912 likes | 1.54k Views
บทที่ 14 การทำ SEO (Search Engine Optimization). SEO ?. SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ และกระบวนการต่างๆ ของเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบ เขียนโปรแกรม และการโปรโมทเว็บ เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine (เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google, MSN, Yahoo, AOL เป็นต้น)
E N D
บทที่ 14 การทำ SEO(Search Engine Optimization)
SEO ? • SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ และกระบวนการต่างๆ ของเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบ เขียนโปรแกรม และการโปรโมทเว็บ เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine (เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google, MSN, Yahoo, AOL เป็นต้น) • จากข้อมูลของ AOL จำนวน 20 ล้านคิวร ี ข้อมูลการคลิกของผู้ใช้ • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 1 จำนวน 42% • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 2 จำนวน 12% • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 3 จำนวน 8.5% • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 4 จำนวน 6% • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 5 จำนวน 5% • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 6 จำนวน 4% • ผู้ใช้คลิกอันดับที่ 7-10 จำนวน 3% • 10% คลิกไปยังหน้าที่ 2
การทำ SEO เกี่ยวข้องกับใครบ้าง • นักการตลาด (Marketing) • ผู้ดูแลเว็บไซต์ (Webmaster/Web Content) • โปรแกรมเมอร์ (Web Programmer) • นักออกแบบ (Web Designer)
ประเภทของ Search Engine • Directory Search Engine เช่น Yahoo Directory • Meta Search Engine • Crawler Based Search Engine เช่น Google, Yahoo • Human/Social Search Engine เช่น Chacha, Maholo
การทำงานของ Search Engine ค้นหา (Crawling) จัดทำดัชนี (Indexing) แสดงผล (Searching)
การทำงานของ Bots, Spider, Crawler ตัวอักษรและ tag HTML ลิงค์ (Link) ภาพ เอกสารอื่นๆ
Short Term SEO • แผนระยะสั้น จะอยู่ในช่วงระยะ 1-3 เดือน หรือไม่เกิน 6 เดือนซึ่งแผนระยะสั้นเหมาะสำหรับเว็บบางประเภท เช่น - เว็บไซต์สำหรับโปรโมทภาพยนตร์ อัลบั้ม - เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์หรือโปรโมชั่นเฉพาะกิจ เช่น โปรโมชั่นแฟชั่นฤดูร้อน • โดยปกติการทำแผนระยะสั้นจะต้องทำก่อนเริ่มโปรเจคอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป เพื่อให้เว็บสามารถไต่อันดับได้ทันในช่วงที่จะโปรโมทเว็บไซต์
Long Term SEO • แผนระยะยาว มักจะมุ่งหวังในการจัดทำเว็บเพื่อทำธุรกิจออนไลน์อย่างจริงจัง ไม่ได้เน้นโปรโมทเพียงช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับเว็บไซต์บางประเภท เช่น - เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ - เว็บไซต์ให้บริการอื่นๆ เช่น บริการจองโรงแรม - เว็บ Portal site ทั่วไป • โดยปกติการทำแผนระยะยาวจำเป็นที่จะต้องมีการติดตามผลและการรักษาอันดับตลอดเวลาตราบเท่าที่เว็บไซต์ยังคงเปิดใช้งานอยู่
การค้นหา Keyword • ในการค้นหา Keyword จำเป็นต้องตอบโจทย์เหล่านี้ให้ได้ - ผู้ที่ค้นหานั้นเป็นใคร - อะไรที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการ - ช่วงเวลาไหนที่เขาต้องการ
เครื่องมือสำหรับค้นหา Keyword • Google Keywords Tools External (adwords.google.com/select/KeywordToolExternal) เป็นเครื่องมือในการหา Keyword ของ google โดยตรง • MSN Adlab - Keyword Group Detection (adlab.msn.com/Keyword-Group-Detection) - Demographics Prediction (adlab.msn.com/Demographics-Prediction/DPUI.aspx) - Keyword Forecast (adlab.msn.com/Keyword-Forecast)
เครื่องมือสำหรับค้นหา Keyword • Truehits.net (truehits.net) ใช้สำหรับดูสถิติเว็บไทย และมีการเก็บ Keyword Trend จากเว็บที่เป็นสมาชิกของทรูฮิตไว้ทั้งหมด เหมาะสำหรับธุรกิจในประเทศ
การจัดแบ่งกลุ่ม Keyword • Major Keywords เป็นคีย์เวิร์ดหลัก ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเว็บไซต์นั้นๆ โดยควรจะเป็นคำที่ไม่เกิน 2-3 คำ ต่อกัน เช่น “รถยนต์”“รถมือสอง” แต่ในบางกรณี คีย์เวิร์ดหลักก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคำเดี่ยวๆเสมอไป หากเนื้อหาในเว็บเป็นเนื้อหาที่จำเพาะเจาะจง เช่น “รีสอร์ท ภูเก็ต” การมีคีย์เวิร์ดหลักมากๆนั้น ไม่เป็นผลดีกับการทำ SEO เพราะถึงจะมีเว็บไซต์ที่ติดอันดับในหลายๆคีย์เวิร์ด แต่อันดับที่ได้สวนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยดีเท่าไร
การจัดแบ่งกลุ่ม Keyword • Minor Keywords เป็นคีย์เวิร์ดรอง ที่ค้นหาด้วยเครื่องมือต่างๆแล้ว แต่มีปริมาณการค้นหาไม่เยอะมากเท่าคีย์เวิร์ดหลัก แนะนำให้ใช้คีย์เวิร์ดรอง 10-20 คำ
การจัดแบ่งกลุ่ม Keyword • Seasonal Keywords เป็นคีย์เวิร์ดตามฤดูกาล มักพบได้กับกลุ่มของเว็บไซต์ขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาล หรือสินค้าไอที ซึ่งพบเห็นได้เป็นระยะๆ การใช้งานคีย์เวิร์ดในกลุ่มนี้ จึงควรเลือกช่วงเวลาในการนำมาใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม
ลงมือปรับแต่งเว็บไซต์(On-Page Optimize)
โครงสร้าง Html <html> <head> <title>ไตเติ้ลของเว็บเพจ</title> <meta name=“keywords” content=“คีย์เวิร์ด”> <meta name=“description” content=“รายละเอียดอย่างย่อ”> </head> <body … </body> </html>
Title tag • ถึงแม้ว่า Title tag จะถูกลดความสำคัญลงในการจัดอันดับของ search engine แต่ title tag ก็ยังถือว่ามีความสำคัญอยู่ เนื่องจากเป็นจุดแรกที่บ่งบอกให้ผู้ใช้งานเห็นว่า กำลังเปิดหน้าอะไรอยู่ โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าเว็บเลย • ในส่วนของ search engine จะกำหนดหรือคาดหวังว่าเนื้อหาของคุณจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร เช่น ถ้าใส่ไตเติ้ลว่า “ท่องเที่ยว” search engine จะคาดเดาทันทีว่าเนื้อหาที่กำลังจะเจอต่อไป คือ เรื่องของการท่องเที่ยว • ให้ใช้คีย์เวิร์ดหลัก และรองมาผสมกัน ให้สั้นและกระชับได้ใจความ
Title tag • ข้อผิดพลาดในการใช้งาน title tag - ไม่ใส่ข้อความที่ search engine ถือว่าเป็นขยะ เช่น “หน้าหลัก”“หน้าแรก”“โฮมเพจ”“ยินดีต้อนรับ” - ไม่นำชื่อโดเมนของเว็บมาใส่ - ไม่ควรใช้ title ซ้ำกันหมดทั้งเว็บไซต์
Meta tag • Meta Keywords เป็นตัวบอกเนื้อหา เป็นการใส่ข้อมูลที่เป็นคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์ เทียบได้กับ ข้อความพาดหัวข่าว • ถึงแม้ว่าปัจจุบัน search engine ต่างๆจะลดความสำคัญของ Meta Keyword ลงไป แต่ยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยืนยันความถูกต้องของเนื้อหา และเป็นส่วนช่วยเสริมให้กับ title tag มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย <meta name=“keywords” content=“คีย์เวิร์ด 1”, “คีย์เวิร์ด 2”, …>
Meta tag • Meta Description เป็นตัวบอกรายละเอียดสั้นของเว็บไซต์ เทียบได้กับ เนื้อหาใต้ข้อความพาดหัวข่าว • เนื้อหาในแท็กนี้ถูกดึงไปใช้งานในหน้าผลการค้นหาของ Search engine <meta name=“description” content=“ใส่เนื้อหาอย่างย่อ”>
Body tag หัวเรื่อง หัวเรื่องรอง เนื้อหา ตัวหนังสือ ตัวหนา ตัวเอียง รูปภาพ ตาราง
Body tag • Tag มาตรฐานที่ควรใช้ - Tag H1 – H6 ควรใช้สำหรับการกำหนดหัวเรื่อง หัวเรื่องรอง - Tag p ใช้สำหรับการขึ้นย่อหน้าใหม่ - Tag b, strong ใช้สำหรับเน้นข้อความ ตัวหนา - Tag ul, li ใช้สำหรับสร้าง unorder list
SEO Copywriting • นำคีย์เวิร์ดที่ได้มากระจายลงไปในส่วนต่างๆของเนื้อหา • ให้นึกถึงคีย์เวิร์ดที่ต้องการเพียงหนึ่งหรือสองคำเท่านั้น • พยายามเขียนเนื้อหาให้กระชับได้ใจความ • นำแท็กมาตรฐานมาใช้ • เนื้อหาที่เขียน ให้นึกเสมอว่าผู้อ่านคือ คน/ลูกค้า • ย้อนกลับไปอ่านสิ่งที่เขียน และปรับแต่งให้ดีขึ้น
Stop words and Stop Phrases • เป็นการคัดกรองเอาคำที่ไม่ต้องการ ไม่สำคัญ หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาออกไป • ยกตัวอย่าง คำต่อไปนี้ “This is a pen” - Stop words คือ “is a” - Stop phrased คือ “This is”
ปรับแต่งระบบลิงค์ภายในเว็บปรับแต่งระบบลิงค์ภายในเว็บ
ลักษณะของลิงค์ <a href=http://www.eblogbiz.com title=“SEO Blog”>My Blog</a> • เป็นรูปแบบคำสั่ง html ในการสร้างลิงค์ที่บรรดาแมงมุมชื่นชอบมาก เพราะ จากตัวอย่างจะรู้ได้ว่ากำลังจะคลิกอะไร เรื่องอะไร ไปที่ไหน
รูปแบบลิงค์ที่ผิดพลาดรูปแบบลิงค์ที่ผิดพลาด • รูปแบบลิงค์ที่เป็น JavaScript <a href=“#” onclick=“window.location=‘http://www.eblogbiz.com’>My blog</a> • ลิงค์ที่เป็น dropdown menu • ลิงค์เมนูที่ทำเป็น Flash Animation • ลิงค์ที่ใช้ภาพเป็นลิงค์ ความร้ายแรงไม่เท่ากับ 3 แบบแรก <a href=“http://www.eblogbiz.com”><img src=“menu1.jpg”></a> • การใช้คำในลิงค์ผิดพลาด <a href=“http://www.eblogbiz.com”>อ่านต่อ</a>
ปรับแต่งลิงค์เข้า-ออกเว็บไซต์(Off-Page Optimize)
รู้จัก Inbound/Outbound Link • ทางเข้าเยอะ ทางออกเยอะ • ทางเข้าน้อยกว่าทางออก • ทางเข้ามากกว่าทางออก เราสามารถสร้างลิงค์จากเว็บไซต์อื่นให้เข้ามาในเว็บไซต์ของเราได้ แต่ต้อง คำนึงถึงในเรื่องของคุณภาพของลิงค์ด้วย (คุณภาพของลิงค์ หมายถึง เป็นลิงค์ จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีบอทเข้าไปเยี่ยมเยียนบ่อยๆ ในทางตรงกันข้ามเว็บไซต์ ที่ไม่มีคุณภาพก็หมายถึง เว็บไซต์ที่จงใจใช้โปรแกรมสร้างขึ้น หรือการส่งอีเมล์ ขยะไปหลอกของแลกลิงค์กับเจ้าของเว็บต่างๆ เป็นต้น)
ข้อควรระวังในการสร้างลิงค์เข้ามายังเว็บไซต์ข้อควรระวังในการสร้างลิงค์เข้ามายังเว็บไซต์ • ลิงค์จากเว็บไซต์ที่โดนลงโทษจาก search engine • ลิงค์จากเว็บไซต์ในกลุ่มเว็บที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ • ลิงค์จากเว็บไซต์กลุ่มละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย • ลิงค์จากเว็บไซต์ขายยาทั่วไป • ลิงค์จากเว็บ FFA (Free for All Links Pages) • การเพิ่มปริมาณลิงค์เข้ามายังเว็บไซต์ในเวลาอันรวดเร็ว
เทคนิคการหาลิงค์ • Web Directory Submitting คือ การซับมิทไปยังเว็บไดเรคทอรี โดยเข้าไปยังเว็บไดเร็คทอรีที่รู้จักและเสนอลิงค์ของคุณเข้าไป ซึ่งเว็บที่แนะนำให้ไปซับมิทลิงค์ไว้ คือ เว็บ DMOZ และ yahoo! Directory • การส่งข่าวประชาสัมพันธ์ (Press News Submitting) • การส่งบทความเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ (Article Submitting) • การแลกลิงค์ (Links Exchange) • การซื้อลิงค์ (Paid for Links) แต่ให้ระวังเว็บที่มีข้อความโฆษณาว่า Link for sell เพราะ google กำลังจับตามองเว็บเหล่านี้อยู่
เทคนิคการหาลิงค์ • การซื้อบทความ (Content Buying) พบได้มากในกลุ่ม web blog โดยเป็นการซื้อเนื้อหา หมายถึง เราเขียนบทความเอง แต่ไปขอลงใน web blog คนอื่น • การทำระบบแนะนำลิงค์ (Link to us System) บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย www.aaa.comหากต้องการนำเนื้อหานี้ไปใช้ มิใช่เพื่อการค้า สามารถนำบทความนี้ไปใช้งานได้ และให้ทำลิงค์มาที่หน้า ต้นฉบับของบทความนี้ด้วย
เทคนิคการตุกติกในการทำแลกลิงค์เทคนิคการตุกติกในการทำแลกลิงค์ • การแอบใช้ javascript ลิงค์ <a href=“#” OnMouseOver=“windows.status=‘http:www.aaa.com’;” Onclick=“Opensite(‘http://www.aaa.com’);”>Link</a> • การลิงค์ไปยังหน้าดักก่อน <a href=“out.php?www.aaa.com”>Link</a> • การเสนอให้ลิงค์คุณเป็น Flash Animation Banner • การนำลิงค์ไปไว้ลึกๆ • การแอบถอดลิงค์