1 / 86

ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System)

ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System). อ. วัชรวิทย์ มีหนองใหญ่. วัตถุประสงค์. เพื่อให้นิสิตสามารถทราบเกี่ยวกับอวัยวะต่างๆที่ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน เพื่อให้นิสิตสามารถจำแนกประเภทของฮอร์โมนได้ เพื่อให้นิสิตสามารถอธิบายกลไกการทำงานของฮอร์โมนได้ เพื่อให้นิสิตสามารถอธิบายหน้าที่ของฮอร์โมนสัตว์ได้.

karif
Download Presentation

ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ระบบต่อมไร้ท่อ(Endocrine System) อ. วัชรวิทย์ มีหนองใหญ่

  2. วัตถุประสงค์ • เพื่อให้นิสิตสามารถทราบเกี่ยวกับอวัยวะต่างๆที่ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน • เพื่อให้นิสิตสามารถจำแนกประเภทของฮอร์โมนได้ • เพื่อให้นิสิตสามารถอธิบายกลไกการทำงานของฮอร์โมนได้ • เพื่อให้นิสิตสามารถอธิบายหน้าที่ของฮอร์โมนสัตว์ได้

  3. ต่อมไร้ท่อ (endocrine gland) • หมายถึง ต่อมที่ทำหน้าที่สร้างสารเคมีที่เรียกว่าฮอร์โมนแล้วถูกลำเลียงไปออกฤทธิ์อย่างจำเพาะที่อวัยวะเป้าหมาย (target organ) โดยอาศัยระบบหมุนเวียนโลหิต • อวัยวะในร่างกายที่มีหน้าที่สร้างฮอร์โมน เช่น ต่อม thyroid, parathyroid, adrenal,pituitary เป็นต้น

  4. hormone

  5. ชนิดของต่อมไร้ท่อ • ต่อมไร้ท่อชนิดที่แยกอยู่เดี่ยวผลิตฮอร์โมนเป็นหน้าที่หลัก ได้แก่ • ต่อมใต้สมอง (Hypophysis, Pituitary gland), • ต่อมไธรอยด์ (Thyroid gland), • ต่อมพาราไธรอยด์ (Parathyroid gland), • ต่อมหมวกไต (Adrenal gland), • ต่อมไพเนียล (Pineal gland, Epiphysis) • ต่อมไร้ท่อชนิดที่อยู่ร่วมกับต่อมมีท่อ • ตับอ่อนส่วน Islets of Langerhans, • รังไข่ (Ovary) และอัณฑะ (Testes), • กลุ่มเซลล์ในรก (Placenta), • กลุ่มเซลล์ในไต (Kidney)

  6. โมเลกุลสัญญาณ • Hormonesเป็นสารเคมีที่หลั่งจากต่อมไร้ท่อ เมื่อหลั่งออกมาแล้วถูกนำไปยังเป้าหมายที่ห่างไกล โดยไหลไปตามกระแสไหลเวียนเลือด • Neurotransmittersเป็นสารสื่อประสาทที่หลั่งจากปลายของเซลล์ประสาท • Local signalling molecules เป็นสารที่หลั่งจากเซลล์ของเนื้อเยื่อชนิดต่างๆทำให้สภาพทางเคมีของบริเวณใกล้เคียงเปลี่ยนไป • Pheromonesหลั่งจากต่อมมีท่อ (exocrine glands) บางชนิด และมีเป้าหมายอยู่นอกร่างกาย และสารนี้มีผลทางด้านพฤติกรรมสังคมระหว่างสัตว์ชนิดเดียวกัน

  7. ฮอร์โมน (hormone) • หมายถึง สารเคมีที่สร้างจากเซลล์จำเพาะของต่อมไร้ท่อ อาจมีคุณสมบัติเป็นกรดอะมิโน เพปไทด์ ไกลโคโปรตีน หรือ สเตียรอยด์ • เมื่อสร้างขึ้นแล้วจะถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปทั่วร่างกายโดยจะมีผลต่ออวัยวะเป้าหมายอย่างจำเพาะเจาะจง

  8. บทบาทหน้าที่ของฮอร์โมนบทบาทหน้าที่ของฮอร์โมน • ควบคุมขบวนการเมตาบอลิซึมต่างๆภายในร่างกาย เช่น ไธรอกซิน • ควบคุมภาวะสมดุลต่างๆในร่างกาย เช่น ความดันโลหิต, ปริมาณน้ำ ได้แก่ ฮอร์โมน ADH • ควบคุมการเจริญเติบโต เช่น การทำงานของ growth hormone • ควบคุมเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ การคลอดบุตร และการหลั่งน้ำนม เช่น Estrogen, Oxytocin • ควบคุมเกี่ยวกับการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เช่น Melatonin

  9. ลักษณะทั่วไปของฮอร์โมนลักษณะทั่วไปของฮอร์โมน • สร้างหรือสังเคราะห์จากกลุ่มเซลล์พิเศษที่ไม่มีท่อ • สารนี้อาจถูกหลั่งออกสู่กระแสเลือดทันที หรือถูกเก็บไว้ถึงระดับหนึ่ง รอการกระตุ้น • มีคุณสมบัติทางเคมีเป็น สเตียรอยด์ โปรตีน ไกลโคโปรตีน อนุพันธ์ของกรดอะมิโน หรือ อนุพันธ์ของกรดไขมัน • ใช้ปริมาณเล็กน้อยในการออกฤทธิ์ทำงานตามที่ร่างกายต้องการ

  10. ลักษณะทั่วไปของฮอร์โมน (ต่อ) • เซลล์หรืออวัยวะเป้าหมายอยู่ห่างไกลจากแหล่งสร้าง • การออกฤทธิ์มีความจำเพาะกับเซลล์เป้าหมาย • โปรตีนฮอร์โมนไม่กระตุ้นให้เกิดกระบวนการใหม่แต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเดิมที่มีอยู่แล้ว • การทำงานของฮอร์โมนหลายชนิดอาจให้ผลเสริมฤทธิ์กัน (synergistic effect) หรือยับยั้งกัน (antagonism effect)

  11. ประเภทของฮอรโมน • ฮอรโมนสามารถแบงออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆคือ • ฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid hormone) • ฮอร์โมนกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroid hormone)

  12. ฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid hormone) • สร้างจากต่อมไร้ท่อที่มีต้นกำเนิดมาจากเนื้อเยื่อชั้น mesoderm • มีโครงสร้างของ Cyclopentanohydrophenantrene ring เป็นองค์ประกอบหลัก • มีคลอเลสเตอรอลเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ • ได้แก่ estrogen, progesterone, testosterone, aldosterone, cortisol

  13. ฮอร์โมนกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroid hormone) เป็นฮอร์โมนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน สามารถละลายน้ำได้ แบ่งได้อีก 4 กลุ่มคือ • โปรตีนฮอรโมน หรือ เพปไทด์ฮอรโมน (protein hormone หรือ peptides hormone) • มีคุณสมบัติละลายน้ำไดดีและมีขนาดโมเลกุลใหญ่ • ไม่สามารถผ่านเข้าเซลล์ได้ แต่ออกฤทธิ์โดยจับกับตัวรับ (receptor) ที่เยื่อหุ้มเซลล์ และส่งสัญญาณผ่านผู้สื่อข่าวที่ 2 (cAMP) • และมีผลต่อกระบวนการ phospholylation ที่เซลล์เป้าหมาย (target cell) เชน ฮอรโมนที่ผลิตจากตอมใตสมอง (pituitary gland) และสมองสวนไฮโปธาลามัส (hypothalamus)

  14. ไกลโคโปรตีนฮอรโมน (glycoprotein hormone) • เป็นฮอร์โมนที่มีทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรทเป็นส่วนประกอบภายในโมเลกุล เช่น FSH, LH, TSH • อนุพันธของกรดอะมิโน (amino acid derivative) • ฮอร์โมนกลุ่มนี้มีคุณสมบัติทั้งของสเตียรอยด์และเพปไทด์ เชน อิพิเนฟริน (epinephrine), นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine) • อนุพันธ์ของกรดไขมัน (fatty acid derivative) ได้แก่ prostaglandin

  15. การสังเคราะห์สเตียรอยด์ฮอร์โมนการสังเคราะห์สเตียรอยด์ฮอร์โมน • การสังเคราะห์สเตียรอยด์ฮอร์โมนเกิดขึ้นภายในเซลล์ที่บริเวณของ เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมชนิดเรียบ (smooth endoplasmic reticulum) • โดยที่คลอเลสเตอรอลจะถูกเปลี่ยนให้เป็นโปรเจสเตอโรนก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นสเตียรอยด์ฮอร์โมนชนิดอื่นๆต่อไป • สเตียรอยด์ฮอร์โมนเมื่อสร้างแล้วจะถูกคัดหลั่งออกจากเซลล์ทันที โดยไม่มีการเก็บสะสมไว้ภายในเซลล์

  16. การสังเคราะห์สเตียรอยด์ฮอร์โมนการสังเคราะห์สเตียรอยด์ฮอร์โมน

  17. การสังเคราะห์โปรตีนฮอร์โมนการสังเคราะห์โปรตีนฮอร์โมน • โปรตีนฮอร์โมนและไกลโคโปรตีนฮอร์โมนมีการสังเคราะห์ที่บริเวณของเอนโดพลาสมิกเรติคูลัมชนิดหยาบ (RER) • ไกลโคโปรตีนฮอร์โมนจะมีการเติมส่วนของคาร์โบไฮเดรทภายหลังจากการสังเคราะห์ส่วนของโปรตีนเสร็จแล้ว • ฮอร์โมนที่สร้างจะถูกส่งไปเก็บสะสมในรูปของถุงซึ่งหลุดจากส่วนปลายของกอลไจแอปพาราตัส (golgi apparatus) เรียกว่า secretory granules • ฮอร์โมนเมื่อแรกสร้างจะอยู่ในรูป prohormone หรือ prehormone ซึ่งยังไม่สามารถออกฤทธิ์ทำงานได้

  18. การคัดหลั่งและการขนส่งฮอร์โมนการคัดหลั่งและการขนส่งฮอร์โมน • การหลั่งฮอร์โมนโดยเฉพาะโปรตีนฮอร์โมนและ catecholamine ออกจากเซลล์อาศัยกระบวนการที่เรียกว่า exocytosis ในรูป secretory granules • สเตียรอยด์ฮอร์โมน มีขนาดโมเลกุลเล็กและละลายได้ในไขมัน จึงผ่านออกจากเยื่อเซลล์ได้โดยตรง ไม่ต้องเก็บไว้ในรูป secretory granules • สเตียรอยด์ฮอร์โมนเมื่อหลั่งออกมาจากเซลล์ที่สร้างและเข้าสู่กระแสเลือดจะจับกับโปรตีนในเลือด สำหรับโปรตีนฮอร์โมนและ catecholamine หลั่งเข้าสู่กระแสเลือดในรูปอิสระ

  19. การควบคุมการทํางานของฮอรโมนการควบคุมการทํางานของฮอรโมน • ควบคุมโดยระบบประสาท (Neural) • ไดแก ตอมใตสมองสวนหลัง และอะดรีนัลเมดัลลา • การควบคุมโดยฮอรโมน (Hormonal) • เชน ต่อมใตสมองสวนหนาสรางฮอรโมนมาควบคุมตอมไทรอยดสรางฮอรโมนเพิ่มขึ้น • การควบคุมโดยผลของฮอรโมน (Humoral) • เช่น ระดับแคลเซียมในพลาสมาต่ำ จะมีผลกระตุนใหตอม พาราไทรอยดหลั่งฮอรโมนออกมามาก

  20. การควบคุมการทํางานของฮอรโมนการควบคุมการทํางานของฮอรโมน

  21. การควบคุมแบบย้อนกลับ (feedback control) • เป็นปรากฏการณ์ที่ฮอร์โมนหรือสารที่หลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อฮอร์โมนที่มากระตุ้น • มีผลย้อนกลับไปควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนนั้นๆ • การควบคุมย้อนกลับมี 2 แบบคือ • 1. การควบคุมแบบย้อนกลับเชิงบวก (Positive feedback control) • 2. การควบคุมแบบย้อนกลับเชิงลบ (Negative feedback control)

  22. Feedback Control

  23. กลไกการออกฤทธิ์ของฮอรโมนกลไกการออกฤทธิ์ของฮอรโมน • ในการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนมีวิธีการที่แตกต่างกันไปเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ตามชนิดของฮอร์โมนคือ • พวกสเตียรอยด์ • พวกไม่ใช่สเตียรอยด์

  24. กลไกการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์กลไกการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์ • สเตียรอยด์ฮอร์โมนสามารถแพร่ผ่านเยื่อเซลล์ของเซลล์เป้าหมายแล้วเข้าจับกับตัวรับที่มีความจำเพาะภายในนิวเคลียสและไปมีผลต่อขบวนการ transcription • ซึ่งเมื่อผ่านขบวนการ translation แล้วก็จะได้โปรตีนตามต้องการ โดยโปรตีนนี้อาจเป็นเอนไซม์หรือฮอร์โมนที่เซลล์เป้าหมายหลั่งออกมาเพื่อทำหน้าที่ต่อไป • สรุป คือ สเตียรอยด์ฮอร์โมนกระตุ้นหรือยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนโดยการทำงานในระดับของยีน

  25. กลไกการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนกลุ่มไม่ใช่สเตียรอยด์กลไกการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนกลุ่มไม่ใช่สเตียรอยด์ • ฮอร์โมนกลุ่มนี้มีขนาดโมเลกุลใหญ่และสามารถละลายน้ำได้ จึงไม่สามารถผ่านชั้นของเยื่อเซลล์ของเซลล์เป้าหมายได้ • ทำงานโดยจับกับตัวรับที่บริเวณเยื่อเซลล์ของเซลล์เป้าหมายอย่างจำเพาะ และออกฤทธิ์โดยผ่านกลไกของผู้สื่อข่าวที่สอง (c-AMP)

  26. Active proteinkinase A Inactive proteinkinase A Phospholylation of cell

  27. การทำลายฤทธิ์และการกำจัดฮอร์โมนการทำลายฤทธิ์และการกำจัดฮอร์โมน • เกิดขึ้นที่เซลล์เป้าหมายทันทีหรืออาจถูกส่งไปทำลายที่ตับหรือไต • เช่น สเตียรอยด์ฮอร์โมนหลังจากหมดหน้าที่แล้วจะจับกับพวก กลูโคโรไนด์ (glucoronide) หรือ ซัลเฟต (sulphate) แล้วกำจัดออกมากับปัสสาวะ • สำหรับเมทาบอไลท์ของฮอร์โมนที่ไม่สามารถละลายน้ำได้จะถูกกำจัดออกทางน้ำดีและอุจจาระ • อาจพบฮอร์โมนที่ยังไม่ถูกทำลายฤทธิ์ถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ

  28. ความสัมพันธ์ระหว่างไฮโปธาลามัสกับต่อมใต้สมองความสัมพันธ์ระหว่างไฮโปธาลามัสกับต่อมใต้สมอง • ฐานของไฮโปธาลามัสมีก้านยื่น (stalk) โดยที่ปลายของก้านยื่นคือต่อมใต้สมอง • ไฮโปธาลามัสหลั่ง releasing hormone เข้าสู่ต่อมใต้สมองส่วนหน้าทางเส้นเลือดดำ hypothalamo-pituitary portal system ที่อยู่ใน pituitary stalk • ไฮโปธาลามัสและต่อมใต้สมองส่วนหลัง มีการเชื่อมต่อกันโดยระบบประสาท

  29. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างไฮโปธาลามัสกับต่อมใต้สมองสรุปความสัมพันธ์ระหว่างไฮโปธาลามัสกับต่อมใต้สมอง • ความสัมพันธ์ระหว่างไฮโปธาลามัสและต่อมใต้สมองส่วนหน้า - ไฮโปธาลามัสหลั่ง releasing hormone มาควบคุมการทำงานของต่อมใต้สมองส่วนหน้า • ความสัมพันธ์ระหว่างไฮโปธาลามัสและต่อมใต้สมองส่วนหลัง - ต่อมใต้สมองส่วนหลังทำหน้าที่เก็บฮอร์โมน 2 ชนิดที่ถูกสร้างจากไฮโปธาลามัสคือ ADH และ oxytocin

  30. ฮอร์โมนที่สังเคราะหและหลั่งจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (anterior pituitary) • มี 6 ชนิดได้แก่ • Follicle stimulating hormone (FSH) • Lutenizing hormone (LH) • Thyroid stimulating hormone (TSH) • Adrenocorticotropic hormone (ACTH) • Growth hormone (GH) หรือ Somatotrophin (STH) • Prolactin

  31. เซลล์เป้าหมายของฮอร์โมนที่หลั่งจากตอมใตสมองเซลล์เป้าหมายของฮอร์โมนที่หลั่งจากตอมใตสมอง

  32. Follicle stimulating hormone (FSH) • เปนฮอร์โมนประเภทไกลโคโปรตีน • ออกฤทธิ์ที่รังไข่ (ovaries) ของเพศเมีย หรือ อัณฑะ (testes) ของเพศผู้ • ในเพศเมีย FSH จะทําหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของถุงไข่ (ovarian follicle) • ในสัตวเพศผู FSH จะมีผลกระตุ้นให้ seminiferous tubule สรางเซลลอสุจิ

  33. Lutenizing hormone (LH) • เป็นฮอร์โมนประเภทไกลโคโปรตีน • LH จะมีผลทำให graafian follicles เกิดการตกไข • LH มีผลต่อการพัฒนาของ คอรปสลูเทียม (corpus luteum) • สำหรับสัตว์เพศผู LH จะทำหน้าที่ในการกระตุน leydig cell ในการสังเคราะหฮอร์โมน testosterone

  34. Thyroid stimulating hormone (TSH) • เป็นฮอร์โมนประเภทไกลโคโปรตีน • กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด และกระตุ้นการเจริญเติบโตของต่อมไทรอยด์

  35. Adrenocorticotropic hormone (ACTH) • เปนโปรตีนฮอรโมน • กระตุนตอมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) ให้ผลิตและหลั่งฮอร์โมน aldosterone และ cortisol

  36. Growth hormone (GH) หรือSomatotrophin (STH) • เป็นโปรตีนฮอร์โมน • เกี่ยวกับการสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะการเจริญเติบโตของกระดูกหรือกล้ามเนื้อ • GH จะถูกควบคุมโดยฮอรโมนที่สรางจากสมองสวนไฮโพทาลามัส คือ Growth hormone inhibiting hormone (GHIH) และ Somatostatin จาก delta cell ของตับอ่อน

  37. Prolactin • เปนโปรตีนฮอรโมน • มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้างน้ำนมและการเจริญเติบโตของเซลล์เต้านมโดยทำงานร่วมกับ GH อีกทั้งยังมีผลต่อพฤติกรรมของความเป็นแม่ • มีผลทําใหคอรปสลูเตียมบนรังไขคงสภาพอยูไมฝอตัว • ในสัตวเพศเมียที่ไมตั้งทอง หรือผสมไมติด ไฮโปธาลามัสจะหลั่งโดปามีน (dopamine)มาที่ตอมใตสมองสวนหน้าเพื่อยับยั้งการหลั่งโปรแลคติน

  38. ฮอร์โมนที่หลั่งจากตอมใตสมองสวนหลัง(posterior pituitary) • Oxytocin • Antidiuretic hormone (ADH) หรือ vasopressin

  39. Oxytocin • เป็นโปรตีนฮอร์โมน • หน้าที่คือ จะมีผลโดยตรงที่กล้ามเนื้อเรียบ - กระตุ้นการหลั่งน้ำนม - กระตุ้นการคลอด

  40. Antidiuretic hormone (ADH) หรือ vasopressin • เปนโปรตีนฮอรโมน • หน้าที่คือรักษาระดับน้ำภายในร่างกายเอาไว้ • กระตุ้นการบีบตัวของเส้นเลือดแดงทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น • การควบคุมการหลั่งฮอรโมน ADH จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเกิดสภาวะขาดน้ำ (dehydration)

  41. ฮอร์โมนที่หลั่งจากตอมไธรอยด์ (thyroid gland) • ไธรอกซิน (thyroxin)หรือ tetraiodothyronine (T4 )และ triiodothyronine (T3) • Calcitonin (thyrocalcitonin)

  42. ไธรอกซิน (thyroxin) • เป็นฮอร์โมนที่สร้างมาจากกรดอะมิโนไทโรซีนกับไอโอดีน • ควบคุมกระบวนการเมตาบอลิซึมของโภชนะ โดยเร่งปฏิกิริยา oxidation ขั้นต่างๆของ Kreb’s cycle ภายใน mitochondria • ทำงานร่วมกับ GH ในการควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ • ควบคุมกระบวนการ metamorphosis ในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ • ฮอร์โมนไธรอกซินจะช่วยทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง

  43. กระบวนการ metamorphosis ในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

  44. Calcitonin (thyrocalcitonin) • เป็นโปรตีนฮอร์โมน • สังเคราะห์จากต่อมไธรอยด์ โดยกลุ่มเซลล์ parafollicular cell (C-cell) • มีหน้าที่ลดระดับแคลเซียมในกระแสเลือด (รวมทั้งฟอสเฟตด้วย) โดยนำไปเก็บที่กระดูก • การสังเคราะห์ฮอร์โมน calcitonin จะถูกควบคุมโดยระดับของแคลเซียมและฟอสเฟต (PO4-) ในกระแสเลือด และฮอร์โมนจากต่อมพาราไธรอยด์

  45. ฮอร์โมนที่หลั่งจากตอมพาราไธรอยด (parathyroid gland) • เปนโปรตีนฮอรโมน มีหนาที่เพิ่มระดับ Ca2+และ ฟอสเฟตในกระแสเลือด • การควบคุมการหลั่งฮอร์โมนเป็นแบบ negative feedback โดยเมื่อระดับ Ca2+ ในเลือดสูงขึ้นจะมีผลทำให้ต่อมพาราไธรอยด์หลั่ง PTH ลดน้อยลง

  46. การควบคุมสมดุลของแคลเซียมโดย พาราไธรอยด์ฮอร์โมน

  47. ฮอร์โมนที่ผลิตจากตับออน (pancrease) • เปนฮอรโมนประเภทโปรตีนฮอร์โมน ผลิตที่เนื้อเยื่อสวน islets of langerhans ของตับอ่อน - alpha cells ผลิตฮอร์โมนกลูคากอน (glucagon) - beta cells ซึ่งเปนเซลลที่พบมากที่สุดทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน(Insulin) - delta cells ผลิตฮอร์โมนโซมาโตสแตติน (somatostatin)

More Related