1 / 25

WORK SMART

WORK SMART. จากการอบรม โครงการหลักสูตร “ Work Smart” ข้าราชการระดับ 7 – 8 สำนักงานสรรพากรภาค 3 โดย...วิทยากร รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา วิหคโต รองศาสตราจารย์ ดร. สมพงษ์ แตงตาด สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับ “ Work Smart ”. WORK SMART.

duante
Download Presentation

WORK SMART

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. WORK SMART จากการอบรม โครงการหลักสูตร “Work Smart” ข้าราชการระดับ 7 – 8 สำนักงานสรรพากรภาค 3 โดย...วิทยากร รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา วิหคโต รองศาสตราจารย์ ดร. สมพงษ์ แตงตาด สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับ “Work Smart”

  2. WORK SMART • สำนักงานสรรพากรยุคใหม่ หมายถึง การทำงานโดยยึด KPI ทำโดยไม่มีใครสั่ง (Proactive หรือ Work Smart) • แนวคิดเกี่ยวกับ Work Smart หมายถึง “การสอนให้ลูกน้อง ทำได้” ซึ่งนักจิตวิทยาชาว USA ชื่อ BANDURA กล่าวว่า การสอนโดยการเรียนรู้ (Learning Theory ) ที่ได้จากการสังเกตแล้วเลียนแบบเรียกว่า MIF โดยการM= Model คือ เป็นแบบให้ I= Immitate คือ การเลียนแบบ F= Feedback คือการบอกถึง 3 เรื่องให้รู้ คือ “ที่ถูก ที่ผิด แก้ไขให้ถูกแล้วเลียนแบบใหม่”และถึงเวลาแล้วทีเราจะต้องเปลี่ยน เนื่องจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน จึงต้องเปลี่ยนผลงาน เรียกว่า RBM การทำงานต้องทำแบบ CEOและต้องทำแบบไม่มีใครสั่งคือทำแบบ Proactive หรือ WS • การทำงานแบบ WS ( Work Smart) หมายถึง การทำงานเน้นทีม(TW) มีกระบวนการแบบใหม่ (P) โดยยึดลูกค้าเป็นที่ตั้ง(CF) และมีการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง(CQI) • Systematic Thinking (BSC/KPI/MT) หมายถึง การคิดที่เป็นระบบของกระบวนการทำงานโดยการวางแผน เพื่อนำ แผนกลยุทธ์ มาแปลงสู่ BSC โดยการทำงานมุ่งสู่ KPI และมี การทำ MT (Measurement Template) เพื่อเป็นการแสดง รายละเอียดของตัวชี้วัดแต่ละตัวให้ ชัดเจนอีกทั้งเพื่อเป็นการ ยืนยันให้แน่ใจร่วมกันว่าความเข้าใจในความหมายของตัวชี้วัดแต่ละตัวเหมือนกันหรือไม่ • Blue Print for Change: ทุกสิ้นปีงบประมาณหน่วยงานจะต้อง จัดทำแผนการปฏิบัติงานประจำปีโดยมีกลยุทธ์ แผนงาน โครงการ KPI เปรียบเสมือนเป็นพิมพ์เขียวของการเปลี่ยนแปลง 1. สำนักงานสรรพากรยุคใหม่ 2. แนวคิดเกี่ยวกับ Work Smart 3. การทำงานแบบ WS (TW/P/CF/CQI) 4. SYSTEMATIC THINKING (BSC/KPI/MT) 5. BLUE PRINT FOR CHANGE

  3. แนวคิดของ CHANGE EF GETTING TO FROM THERE HEAR IF การทำงานยุคใหม่คือ ต้องเปลี่ยนแปลง (Change) ปัจจัยที่ทำให้การ Change มี 2 ปัจจัยคือ 1)EF (External Factors)คือปัจจัยภายนอกจากการ เปลี่ยนแปลง ของเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง 2) IF (Internal Factors)คือปัจจัยภายในขององค์กร เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 ประการนี้คือ EF และ IF เป็นเหตุ ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่ RBM ดังนั้นผู้นำต้องทำการเปลี่ยนให้เกิด S1+S2 ซึ่ง S1คือ Success และ S2คือ Satisfaction หรือการเปลี่ยนที่ทำให้ “งานได้ผล คนพอใจ” ผู้นำจึงต้องเป็นผู้นำแบบ Dream Leader หรือ ผู้นำแบบ 360 ๐ ทุกคนรอบด้านหมายถึง ผู้บังคับบัญชา ลูกน้อง ลูกค้าและเพื่อนพอใจโดยใช้เทคนิค PM (Participative Management)

  4. การเปลี่ยนแปลง การทำงานยุคใหม่ หมายถึง การทำงานแบบ RBM ,proactiveและ CEO RBM= Result Base Management หมายถึง การบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ RBM ต่างกับ PRM ซึ่งเมื่อก่อนการทำงานจะดูที่การกระทำ (Process) แต่ปัจจุบันดูที่ผลของงาน (Result) RBM

  5. การเปลี่ยนแปลง การทำงานในปัจจุบันนี้ต้องเปลี่ยนจาก REACTIVE มาเป็นแบบ PROACTIVE PROACTIVE หมายถึง การทำโดยไม่มีใครสั่ง ตามความหมายตามหนังสืออุปนิสัย 7 ประการ (Seven Habits) หรือภาษาทางธุรกิจ เรียกว่า “Work Smart” REACTIVE PROACTIVE

  6. การเปลี่ยนแปลง CEO= Chef Exclusive Officer CCO= Chef Change Officers OS= Operation System ลักษณะการทำงานแบบ CEO มี 4 ประการ 1. กระจายอำนาจไปสู่ CCO และ OS 2. รู้จักวินิจฉัยข้อมูล ดูจุดเด่น จุดด้อย 3. กำหนดแนวทางการแก้ไข 4. ดำเนินการอย่างครบวงจรภายในหน่วยงานดังนั้นทุกคนต้องทำให้ ถูกต้องบทบาท และหน้าที่ CEO หน้าที่บอก What , Policy CCO หน้าที่บอก How OS หน้าที่บอกDo CCO ควบคุมให้ OS ทำเพื่อให้เกิด Result ในการทำงานเป็นระบบ จะประกอบด้วย 3 ส่วนคือ Input Process Output Feedback หลักการคิด คิดจาก Output การปฏิบัติ เริ่มจาก Input CEO/ CCO การกระจายอำนาจ เพื่อการ วินิจฉัยข้อมูล แล้วนำมา กำหนดแนวทางดำเนินการ อย่างครบวงจรภายใน หน่วยงาน

  7. สำนักงานสรรพากรยุคใหม่สำนักงานสรรพากรยุคใหม่ สำนักงานสรรพากรยุคใหม่ การทำงานโดยเปลี่ยนความคิดใหม่ไปสู่ • ทำงานแบบมอง Result ทำให้ได้ S1+ S 2 “งานได้ผลคนพอใจ” • ทำงานแบบ CEO • ทำงานแบบ Proactive หรือ Work Smart โดยใช้แนวคิด 3 C’s คือ C1 = CHANGE องค์กรจะต้องสร้างและพัฒนาสมาชิกให้ทุกคนพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น C2=COMPETITION องค์กรและพนักงาน ต้องมีแนวคิดการแข่งขันตลอดเวลา C3 =CUSTOMER องค์กรที่ประสบความสำเร็จ ต้องถือลูกค้าเป็นหลักในการดำเนินการ I’s--------->3C’s I C I C I C

  8. แนวคิดเกี่ยวกับ WS 4 3 2 1 แนวคิด WSคือการสอนให้ลูกน้องทำได้โดยใช้ MIF พัฒนาลูกน้อง 4 ขั้นตอนคือ 1. จากไม่รู้จัก BSCต้องทำให้รู้จัก 2. ทำไม่ได้ ฝึกลงมือทำให้ทำได้ 3. ทำไม่สม่ำเสมอ ต้องทำให้สม่ำเสมอ 4. ทำโดยไม่ต้องสั่ง (Self Control) ซึ่งต้องเป็นคนทำงานแบบ Proactive หรือWorkSmart

  9. การทำงานแบบ WS • WS = Work Smart • TW = Team Work • P = Process • CF = Customer Focus • CQI = Continuous Quality Improvement การทำงานแบบ Work Smart คือ ต้องทำงานเป็นทีม โดยทีมต้องหาวิธีการใหม่ ๆ และยึดการตอบสนองลูกค้าให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง WS(TWxPxCF)CQI

  10. TW Team Work การทำงานเป็นทีมหรือไม่ ให้ดูจากองค์ประกอบ ซึ่งจะต้องประกอบด้วย M และ P M = Member ต้องมีสมาชิกและประกอบด้วย 2 ส่วนคือหัวหน้าทีม (Leader) และ เพื่อนร่วมงาน (Subordinate) P = Participative คือการมีส่วนร่วมของสมาชิก ซึ่งประกอบด้วย 3 H ’S คือ 1. H= Head คือ ร่วมกันคิด 2. H= Hand คือ ทำตามที่ได้คิด 3. H= Heart คือ ให้กำลังใจเมื่อทำถูก TW = M + P M = L + S P = 3 H’s 1.H 2.H 3.H

  11. TW คือ เมื่อร่วมคิด ร่วมมือ ร่วมใจ แล้วตัดสินเป็นเอกลักษณ์เป็นความคิดเห็นแบบหนึ่งเดียวที่ทุกคนพอใจ TW ACCOUNT ABILITY

  12. หลักการของ Innovationคือ กระบวนการทำงานแบบใหม่ โดยใช้หลักการของ Innovation คือ “การคิด” โดยนักวิชาการชื่อ B.F Skinner บอกว่า การทำงานต้องมีการคิด และต้องคิดนอกกรอบการคิดนอกกรอบ คิดอย่างไร Skinner บอกว่า คนเราจะทำงาน ต้องมีองค์ประกอบ3 ตัวคือ A = Altitude คือ การคิด B= Behavior คือ ลงมือทำ C= Consequence คือ ผลที่เกิดจากการกระทำ ดังคำกล่าวที่ว่า “ คนเราสามารถเปลี่ยน วิถีชีวิตได้โดยการเปลี่ยนแปลงความคิด” หลักการของ INNOVATION A Man can alter his life by altering his Thinking. B C

  13. P Process ทำ-เก่า ทำ-ใหม่ I Input คิด- เก่า คิด - ใหม่ • จากหลักการของ Innovation บอกว่าต้องคิดนอกกรอบคือการทำงานต้องเปลี่ยนความคิด ถ้าทำงานแล้วยังคิดแบบเก่า ทำแบบเก่าผลที่ได้ก็เป็นแบบเก่า ดังนั้น จึงต้องใช้หลัก OD (OrganizationDevelopment) ถ้าต้องการพัฒนาองค์กร ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเป็น คิดแบบใหม่ ทำแบบใหม่ ผลที่ได้รับก็จะเป็นแบบใหม่ องค์กรจึงจะพัฒนา INNOVATION O Output ผล-เก่า ผล-ใหม่

  14. CQI CQI = Continuous Quality Improvement การทำงานแบบ Work Smart จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยใช้ ตารางด้านซ้ายในการประเมินเพื่อพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ แหล่งข้อมูล วิธีรวบรวม ข้อมูล วิธีวิเคราะห์ ข้อมูล เกณฑ์ในการ ประเมิน

  15. แฟ้มคุณภาพงาน เมื่อทำการพัฒนาคุณภาพแล้ว ให้จัดทำแฟ้มคุณภาพงาน

  16. Yes, I can do it ในการปฏิบัติเมื่อหัวหน้าให้ลูกน้องเปลี่ยนความคิดโดยใช้ความคิดใหม่ ๆ จะประสบปัญหา 2 อย่างคือ 1.พวกที่คิดว่าทำไม่ได้ (Imposible) ถ้าพบปัญหานี้ หัวหน้าต้องบอกให้ฝึกคิดใหม่โดยให้คิดนอกกรอบ อย่าคิดแบบเดิม 2. พวกเราทำได้ (Confidence) “ yes, I can do it” ใช่เราทำได้ ดังนั้น เมื่อจะทำสิ่งใดคิดไว้เสมอว่า “เราทำได้” แล้วค่อยหาวิธีการใหม่ ๆ เราทำได้ ไม่มีทาง

  17. CF CF = Customer Focus ในการทำงานแบบ Work Smart ต้องคิดหา วิธีการแบบใหม่ เพื่อ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

  18. CF การทำงานเมื่อยึดลูกค้า เป็นศูนย์กลางโดยคำนึงถึง ความต้องการของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ลูกค้าต้องการอะไร เราจะบริการอย่างไร

  19. PERSPECTIVE F NF F C I L แนวคิดเกี่ยวกับBSC ในการบริหารจัดการและการวัดผลงาน Kaplan&Norton ใช้เครื่องมือทางการบริหารที่เรียกว่า Balance Scorecard ซึ่งการวัดผลงานให้ใช้มุมมอง (Perspective) ทั้งด้านการเงิน (Finance) และที่มิใช่ การเงิน (Non-Finance) ประกอบด้วย 4 มุมมอง 1. มุมมองด้านการเงิน (Finance Perspective) 2. มุมมองด้านลูกค้า (Customer Perspective) 3. มุมมองด้านกระบวนการภายใน (InternalProcess Prospective) 4. มุมมองด้านการเรียนรู้ (Learning and Growth Perspective) โดยใช้ KPIs เป็นตัวชี้วัดผลงาน BSC/KPIs

  20. VISION STRATEGY BSC แนวคิดเกี่ยวกับBSC • การวางระบบ Balance Scorecard ให้เริ่มต้นจากทิศทางขององค์กรตามที่ Kaplan & Norton เสนอไว้คือ จากวิสัยทัศน์ (Vision) ไปสู่กลยุทธ์ (Strategy) ไปสู่ BSC (ถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ) ซึ่งประกอบด้วย 4มุมมอง คือ F, C, I, L ดังที่กล่าวมาแล้ว

  21. F C I L KEY STRATEGY MAP • แผนที่กลยุทธ์หลัก (Key Strategy Map) ประกอบด้วย 4 ด้าน 1. Finance 2. Customer 3. Internal Process 4. Learning and Growth

  22. PI KPI STRATEGIC KPIs MAP • Strategic KPIs Map หมายถึง กลยุทธ์ในการหาค่า KPI วิธีการ โดยการหาค่าความสำเร็จเป็น KPI หลายตัว เลือกมา 1 ตัว เป็น PI (Performance Indicator) และทำการ คัดเลือกจากค่า PI ที่เหมาะสมที่สุด เป็นค่า KPI โดยการทำการวัดด้วย ตาราง MT KPI ดูได้จาก Input, Process, Output

  23. SYSTEMATIC THINKING • Systematic Thinking คือ รูปแบบของการคิด KPI = Key Performance Indicator MT = Measurement Template B = Base line T = Target O/S = Owner Supposer SI = Strategic Initiatives การทำ MT เพื่อดู KPI ว่าดีหรือไม่ (ถ้ามี KPI จำนวน 22 ตัว ก็ต้องทำ MT จำนวน 22 แผ่น) ซึ่งการทำ MT จะประกอบด้วยข้อมูล 15 หัวข้อดังนี้

  24. Measurement Template

  25. BLUEPRINT FOR CHANGE พิมพ์เขียวของการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องจัดทำขึ้นทุกปีงบประมาณ

More Related