออกจากตลาดทันที, ให้ภาครัฐกระจายหุ้นในบริษัทที่แข่งขันกับเอกชนโดยเสรีได้แล้วออกมาอีก (เช่น KTB, MCOT), และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เช่น ธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และธุรกิจการค้าตราสารอนุพันธ์ (derivatives) • ปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อส่งเสริมให้บริษัทเอกชนขนาดกลางที่มีศักยภาพดีสามารถระดมทุนจากตลาดทุนได้ เช่น อาจลดค่าใช้จ่ายในการทำ filing และค่าธรรมเนียมรายปี และลดภาษีเงินได้ให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

  24. โครงสร้างการจัดสรรทุนโดยระบบธนาคารพาณิชย์ ภายใต้ระบบโลกาภิวัตน์

  25. ขอบเขตของการนำเสนอ • เพื่อชี้ให้เห็นความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงในเชิงพัฒนาการของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย • บทบาทและโครงสร้างการจัดสรรทุนของระบบสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ในภาพรวม • การกำกับดูแลระบบธนาคารพาณิชย์ • ประเด็นที่น่าสนใจของระบบสถาบันการเงินไทยในอนาคต

  26. บทบาทของการจัดสรรทุนโดยระบบสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ในภาพรวมบทบาทของการจัดสรรทุนโดยระบบสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ในภาพรวม พลวัตเชิงเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินไทย

  27. บทบาทของการกำกับระบบการเงิน ส่งผลต่อโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อ ที่ทำให้เกิดความเประบางทางเศรษฐกิจมหภาค และ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน ลักษณะการปล่อยสินเชื่อที่เน้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมากและมีพื้นฐานแบบ Collateral-based ทำให้เกิดปัญหา Procyclicality และ Bubble ได้ง่ายยิ่งขึ้น Regulator ค่อนข้างผ่อนปรนมาตรฐานทางการกำกับเป็นอย่างมากก่อนการเปิดเสรีที่ดำเนินการผ่านนโยบาย BIBF เป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด Capital Ease และ ซ่อนปัญหาที่เป็นต้นทุนสำหรับการแก้ปัญหาอย่างมหาศาลในภายหลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน จึงถือได้ว่าเป็นนโยบายที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย”

  28. ผลพวงของนโยบายการเปิดเสรีที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย” สร้างต้นทุนเพื่อการแก้ปัญหาราวร้อยละ 60 ของ GDP ควบคู่ไปกับผลที่ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์นอกจากจะมีบทบาทจำกัดในการแก้ปัญหาวิกฤตแล้วยังกลายเป็นภาระขนาดใหญ่ที่สังคมต้องแก้ปัญหา • รัฐ และ Regulator มุ่งแก้ปัญหา NPLs และ ปรับกติกาการดูแลอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ให้รัดกุมและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นการแก้ปัญหาในภาพรวมทำให้จำนวนของธนาคารพาณิชย์ไทยลดลงซึ่งเป็นแนวโน้มแรกที่จะเห็นอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบเริ่มใกล้เคียงกันมากยิ่งขึ้น กอปรกับบทบาทของรัฐและนักลงทุนต่างชาติในระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มทุน

  29. ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา

  30. ข้อสังเกตของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยข้อสังเกตของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย • ในด้านหนึ่ง หลังจากระบบธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับการแก้ปัญหาโดยรัฐ • อุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์มีการกระจุกตัวลดลง เมื่อพิจารณา HHI Index • ผลประกอบการโดยรวมที่วัดจาก NIM ดีขึ้น • อีกทั้งผลการศึกษาเองทางสถิติที่ประมาณ Technical Efficiency จะดีขึ้นโดยรวมเมื่อธนาคารพาณิชย์ขยายแหล่งการหารายได้ไปสู่ Non-interest • ในอีกแง่หนึ่ง สังคมเองมักตั้งข้อสังเกตว่าธนาคารพาณิชย์เลือกแก้ปัญหา Excess Liquidityที่มีมากด้วยการใช้นโยบายช่วงห่างของอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง • เป็นธรรมหรือไม่ต่อสังคม และ บทบาทของผู้วางนโยบายควรเป็นอย่างไร

  31. มิติการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของผู้กำกับอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์มิติการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของผู้กำกับอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ การกำกับดูแลระบบสถาบันการเงินและ การออกแบบระบบสถาบันการเงินไทยในอนาคต

  32. บทเรียนในอดีตทำให้ Regulator เพิ่มความรัดกุมของกรอบการกำกับดูแลมากขึ้น • ปัจจัยภายในองค์กร (Managerial Incentive Structure) • ให้ความสำคัญของ Internal Corporate Structure ของธนาคารพาณิชย์มากขึ้น ที่เน้นธรรมาภิบาลภายใต้หัวใจการมีระบบบริหารความเสี่ยง • ปัจจัยภายนอกองค์กรและมาตรฐานสากล • International Regulatory Convergence และBasel II • Prudence-based Accounting Standard • Financial Safety Net Program อื่นๆ

  33. ภาครัฐปรับแนวคิดจากการพยายามสร้างให้ระบบการเงินไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินไปสู่การเข้าถึงในบริการทางการเงินภาครัฐปรับแนวคิดจากการพยายามสร้างให้ระบบการเงินไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินไปสู่การเข้าถึงในบริการทางการเงิน • แผนตาม FSMPถือเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างระมัดระวังมากแต่สามารถนำไปสู่ข้อสังเกตสองประเด็นคือ • ประโยชน์ของการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการในธุรกิจช่วยลดช่องว่างจริงหรือไม่ (ธนาคารพาณิชย์รายย่อย) และ ธุรกิจใหม่สามารถเติบโตได้ในระยะยาวหรือไม่ • Regulator มีแนวโน้มเปิดเสรีภาคธนาคารมากขึ้น แต่เห็นอย่างไรเกี่ยวกับการควบรวมกิจการทางการเงิน (ควรมีนโยบายหรือไม่) • ทางเลือกของการลงทุนจำกัดซึ่งอาจควรส่งเสริมการเคลื่อนย้ายของเงินทุนระหว่างทางเลือกการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น

  34. ประเด็นทิ้งท้ายเพื่อตั้งคำถามประเด็นทิ้งท้ายเพื่อตั้งคำถาม

  35. ผลภายนอกจากนโยบายทางเศรษฐกิจในอดีตของรัฐบาลที่ผ่านมาอาจทำให้ต้องเริ่มมาคิดว่าแม้สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเป็นเครื่องมือเพื่อ ResilientMacroeconomicและบรรเทาปัญหาProcyclicalityได้ แต่ Fiscal Contingent Liabilityที่ไม่ชัดเจนจะเพิ่มความเสี่ยงในระยะยาว

  36. นอกจากนี้ การกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนเป็นช่องทางของโอกาสธุรกิจประเภท นอนแบงค์ที่มีการควบคุมรัดกุมน้อยกว่า เพราะ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียค่อนข้างจำกัด • ต้องเพิ่มเรื่อง Consumer Protection อาทิเช่น การกำหนด Effective Interest Rate ที่ชัดเจนด้วย

More Related