420 likes | 614 Views
Function. 030513122 - Discrete Mathematics Asst. Prof. Dr. Choopan Rattanapoka. บทนำ. รูปแบบของฟังก์ชันที่น่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว เช่น f ( x,y ) = x+y f (x) = x f (x) = sin(x) แต่ในวิชานี้จะเรียนเกี่ยวกับการนนิยาม domains และ ranges
E N D
Function 030513122 - Discrete Mathematics Asst. Prof. Dr. Choopan Rattanapoka
บทนำ • รูปแบบของฟังก์ชันที่น่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว เช่น • f(x,y) = x+y • f(x) = x • f(x) = sin(x) • แต่ในวิชานี้จะเรียนเกี่ยวกับการนนิยาม domains และranges • เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเขียนฟังก์ชันในอยู่ในรูปแบบสวยหรูเหมือนข้างต้น
คำนิยามของ Function • คำนิยาม: ฟังก์ชันf • จากset A ไปset B • คือการกำหนดค่าของสมาชิก B เพียงค่าเฉพาะค่าเดียว (exactly one)ไปยังแต่ละสมาชิกของ A • เราสามารถเขียนf(a)=b ถ้าb เป็นค่าเฉพาะที่เป็นสมาชิกของ B ที่ถูกกำหนดโดยฟังก์ชันของค่า a เมื่อ a A. • รูปแบบสัญลักษณ์:f: A Bอ่านได้ว่า ‘f maps A to B’ • ข้อควรจำ • สมาชิกทุกตัวของA จะมีการ mapping เพียงค่าเดียว ( singlemapping ) • แต่ละสมาชิกในB อาจจะถูก map โดยสมาชิกใน A หลายตัว หรือไม่โดนจับคู่เลยก็ได้
แบบฝึกหัด: การกำหนดฟังก์ชัน • กำหนดให้ A={1, 2, 3, 4} และ B={0, 1, 2, 3, 4} จงหาว่า f, g, h ข้อใดเป็นฟังก์ชัน • f= {(1,0), (2,1), (3,2), (4,3)} • g = {(1,1), (2,0), (3,2), (4,1), (2,4)} • h = {(1,4), (2,2), (3,0)}
คำศัพท์ที่ควรรู้ • กำหนดf: A B และf(a)=b แล้วเราจะใช้คำศัพท์ได้ดังนี้: • A เรียกว่าเป็นdomainของf, สามารถเขียนย่อได้ว่าdom(f) • B เรียกว่าเป็นco-domainของf • b เป็นimageของa • a เป็นpreimage (antecedent) ของb • rangeของf เป็น set ของทุก image ของสมาชิกใน A, ย่อว่าrng(f)
Function: Visualization Range A function, f: A B Preimage Image, f(a)=b f a b B A Domain Co-Domain
แบบฝึกหัด • กำหนด f: Z R โดยที่ f(x) = x2 • จงหา dom(f) และ co-domain(f) • จงหา image ของ -3 • จงหา pre-image ของ 3 • จงหา pre-image ของ 4 • จงหา rng(f)
คำนิยามเพิ่มเติม (1) • คำนิยาม: กำหนดให้f1และf2เป็น 2 ฟังก์ชันจาก set A to R,แล้วf1+f2และf1f2ก็จะเป็นฟังก์ชันจากA ไปยังto R เช่นกัน • (f1+f2)(x) = f1(x) + f2(x) • f1f2(x)= f1(x)f2(x) • ตัวอย่าง:กำหนดf1(x)=x4+2x2+1 and f2(x)=2-x2 • (f1+f2)(x) = x4+2x2+1+2-x2 = x4+x2+3 • f1f2(x) = (x4+2x2+1)(2-x2)= -x6+3x2+2
คำนิยามเพิ่มเติม (2) • คำนิยาม: กำหนดf: A B และS A. Image ของset Sจะเป็นsubset ของB ที่ประกอบด้วยทุกค่า image ของ S. ดังนั้นเราสามารถเขียนย่อimage ของS ด้วยf(S), โดยที่ f(S)={ f(s) | s S } • ข้อควรระวัง: image ของS จะเป็น set ไม่ใช่เป็นสมาชิก • ตัวอย่าง: • A = {a1,a2,a3,a4,a5}, B = {b1,b2,b3,b4,b5} • f={(a1,b2), (a2,b3), (a3,b3), (a4,b1), (a5,b4)}, S={a1,a3} • จงเขียนแผนผังของf • จงหา Domain, co-domain และ range ของf? • จงหา Image ของS, f(S)?
คำนิยามเพิ่มเติม (3) • คำนิยาม: ฟังก์ชันfที่ซึ่งdomain และ co-domain เป็นsubsets of ของset จำนวนจริง (R) จะเรียกว่า • strictly increasing ถ้าf(x)<f(y) เมื่อx<y และx และy อยู่ในdomain ของf • strictly decreasing ถ้าf(x)>f(y) เมื่อx<y และx และy อยู่ในdomain ของf • ฟังก์ชันที่มีการเพิ่ม-ลดค่า จะเรียกว่าmonotonic
ประเภทของฟังก์ชัน: Injection • คำนิยาม: ฟังก์ชันfจะถูกเรียกว่าone-to-oneหรือinjective(หรือinjection) ถ้า x,yในdomain ของf, f(x)=f(y) x=y • ภาษาบ้านๆ คือ injection หมายถึงสมาชิกใน range จะมี preimageได้มากสุดแค่ 1 ค่า • ตัวอย่าง : • ฟังก์ชัน f จาก{a, b, c, d} ไปยัง{1, 2, 3, 4, 5} โดยที่f(a) = 4, f(b) = 5,f(c) = 1, and f(d) = 3 เป็น ฟังก์ชันแบบone-to-one. • ฟังก์ชัน f จาก Zไปยัง Zโดยที่ f(x) = x2 เป็นฟังก์ชันแบบ one-to-one หรือไม่ ?
ประเภทของฟังก์ชัน: Surjection • คำนิยาม: ฟังก์ชันf: AB จะถูกเรียกว่าontoหรือsurjective(หรือsurjection) ถ้า bB, aA with f(a)=b • ความหมายง่ายๆ คือ surjection หมายถึงทุกๆ สมาชิกใน co-domain จะถูก maดังนั้น range จะมีค่าเท่ากับ co-domain • ตัวอย่าง: จงหาว่าฟังก์ชันต่อไปนี้เป็น surjection หรือไม่ • กำหนดf เป็นฟังก์ชันจาก{a, b, c, d} ไป{1, 2, 3} โดยf(a) = 3, f(b) = 2, f(c) = 1, และf(d) = 3 • ฟังก์ชัน f จาก Zไปยัง Zโดยที่ f(x) = x2 • ฟังก์ชัน f จาก Zไปยัง Zโดยที่ f(x) = x+ 1
ประเภทของฟังก์ชัน: Bijection • คำนิยาม: ฟังก์ชันfจะเป็นbijection, ถ้า f เป็นทั้งฟังก์ชัน injection และ surjection • ฟังก์ชัน bijectionมีความสำคัญเนื่องจากจะเป็นฟังก์ชันที่สามารถหาฟังก์ชัน inverse ได้ • ตัวอย่าง: ให้f เป็นฟังก์ชันจาก {a, b, c, d} ไป{1, 2, 3, 4} โดยf(a) = 4, f(b) = 2, f(c) = 1และ f(d) = 3. จงหาว่าf เป็นฟังก์ชันแบบ bijection หรือไม่? • ตรวจสอบว่าเป็น injection หรือไม่ จะเป็นได้ว่าไม่มีค่าไหนใด domain ที่ map ไปยังค่าใน co-domain ซ้ำกัน ดังนั้น f เป็น injection • ตรวจสอบว่าเป็น surjection โดยจะเห็นได้ว่า สมาชิกทุกตัวใด co-domainถูก map ทั้งหมด (range = co-domain) ดังนั้น f เป็น surjection • ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันแบบ bijection
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (1) • f: A B จากรูปข้างต้นเป็นฟังก์ชันหรือไม่? เพราะอะไร? A B a1 b1 a2 b2 a3 b3 a4 b4
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (2) A B • f: A B จากภาพข้างต้น จงหาว่า • f เป็นฟังก์ชันประเภท injection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท surjection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท bijectionหรือไม่? เพราะอะไร? a1 b1 a2 b2 a3 b3 a4 b4
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (3) • f: A B จากภาพข้างต้น จงหาว่า • f เป็นฟังก์ชันประเภท injection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท surjection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท bijectionหรือไม่? เพราะอะไร? A B a1 b1 a2 b2 a3 b3 b4
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (4) A B • f: A B จากภาพข้างต้น จงหาว่า • f เป็นฟังก์ชันประเภท injection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท surjection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท bijectionหรือไม่? เพราะอะไร? a1 b1 a2 b2 a3 b3 a4
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (5) A B a1 b1 a2 b2 a3 b3 a4 b4 • f: A B จากภาพข้างต้น จงหาว่า • f เป็นฟังก์ชันประเภท injection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท surjection หรือไม่? เพราะอะไร? • f เป็นฟังก์ชันประเภท bijection หรือไม่? เพราะอะไร?
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (6) • กำหนดf:ZZ โดยf(x)=2x-3 • จงหา domain, co-domainและrange ของf? • fเป็นฟังก์ชันแบบ one-to-one หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ onto หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ bijectionหรือไม่? • กำหนดf:NNโดยf(x)=2x-3 • จงหา domain, co-domain และ range ของf? • fเป็นฟังก์ชันแบบ one-to-one หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ onto หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ bijectionหรือไม่?
มาทำแบบฝึกหัดด้วยกัน (7) • กำหนดf:ZZ โดยf(x) = x2 - 5x + 5 • fเป็นฟังก์ชันแบบ one-to-one หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ onto หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ bijectionหรือไม่? • กำหนดf:ZZ โดย f(x) = f(x) = 2x2 + 7x • fเป็นฟังก์ชันแบบ one-to-one หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ onto หรือไม่? • fเป็นฟังก์ชันแบบ bijectionหรือไม่?
Inverse Functions (1) • คำนิยาม: กำหนดf:AB เป็นฟังก์ชันแบบbijection, ฟังก์ชันinverseของ fคือฟังก์ชันที่กำหนดค่าของสมาชิกbBไปยังaAที่ไม่ซ้ำกันใน f(a)=b • ฟังก์ชัน inverse เขียนย่อด้วยf-1 • เมื่อfเป็นฟังก์ชันแบบbijection, ฟังก์ชัน inverse คือ f(a)=b f-1(b)=a
Inverse Functions (2) • ทำไมต้องเป็นฟังก์ชันแบบbijectiveถึงจะมีฟังก์ชัน inverse? • พิจารณาถ้าf ไม่เป็นฟังก์ชันแบบ injection ซึ่งหมายความว่าบางสมาชิกbB ใน co-domain จะมี pre-image มากกว่า 1 ค่า เช่น a1และ a2ดังนั้นทำให้ไม่สามารถมีฟังก์ชัน inverse ได้เพราะไม่ทราบว่าf-1(b) จะเท่ากับ a1หรือ a2 • พิจารณาถ้า f ไม่เป็นฟังก์ชันแบบ surjection ซึ่งหมายความว่าบางสมาชิก bB ไม่มี pre-image aAทำให้ไม่สามารถหาค่าของf-1(b) ได้
Inverse Functions: Representation A function and its inverse f(a) a b f -1(b) B A Domain Co-Domain
Inverse Functions: ตัวอย่างที่1 • กำหนดf:RR โดย f(x) = 2x– 3 • จงหาf-1? • ต้องมั่นใจก่อนว่าfเป็นฟังก์ชันแบบbijection. • หา inverse ด้วยวิธีการแทนที่ • f(x) = y ดังนั้น f-1(y)=x • เมื่อy=2x-3, ก็สามารถค่าหาได้ว่าx= (y+3)/2 • ดังนั้นf-1(y)= (y+3)/2
Inverse Functions: ตัวอย่างที่2 • กำหนดf(x)=x2. จงหาf-1? • กำหนดให้ domain กับ co-domain คือf:RR • เป็นฟังก์ชันแบบbijection หรือไม่? • ไม่เพราะ เช่น f(-2) = f(2) = 4 • ถ้ากำหนด f: A B ที่ A={xR|x0} และ B={yR| y0} • เป็นฟังก์ชันแบบ bijectionหรือไม่ ?
Inverse Functions: ตัวอย่างที่2(ต่อ) • เพื่อจะหาฟังก์ชันinverse, กำหนด • f-1(y)=x • y=x2 • แก้สมการหาค่า x, จะได้ว่าx=y • แต่เนื่องจากdom(f) กำหนดไว้ว่าสำหรับค่าลบเท่านั้น และrng(f) จะมีค่าบวกเท่านั้นดังนั้น x ต้องมีค่าลบ ซึ่งก็คือ f-1(y)= -y • จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ domains และ co-domains มีความสำคัญมากกับฟังก์ชัน
Inverse Functions: ตัวอย่างที่3 • กำหนดf(x)=2x • domain/codomain ของฟังก์ชันควรจะเป็นยังไง เพื่อให้ฟังก์ชันเป็น bijection? • ฟังก์ชัน inverse คืออะไร? • เฉลยคำตอบแรกให้ : ฟังก์ชันควรเป็นf:RR+ • ถ้าเพิ่ม0 ใน codomain จะเกิดอะไรขึ้น? • ถ้าเปลี่ยน domain หรือ co-domain เป็น Zจะเกิดอะไรขึ้น?
Function Composition (1) • ค่าของฟังก์ชันหนึ่งสามารถจะใช้เป็น input ของอีกฟังก์ชันได้ • คำนิยาม: กำหนดg:AB และf:B C. ฟังก์ชัน compositionของf และg คือ (fg) (x)=f(g(x)) • fgอ่านว่า‘f circle g’ หรือ‘f composed with g’ หรือ‘f following g’, หรือ‘f of g’
Function Composition (2) • เนื่องจาก(fg)(x)=f(g(x)), ฟังก์ชัน compositionfgสามารถกำหนดได้ก็ต่อเมื่อ range ของgเป็นsubset ในdomain ของf fg is defined rng(g) dom(f) • ลำดับของฟังก์ชันมีความหมาย: โดยจะทำจากภายในสุดก่อน • ดังนั้นหมายความว่าfg ไม่เหมือนกับg f
Composition: Graphical Representation The composition of two functions (f g)(a) rng(g) f(g(a)) g(a) a f(g(a)) g(a) g(a) domain(g) co-domain(g) domain(f)
Composition: Graphical Representation The composition of two functions (f g)(a) f(g(a)) g(a) a g(a) f(g(a)) C B A
Composition: ตัวอย่างที่1 • กำหนดf, gเป็น 2 ฟังก์ชันบนRR และนิยามไว้ดังนี้ f(x) = 2x – 3 g(x) = x2 + 1 • จงหาfg และgf • ก่อนที่จะหาค่าจะต้องพิจารณาก่อนว่าสามารถหาได้หรือไม่ • fเป็นbijective, ดังนั้นdom(f)=rng(f)= codomain(f)= R • gมี dom(g)= Rแต่rng(g)={xR| x1} R+ • เนื่องจากrng(g)={xR| x1} R+ dom(f) =R, fg จึงสามารถหาค่าได้ • เนื่องจากrng(f)= R dom(g) =R , gf ก็สามารถหาได้
Composition: ตัวอย่างที่ 1 (ต่อ) • จากโจทย์ f(x) = 2x – 3 และ g(x) = x2 + 1 • (fg)(x) = f(g(x)) = f(x2+1) = 2(x2+1)-3 = 2x2 - 1 • (gf)(x) = g(f(x)) = g(2x-3) = (2x-3)2 +1 = 4x2 - 12x + 10
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชัน • การเท่ากันของฟังก์ชัน กำหนดฟังก์ชัน f และ g จะเท่ากันก็ต่อเมื่อ • dom(f) = dom(g) • a dom(f) (f(a) = g(a)) • ฟังก์ชัน composition ไม่commutative (fg gf), แต่ associative (fg) h = f(g h)
ฟังก์ชันที่สำคัญ: Identity • คำนิยาม: ฟังก์ชันidentityบนset A คือฟังก์ชัน : AA กำหนดด้วย(a)=a สำหรับทุกค่า aA. • คุณสมบัติของฟังก์ชัน identity: • (a) = (ff-1)(a) = (f-1f)(a) • (f )(a) = ( f)(a) = f(a)
Inverses and Identity • ฟังก์ชันidentity และการcomposition สามารถทำให้เรากำหนดคุณลักษณะของฟังก์ชันinversesได้อีกหนึ่งรูปแบบ • Theorem: ฟังก์ชันf: AB และg: BA จะมีinversesก็ต่อเมื่อ (gf)= A and (fg) =B โดยที่A และ B เป็นฟังก์ชันของ sets A และB. นั่นคือ, aA, bB ( (g(f(a)) = a) (f(g(b)) = b) )
ฟังก์ชันที่สำคัญ: Absolute Value • คำนิยาม: ฟังก์ชันabsolute valueย่อด้วยx เป็นฟังก์ชัน f ที่f: R{y R | y 0}. โดยค่าของฟังก์ชันนิยามดังนี้ x ถ้าx 0 x = -x ถ้าx < 0
ฟังก์ชันที่สำคัญ: Floor & Ceiling y • คำนิยาม: ฟังก์ชัน floorเขียนย่อด้วยx, เป็นฟังก์ชันRZค่าที่ได้คือค่าของจำนวนเต็มที่มากที่สุดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ x 3 3 2 2 1 1 x x -2 -1 1 2 3 4 5 1 2 3 4 5 -2 -1 -5 -4 -3 -5 -4 -3 -1 -1 • คำนิยาม: ฟังก์ชัน ceiling เขียนย่อด้วยx, เป็นฟังก์ชันRZ ค่าที่ได้คือค่าของจำนวนเต็มที่น้อยที่สุดที่มากกว่าหรือเท่ากับ x -2 -2 -3 -3
แบบฝึกหัดทำส่ง (1) • กำหนดให้ f เป็นฟังก์ชัน f: Z Zจงหาว่าฟังก์ชันด้านล่างเป็นฟังก์ชันแบบ one-to-one, onto, และ bijectionหรือไม่ • f(n) = n − 1 • f(n) = n2 + 1 • f(n) = n3 • f(n) =n/2
แบบฝึกหัดทำส่ง (2) • จงหา f ◦ g และg ◦ f เมื่อ • f(x) = x2 + 1 • g(x) =x + 2 • โดยทั้ง 2 ฟังก์ชันเป็นฟังก์ชันจาก R ไป R • กำหนดf(x) = x2/3 จงหา f(S) เมื่อ • S ={−2,−1, 0, 1, 2, 3}. • S ={0, 1, 2, 3, 4, 5}. • S ={1, 5, 7, 11}. • S ={2, 6, 10, 14}.