1 / 66

ไฟฟ้าสถิต

ไฟฟ้าสถิต. อ . วัฒนะ รัมมะเอ็ด. สังเกตสิ่งเหล่านี้. ฟ้าแลบ ฟ้าผ่าและฟ้าร้อง. เมื่อเราหวีผมแล้วนำหวีมาใกล้กับกระดาษชิ้น เล็กๆ ก็จะพบว่าหวีสามารถดูดกระดาษได้. แท่งอำพัน มาถูกับ ผ้าขนสัตว์ จะสามารถดูด ของเบาๆ เช่น ฟาง ขนนก ได้. อำพัน ( amber ).

afra
Download Presentation

ไฟฟ้าสถิต

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ไฟฟ้าสถิต อ.วัฒนะ รัมมะเอ็ด

  2. สังเกตสิ่งเหล่านี้ • ฟ้าแลบ ฟ้าผ่าและฟ้าร้อง

  3. เมื่อเราหวีผมแล้วนำหวีมาใกล้กับกระดาษชิ้น เล็กๆก็จะพบว่าหวีสามารถดูดกระดาษได้

  4. แท่งอำพัน มาถูกับ ผ้าขนสัตว์ • จะสามารถดูดของเบาๆ เช่น ฟาง ขนนก ได้

  5. อำพัน (amber) • คือยางสนที่แข็งตัวจนเกือบกลายเป็นหิน มีความแข็ง 6(เพชรซึ่งแข็งสุดมีความแข็ง 10) มีลักษณะคล้ายพลาสติกโปร่งแสง มีสีน้ำตาลแกมแดง สามารถขัดให้เรียบขึ้นเงาได้ง่ายนิยมทำเป็นเครื่องประดับ

  6. ปรากฏการณ์นี้นักปราชญ์ชาวกรีกชื่อทาลีสได้ สังเกตพบ มาก่อนแล้วตั้งแต่ประมาณ 600 ปี ก่อนคริสต์ศักราช Thales (624 –546ก่อนคริสตศักราช) เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ และนักปราชญ์ชาวกรีก ผลงานตั้ง ทฤษฎีเรขาคณิตหลายบท

  7. นอกจากนี้ยังมีผู้ศึกษาเกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตนอกจากนี้ยังมีผู้ศึกษาเกี่ยวกับไฟฟ้าสถิต • ธีโอเฟรตัส ( เมื่อ 321ปีก่อนคริสศักราช ) • ไพลนี ( ในคริสศักราชที่ 70 ) • ดร.กิลเบิร์ต ( Dr.Gilbert ) ประมาณ ค.ศ. 1600

  8. ประจุไฟฟ้า (electric charge) • การที่วัตถุสองชนิด เมื่อถูกันแล้วต่างเกิดมีอำนาจดูดของเบาๆได้นั้นเราเรียกว่าวัตถุทั้งสองต่างเกิดมีประจุไฟฟ้า ขึ้น • การกระทำที่ทำให้วัตถุเกิดมีอำนาจไฟฟ้าขึ้นได้ เรียกว่า การชาร์จ(charge) วัตถุ หรือ electrify วัตถุและเมื่อวัตถุนั้นๆหมดอำนาจไฟฟ้าแล้ว เราเรียกว่าวัตถุนั้นเป็นกลาง (neutral)

  9. ทดลองนำแผ่นพีวีซี มาถูด้วยผ้าสักหลาด แล้วนำแผ่นพีวีซีแผ่นหนึ่ง แขวนด้วยเส้นด้ายที่กึ่งกลางแผ่น • โดยให้แผ่นพีวีซีแผ่นนี้วางตัวอยู่ในแนวราบแล้วนำปลายของพีวีซีแผ่นที่เหลือมาจ่อใกล้ๆปลายแผ่นที่แขวนไว้(โดยใช้ปลายที่ถูกถูด้วยผ้าสักหลาดในตอนแรก) จะปรากฏว่าแผ่นพีวีซีทั้งสองเบนหนีออกจากกัน • แสดงว่า เกิดมีแรงผลักระหว่างแผ่นพีวีซีทั้งสอง

  10. เมื่อเปลี่ยนแผ่นพีวีซีเป็นแผ่นเปอร์สเปกซ์ • แล้วทำการทดลอง เช่นเดียวกับแผ่นพีวีซีจะพบว่าแผ่นเปอร์สเปกซ์ที่มีประจุจะผลักแผ่นเปอร์สเปกซ์ ที่มีประจุอีกแผ่น • แต่ถ้านำแผ่นเปอร์สเปกซ์ที่มีประจุเข้าใกล้แผ่นพีวีซีที่มีประจุซึ่งแขวนอยู่จะปรากฏว่าแผ่นพีวีซีเบนเข้าหาแผ่นเปอร์สเปกซ์ แสดงว่าแผ่นพีวีซีและแผ่นเปอร์สเปกซ์ที่มีประจุ เกิดมีแรงดึงดูดกัน

  11. ประจุไฟฟ้ามีอยู่เพียง 2 ชนิด • ประจุไฟฟ้าบวก (Positive charge) หรือเรียกสั้นๆว่า ประจุบวก (+) เป็นประจุที่เกิดบนแท่งแก้วเมื่อถูกถูด้วยผ้าไหม - ประจุไฟฟ้าลบ (Negative charge) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ประจุลบ (- ) เป็นประจุที่เกิดบนแท่งอำพัน เมื่อถูด้วยผ้าด้วยผ้าขนสัตว์

  12. แรงกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างประจุไฟฟ้า แบ่งได้ 2 ชนิด • แรงดึงดูดกัน เป็นแรงกระทำระหว่างประจุต่าง ชนิดกัน • แรงผลักกัน เป็นแรงกระทำระหว่างประจุชนิด เดียวกัน

  13. ประจุเหมือนกันเกิดแรงผลักกันประจุเหมือนกันเกิดแรงผลักกัน ประจุต่างกันเกิดแรงดึงดูดกัน

  14. แผ่นเปอร์สเปกซ์ Perspex • เป็นสารสังเคราะห์ประเภทพลาสติกอีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะโปร่งใสแข็งแต่มีน้ำหนักเบา

  15. กฎการอนุรักษ์ประจุไฟฟ้า(Conservation of Charge) การที่แผ่นพีวีซีและแผ่นเปอร์สเปกซ์ ก่อนนำมาถูกับผ้าสักหลาด ไม่แสดงอำนาจไฟฟ้า แต่หลังจากถูกับผ้าสักหลาดแล้ว แสดงอำนาจไฟฟ้าออกมา คำอธิบายของปรากฏการณ์ที่ว่านี้ต้องอาศัยทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างอะตอม

  16. กล่าวคือ วัตถุทุกชนิดย่อมประกอบด้วยอะตอม(atom) จำนวนมากแต่ละอะตอมประกอบด้วยนิวเคลียสเป็นแกนกลาง ภายในนิวเคลียสประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุบวกเรียกว่าโปรตรอน (proton) และอนุภาคที่เป็นกลางทางไฟฟ้าเรียกว่านิวตรอน(neutron) นอกนิวตรอน มีอนุภาคที่เป็นประจุลบเรียกว่า อิเล็คตรอน(electron)เคลื่อนที่รอบนิวเคลียสด้วยพลังงานในการเคลื่อนที่ค่าหนึ่ง อิเล็กตรอนมีมวลน้อยกว่ามวลของนิวเคลียสมาก สามารถหลุดออกจากอะตอมหนึ่งได้ ถ้าได้รับพลังงานมากพอ ประจุและมวลของอนุภาคทั้งสามในอะตอม คือ

  17. โปรตอน(p) มีประจุ +1.6 x 10-19 C มีมวล 1.67 x 10-27 kg   อิเล็คตรอน(e) มีประจุ -1.6 x 10-19 C มีมวล 9.1 x 10-31 kg นิวตรอน(n)เป็นกลาง มีมวล 1.67 x 10-27 kg  

  18. โดยปกติอะตอมของธาตุจะเป็นกลางทางไฟฟ้า เพราะว่าในภาวะปกติอะตอมมีจำนวนโปรตอนและจำนวนอิเล็กตรอนเท่ากัน แต่ถ้าเมื่อใดที่จำนวนอนุภาคทั้งสองไม่เท่ากัน วัตถุนั้นจะแสดงอำนาจทางไฟฟ้าออกมา

  19. โดยจะแสดงความเป็นประจุบวกเมื่อมีจำนวนโปรตอนมากกว่าอิเล็กตรอน แต่ถ้าจำนวนอิเล็กตรอนมากกว่าโปรตอนวัตถุจะแสดงอำนาจทางไฟฟ้าเป็นประจุลบ การแสดงอำนาจความเป็นประจุขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่จากอะตอมหนึ่งไปยังอีกอะตอมหนึ่ง

  20. จึงสรุปได้ว่า อะตอมใดที่เสียอิเล็กตรอนไปจะมีประจุลบลดลง ทำให้วัตถุนั้นแสดงอำนาจเป็นบวก ส่วนอะตอมใดที่รับอิเล็กตรอน จะมีประจุลบเพิ่มขึ้นอะตอมนั้นวัตถุนั้นจะแสดงอำนาจเป็นประจุลบ

  21. การที่วัตถุมีประจุไฟฟ้าไม่ใช่การสร้างประจุขึ้นใหม่ แต่เป็นเพียงการย้ายประจุจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้น โดย ผลรวมของจำนวนประจุทั้งหมดของระบบที่พิจารณายังคงเท่าเดิมซึ่งเราเรียกว่า กฎการอนุรักษ์ประจุไฟฟ้า

  22. ตัวนำไฟฟ้า (Conductor) คือ วัตถุที่ยอมให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปได้สะดวกตลอดเนื้อวัตถุได้ง่าย เช่น โลหะต่างๆ สารละลายของกรดเบส และเกลือ เป็นต้น

  23. ฉนวนไฟฟ้า (Insulator) คือ วัตถุที่ยอมให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปได้ไม่สะดวกหรือไม่ยอมให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านไปได้ เช่น ยาง กระเบื้องเคลือบ แก้ว เป็นต้น

  24. ตาราง 1 แสดงตัวนำไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้าบางชนิด

  25. การทำให้วัตถุตัวนำเกิดประจุการทำให้วัตถุตัวนำเกิดประจุ 1. การขัดถู 2. การสัมผัส (แตะ) 3. การเหนี่ยวนำไฟฟ้า

  26. การขัดถู คือ การนำวัตถุต่างชนิดมาถูกัน เช่น นำผ้าสักหลาด มาถูกับแผ่นพีวีซี งานของแรงที่ใช้ถูหรืองานของแรงเสียดทานระหว่างวัตถุทั้งสองจะทำให้อิเล็กตรอนในวัตถุทั้งสองมีพลังงานสูงขึ้นทำให้อิเล็กตรอนจากวัตถุหนึ่งหลุดออกไปอยู่บนอีกวัตถุหนึ่ง

  27. วัตถุที่รับอิเล็กตรอนเพิ่มเข้าไปจะมีประจุลบ • ส่วนวัตถุที่เสียอิเล็กตรอนไปจะมีประจุบวก • มีการจัดทำบัญชีของวัตถุบางชนิดที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าโดยการขัดถูไว้ โดยเรียงลำดับของการขัดถูไว้ดังตาราง2

  28. ตาราง 2 แสดงลำดับรายชื่อ สารที่นำมาถูกัน 1.ขนสัตว์11.แก้วผิวขรุขระ 2.ขนแกะหรือสักหลาด 12.ผิวหนัง 3.ไม้ 13.โลหะต่างๆ 4.เชลแลค (shellac) 14.ยางอินเดีย (India rubber) 5.ยางสน 15.อำพัน 6.ครั่ง 16.กำมะถัน 7.แก้วผิวเกลี้ยง 17.อิโบไนต์ (ebonite) 8.ผ้าฝ้าย หรือสำลี 18.ยาง Gutta-perchta 9.กระดาษ 19.ผ้าแพร Amalgamated 10.ผ้าแพร 20.เซลลูลอยด์ (Celluloid)

  29. จากตาราง 2 เมื่อนำวัตถุที่มีหมายเลขน้อยมาถูกับวัตถุที่มีหมายเลขมากกว่า • วัตถุที่มีหมายเลขลำดับน้อยกว่าจะปรากฏมีประจุไฟฟ้าบวก(+) • ส่วนวัตถุที่มีหมายเลขลำดับมากกว่าจะปรากฏมีประจุไฟฟ้าลบ (- ) • เช่น นำผ้าสักหลาด(หมายเลข 2) ถูกับแก้วผิวเกลี้ยง (หมายเลข 7 ) จะปรากฏว่า ผ้าสักหลาดมีประจุไฟฟ้าบวก (+) ส่วนแก้วผิวเกลี้ยงมีประจุไฟฟ้าลบ (- )

  30. แต่ถ้านำแก้วผิวเกลี้ยง (หมายเลข 7 ) ไปถูกับผ้าฝ้าย (หมายเลข 8 ) แล้ว จะทำให้แก้วผิวเกลี้ยงมีประจุไฟฟ้าบวก (+) ส่วนผ้าฝ้ายจะมีประจุไฟฟ้าลบ (- )

  31. ข้อควรระวัง กรณีที่นำวัตถุตัวนำมาขัดถูเพื่อให้เกิดประจุไฟฟ้านั้นต้องมีด้ามจับเป็นฉนวนไฟฟ้า หรือหุ้มปลายข้างที่ถือด้วยฉนวนไฟฟ้า หรือวางบนฉนวนไฟฟ้า เพื่อป้องกันการถ่ายเทประจุระหว่างวัตถุตัวนำกับร่างกาย

  32. การสัมผัส(แตะ) คือ การนำวัตถุที่มีประจุอิสระอยู่แล้วมาสัมผัสกับวัตถุที่เดิมเป็นกลางจะทำให้วัตถุที่เป็นกลางนี้มีประจุไฟฟ้าอิสระ

  33. การสัมผัสนั้นอาจสรุปได้ว่าการสัมผัสนั้นอาจสรุปได้ว่า 1.ประจุไฟฟ้าอิสระจะเป็นประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกันกับชนิด ของประจุไฟฟ้าตัวนำที่นำมาสัมผัสเสมอ 2.การถ่ายเทประจุเป็นการถ่ายเทอิเล็กตรอนเท่านั้น และ การถ่ายเทจะสิ้นสุดเมื่อศักย์ไฟฟ้าบนวัตถุที่แตะกันมีค่า เท่ากัน

  34. 3. ประจุไฟฟ้าอิสระบนตัวนำทั้งสองที่นำมาแตะกัน ภายหลังการแตะจะมีจำนวนเท่ากันหรืออาจไม่เท่ากันก็ได้ ทั้งนี้จะอยู่กับประจุไฟฟ้าของตัวนำทั้งสอง 4. ประจุไฟฟ้ารวมทั้งหมดบนตัวนำทั้งสองภายหลังการแตะ จะมีจำนวนเท่ากับประจุไฟฟ้าทั้งหมดก่อนแตะกัน

  35. การเหนี่ยวนำไฟฟ้า (Electric induction) • คือ การนำวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าเข้าใกล้วัตถุที่เป็นตัวนำไฟฟ้าจะทำให้เกิดประจุชนิดตรงข้ามบนตัวนำด้านที่ใกล้วัตถุ

  36. เมื่อนำวัตถุ A ซึ่งมีประจุบวก มาวางใกล้ตัวนำวัตถุ Bที่เป็นกลางซึ่งถูกผูกแขวนด้วยด้าย ดังรูป 4 แรงจากประจุบวกบนวัตถุ Aจะส่งมากระทำต่ออิเล็กตรอนบนผิววัตถุตัวนำ Bทำให้ผิววัตถุ Bด้านที่อยู่ใกล้วัตถุ Aมีอิเล็กตรอน มากกว่าด้านที่อยู่ไกลวัตถุ Aทำให้ผิววัตถุ Bด้านที่อยู่ใกล้วัตถุ Aมีประจุลบ ส่วนด้านที่อยู่ไกล มีประจุบวก

  37. อิเล็กโทรสโคป (Electroscope) เป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบประจุไฟฟ้าสถิต ซึ่งในชั้นนี้จะศึกษาเพียง 2 ชนิด คือ 1.อิเล็กโทรสโคปลูกพิท(pith ball electroscope) 2.อิเล็กโทรสโคปแผ่นโลหะ ( leaf electroscope)

  38. อิเล็กโทรสโคปลูกพิท (pith ball electroscope) เป็นอิเล็กโทรสโคปแบบง่าย ประกอบด้วยลูกกลมเล็กเล็กๆ ทำด้วยไส้ไม้โสนหรือไส้หญ้าปล้อง หรือโฟมฉาบด้วยโลหะ ซึ่งมีน้ำหนักเบามาก ตัวลูกกลม แขวนด้วยเส้นด้ายหรือไหมเส้นเล็กๆ ไว้ในแนวดิ่งจากปลายเสาที่ตั้งอยู่บน แท่นฉนวนไฟฟ้าดังรูป

  39. ขั้นตอนในการใช้อิเล็กโทรสโคปลูกพิทตรวจสอบวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าหรือไม่ถ้ามีประจุจะเป็นประจุชนิดใดขั้นตอนในการใช้อิเล็กโทรสโคปลูกพิทตรวจสอบวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าหรือไม่ถ้ามีประจุจะเป็นประจุชนิดใด 1. ทำให้ลูกพิทเป็นกลางทางไฟฟ้า โดยการต่อลงดิน หรือใช้มือสัมผัส 2. นำวัตถุที่ต้องการตรวจสอบว่ามีประจุหรือไม่มาวางใกล้ๆลูกพิท แล้วสังเกตการเบี่ยงเบนของลูก พิท

  40. 3. วิธีการตรวจสอบชนิดของประจุบนวัตถุ Aโดยให้ประจุที่ทราบชนิดแล้วให้แก่ลูกพิทแล้วนำวัตถุที่ต้องการตรวจสอบมาวางใกล้ๆลูกพิทอีกครั้ง แล้วสังเกตการเบนของลูกพิท

  41. อิเล็กโทรสโคปแผ่นโลหะ ( leaf electroscope) อิเล็กโทรสโคปชนิดนี้ประกอบด้วยแท่งโลหะด้านบนเชื่อมติดกับจานโลหะชนิดเดียวกัน ซึ่งมักใช้อะลูมิเนียม ปลายล่างแท่งโลหะมีแผ่นโลหะ (อะลูมิเนียม) บางๆ ติดไว้ โดยแท่งโลหะถูกเสียบและยึดไว้โดยกระบอกพลาสติก หรือขวดแก้ว ดังรูป

  42. ในการใช้อิเล็กโทรสโคปแผ่นโลหะนี้จะสังเกตจากการกางของแผ่นโลหะบางของอิเล็กโทรสโคป คือเมื่อนำวัตถุที่มีประจุมาใกล้จานโลหะของอิเล็กโทรสโคป แผ่นโลหะบางของอิเล็กโทรสโคปจะกางออก

  43. ขั้นตอนในการใช้อิเล็กโทรสโคปแผ่นโลหะเพื่อตรวจสอบวัตถุว่ามีประจุไฟฟ้าหรือไม่ถ้ามีประจุจะเป็นประจุชนิดใดขั้นตอนในการใช้อิเล็กโทรสโคปแผ่นโลหะเพื่อตรวจสอบวัตถุว่ามีประจุไฟฟ้าหรือไม่ถ้ามีประจุจะเป็นประจุชนิดใด • ทำให้แผ่นโลหะเป็นกลางทางไฟฟ้าโดยการต่อลงดินหรือใช้มือสัมผัสที่จานโลหะด้านบนเสียก่อนสังเกตแผ่นโลหะจะหุบติดแกน แสดงว่าเป็นกลางแล้ว 2. นำวัตถุที่ต้องการตรวจสอบประจุมาวางใกล้ๆจานโลหะแล้วสังเกตการณ์กางของแผ่น

  44. 3. ให้ประจุที่ทราบชนิดแก่จานโลหะด้านบน แล้วนำวัตถุที่ต้องการตรวจสอบชนิดของประจุมาวางใกล้ๆจานโลหะอีกครั้ง แล้วสังเกตการกางหรือหุบของแผ่นโลหะด้านล่าง

  45. 6. การกระจายของประจุ คำถาม ถ้าวัตถุหนึ่งมีประจุไฟฟ้า การกระจายของประจุบนวัตถุนั้นจะมีลักษณะอย่างใดขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุนั้นเช่นอย่างไร

  46. วัตถุที่เป็นฉนวน เมื่อทำให้เกิดประจุไฟฟ้าขึ้น ณ ส่วนใดของวัตถุที่เป็นฉนวนประจุก็จะปรากฏอยู่แต่เฉพาะส่วนนั้น จะไม่กระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ทั้งนี้เพราะสมบัติของฉนวน ประจุจะถ่ายเทได้ไม่สะดวก Charge on Insulators   Plastic Ball

More Related