10 likes | 148 Views
I. HPP. Thailand. “ดัชนีสินทรัพย์ ” เครื่องมือชี้วัดเศรษฐานะของครัวเรือนไทย ภูษิต ประคองสาย และ กัญจนา ติษยาธิคม สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข. ตารางที่ 1 : สินทรัพย์ของครัวเรือนที่มีค่าดัชนี factor score สูงในปี 2543, 2545 และ 2547. ความเป็นมา
E N D
I HPP Thailand “ดัชนีสินทรัพย์” เครื่องมือชี้วัดเศรษฐานะของครัวเรือนไทย ภูษิต ประคองสาย และ กัญจนา ติษยาธิคม สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ตารางที่ 1: สินทรัพย์ของครัวเรือนที่มีค่าดัชนี factor score สูงในปี 2543, 2545 และ 2547 ความเป็นมา ประเทศไทยประสบปัญหาเช่นเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ทั่วโลกที่มีความยากลำบากในการวัดระดับเศรษฐานะของครัวเรือนโดยใช้ข้อมูลรายรับหรือรายจ่าย เนื่องจากข้อมูลรายรับของครัวเรือนมักขาดความถูกต้องและต่ำกว่าความเป็นจริง สาเหตุจากการไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลรายรับทั้งหมดของสมาชิกในครัวเรือน ในขณะที่การเก็บข้อมูลรายจ่ายครัวเรือนจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลจำนวนมากและหลายประเภทของรายจ่าย ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน องค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก หรือสถาบันทางวิชาการต่างๆ ได้มีการพัฒนาเครื่องมือสำหรับชี้วัดเศรษฐานะของครัวเรือนขึ้นหลายประเภท โดยเครื่องมือหนึ่งที่มีการใช้อย่างแพร่หลายคือ ดัชนีสินทรัพย์หรือ asset index หรือ wealth index ซึ่งดำเนินการเก็บข้อมูลสินทรัพย์ของครัวเรือนที่ทำการสำรวจ แล้วนำมาคำนวณทางคณิตศาสตร์เพื่อกำหนดค่าดัชนีสำหรับบ่งชี้เศรษฐานะของครัวเรือนแทนการใช้ข้อมูลรายรับหรือรายจ่าย สำหรับประเทศไทยได้เริ่มมีความพยายามนำดัชนีสินทรัพย์ดังกล่าวมาใช้ในการประเมินระดับเศรษฐานะของครัวเรือนและวัดความเป็นธรรมทางสุขภาพในช่วงภายหลังการดำเนินนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า • ในช่วงระยะ 3 ปีทีทำการศึกษา พบว่า ครัวเรือนที่อยู่ในควินไทล์ที่ยากจนที่สุด ไม่มีครัวเรือนใดที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือ เครื่องคอมพิวเตอร์เลย • ในขณะที่ครัวเรือนที่อยู่ในควินไทล์ที่มีฐานะดีที่สุด • มีเครื่องปรับอากาศร้อยละ 48 ในปี 2543 และเพิ่มเป็นร้อยละ 49 และ 61 ในปี 2545 และ 2547 ตามลำดับ • มีเครื่องคอมพิวเตอร์ร้อยละ 24 ในปี 2543 และเพิ่มเป็นร้อยละ 34 และ 60 ในปี 2545 และ 2547 ตามลำดับ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ดัชนีสินทรัพย์ (Asset Index) สำหรับการชี้วัดเศรษฐานะของครัวเรือนเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ข้อมูลรายรับหรือรายจ่ายเฉลี่ยต่อหัวของครัวเรือน 2.เพื่อเปรียบเทียบความเป็นธรรมในการได้รับประโยชน์จากทรัพยากรสุขภาพภาครัฐ โดยใช้ข้อมูลรายรับของครัวเรือนและดัชนีสินทรัพย์ในการแบ่งกลุ่มเศรษฐานะของครัวเรือน เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างควินไทล์ของครัวเรือนที่แบ่งกลุ่มโดยดัชนีสินทรัพย์กับครัวเรือนที่แบ่งกลุ่มโดยข้อมูลรายรับและรายจ่ายของครัวเรือนพบว่ามีความสัมพันธ์กันในระดับปานกลาง มีค่าระหว่าง 0.47- 0.54 (ตารางที่ 2) โดยความสัมพันธ์ค่อนข้างสูงในควินไทล์ที่ 1 และ 5 • วิธีการศึกษาและแหล่งข้อมูล • ใช้วิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบที่สำคัญ (principal component analysis) เพื่อประเมินค่าน้ำหนักของแต่ละสินทรัพย์ถาวรที่ครัวเรือนเป็นเจ้าของ และดัชนีสินทรัพย์รวมของครัวเรือน • ข้อมูลสินทรัพย์และลักษณะที่อยู่อาศัยของครัวเรือนจากแบบสำรวจภาวะเศรษฐกิจสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2543, 2545 และ 2547 ซึ่งประกอบด้วย ลักษณะโครงสร้างที่อยู่อาศัย การมีไฟฟ้า การมีส้วมใช้ และข้อมูลการครอบครองสินทรัพย์ถาวรที่สำคัญ เช่น รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เป็นต้น โดยมีจำนวนสินทรัพย์ประมาณ 29-30 รายการในแต่ละปี • คำนวณการได้รับประโยชน์จากทรัพยากรสุขภาพภาครัฐในกลุ่มประชากรที่มีเศรษฐานะแตกต่างกันในปี พ.ศ. 2546 โดยใช้ข้อมูลรายรับของครัวเรือนและดัชนีสินทรัพย์ในการแบ่งกลุ่มประชากรออกเป็นกลุ่มควินไทล์ต่างๆ รูปที่ 1: เปรียบเทียบการได้ประโยชน์จากทรัพยากรสุขภาพภาครัฐของประชากรในกลุ่มควินไทล์ที่ แบ่งโดยรายรับของครัวเรือนและดัชนีสินทรัพย์ ผลการศึกษา • ดัชนีสินทรัย์ของครัวเรือนทั้ง 3 ปีที่ทำการศึกษามีความสอดคล้องภายใน (internal coherence) กันอย่างชัดเจน • ครัวเรือนที่มีฐานะค่อนข้างดีหรืออยู่ในควินไทล์ที่มีดัชนีสินทรัพย์สูงมักจะมีสินทรัพย์ที่มีค่า factor score สูง และครอบครองสินทรัพย์ที่ครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่มี เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น โทรศัพท์ และ เครื่องเล่นวีดีโอ เป็นต้น • สินทรัพย์ถาวรที่มีค่าดัชนี factor score สูง 3 ลำดับแรกในปี 2543 และ 2547 ได้แก่ เครื่องซักผ้า โทรศัพท์ และตู้เย็น ในขณะที่ปี 2545 สินทรัพย์ที่มีค่าดัชนีสูง 3 อันดับแรกคือ เครื่องซักผ้า โทรศัพท์ และตู้เย็น (ตารางที่ 1) • เมื่อวิเคราะห็การได้รับประโยชน์จากทรัพยากรสุขภาพภาครัฐในปี พ.ศ. 2546 ระหว่างกลุ่มควินไทล์ครัวเรือนที่แบ่งโดยรายรับและดัชนีสินทรัพย์พบว่าการกระจายตัวของการได้รับประโยชน์ไม่แตกต่างกันมากนัก (รูปที่ 1) บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย • ดัชนีสินทรัพย์สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการบ่งชี้เศรษฐานะของครัวเรือนแทนรายรับหรือรายจ่ายได้ โดยเฉพาะในการสำรวจครัวเรือนที่มีข้อจำกัดในการเก็บข้อมูลด้านรายรับและรายจ่าย • ในระดับประเทศและระดับพื้นที่ สามารถนำดัชนีสินทรัพย์ไปใช้ในการวิเคราะห์ความเป็นธรรมทางสุขภาพระหว่างประชากรหรือครัวเรือนที่มีเศรษฐานะแตกต่างกันได้ สามารถส่งข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะได้ที่ นพ. ภูษิต ประคองสาย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข หรือ phusit@ihpp.thaigov.netและ kanjana@ihpp.thaigov.net