560 likes | 1.86k Views
ห้องประชุมเรือนแก้ว. 29/1/52. Antibiotics smart use. แนวทางการใช้ยาปฎิชีวนะ. 3. 2. 1. Antibiotics smart use. แนวทางการใช้ยาปฎิชีวนะ. หยุดเรียก “ ยาปฏิชีวนะ ” ว่า “ ยาแก้อักเสบ ”. การอักเสบ. การอักเสบแบบติดเชื้อ. การอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ ภูมิแพ้ โรค SLE
E N D
ห้องประชุมเรือนแก้ว 29/1/52 Antibiotics smart use แนวทางการใช้ยาปฎิชีวนะ
Antibiotics smart use แนวทางการใช้ยาปฎิชีวนะ
หยุดเรียก“ยาปฏิชีวนะ”ว่า “ยาแก้อักเสบ” การอักเสบ การอักเสบแบบติดเชื้อ • การอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ • เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ ภูมิแพ้ โรค SLE • ยาสเตียรอยด์ (Steriods) • ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ติดเชื้อไวรัส ติดเชื้อแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะเป็น “ยาอันตราย” • ยาอันตราย คำเตือน 1.ห้ามใช้ในผู้ป่วยแพ้ยานี้ 2.ยานี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเป็นอันตรายถึงตายได้ 3.หากเกิดอาการผื่นแดง ระคายเคืองหรือบวมให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
ยาปฏิชีวนะเป็น “ยาอันตราย” อันตรายจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ • แพ้ยา • อาการข้างเคียงจากการใช้ยา • เชื้อดื้อยา
Antibiotics smart use • โรคติดเชื้อเฉียบพลันทางเดินหายใจส่วนบน • โรคท้องร่วงเฉียบพลัน • บาดแผล
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน • สาเหตุการติดเชื้อ • 80% จากไวรัส • 20% จากแบคทีเรีย • กรณีที่ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ • อาการดังนี้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ มีน้ำมูกมาก จามบ่อย เสียงแหบ ตาแดง มีผื่นตามตัว แผลในปาก ถ่ายเหลวไอโดยตรวจไม่พบอาการโรคปอดอักเสบ • ไข้สูง > 38๐c ร่วมกับอาการข้างต้น หมายถึง ติดเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องให้ยาฆ่าเชื้อ ส่วนใหญ่จึงไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
ขนาดและวิธีให้ยาฆ่าเชื้อขนาดและวิธีให้ยาฆ่าเชื้อ
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ซักประวัติ กรณีที่ควรให้ยาปฏิชีวนะ (ในเด็ก < 15 ปี ควรให้ประมาณ 5 – 10 วัน) • กรณีที่ไม่ให้ยาปฏิชีวนะ • หวัด-เจ็บคอ (Common Cold) • มีน้ำมูก คัดจมูก • คอแดงเล็กน้อย • ไอ • เยื่อบุจมูกบวมแดง • อื่นๆ .............................. ต่อมทอนซิลอักเสบ Group A beta hemolytic streptococcus (GABSH) Temp. >38.3oC ต่อมทอนซิลบวม มีหนอง ไม่ไอ ต่อมน้ำเหลือง โต กดเจ็บ อื่นๆ ................................. หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media) exudative D/C inject TM ปวดหู มีไข้สูง หนาวสั่น อื่นๆ ................................. แพทย์ผู้สั่งยา นพ.ธีรยุทธ พญ.กัลมลี พญ.นวพร พญ.กิ่งกาญจน์ อื่นๆ.............................................................
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน • กรณีที่ควรใช้ยาปฏิชีวนะ: คอหอยและทอนซิลอักเสบ • ไข้สูง เจ็บคอมาก มีจุดขาวที่ทอนซิล ต่อมน้ำเหลืองใต้คอโต ลิ้นไก่บวมแดง มีจุดเลือดออกที่เพดานปาก • ยาที่ควรใช้: penicillin V, amoxicillin, roxithromycin10 วัน
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน • กรณีที่อาจให้ยาปฏิชีวนะ: หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ • มีไข้ ปวดหู โดยเฉพาะหลังจากเป็นหวัด หมายถึงติดเชื้อในหูชั้นกลาง • การติดเชื้อในหูชั้นกลางมักดีขึ้นใน 72 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ใน3วันแรกจึงไม่จำเป็นต้องให้ยา แต่หากพ้น3วันแล้วอาการไม่ดีขึ้นจึงทานยาฆ่าเชื้อ
ขนาดและวิธีให้ยาฆ่าเชื้อขนาดและวิธีให้ยาฆ่าเชื้อ • Penicillin V • ผู้ใหญ่ 500 มก. วันละ 2-3 ครั้ง • เด็ก 25-50 มก./กก./วัน วันละ 2-3 ครั้ง • Amoxicillin • ผู้ใหญ่ 500 มก. วันละ 3 ครั้ง • เด็ก 25-50 มก./กก./วัน วันละ 3 ครั้ง หากเป็นไซนัสอักเสบให้ 80-90 มก./กก./วัน วันละ 2-3 ครั้ง
ขนาดและวิธีให้ยาฆ่าเชื้อขนาดและวิธีให้ยาฆ่าเชื้อ • Erythromycin • เด็ก 5-8 มก./กก./วัน วันละ 2 ครั้ง
ข้อควรรู้ • การมีน้ำมูกหรือเสมหะข้น หรือสีเขียวเหลืองไม่ได้บ่งชี้ว่าต้องทานยาฆ่าเชื้อ • อาการไข้สูงเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าต้องทานยาฆ่าเชื้อ เพราะอาจเป็นโรคอื่นได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก
โรคท้องร่วงเฉียบพลัน • โรคท้องร่วง หมายถึง การถ่ายอุจจาระเหลวจำนวนอย่างน้อย 3 ครั้งหรือถ่ายมีมูกปนเลือดหรือเป็นน้ำ อย่างน้อย 1 ครั้ง • ผู้ป่วยที่มีอาเจียนเป็นอาการเด่นมักหมายถึงอาหารเป็นพิษ ไม่ใช่ติดเชื้อจึงไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
โรคท้องร่วงเฉียบพลัน ซักประวัติ กรณีที่ไม่ให้ยาปฏิชีวนะ กรณีที่ควรให้ยาปฏิชีวนะ • ท้องร่วงชนิด Invasive • Temp. > 38.3 oC • ถ่ายเป็นมูก/เลือด สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า • ผลตรวจ lab พบ RBC/WBC ในอุจจาระ • อายุมากกว่า 65 ปี • Dehydration ตั้งแต่ moderate ขึ้นไป • Immunocompromise เช่น DM poor control • อื่นๆ ................................. • อาหารเป็นพิษ • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ • มีอาการอาเจียนเด่น • อื่นๆ .............................. • ท้องร่วงชนิด Non-Invasive • ไม่มีไข้ • ไม่มีถ่ายมูก/เลือด • อื่นๆ ..............................
โรคท้องร่วงเฉียบพลัน • การให้ยาฆ่าเชื้อควรให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการร่วมดังนี้ • ไข้สูง > 38๐c • อุจจาระเป็นมูกหรือมีเลือดปนเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือ ตรวจพบWBC RBCในอุจจาระ • ยาฆ่าเชื้อที่ควรใช้คือ norfloxacin • ผู้ใหญ่ 400 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 5 วัน • เด็กอาจให้ co-trimoxazole
ข้อควรรู้ • เป้าหมายสำคัญที่สุดในการรักษาไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อ แต่เป็นการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทนที่สูญเสียไปกับอุจจาระ • ยาบางตัวไม่แนะนำให้ใช้ในกรณีท้องร่วง ได้แก่ buscopan, imodium, lomotil เป็นต้น • การให้ activated charcoal หรือ ultracarbon สามารถให้ได้ ไม่เป็นพิษ ราคาถูกและช่วยลดความกังวลใจแก่ผู้ป่วย โดยทาน 1-2 เม็ด วันละ 2-4 ครั้ง
บาดแผล • แผลที่ยังไม่ติดเชื้อ คือ บาดแผลที่มาถึงรพ.ภายใน6ชั่วโมง • แผลสะอาด หมายถึง • บาดแผลเปิดที่มีขอบเรียบสามารถล้างทำความสะอาดง่าย • ไม่มีเนื้อตาย • บาดแผลที่มีสิ่งสกปรกติดอยู่ แต่ล้างออกได้ง่าย • แผลที่ไม่ได้เปื้อนสิ่งแปลกปลอมที่ติดเชื้อสูง เช่น น้ำคลอง ดิน มูลสัตว์ เป็นต้น
บาดแผล • บาดแผลที่มีโอกาสติดเชื้อสูง • บาดแผลที่ถูกวัตถุทิ่มเป็นรูยากแก่การทำความสะอาดได้ทั่วถึง • บาดแผลที่มีเนื้อตายเป็นบริเวณกว้าง • บาดแผลที่มีสิ่งสกปรกติดอยู่ ที่ล้างได้ไม่หมด • บาดแผลที่สัมผัสเชื้อโรคมาก เช่น ดิน น้ำคลอง เหล็กมีสนิม มูลสัตว์ เป็นต้น • บาดแผลจากการบดอัด • แผลที่เท้า • แผลขอบไม่เรียบ • แผลผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือโอกาสติดเชื้อง่าย เช่น เบาหวาน เป็นต้น
บาดแผล ยาฆ่าเชื้อให้ในกรณีที่แผลมีโอกาสติดเชื้อสูงเท่านั้น และเป็นการให้เพื่อการป้องกันการติดเชื้อ ยาที่ควรใช้ • Dicloxacillin • ผู้ใหญ่ 250 มก. วันละ 4 ครั้ง 2 วัน • เด็ก 25-50 มก. วันละ 4 ครั้ง 2 วัน • Clindamycin • ผู้ใหญ่ 150-300 มก. วันละ 4 ครั้ง 2 วัน • เด็ก 8-25 มก./กก./วัน วันละ 4 ครั้ง 2 วัน
บาดแผล ซักประวัติ กรณีที่ไม่ให้ยาปฏิชีวนะ กรณีที่ควรให้ยาปฏิชีวนะ แผลสะอาด มาโรงพยาบาลภายใน 6 ชั่วโมงหลังเกิดแผล แผลขอบเรียบ ทำความสะอาดง่าย ไม่มีเนื้อตาย ไม่มีสิ่งสกปรกในแผล/มี แต่ล้างออกง่าย แผลไม่ปนเปื้อนสิ่งที่มีแบคทีเรียมาก เช่น มูลสัตว์ น้ำโคลนสกปรก อื่นๆ ......................................................... แผลสะอาดที่มีลักษณะ แผลที่เท้า แผลจากการบดอัด แผลขอบไม่เรียบ less compliance อื่นๆ ............................................................................................................................................... แผลปนเปื้อน วัตถุทิ่มเป็นรู ทำความสะอาดยาก เนื้อตายเป็นบริเวณกว้าง มีสิ่งสกปรกในแผล less compliance poor sanitation อื่นๆ ........................ แพทย์ผู้สั่งยา นพ.ธีรยุทธ พญ.กัลมลี พญ.นวพร พญ.กิ่งกาญจน์ อื่นๆ.............................................................
ข้อควรรู้ • ในการชะล้างแผลที่สกปรกเป็นร่องลึกควรใช้ syringe 10-40 cc. ฉีดล้างบริเวณแผลให้ทั่วถึง แค่ scrub อย่างเดียวไม่ได้ • ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำยาฆ่าเชื้อใดๆลงในบาดแผล เพราะไม่ลดโอกาสติดเชื้อและ อาจทำลายเนื้อเยื่อในแผลให้แผลหายช้าลง • ทุกครั้งที่ผู้ป่วยมาทำแผลต้องสังเกตแผลเสมอว่ามีการอักเสบหรือไม่
บุคลากรทางการแพทย์ คนไข้ และประชาชนทั่วไป
ข้อควรรู้ • การตัดไหม • กรณีแผลที่หน้า ตัดไหม 5 วัน • แผลที่ข้อพับ ตัดไหม 10-14 วัน • แผลอื่นๆ ตัดไหม 7 วัน