750 likes | 887 Views
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน. Galatians กาลา เทีย 2 Not by works of righteousness.
E N D
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridgeสวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
Galatians กาลาเทีย2 Not by works of righteousness
Philippians ฟีลิปปี 3:4-114though I myself have reason for confidence in the flesh also. If anyone else thinks he has reason for confidence in the flesh, I have more: 4ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเองมีเหตุที่จะไว้ใจในเนื้อหนัง ถ้าผู้อื่นคิดว่าเขามีเหตุผลที่จะไว้ใจในเนื้อหนัง ข้าพเจ้าก็มีมากกว่าเขาเสียอีก
5circumcised on the eighth day, of the people of Israel, of the tribe of Benjamin, a Hebrew of Hebrews; as to the law, a Pharisee; 5คือเมื่อข้าพเจ้าเกิดมาได้แปดวันก็ได้เข้าสุหนัต ข้าพเจ้าเป็นชนชาติอิสราเอล เผ่าเบนยามิน เป็นชาติฮีบรู เกิดจากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัติก็อยู่ในคณะฟาริสี
6as to zeal, a persecutor of the church; as to righteousness, under the law blameless. 6ในด้านความกระตือรือร้น ก็ได้ข่มเหงคริสตจักร ในด้านความชอบธรรมซึ่งมีอยู่โดยธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่มีที่ติได้
7But whatever gain I had, I counted as loss for the sake of Christ. 7แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์
8Indeed, I count everything as loss because of the surpassing worth of knowing Christ Jesus my Lord. For his sake I have suffered the loss of all things and count them as rubbish, in order that I may gain Christ
8ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์
9and be found in him, not having a righteousness of my own that comes from the law, but that which comes through faith in Christ, the righteousness from God that depends on faith—
9และจะได้ปรากฏอยู่ในพระองค์ ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ
10that I may know him and the power of his resurrection, and may share his sufferings, becoming like him in his death, 10ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์
11that by any means possible I may attain the resurrection from the dead. 11ถ้าเป็นไปได้ข้าพเจ้าก็จะได้เป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
I Timothy 1:13-17 13though formerly I was a blasphemer, persecutor, and insolent opponent. But I received mercy because I had acted ignorantly in unbelief,
1 ทิโมธี1:13-1713ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนั้นข้าพเจ้าเป็นคนหลู่พระเกียรติ ข่มเหง และทำการหมิ่นประมาทพระองค์ แต่ข้าพเจ้าได้รับพระกรุณา เพราะว่าที่ข้าพเจ้าได้กระทำอย่างนั้น ก็ได้กระทำไปด้วยความเชื่ออย่างโฉดเขลา
14and the grace of our Lord overflowed for me with the faith and love that are in Christ Jesus. 14และพระคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น มีมากเหลือล้นสำหรับข้าพเจ้า พร้อมด้วยความเชื่อ และความรักซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์
15The saying is trustworthy and deserving of full acceptance, that Christ Jesus came into the world to save sinners, of whom I am the foremost. 15คำนี้เป็นคำจริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลก เพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก
16But I received mercy for this reason, that in me, as the foremost, Jesus Christ might display his perfect patience as an example to those who were to believe in him for eternal life.
16แต่ว่าเพราะเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงได้รับพระกรุณา คือว่า เพื่อพระเยซูคริสต์จะได้ทรงสำแดงความอดกลั้นพระทัยทุกอย่าง ให้เห็นในตัวข้าพเจ้าซึ่งเป็นตัวเอกนั้น ให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวง ที่จะเชื่อในพระองค์ แล้วรับชีวิตนิรันดร์
17To the King of ages, immortal, invisible, the only God, be honor and glory forever and ever. Amen. 17พระเกียรติและพระสิริจงมีแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญอยู่นิรันดร์ ผู้ทรงเป็นองค์อมตะ ซึ่งมิได้ปรากฏพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน
Galatians กาลาเทีย21Then after fourteen years I went up again to Jerusalem with Barnabas, taking Titus along with me. 1สิบสี่ปีต่อมาข้าพเจ้ากับบารนาบัสได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มอีกและพาทิตัสไปด้วย
2I went up because of a revelation and set before them (though privately before those who seemed influential) the gospel that I proclaim among the Gentiles, in order to make sure I was not running or had not run in vain.
2ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เล่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้ประกาศแก่ชนต่างชาติให้เขาฟัง (แต่ได้เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นส่วนตัว) เกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะวิ่งแข่งกันหรือวิ่งแล้วโดยไร้ประโยชน์
3But even Titus, who was with me, was not forced to be circumcised, though he was a Greek. 3แต่ถึงแม้ทิตัสซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าจะเป็นคนกรีกเขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต
4Yet because of false brothers secretly brought in—who slipped in to spy out our freedom that we have in Christ Jesus, so that they might bring us into slavery— 4ตามคำแนะนำของพี่น้องจอมปลอมที่ได้ลอบเข้ามาเพื่อจะสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีเพราะพระเยซูคริสต์พวกเขาหวังจะเอาเราไปเป็นทาส
5to them we did not yield in submission even for a moment, so that the truth of the gospel might be preserved for you. 5แต่เราไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับเขาแม้สักขณะเดียวเพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป
6And from those who seemed to be influential (what they were makes no difference to me; God shows no partiality)—those, I say, who seemed influential added nothing to me.
6และจากพวกเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญ (เขาจะเคยเป็นอะไรมาก่อนก็ตามก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับข้าพเจ้าเลยพระเจ้ามิได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด) คนเหล่านั้นซึ่งเขาถือว่าเป็นคนสำคัญไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย
7On the contrary, when they saw that I had been entrusted with the gospel to the uncircumcised, just as Peter had been entrusted with the gospel to the circumcised
8(for he who worked through Peter for his apostolic ministry to the circumcised worked also through me for mine to the Gentiles), 8(เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงดลใจเปโตรให้เป็นทูตไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัตก็ได้ทรงดลใจข้าพเจ้าให้ไปหาคนต่างชาติเหมือนกัน)
9and when James and Cephas and John, who seemed to be pillars, perceived the grace that was given to me, they gave the right hand of fellowship to Barnabas and me, that we should go to the Gentiles and they to the circumcised.
10Only, they asked us to remember the poor, the very thing I was eager to do. 10ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงไม่ให้เราลืมนึกถึงคนจนซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากระตือรือร้นที่จะกระทำ
11But when Cephas came to Antioch, I opposed him to his face, because he stood condemned. 11แต่เมื่อเคฟาสมาถึงอันทิโอกแล้วข้าพเจ้าก็ได้คัดค้านท่านซึ่งๆหน้าเพราะว่าท่านทำผิดแน่
12For before certain men came from James, he was eating with the Gentiles; but when they came he drew back and separated himself, fearing the circumcision party. 12ด้วยว่าก่อนที่คนของยากอบมาถึงนั้นท่านได้กินอยู่ด้วยกันกับคนต่างชาติแต่พอคนพวกนั้นมาถึงท่านก็ปลีกตัวออกไปอยู่เสียต่างหากเพราะกลัวพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต
13And the rest of the Jews acted hypocritically along with him, so that even Barnabas was led astray by their hypocrisy. 13และพวกยิวคนอื่นๆก็ได้แสร้งทำตามท่านแม้แต่บารนาบัสก็หลงแสร้งทำตามคนเหล่านั้นไปด้วย
14But when I saw that their conduct was not in step with the truth of the gospel, I said to Cephas before them all, “If you, though a Jew, live like a Gentile and not like a Jew, how can you force the Gentiles to live like Jews?”
14แต่เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาไม่ได้ประพฤติตรงตามความจริงของข่าวประเสริฐนั้นข้าพเจ้าจึงว่าแก่เคฟาสต่อหน้าคนทั้งปวงว่า “ถ้าท่านเองซึ่งเป็นพวกยิวประพฤติตามอย่างคนต่างชาติไม่ใช่ตามอย่างพวกยิวเหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตามอย่างพวกยิวเล่า”
15We ourselves are Jews by birth and not Gentile sinners; 15เราผู้มีสัญชาติเป็นยิวไม่ใช่คนต่างชาติที่มีบาป
16yet we know that a person is not justified by works of the law but through faith in Jesus Christ, so we also have believed in Christ Jesus, in order to be justified by faith in Christ and not by works of the law, because by works of the law no one will be justified.
Titus ทิตัส3:5 5he saved us, not because of works done by us in righteousness, but according to his own mercy, by the washing of regeneration and renewal of the Holy Spirit,
Galatians กาลาเทีย2:17 17But if, in our endeavor to be justified in Christ, we too were found to be sinners, is Christ then a servant of sin? Certainly not! 17แต่ถ้าในการที่เรากำลังขวนขวายจะเป็นคนชอบธรรมโดยพระคริสต์นั้นเราเองกลับเป็นคนบาปไปด้วยพระคริสต์จะทรงเป็นผู้ส่งเสริมบาปหรือไม่ใช่อย่างแน่นอน
18For if I rebuild what I tore down, I prove myself to be a transgressor. 18เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าก่อสิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้รื้อทำลายลงแล้วขึ้นมาอีกข้าพเจ้าก็ส่อตัวเองว่าเป็นคนทำผิด
19For through the law I died to the law, so that I might live to God. 19เหตุว่าโดยธรรมบัญญัตินั้นข้าพเจ้าได้ตายจากธรรมบัญญัติแล้วเพื่อจะได้มีชีวิตอยู่กับพระเจ้า
James ยากอบ 2:9-10 9But if you show partiality, you are committing sin and are convicted by the law as transgressors. 9แต่ถ้าท่านทั้งหลายลำเอียงท่านก็กระทำบาปและว่าตามธรรมบัญญัติท่านก็กระทำผิด
10For whoever keeps the whole law but fails in one point has become accountable for all of it. 10เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมดแต่ผิดอยู่ข้อเดียวผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด
Galatians กาลาเทีย3:10-11 10For all who rely on works of the law are under a curse; for it is written, “Cursed be everyone who does not abide by all things written in the Book of the Law, and do them.”