150 likes | 379 Views
Microsoft Excel 2010. โดย ศศิธร อารยะพูนพงศ์ สำนักคอมพิวเตอร์. Microsoft Excel. เป็นโปรแกรมประเภท สเปรตชีต ( Spreadsheet) หรือตารางคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งใช้สำหรับบันทึกข้อมูลต่างๆ ส่วนมากมักเป็นตัวเลขลงในตารางสี่เหลี่ยมช่องเล็กๆ เรียกว่า เซล (cell). ประเภทของข้อมูลใน Excel.
E N D
Microsoft Excel 2010 โดย ศศิธร อารยะพูนพงศ์ สำนักคอมพิวเตอร์
Microsoft Excel • เป็นโปรแกรมประเภท สเปรตชีต (Spreadsheet)หรือตารางคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งใช้สำหรับบันทึกข้อมูลต่างๆ ส่วนมากมักเป็นตัวเลขลงในตารางสี่เหลี่ยมช่องเล็กๆ เรียกว่า เซล(cell)
ประเภทของข้อมูลใน Excel • ข้อมูลประเภทข้อความ • ข้อมูลประเภทตัวเลข • ข้อมูลประเภทวันที่และเวลา
Formula คือ สมการคณิตศาสตร์ทั้งหมดที่กรอกลงไปในเซลล์ ความแตกต่างของ Formula และ Function • Function คือ สูตรการคำนวณสำเร็จรูปที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถคำนวณหาผลลัพธ์ได้ง่ายขึ้นและสามารถสร้างสูตรเองได้ง่ายขึ้น • ตัวอย่าง =A1+B2*(SUM(E2:E5))
รูปแบบของฟังก์ชัน ประกอบด้วย • ส่วนที่ 1 เครื่องหมาย = • ส่วนที่ 2 ชื่อของฟังก์ชันที่ต้องการใช้ • ส่วนที่ 3 ส่วนของการป้อนข้อมูล ต้องอยู่ในวงเล็บเสมอ = ชื่อของฟังก์ชัน (ส่วนของการป้อนข้อมูล)
ข้อควรทราบในการใช้สูตรและฟังก์ชันของโปรแกรม Excel การป้อนสูตรคำนวณจะใช้เครื่องหมาย = (เท่ากับ) ในการเริ่มต้นการใช้สูตร • ชนิดข้อมูลสูตรแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ • 1. สูตรในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ + - * / ^ • 2. สูตรในการเปรียบเทียบ = > < >= <= <> • 3. เครื่องหมายในการเชื่อมต่อข้อความหรือมากกว่านั้น & • 4. สูตรในการอ้างอิง :
ข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวแปรในสูตรข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวแปรในสูตร • : หรือ . ใช้กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของช่องตารางซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกันเพื่อนำข้อมูลที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นมาใช้ในการคำนวณ • , ใช้เลือกช่องเซลแบบเป็นหย่อมๆ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ติดต่อกัน แต่จุดประสงค์ก็เป็นการนำข้อมูลมาใช้ในการคำนวณ
Functions ฟังก์ชันที่สำคัญๆ
ฟังก์ชันทางวันที่และเวลาฟังก์ชันทางวันที่และเวลา
การหาค่าผลต่างระหว่างวันที่การหาค่าผลต่างระหว่างวันที่ =DATEDIF(วันที่เริ่มต้น, วันที่สิ้นสุด, รูปแบบผลลัพธ์) รูปแบบผลลัพธ์มีรูปแบบดังนี้ “Y” หมายถึง หาผลต่างเป็นจำนวนปี “YM” หมายถึง หาผลต่างเป็นจำนวนเดือน “MD” หมายถึง หาผลต่างเป็นจำนวนวัน
สูตรที่ใช้ หาจำนวนปี =DATEDIF(A3,TODAY(),"Y") หาเศษเดือน =DATEDIF(A3,TODAY(), "YM") หาเศษวัน =DATEDIF(A3,TODAY()+1,"MD") =จำนวนปี& “ปี” &เศษเดือน& “เดือน” &เศษวัน& “วัน”
จะได้สูตรที่ใช้ดังนี้จะได้สูตรที่ใช้ดังนี้ =DATEDIF(A3,TODAY(),"Y")&" ปี "& DATEDIF(A3,TODAY(),"YM")&" เดือน "& DATEDIF(A3,TODAY()+1,"MD")&" วัน "