1 / 9

จัดทำโดย

จัดทำโดย. ขนมไทย. ด.ช. กรบัณฑิต อยุ่โภชนา ม.1/16 เลขที่ 2 เสนอ อ.ฐิตาพร ดวงเกตุ. บัวลอย. วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

Download Presentation

จัดทำโดย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. จัดทำโดย ขนมไทย ด.ช. กรบัณฑิต อยุ่โภชนา ม.1/16 เลขที่ 2 เสนอ อ.ฐิตาพร ดวงเกตุ

  2. บัวลอย • วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน • 1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น) • 2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น) 1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น) • 2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น) •   3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ) • 4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้ +ส่วนผสมน้ำกะทิ+ • * กะทิ 2 ถ้วยตวง • * น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม • * น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง • * เกลือป่น 1 ช้อนชา • * เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้) • * งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

  3. หม้อแกง •   วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน • 1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ ) • 2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ • 3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก 4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี • ส่วนผสมหม้อแกง • * ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ) • * น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง • * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง • * น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม • * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา • * ไข่เป็ด 3 ฟอง • * หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก • * ใบเตย 3 ใบ

  4. ขนมชั้น • ส่วนผสมทำขนมชั้น • 1. แป้งท้าวยายม่อม 140 ก. • 2. แป้งข้าวจ้าว 70 ก. • 3. แป้งมัน 100 ก. • 4. กะทิ 800 มล. • 5. น้ำตาลทราย 400 ก. • 6. กลิ่นมะลิ 1/2 ชช. • 7. สีผสมอาหารตามชอบ อย่างละ 3 หยด • วิธีทำ1. เชื่อมน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 3 ถ้วย2. ผสมแป้งทั้ง 4 ชนิด เข้าด้วยกัน แล้วนวดกับกะทิ โดยค่อย ๆ ใส่กะทิทีละน้อย ๆ นวดนาน ๆ จนกะทิหมด แล้วใส่น้ำเชื่อมคนให้เข้ากัน พอให้แป้งติดหลังมือนิดหน่อย3. กรองแป้งทั้งหมด แล้วแบ่งแป้งครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว อีกครึ่งหนึ่งใส่ใบเตยหรือสีตามชอบ4. นำถาดไปนึ่งแล้วทาน้ำมันให้ทั่ว ใส่แป้งสีขาวประมาณ 1/2 ถ้วย แล้วนึ่งให้สุกประมาณ 5 นาที ชั้นที่ 2 ใส่สีเขียว แล้วนึ่งอีกประมาณ 5 นาที ทำเช่นนี้ไปจนหมดแป้ง แล้วให้ชั้นสุดท้ายเป็นสีเข้มกว่าชั้นอื่น ๆ เมื่อสุกยกลงทิ้งให้เย็น แล้วตัดเป็นชิ้นตามต้องการ

  5. กล้วยบวชชี •  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน • 1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ • 2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย • 3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว • 4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที • ส่วนผสมทำขนม กล้วยบวชชี้ •  * กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก) • * หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร • * หางกะทิ 500 มิลลิลิตร • * ใบเตย 2 ใบ • * น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม • * น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม • * เกลือ

  6. ฝอยทอง • วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน • 1. ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก • 2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว • 3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด • 4. นำส่วนผสมไข่แดงใส่ลงไปในกรวยและนำไปโรยในน้ำเชื่อมที่เดือด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีจนไข่สุกจึงใช้ไม้แหลม สอยขึ้นและพับให้เป็นแพตามต้องการ • 5. จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทางเล่นในวันสบายๆ • ส่วนผสมทำขนม ฝอยทอง • * ไข่เป็ด 5 ฟอง • * ไข่ไก่ 5 ฟอง • * น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง • * น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า) • * ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ(ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน) • * น้ำมันพืช 1 ช้อนชา • * กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง (สำหรับโรยไข่ในกระทะ) • * ไม้แหลม (สำหรับตักและพับฝอยทองในกระทะ)

  7. ขนมครก • วิธีทำขนมครก1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่ • 2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า 3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3/4 นำกระบวยกดให้ล้นขึ้นมาด้านข้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที 4. หยอดหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ  • ส่วนผสมทำขนมครก • 1. แป้งข้าวเจ้าอย่างดี ตราดอกไม้ 1 กิโลกรัม 2. น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง 3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง 4. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง 5. น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ 6. เกลือ 1 ช้อนชา 7. โรยหน้าตามใจชอบ อาทิ ต้มหอม ข้าวโพด เผือก ฯลฯ 

  8. สาลี • วิธีทำ สาลี •    1. ตอกไข่ใส่ชาม แล้วใช้ส้อมตีแรงๆ ระหว่างตีนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายลงไปด้วย ตีไข่จนขึ้นเป็นสีขาวนวล • 2. ร่อนแป้งสาลี แล้วนำไปผสมในไข่ คนเบาๆจนแป้งละลายดีจึงใส่สีผสมอาหารลงไป (ไม่ควรใส่มาก ควรผสมให้เป็นสีโทนอ่อน จะน่ารับประทานมากกว่าสีเข้ม) • 3. นำกระดาษปูลงในถาดที่จะใช้นึ่งขนม จากนั้นเทแป้งลงในถาด (หรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้) และแต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ) • 4. ตั้งหม้อนึ่งรอจนน้ำเดือด จึงนำถาด (หรือแบบพิมพ์) ที่ใส่แป้งลงไปนึ่ง ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ถ้าแป้งหนาอาจต้องใช้เวลา นึ่งนานขึ้น (20-25 นาที) เมื่อสุกดีแล้วจึงยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นตัดเป็นชิ้นๆ จัดใส่จานเสริฟ • ส่วนผสมทำขนม สาลี • * แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง • * น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง • * ไข่เป็ด 10 ฟอง • * สีผสมอาหารตามใจชอบ •   (บางสีอาจใช้ดอกไม้หรือใบไม้ได้ •   เช่น สีเขียว - ใบเตย, สีม่วง - ดอกอัญชัญ) • * ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้าขนม)

  9. สังขยาฟักทอง • วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน • 1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง) • 2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี • 3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ • * ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม) • * ไข่่ 4 ฟอง • * หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง • * น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง • * แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ • * เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา • * น้ำปูนใส

More Related