860 likes | 1.69k Views
การตรวจวิเคราะห์ ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์. การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์. ประกอบด้วยการตรวจวิเคราะห์ดังนี้ การตรวจปัสสาวะ ( Urinalysis ) การตรวจอุจจาระ ( Stool exam ) การตรวจหา Occult blood ในอุจจาระ การตรวจน้ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
E N D
การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์
การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์ ประกอบด้วยการตรวจวิเคราะห์ดังนี้ • การตรวจปัสสาวะ ( Urinalysis ) • การตรวจอุจจาระ ( Stool exam ) • การตรวจหา Occult blood ในอุจจาระ • การตรวจน้ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ( Fluid cell count )
ความรู้พื้นฐานทางชีววิทยาความรู้พื้นฐานทางชีววิทยา
ระบบทางเดินอาหาร • ระบบทางเดินอาหารประกอบด้วย - ช่องปาก - หลอดอาหาร - กระเพาะอาหาร - ลำไส้เล็ก - ลำไส้ใหญ่ GI Tract = Gartrointestinal tract
ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ Upper GI Tract Lower GI Tract Lower GI Tract
ส่วนต่างๆของระบบทางเดินอาหารส่วนต่างๆของระบบทางเดินอาหาร • ช่องปาก ภายในประกอบด้วย • - ฟัน : มีหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหาร • - ลิ้น : มีหน้าที่ในการคลุกเคล้าอาหาร • - ต่อมน้ำลาย 3 คู่ คือ - ต่อมน้ำลายใต้หู ( Parotid ) - ต่อมน้ำลายใต้โคนลิ้น ( Sub lingual ) - ต่อมน้ำลายใต้ฟันกรามล่าง ( Sub maxillary )
โดยต่อมน้ำลายมีหน้าที่ในการสร้างน้ำลายออกมา โดยในน้ำลายนั้นประกอบไปด้วย น้ำ กับ น้ำย่อยอะไมเลส (amylase) ซึ่งมีผลต่อการย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต ให้ได้ dextrin หรือน้ำตาลโมเลกุลคู่ที่ไม่สามารถดูดซึมได้
2. หลอดอาหาร - ประกอบขึ้นด้วยกล้ามเนื้อเรียบที่สามารถบีบตัวเป็นจังหวะใน ขณะที่อาหารผ่านลงมา - ในทางเดินอาหารส่วนนี้ไม่มีการสร้างน้ำย่อยออกมา แต่มีการหลั่ง สารเมือก
3. กระเพาะอาหาร ( Stomach ) - ประกอบขึ้นด้วยกล้ามเนื้อเรียบที่อัดกันหนามาก - ด้านในมีลักษณะเป็นสันช่วยในการบดอาหารให้มีขนาดเล็กลง อีกผนังด้านในสามารถสร้างเอนไซม์ ซึ่งมีความสามารถในการ ย่อยโปรตีนให้มีโมเลกุลเล็กลง แต่ยังไม่สามารถดูดซึมได้
4. ลำไส้เล็ก ( Small Intestine ) - เป็นทางเดินอาหารส่วนที่ยาวมาก - แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ดูโอดีนัม ( Duodenum ) เจจูนัม ( Jejunum ) และไอเลียม ( Ileum ) - ที่ผนังลำไส้เล็กสามารถสร้างน้ำย่อยขึ้นมาได้ ซึ่งมีหลายชนิด นอกจากน้ำที่ลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัม ยังได้รับน้ำย่อยจากตับอ่อน และน้ำดีมาจากตับ - น้ำย่อยจากตับอ่อนมีหลายชนิดที่สามารถย่อยยคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมันได้
ลำไส้ใหญ่ - เป็นทางเดินอาหารส่วนสุดท้าย ซึ่งไม่มีการย่อยเกิดขึ้น - ทำหน้าที่ในด้านการดูดซึมน้ำ เกลือแร่และวิตามินบางชนิด
ปรสิต ( Parasites ) • ปรสิต ( Parasite ) คือ สัตว์ที่อาศัยอยู่ในกายหรือผิวการโฮสต์ ( Host ) ปรสิตขึ้นอยู่กับโฮสต์ จึงปรับตัวให้ทนต่อสภาพแวดล้อมเพื่อยังชีพและสืบพันธุ์ในโฮสต์
ปรสิต ( Parasites ) • โปรโตซัว ( Protozoa ) • หนอนพยาธิ ( Helminths )
โปรโตซัว ( Protozoa ) • โปรโตซัว เป็นสัตว์เซลล์เดียวที่มีขนาดตั้งแต่ 1 µm จนถึง 150 Um โดยส่วนมากโรโตซัวที่เป็นปรสิตมีขนาดค่อนไปทางเล็ก • โปรโตซัวหลายชนิดสามารถหลั่งสารปกคลุมลำตัวและเข้าสู่ภาวะหยุดพัก เราเรียกระยะนี้ว่า ซิสต์ ( Cyst )
โปรโตซัว ( Protozoa ) ตัวอย่างของโปรโตซัว : อะมีบา
โปรโตซัว ( Protozoa ) อะมีบาที่สำคัญทางการแพทย์ 1. อะมีบาที่เป็นปรสิตของคนและก่อโรค ( Pathogenic ameba ) เช่น Entamoeba histolytica 2. อะมีบาที่เป็นปรสิตของคนแต่ไม่ก่อโรค ( Nonpathogenic ameba เช่น Entamoeba coli , E.gingivalis 3. อะมีบาดำรงชีพอิสระ แต่บางครั้งก่อโรคในคน
หนอนพยาธิ ( Helminths ) • หนอนพยาธิ ( Helminths ) แบ่งออกเป็น - พยาธิตัวกลม ( Nematodes , Roundworms ) - พยาธิตัวแบน ( Flatworms )
หนอนพยาธิ ( Helminths ) • ไข่พยาธิ • ตัวแก่ หรือ ตัวเต็มวัย
พยาธิตัวกลม ( Nematodes , Roundworms ) • ลักษณะของพยาธิตัวกลม - ตัวกลม - หัวเรียวท้ายเรียว - ลำตัวไม่เป็นปล้อง • พยาธิตัวกลม เช่น พยาธิใส้เดือน , พยาธิเส้นด้าย , พยาธิปากขอ , พยาธิตัวจี๊ด
พยาธิตัวกลม ( Nematodes , Roundworms ) • ชนิดที่พบผู้ป่วยในประเทศไทยมากคือ พยาธิเส้นด้าย(เข็มหมุด) ซึ่งอยู่ในอาหารดิบหรือปรุงสุกๆดิบๆ จากเนื้อสัตว์และหอยชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังอาจได้รับพยาธิจากการใช้มือที่ไม่สะอาด หรือไม่ได้ล้างมือแล้วหยิบอาหารรับประทาน
พยาธิตัวแบน ( Flatworms ) • พยาธิตัวแบนประกอบด้วย - พยาธิตัวตืด ( Cestodes หรือ Tapeworms ) - พยาธิใบไม้ ( Trematodes หรือ Flukes )
พยาธิตัวตืด ( Cestodes หรือ Tapeworms ) • พยาธิตัวตืด ( Cestodes หรือ Tapeworm ) - ลำตัวแบน แบ่งเป็นปล้องๆ • ที่พบผู้ป่วยในประเทศไทยมากคือพยาธิตืดหมูและพยาธิตืดวัว ซึ่งผู้ป่วยรับพยาธิได้ง่าย จากการบริโภคอาหารดิบหรือปรุงสุกๆดิบๆ จากเนื้อหมูและเนื้อวัว
พยาธิใบไม้ ( Trematodes หรือ Flukes ) • พยาธิใบไม้ (Trematodes หรือ Fluke) - ลำตัวแบนไม่แบ่งเป็นปล้อง • ตัวอย่างเช่น พยาธิใบไม้ในเลือด พยาธิใบไม้ในตับ • ติดต่อได้ง่ายจากการบริโภคอาหารประเภทปลาและสัตว์น้ำจืด อาหารดิบหรือปรุงสุกๆดิบๆ
อุจจาระ อุจจาระ = Stool หรือ Feces อุจจาระ คือ อะไร ??
โดยปกติแล้วช่วงเวลาของการถ่ายอุจจาระในคนปกติจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่คน แต่จะอยู่ในช่วงของการถ่าย 2-3 ครั้งต่อวันไปจนถึง 2-3 วันต่อครั้ง
ส่วนประกอบของอุจจาระ อุจจาระของคนปกติจะประกอบไปด้วย - กากอาหารที่ไม่ถูกย่อยและกากอาหารที่ไม่ถูกดูดซึม - น้ำ - ผลผลิตของ Digestive tract เช่นพวก bile pigments , enzyme , mucus , เศษของ Epithelial cell ที่หลุดลอกจาก intestinal mucosa - Bacteria
อาหารที่ไม่ย่อย ( Undigested food ) • คือ กากอาหารไม่ย่อยออกมาในอุจจาระจนสามารถแยกออกได้ว่าเป็นเม็ดข้าวโพดหรือผักหรือชิ้นส่วนของผลไม้และ fiber ทั้งหลายเป็นสิ่งที่ปกติและไม่มีคุณค่าทางคลีนิคเท่าใดนัก
ปริมาณของอุจจาระในแต่ละวันของคนปกติจะอยู่ในช่วง 100 – 200 กรัม และอุจจาระมักจะมีลักษณะอ่อน ( Soft ) ในผู้ที่กินผักผลไม้มาก และมีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ แข็งและแห้งในผู้ที่กินเนื้อสัตว์มาก
กลิ่นของอุจจาระ ( Odor ) • เป็นผลมาจาก Fermentation ในลำไส้ • กลิ่นของอุจจาระจะเปลี่ยนแปลงไปได้เนื่องจากภาวะความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของอุจจาระ • ในผู้ที่กินเนื้อมากอุจจาระจะมีกลิ่นแรงขึ้น • กลิ่นจะลดลงเมื่อกินผักมาก
กลิ่นพิเศษของอุจจาระที่แสดงภาวะของโรคก็จะมีกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นฉุนในผู้ที่มีภาวะ diaarrhea กลิ่นออกเหม็นเน่าคออกคาวในผู้ที่มีแผลเน่าในลำไส้ หรือ มะเร็งลำไส้
การตรวจอุจจาระStool Examination การตรวจอุจจาระ เรียกว่า Stool examination หรือ Fecal analysis
การตรวจอุจจาระ ( Stool examination ) • การตรวจอุจจาระเป็นวิธีการที่ทำได้ง่าย ๆ แต่มีความสำคัญในทางการแพทย์ • เป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ได้มากมาย
การตรวจอุจจาระ ( Stool examination ) ประกอบด้วย • การตรวจทางกายภาพ ( Physical examination) • การตรวจหาเชื้อปรสิตโดยกล้องจุลทรรศน์ ( Microscopic examination )