730 likes | 1.56k Views
บทที่ 5 สารผสมเพิ่ม (Admixtures ). รายชื่อสมาชิกภายในกลุ่ม 1.นาย ธนัช ชุติมาชโลทร 5310110226 2.นาย กิตติภพ บุญญวัฒน์ วณิชย์ 5310110048 3.นาย นพ กาญจน์ ชูอินทร์ 5310110267. สารผสมเพิ่ม ( Admixtures ). คำจำกัดความ
E N D
บทที่ 5 สารผสมเพิ่ม (Admixtures) รายชื่อสมาชิกภายในกลุ่ม 1.นาย ธนัช ชุติมาชโลทร 5310110226 2.นาย กิตติภพ บุญญวัฒน์วณิชย์ 5310110048 3.นาย นพกาญจน์ ชูอินทร์ 5310110267
สารผสมเพิ่ม ( Admixtures ) คำจำกัดความ สารที่ใส่ลงไปในส่วนผสมของคอนกรีต ไม่ว่าจะก่อนหรือในขณะผสม เพื่อช่วยปรับปรุงให้คอนกรีตสดหรือคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว ให้มีคุณสมบัติหรือคุณภาพตามที่วัสดุต้องการ อ้างอิง : http://www.civilclub.net/
คุณสมบัติและคุณภาพต่างๆที่สามารถปรับปรุงได้คุณสมบัติและคุณภาพต่างๆที่สามารถปรับปรุงได้ ลดปริมาณน้ำที่ใช้ผสมคอนกรีตให้น้อยลง เร่งการแข็งตัว คอนกรีตรับแรงได้เร็วกว่าปกติ หน่วงการแข็งตัว ทำให้คอนกรีตแข็งกว่าปกติ คอนกรีตสดมีความเหลว ไหลลื่นดี เทลงแบบหล่อได้ง่าย อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0141
คุณสมบัติและคุณภาพต่างๆที่สามารถปรับปรุงได้คุณสมบัติและคุณภาพต่างๆที่สามารถปรับปรุงได้ เพิ่มปริมาณฟองอากาศในคอนกรีต ลดการเยิ้มหรือคายน้ำของคอนกรีตสด ช่วยขับน้ำ ป้องกันการไหลซึมของน้ำผ่านคอนกรีต ทำให้คอนกรีตมีความคงทนต่อซัลเฟตมากขึ้น อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0141
ประเภทของสารผสมเพิ่ม 1. Air-Entraining Agent(ASTM C 260) สารกักกระจายฟองอากาศ ใช้เพื่อเพิ่มความทนทาน กรณีที่คอนกรีตต้องสัมผัสกับสภาพที่เย็นจัด เช่น ในพื้นห้องเย็นหรือ ในบริเวณที่มีหิมะปกคลุมบางช่วงเวลา 2. Chemical Admixture (ASTM C 494) สารเคมีผสมคอนกรีตเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำที่เติมลงไปในส่วนผสมคอนกรีต เช่น เพื่อลดปริมาณน้ำในผสม
3. Mineral Admixture (ASTM C 618) สารประกอบแร่ธาตุผสมเพิ่ม มีลักษณะเป็นผงละเอียด ใช้ปรับปรุงความสามารถในการใช้งาน เพิ่มความคงทน ทำให้คอนกรีตมีคุณสมบัติในการเกาะตัวดีขึ้น และยังสามารถใช้ทดแทนปริมาณปูนซีเมนต์ได้บางส่วน 4.สารผสมเพิ่มอื่นๆ ได้แก่ สารผสมเพิ่มอื่นๆ ที่ไม่จัดอยู่ใน 3 ประเภทแรก ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานโดยเฉพาะอย่างเท่านั้น อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0141
ตารางการแบ่งประเภท ของสารผสมเพิ่ม
สารกักกระจายฟองอากาศ( Air-Entraining Agent ) สารผสมเพิ่มประเภทนี้ใช่กันมานานแล้วประมาณกว่า 60 ปี โดยใช้กันอย่างแพร่หลายในสหราชอาณาจักร สารผสมเพิ่มชนิดนี้ในคอนกรีต จะทำให้เกิดฟองอากาศ(Entrained air) ขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 0.05 มม. กระจายไปในเนื้อคอนกรีตมีความเหลวและไหลลื่นเพิ่มขึ้นเทลงแบบหล่อได้ง่ายช่วยให้คอนกรีตไม่เป็นโพรง
สารกักกระจายฟองอากาศ( Air-Entraining Agent )(ต่อ) นอกจากนี้คอนกรีตจะมีความทนทานต่อสภาพอากาศเย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง เช่น พื้นห้องเย็น( Cold storage) หรือคอนกรีตในประเทศหนาวโดยฟองอากาศเล็กๆ เหล่านี้ทำให้น้ำในคอนกรีตสามารถขยายตัวได้ไม่เกิดแรงดันจนคอนกรีตแตกร้าวเสียหาย
สารกักกระจายฟองอากาศ( Air-Entraining Agent )(ต่อ) ปริมาณฟองอากาศที่ให้ผลดี คือ 3 - 6% โดยปริมาตร แต่ปริมาณคอนกรีตจะมีผลทำให้กำลังของคอนกรีตลดลง 3 - 4% ต่อฟองอากาศที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% กำลังคอนกรีตที่ลดลง อาจชดเชยด้วยการลด w/c ratio ซึ่งจะทำให้คอนกรีตกำลังตามที่ต้องการ
สารกักกระจายฟองอากาศ( Air-Entraining Agent )(ต่อ) การทำให้เกิดฟองอากาศใช้หลักการลดแรงตึงผิวของน้ำโดยใส่สารที่ลอยตัวอยู่ที่ผิวน้ำ ( Surface Active Agent ) และทำให้เกิดฟอง เวลาผสมคล้ายสบู่ แต่ฟองอากาศที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเล็กกว่ามาก และมีความคงตัวโดยไม่สลายตัวทั้งเวลาผสมคอนกรีตและเมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้ว วัสดุที่ใช้เป็นสารกักกระจายฟองอากาศมีหลายชนิดและอยู่ในรูปของของเหลวหรือผงที่ละลายน้ำ
ประสิทธิภาพของสารกักกระจายฟองอากาศประสิทธิภาพของสารกักกระจายฟองอากาศ สารกระจายกักฟองอากาศทำให้คอนกรีตสดมีความสามารถเทได้ดีขึ้น การเพิ่มฟองอากาศร้อยละ 5 ทำให้ค่าการยุบตัวของคอนกรีตเพิ่มขึ้น 20 ถึง 50 มิลลิเมตร หรือสามารถลดปริมาณน้ำได้ 20 ถึง 30 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยที่ค่าการยุบตัวของคอนกรีตสดเท่าเดิม นอกจากนี้การเยิ้มน้ำและการแยกตัวก็จะลดลงด้วย
อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0141
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทำงานปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทำงาน 1.วัสดุผสมคอนกรีตและสัดส่วนผสม - ส่วนละเอียด เช่น ทรายละเอียด หรือ ปริมาณซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นจะยับยั้งการเกิดฟองอากาศ - ปริมาณฟองอากาศจะเพิ่มขึ้น โดยลดขนาดของหิน - สัดส่วนของทรายมีความสำคัญต่อปริมาณฟองอากาศ การเพิ่มทรายขนาด 300-600 ไมโครเมตร จะก่อให้เกิดปริมาณฟอง อากาศมากขึ้น - น้ำที่เหมาะสำหรับคอนกรีตไม่มีผลต่อปริมาณฟองอากาศที่เกิดขึ้น แต่น้ำกระด้างจะยับยั้งการเกิดฟองอากาศ
2.การผสมและการจี้เขย่า2.การผสมและการจี้เขย่า -การจี้เขย่าคอนกรีตมากเกินไปจะส่งผลให้ปริมาณฟองอากาศลดลง -คอนกรีตที่มีความสามารถเทได้ต่ำมาก จะก่อให้เกิดฟองอากาศได้ยาก 3.สภาพแวดล้อม -ปริมาณฟองอากาศในคอนกรีตจะเป็นปฏิภาคผกผันกับอุณหภูมิ
Chemical Admixture ( ASTM C 494) Chemical Admixture ( ASTM C 494) สารผสมเพิ่มตามมาตรฐาน เป็นสารผสมเพิ่มประเภทสารเคมีเป็นของเหลวละลายน้ำได้จำแนกได้ 7 ชนิด ดังต่อไปนี้ 1. Type A Water Reducing Admixtures 2. Type B Retarding Admixtures 3. Type C Accelerating Admixtures 4. Type D Water-Reducing and Retarding Admixtures 5. Type E Water Reducing and Accelerating Admixtures 6. Type F High Range Water Reducing Admixtures 7. Type G High Range Water Reducing and Retarding Admixtures
Chemical Admixture ( ASTM C 494) 1. Type A Water Reducing Admixtures เป็นสารผสมเพิ่มที่ใช้สำหรับลดปริมาณน้ำในการผสมคอนกรีตโดยที่ความข้นเหลวยังคงเดิมมีผลให้คอนกรีตแข็งแรงเพิ่มขึ้นในทางกลับกันถ้าให้ปริมาณน้ำคงเดิม จะมีผลให้คอนกรีตสดมีความข้นเหลวเพิ่มขึ้น ทำให้การเทคอนกรีตลงแบบได้ดีขึ้น
Type A Water Reducing Admixtures จุดประสงค์ของการใช้สารผสมเพิ่มประเภทนี้มี 3 ประการ คือ 1.เพื่อให้ได้กำลังคอนกรีตเพิ่มขึ้นจากการลด w/c ratio 2.เพิ่มความข้นเหลวแก่คอนกรีตสดทำให้การเทการหล่อคอนกรีตง่ายขี้น 3. ลดปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ เนื่องจากเราสามารถเพิ่มปริมาณ หิน-ทราย ได้ โดยความข้นเหลวยังคงเดิม ผลจากการลดปริมาณปูนซีเมนต์ ทำให้ความร้อนจากปฏิกิริยา Hydrationลดลง
Type A Water Reducing Admixtures สารผสมเพิ่มนี้ทำให้ลดการใช้น้ำลง ประมาณ 5% - 15% กำลังคอนกรีตเพิ่มขึ้น ประมาณ 10% - 20% สารผสมเพิ่มนี้เป็นสารอินทรีย์ส่วนใหญ่ผลิตจากกรดหรือเกลือLignosulphonic (LSN) ซึ่งเป็นผลพลอยได้ของอุตสาหกรรมทำเยื่อไม้ หรือ เป็นเกลือของกรด Hydroxylated carboxylic acid (HCA)
สารลดปริมาณน้ำ (plasticizer) วัตถุดิบ สารลดปริมาณน้ำได้มาจากสารประกอบหลัก 3 ชนิด 1. เกลือและสารประกอบของ Lignosulphonate 2. เกลือและสารประกอบ Hydroxycarboxylic Acid 3. Polymer
สารลดปริมาณน้ำ (plasticizer) สารลดน้ำจำพวกเกลือและกรดHydroxycarboxylic ทำให้คอนกรีตเกิดการเยิ้มน้ำมากขึ้นโดยเฉพาะส่วนผสมที่มีความสามารถทำงานได้สูง สารลดน้ำจำพวกเกลือและกรดLignosulphonicจะใช้งานได้ง่ายกว่าโดยการทำให้คอนกรีตสดมีการเกาะตัวที่ดีและยังมีคุณสมบัติในการเพิ่มฟองอากาศด้วย
ทำไมถึงต้องลดปริมาณน้ำ ? การลดปริมาณน้ำในส่วนผสม เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับงานคอนกรีตโดยจะพบว่าสารเคมี 5 ใน 7 ชนิดข้างต้นล้วนทั้งมีคุณสมบัติ ในการลดปริมาณน้ำ
หน้าที่ของน้ำต่อคอนกรีตหน้าที่ของน้ำต่อคอนกรีต น้ำเป็นส่วนผสมสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตคอนกรีตโดยจะ ทำหน้าที่ 3 อย่าง 1.เข้าทำปฏิกิริยาเคมีกับปูนซีเมนต์ หรือ ปฏิกิริยา Hydration 2. ทำหน้าที่เคลือบหินและทรายให้เปียก เพื่อซีเมนต์จะเข้าเกาะและยึดแข็งติดกัน 3.ทำหน้าที่หล่อลื่นให้หิน ทราย ซีเมนต์ อยู่ในสภาพเหลวสามารถไหลเข้าแบบง่าย
หน้าที่ของน้ำต่อคอนกรีตหน้าที่ของน้ำต่อคอนกรีต น้ำจำนวนพอดีที่จะทำปฎิกิริยาไฮเดรชั่น คือ ประมาณ 28% ± 1% ของน้ำหนักซีเมนต์ หรืออัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ เท่ากับ 0.28 ± 0.01 แต่คอนกรีตทั่วไปใช้ค่าอัตราส่วนน้ำต่อ ซีเมนต์มากกว่า 0.35 น้ำเกินนี้จะเข้าไปทำให้คอนกรีตเหลว ทำงานได้สะดวกขึ้น น้ำส่วนนี้ถูกเรียกว่า น้ำส่วนเกิน
หน้าที่ของน้ำต่อคอนกรีตหน้าที่ของน้ำต่อคอนกรีต น้ำส่วนเกิน ถ้ามีมากเกินไปจะมีผลเสียต่อคอนกรีต คือ 1. เกิดการเยิ้มของน้ำขึ้นมาที่ผิวหน้ามาก 2. เกิดการแยกตัว 3. กำลังอัดต่ำลง 4. เกิดการหดตัว 5. ทำให้เกิดรูพรุน มีผลทำให้คอนกรีตขาดความทนทาน
ในรูปด้านล่าง แสดงลักษณะคอนกรีตที่ใช้น้ำมากเกินไป น้ำส่วนหนึ่งจะอยู่ในลักษณะที่เป็นแอ่งใต้ดินและบางส่วนจะเคลื่อนที่ขึ้นสู่ผิวหน้าคอนกรีต ซึ่งคือการเยิ้ม เมื่อคอนกรีตแข็งตัวแอ่งน้ำดังกล่าวจะกลายเป็นโพรงอากาศทำให้ความทนทานและกำลังอัดคอนกรีตต่ำลง อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0063
อนุภาคของซีเมนต์จะจับตัวอยู่เป็นกลุ่มก่อนการใส่สารผสมเพิ่มประเภทลดน้ำอนุภาคของซีเมนต์จะจับตัวอยู่เป็นกลุ่มก่อนการใส่สารผสมเพิ่มประเภทลดน้ำ อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0063 การกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอของอนุภาคซีเมนต์หลังการใส่สารผสมเพิ่มประเภทลดน้ำ อ้างอิง : http://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0063
วัตถุประสงค์หลักในงานคอนกรีต ใช้ลดน้ำในส่วนผสมคอนกรีต โดยที่ยังได้ค่ายุบตัวที่เท่าเดิม ทำให้คอนกรีตมีกำลังอัดเพิ่มขึ้น ได้รับค่ายุบตัวที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงส่วนผสมและไม่ต้องเพิ่มน้ำอีก
2. Type B Retarding Admixtures ( สารหน่วงการก่อตัว) เป็นสารผสมเพิ่มสำหรับใช้หน่วงปฏิกิริยา Hydration ทำให้คอนกรีตสดก่อตัวและแข็งตัวช้าลง จุดประสงค์ของการให้คอนกรีตสดก่อตัวและแข็งตัวช้าลง เพื่อ 1. สำหรับงานเทคอนกรีตในสภาพอากาศร้อน 2. กรณีที่ต้องส่งคอนกรีตผสมเสร็จไปยังงานก่อสร้างที่อยู่ไกลหรือต้องใช่เวลานานในการขนส่ง 3. กรณีที่เทคอนกรีตปริมาณมากๆซึ่งจะช่วยลดความร้อนจากปฏิกิริยาเพื่อให้ความร้อนมีเวลาระบายออกก่อนคอนกรีตแข็งตัวหรือต้องการให้การเทคอนกรีตต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน 4. สำหรับกรณีลำเลียงคอนกรีตด้วยเครื่องปัมพ์
2. Type B Retarding Admixtures ( สารหน่วงการก่อตัว) สารหน่วงการก่อตัวมีคุณสมบัติยืดเวลาการก่อตัวของปูนซีเมนต์และลดปริมาณความร้อนจากปฏิกิริยา ใช้ลดความร้อนของคอนกรีตที่เทที่อุณหภูมิสูง ใช้ยืดเวลาในการทำงานเมื่อเกิดเหตุเสียเวลาในการลำเลียงและขนส่งในการเทคอนกรีต
คุณสมบัติของสารหน่วงการก่อตัวคุณสมบัติของสารหน่วงการก่อตัว เป็นสารผสมเพิ่มที่มีการใช้งานแพร่หลายที่สุดในประเทศ สารหน่วงการก่อตัวเป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับหน่วงเวลาการแข็งตัวของคอนกรีต ในงานคอนกรีตที่ต้องเทในสภาพอากาศร้อน อุณหภูมิที่สูงจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาไฮเดรชั่นให้เกิดอย่างรวดเร็ว สารหน่วงการก่อตัวจึงถูกนำมาใช้เพื่อหน่วงระยะเวลาการก่อตัวที่เร็วเกินไป สำหรับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น การเทคอนกรีตในสภาพอากาศที่ร้อนจัด ล้วนจำเป็นต้องผสมสารหน่วงการก่อตัวในคอนกรีตเพื่อยืดระยะเวลาการเทและการแต่งผิวหน้าคอนกรีตออกไป
สารหน่วงเวลาการก่อตัวสารหน่วงเวลาการก่อตัว สารหน่วงการก่อตัวจัดอยู่ในประเภท B มาตรฐาน ASTM C494 สารผสมเพิ่มชนิดหน่วงเวลาการก่อตัวแบ่งได้เป็น 4 ประเภทตามส่วนประกอบทางเคมี ดังนี้ 1. น้ำตาลสารและประกอบของน้ำตาล 2.เกลืออนินทรีย์ 3. Hydroxycaboxylic Acid และเกลือของมัน 4. Lignosulphoic Acid และเกลือของมัน
สารหน่วงเวลาการก่อตัวสารหน่วงเวลาการก่อตัว สารผสมเพิ่มชนิดยืดเวลาการก่อตัวนี้จะถูกดูดซึมไว้บนผิวของอนุภาคซีเมนต์ ส่งผลให้อัตราการซึมผ่านของน้ำเข้าไปทำปฏิกิริยา ไฮเดรชั่น กับอนุภาคซีเมนต์ ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทำงาน ชนิดและปริมาณการใช้ปริมาณสารยืดเวลาการก่อตัว ชนิดของซีเมนต์และสารประกอบ เวลาที่เติมสารยืดเวลาการก่อตัว อุณหภูมิ
3. Type C Accelerating Admixtures ( สารเร่งการก่อตัว ) เป็นสารผสมเพิ่มสำหรับเร่งปฏิกิริยา Hydration ทำให้คอนกรีตสดแข็งตัวเร็วขึ้น จุดประสงค์ของการให้คอนกรีตแข็งตัวเร็วขึ้น เพื่อ 1.สำหรับงานเร่งด่วนเพื่อสามารถเปิดใช้งานได้ทันเวลา 2.สำหรับคอนกรีตที่ต้องการถอดแบบเร็ว 3.สำหรับงานหล่อคอนกรีตในประเทศที่มีอุณหภูมิต่ำซึ่งปฏิกิริยา Hydration จะช้ามาก
3. Type C Accelerating Admixtures ( สารเร่งการก่อตัว ) (ต่อ) สารผสมเพิ่มประเภทนี้ ได้แก่ แคลเซียมคลอไรด์ อลูมิเนียมคลอไรด์โปแตสเซียมคาร์บอนเนต โซเดียมฟลูออไรด์ โซเดียมอลูมิเนตและโซเดียมซิลิเกต
3. Type C Accelerating Admixtures ( สารเร่งการก่อตัว ) (ต่อ) สารผสมเพิ่มประเภทคลอไรด์ เป็นสารผสมเพิ่มที่หาง่ายและราคาถูก ทำให้คอนกรีตแข็งตัวเร็ว ความร้อนจากปฏิกิริยาไฮเดรชั่น สูงขึ้น เพิ่มความต้านทานต่อการขัดสี ส่วนของเสีย คือ ลดความต้านทานต่อการกัดกร่อนของสารซัลเฟต ทำให้คอนกรีตมีการหดตัวเพิ่มขึ้นและอาจทำให้เหล็กเสริมเป็นสนิมได้ ดังนั้น ในกรณีของงานคอนกรีตอัดแรงให้ใช้สารผสมเพิ่มประเภทอื่นที่ไม่มีคลอไรด์
3. Type C Accelerating Admixtures ( สารเร่งการก่อตัว ) (ต่อ) สารเร่งเวลาการก่อตัวและแข็งตัว เป็นสารที่เร่งปฏิกิริยา ไฮเดรชั่น ส่งผลเร่งการก่อตัว และการพัฒนากำลังอัดของคอนกรีตในช่วงต้น โดยทั่วไปจะใช้สำหรับงานดังต่อไปนี้ งานก่อสร้างเร่งด่วน เช่น งานที่ต้องการถอดไม้แบบเร็ว งานซ่อมแซมต่างๆ ใงานหล่อชิ้นส่วนคอนกรีตในโรงงาน เพื่อจะให้การหมุนเวียน แบบหล่อทำได้อย่างรวดเร็ว ..งานคอนกรีตในฤดูหนาว สำหรับในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นจัด
สารเร่งการก่อตัว (Accelerators) สารผสมเพิ่มชนิดนี้จะแตกต่างจากสารที่ทำให้เกิดการก่อตัวอย่างกะทันหัน ( Set Accelerating Admixture )ซึ่งจะก่อตัวภายใน 2 – 3 นาที และเหมาะในงาน Shotcreteสำหรับอุดรูรั่วภายใต้ความดันของน้ำ หรือการซ่อมแซมอย่างกะทันหัน
สารเร่งการก่อตัว (Accelerators) สารเร่งเวลาการก่อตัวส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสารเคมีดังนี้ Calcium Chloride Calcium Formate Calcium Nitrate แคลเซียมคลอไรด์เป็นสารเคมีที่ถูกนำมาใช้เร่งการก่อตัวของคอนกรีตอย่างกว้างขวางด้วยเหตุผลที่สำคัญ 2ประการ คือ ราคาไม่แพง และ หาได้ง่าย แต่ปัจจุบันได้พบว่าแคลเซียมคลอไรด์จะก่อให้เกิดกัดกร่อนเหล็กเสริมคอนกรีต
สารเร่งการก่อตัว (Accelerators) สารเร่งเวลาการก่อตัวของคอนกรีตทำหน้าที่เสมือนตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี ( Catalyst ) ระหว่างซีเมนต์กับน้ำ ผลก็คือ จะเร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาไฮเดรชั่นก่อให้เกิดความร้อนขึ้นและกำลังอัดจะเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
4.Type D Water-Reducing and Retarding Admixtures สารผสมเพิ่มประเภทนี้ มีคุณสมบัติลดน้ำที่ใช้ในการผสมคอนกรีต และขณะเดียวกันจะหน่วงปฏิกิริยา Hydration ด้วย สารผสมเพิ่มเหล่านี้ได้แก่ เกลือของกรด LSN หรือเกลือของกรด HCA ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดน้ำและหน่วงปฏิกิริยาด้วย สารผสมเพิ่มประเภทนี้มีคุณสมบัติในการลดน้ำที่ใช้ในการผสมคอนกรีต และขณะเดียวกันจะเร่งปฏิกิริยา Hydration ด้วย • 5.Type E Water Reducing and Accelerating Admixtures
6.Type F High Range Water Reducing Admixtures เป็นสารผสมเพิ่มชนิดลดน้ำปริมาณมาก โดยสามารถลดปริมาณน้ำในการผสมคอนกรีตลงได้ ~15% - 30% ทำให้คอนกรีตมีกำลังเพิ่มขึ้น ~20% - 40% แต่ระยะเวลาการก่อตัวและแข็งตัวเร็วมาก (30 - 60 นาที) ดังนั้นจะต้องวางแผนงานในการเทและแต่งผิวให้ทันเวลา เป็นสารผสมเพิ่มเช่นเดียวกับ Type F แต่มีคุณสมบัติในการหน่วงปฏิกิริยา Hydration ด้วย เป็นสารเคมีประเภท naphthalene sulphonate 7.Type G High Range Water Reducing and Retarding Admixtures
สารประกอบแร่ธาตุผสมเพิ่ม (Mineral Admixture) ASTM C 618 สารผสมเพิ่มชนิดนี้มักจะเป็นผงละเอียด ซึ่งใส่รวมในคอนกรีต เพื่อปรับปรุงความสามารถในการใช้งานคอนกรีต เหลวและเพิ่มความทนทานของคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว มีดังนี้ 1.วัสดุที่มีความไวต่อปฏิกิริยาต่ำหรือวัสดุเฉื่อย สารผสมเพิ่มชนิดนี้ใช้เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการเทได้ของคอนกรีตเหลว โดยเฉพาะในคอนกรีตที่ขาดอนุภาคขนาดเล็ก เช่น คอนกรีตที่ทำจากทรายหยาบ หรือที่มีปริมาณซีเมนต์อยู่น้อย
2.วัสดุชนิดPozzolana Pozzolana คือ วัสดุประเภทซิลิก้า ซึ่งสามารถทำปฎิกิริยากับแคลเซียมไฮดรอกไซด์ และเกิดตัวเชื่อมประสานหรือ Calcium Silicate-Hydrate เพิ่มขึ้น การใช้สาร Pozzolanaมักจะมีผลทำให้กำลังอัดของคอนกรีตต่ำในระยะแรก แต่กำลังจะสูงขึ้นเมื่อคอนกรีตมีอายุมากขึ้นและจะสูงกว่าคอนกรีตธรรมดาที่อายุมากกว่า 28 วัน อ้างอิง : http://www.thaicivil.tht.in/pagetemplateHTM24.html
สารผสมเพิ่มอื่นๆ สารป้องกันซึม (Waterproofing) สารช่วยปั้มง่ายขึ้น (Pumping Aids) สารอุดประสานสารลดปฏิกิริยาเคมีของปูนกับหิน (Grouting Material) สารเพิ่มการขยายตัว (Alkali Aggregate Reducing) สารลดการกัดกร่อนเหล็กเสริม (Corrosion Inhibitor) สารป้องกันการเกิดเชื้อรา สารทำให้เกิดฟองอากาศ (Gas Formers) สารเชื่อมประสาน(Bonding Agents)
สารผสมเพิ่มอื่นๆ สารผสมเพิ่มประเภทนี้ ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในงานจำเพาะเจาะจงบางอย่าง เช่น - สารป้องกันซึม (Waterproofing) ใช้ป้องกันการซึมของน้ำผ่านคอนกรีตที่มีรูพรุนมากส่วนใหญ่ทำมาจากวัสดุประเภทสบู่หรือน้ำมัน - สารกันชื้น เป็นพวกกรดไขมันหรือผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม อาจจะทำให้น้ำไม่จับที่ผิวคอนกรีต แต่จะไม่สามารถทนน้ำที่มีแรงดันมากได้
สารผสมเพิ่มอื่นๆ (ต่อ) - สารเพิ่มการขยายตัว (Alkali Aggregate Reducing) มีสารเคมีหลัก คือ Calcium Sulpho-Aluminate จะทำให้ซีเมนต์ธรรมดาเป็นแบบขยายตัว เพื่อใช้ทดแทนการหดตัวของคอนกรีตในการก่อสร้างทั่วๆไป - สารลดการกัดกร่อนเหล็กเสริม (Corrosion Inhibitor) เป็นเกลือของสารเคมีที่มีประจุที่เกิดออกไซด์ได้ - สารเชื่อมประสาน (Bonding Agents) ส่วนใหญ่ทำมาจาก Polymer Latex ใช้เพิ่มเสริมาการยึดเกาะตัวระหว่างคอนกรีตเก่าและคอนกรีตใหม่หรือระหว่างคอนกรีตกับเหล็กเสริม
สารผสมเพิ่มอื่นๆ (ต่อ) - สารอุดประสานหรือสารกรอกฉีด (Grouting Material) ใช้ผสมกับปูนซีเมนต์ เพื่อการฉีดเข้าไปในซอกหรือบริเวณแคบๆ โดยป้องกันการแยกตัว การเยิ้ม รวมทั้งเพิ่มการยึดเกาะ เพื่อให้ปั๊มได้สะดวกเหมาะที่จะนำไปใช้กับงาน Stabilize ฐานราก อุดรอยร้าว อุดช่องว่างในงานคอนกรีตอัดแรงระบบ Bonding เป็นต้น - สารช่วยให้ปั๊มง่าย (Pumping Aids) ช่วยให้คอนกรีตยึดเกาะตัวกัน เคลื่อนผ่านท่อปั๊มไปได้ถึง แม้ว่าคอนกรีตนั้นจะมีปริมาณซีเมนต์ต่ำ
ข้อควรระวังในการใช้งานข้อควรระวังในการใช้งาน 1. สารผสมเพิ่มที่จะนำมาใช้ควรคุณสมบัติตรงตามมาตรฐาน เช่น ของประเทศไทยควรเป็นไปตาม มอก. 733-2530 มีดังนี้ ผลของสารผสมเพิ่มต่อคอนกรีต อิทธิพลอื่นๆที่สารผสมเพิ่มมีต่อคอนกรีตไม่ว่าจะเป็นทาง ที่เป็นประโยชน์หรือเป็นผลเสีย คุณสมบัติทางกายภาพของสารผสมเพิ่ม วิธีการเก็บและอายุการใช้งาน ผลเสียต่อผู้ใช้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว PH
ข้อควรระวังในการใช้งานข้อควรระวังในการใช้งาน 2. ควรใช้สารผสมเพิ่มในปริมาณที่ผู้ผลิตแนะนำพร้อมกับตรวจดูผลว่าเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ 3. ควรใช้วิธีการวัดปริมาณสารผสมเพิ่มที่แน่นอน ซึ่งสำคัญมากในกรณีของสารกักกระจายฟองอากาศและสารผสมเพิ่มเคมี 4. ผลของสารผสมเพิ่มต่อคุณสมบัติอื่นๆ ของคอนกรีตสารผสมเพิ่มทั่วๆ ไป มักมีผลต่อคุณสมบัติของคอนกรีตหลายอย่างพร้อมๆกัน