1 / 22

ระบบต่อไร้ท่อ (Endocrine gland)

ระบบต่อไร้ท่อ (Endocrine gland). ต่อมไร้ท่อ คือ. ระบบต่อมไร้ท่อ ( Endocrine System) ต่อมไร้ท่อ ( Endocrine Gland) หมายถึงต่อมไม่มีท่อ สิ่งที่หลั่งจากต่อมเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนโดยตรงไม่ต้องผ่านท่อ

nicki
Download Presentation

ระบบต่อไร้ท่อ (Endocrine gland)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ระบบต่อไร้ท่อ(Endocrine gland)

  2. ต่อมไร้ท่อ คือ ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System) ต่อมไร้ท่อ (Endocrine Gland)หมายถึงต่อมไม่มีท่อ สิ่งที่หลั่งจากต่อมเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนโดยตรงไม่ต้องผ่านท่อ ต่อมไร้ท่อสร้างสารเคมีซึ่งมักจะเรียกว่า ฮอร์โมน (Hormones) ซึ่งจะไปควบคุมหรือดัดแปลงสมรรถภาพของเซลล์ของ อวัยวะเป้าหมาย(Target Organ)ผลของมันอาจไปกระตุ้นหรือยับยั้งก็ได้

  3. ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สำคัญฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวัยวะที่สำคัญ • ต่อมไพเนียล (Pineal Gland) เป็นต่อมไร้ท่ออยู่เหนือสมอง อยู่บริเวณกึ่งกลางของสมองส่วนซีรีบรัมซ้ายและขวา มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวมีสีแดงปนน้ำตาล ในตอนกลางวันจะสร้างเซโรโตนิน กระตุ้นให้เราลุกตื่นขึ้น พอตกกลางคืนก็สร้าง เมลาโตนิน ให้เรารู้สึกง่วงนอน จึงเปรียบเสมือนนาฬิกาชีวภาพ *** นอกจาก เมลาโทนิน ยังทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ไม่ให้โตเร็วเกินไปในช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์

  4. ต่อมใต้สมอง(Pituitary Gland) เป็นต่อมที่อยู่ติดกับส่วนล่างของสมองส่วนไฮโพทาลามัส แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ต่อมใต้สมองส่วนหน้า ต่อมใต้สมองส่วนกลาง และต่อมใต้สมองส่วนหลัง ต่อมใต้สมองส่วนหน้าและส่วนกลาง มีต้นกำเนิดมาจากเนื้อเยื่อชนิดเดียวกัน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเป็นหน่วยเดียวกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นต่อมไร้ท่อแท้จริง ขณะที่ต่อมใต้สมองส่วนหลัง เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อประสาท ที่ไม่ได้สร้างฮอร์โมนได้เองแต่มีปลายแอกซอนของนิวโรซีครีทอรีเซลล์ (Neurosecretory cell) จากไฮโปทาลามัสมาสิ้นสุด และหลั่งฮอร์โมนประสาทออกมาสู่กระแสเลือด *** ต่อมใต้สมองเป็นหัวใจของต่อมไร้ท่อ เพราะควบคุมการสร้างฮอร์โมนของต่อมอื่อนๆ

  5. ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า 1. โกรธฮอร์โมน (Growth Hormone) มีหน้าที่สำคุญในการควบคุมการเจริญเติบโตทั่ว ไปของร่างกาย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โซมาโตโทรฟิน (Somatotrophin) หากมีมากเกินไปในวัยเด็กจะทำให้ร่างกายสูงผิดปกติหรือสภาพร่างยักษ์ (Gigantism) หากขาดฮอร์โมนนี้ในวัยเด็กจะมีลักษณะเตี้ยแคระหรือสภาพแคระ (Dwarfism) หากในวัยผู้ใหญ่ GH จะทำให้มีอาการ ผอม แห้ง หรือ Simmond’s Disease ถ้าหาก GH มาก ร่างกายจะไม่สูงใหญ่กว่าปกติมากนักแต่ส่วนที่เป็นกระดูกตามแขน ขา คาง กระดูกขากรรไกรและกระดูกแก้มยังตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้อยู่ ทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูกตามบริเวณใบหน้า นิ้วมือ น้วเท้า เรียกลักษณะดังนี้ว่า Acromegaly

  6. 2.โกนาโดโทรฟิน (gonadotrophin) ประกอบด้วย ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน (FSH)และ ลูทิไนซิงฮอร์โมน (LH) - FSH ชาย : สร้างอสุจิ หญิง : สร้างไข่ ขณะที่ไข่เจริญจะสร้างฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) - LH ชาย : สร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) หญิง : จะกระตุ้นการตกไข่และเกิดคอร์ปัสลูเทียม คอร์ปัสลูเทียมจะสร้าง ฮอร์โมนชื่อ Progesterone Progesterone เป็นฮอร์โมนเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์

  7. 3.โพรแลกทิน (Prolactin) กระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนม เพื่อเลี้ยงลูกอ่อนหลังคลอด 4.อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟิน (Adrenocorticotrophin) ทำหน้าที่กระตุ้นต่อมหมวกไตส่วนนอกให้หลั่งฮอร์โมนตามปกติ 5.ไทรอยด์สติมิวเลติงฮอร์โมน (Thyroid Stimulating Hormone) กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนเป็นปกติ **ถ้ากระตุ้นมากจะทำให้เป็นโรค คอพอก 6.เอนดอร์ฟิน (Endorphin) เป็นสารที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ช่วยเพิ่มความตื่นตัวมีชีวิตชีวาและมีความสุข 7.MSH (Melanocyte Stimulation Hormone)ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสี เมลานิน ที่ผิวหนัง โดยกระตุ้นการกระจาย ของเมลานิน ในเมลาโนไซท์ ถ้าขาด MSH ผิวหนังจะซีดขาว ถ้า MSH มากเกินไปผิวหนังจะเข้มดำ

  8. ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลังฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง 1.วาโซเพรสซิน (Vasopressin) ทำหน้าที่ควบคุมการดูดกลับน้ำของท่อหน่วยไตและกระตุ้นให้หลอดเลือดอาร์เตอรีหดตัว **แพทย์ใช้ฉีดหลังจากการผ่าตัด 2.ออกซิโทซิน (Oxytocin) ทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่มดลูกบีบตัว จึงเป็นฮอร์โมนที่แพทย์ฉีดเพือช่วยในการคลอกลูกของมารดาที่มีฮอร์โมนชนิดนี้น้อยกว่าปกติ นอกจากนี้ฮอร์โมนชนิดนี้ยังกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบๆ ต่อมน้ำนมให้หดตัวเพื่อขับน้ำนมออกมาเลี้ยงลูกอ่อน

  9. ต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland)ของคนจัดว่าเป็นต่อมไร้ท่อขนาดใหญ่ต่อมหนึ่งอยู่ติดกับบริเวณกล่องเสียงมีลักษณะเป็นพู 2 พู และมีเนื้อเยื่อของต่อมพาราไทรอยด์ติดอยู่ทางด้านหลังข้างละ 2 ต่อม ต่อมไทรอยด์ ผลิตฮอร์โมนชื่อว่า ไทรอกซิน (Thyroxin) ซึ่งมีไอโดดีนเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วยและพบว่าแหล่งที่สร้างไทรอกซินในต่อมไทรรอยด์คือ กลุ่มเซลล์จำนวนมาก แต่ละกลุ่มเซลล์ประกอบด้วยเซลล์ที่มีความหนาแน่นเพียงชั้นเดียวและมีช่องตรงกลาง เรียกกลุ่มเซลล์นี้ว่า ไทรอยด์ฟอลลิเคิล (Thyroid Follicle)ทำหน้าที่สร้างไทรอกซินแล้วปล่อยเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือด

  10. ต่อมไทรอยด์ของคนบางคนสร้างไทรอกซินได้น้อยกว่าคนปกติและพบว่าการที่ร่างกายผลิตไทรอกซินได้น้อยจะแสดงผลในผู่ป่วยที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่แตกต่างกัน ต่อมไทรอยด์ของคนบางคนสร้างไทรอกซินได้น้อยกว่าคนปกติและพบว่าการที่ร่างกายผลิตไทรอกซินได้น้อยจะแสดงผลในผู่ป่วยที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่แตกต่างกัน วัยเด็ก : ขาดฮอร์โมนชนิดนีเจะมีผลต่อการพัฒนาการของร่างกายและ สมองด้อยลง ทำให้ร่างกายแคระ แขนสั้น ขาสั้น การเจริญเติบโตช้ากว่าปกติและปัญญาอ่อน กลุ่มอาการเช่นนี้เรียกว่า เครทินิซึม (Cretinism) ภาพ ก. วัยผู้ใหญ่ : ขาดฮอร์โมนไทรอกซินจะทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ทนความหนาวไม่ได้ กล้ามเนื่ออ่อนแรง มีอาการซึม เฉื่อยชาและความจำเสื่อม กลุ่มอาการเช่นนี้เรียกว่า มิกซีดีมา (Myxedema)ภาพ ข.

  11. สำหรับโรคคอพอกที่เกิดจากการขาดไอโอดีน ทำให้ต่อมไทรอยด์ไม่สามารถสร้างไทรอกซินได้จะมีอาการเหมือนมิกซีดีมาแต่มีลักษณะคอโตด้วย เนื่องจากเมื่อต่อมใต้สมองส่วนหน้าหลั่ง TSHมากระตุ้นต่อมไทรอยด์มากเกินไป โดยที่ต่อมนี้ไม่สามารถสร้างไทรอกซินออกไปยับยั้งการหลั่ง TSHจากต่อมใต้สมองได้ จะทำให้ต่อมไทรอยด์ขยายขนาดผิดปกติ โรคคอพอกอีกชนิดหนึ่งคือ โรคคอพอกเป็นพิษ (Toxic Goiter) เนื่องจากต่อมไทรอยด์ถูกกระตุ้นให้สร้างฮอร์โมนมากเกินไป ผู้เป็นโรคนี้คอจะไม่โตมากนักแต่บากคนอาจมีอาการตาโปนด้วย

  12. แคลซิโทนิน (Calcitonin) เป็นฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างจากต่อมไทรอยด์ แต่สร้างจากกลุ่มเซลล์ที่มีต้นกำเนิดต่างจากไทรอยด์ฟอลลิเคิลเรียกเซลล์เหล่านี้ว่า เซลล์ซี (C-cell) ฮอร์โมนนี้ทำงานร่วมกับฮอร์โมนจากต่อมพาราไทรอยด์และวิตามิน D

  13. ต่อมพาราไทรอยด์ : ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid Gland) คือ พาราทอร์โมน (Para hormone) ต่อมนี้มีความสำคัญในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเม่านั้น ฮอร์โมนชนิดนี้มีหน้าที่สำคัญคือ ควบคุมสมดุลของแคลเซียมในเลือดให้คงที่ ถ้าต่อมนี้สร้างพาราทอร์โมนได้น้อยกว่าปกติ ทำให้การดูดกลับแคลเซียมที่ท่อหน่วยไตและการสลายแคลเซียมจากกระดูกน้อยลง ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็งและชักกระตูก การบีบของหัวใจอ่อนลง อาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าต่อมนี้สร้างฮอร์โมนมากเกินไปจะมีการสลายแคลเซียมจากฟันและกระดูกมายังกระแสเลือด ทำให้แคลเซียมในเลือดสูง กระดูกบาง ฟันผุและหักง่าย

  14. ตับอ่อน ลักษณะเป็นต่อมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางด้านหลังของกระเพาะอาหาร ใกล้กับลำไส้เล็กส่วนดูโอดินัม ซึ่งเป็นลำไส้เล็กส่วนต้น ส่วนที่เป็นต่อมไร้ท่อ จะผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ดังนี้ 1) อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง โดยช่วยให้กลูโคสผ่าน เข้าเซลล์และเปลี่ยนส่วนหนึ่งเป็นไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับ ปกติ 2) กลูคากอน เป็นฮอร์โมนที่ทำงานตรงข้ามกับอินซูลิน คือ ทำให้ระดับน้ำตาลใน เลือดสูงขึ้น

  15. ความผิดปกติในการสร้างฮอร์โมนของตับอ่อนที่พบบ่อยคือการเป็นโรคเบาหวานจะตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ อาการของคนที่เป็นโรคนี้ทั่วไปคือ ปัสสาวะมากและบ่อยครั้ง ทำให้กระหายน้ำมากผิดปกติ น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย เซื่องซึม เมื่อยล้า มองภาพไม่ชัดและติดเชื้อง่าย อาการที่เกิดจากโรคเบาหวานดังกล่าวเกิดจากเซลล์ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งประสิทธิภาพของตับในการเก็บกลูโคสไว้ในรูปไกลโคเจนลดลงทำให้หลังรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงมากเป็นเวลานานจนร่างกายต้องกำจัดน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ เบาหวานแบ่งเป็น 2 แบบ คือ 1. แบบแรก เกิดจากตับอ่อนไม่สามรถสร้างอินซูลินได้ 2. แบบที่สอง สาเหตุมาจากตับอ่อนของผู้ป่วยสร้าง อินซูลินได้ปกติแต่รับอินซูลินผิดปกติ อินซูลินจึง ทำงานไม่ได้

  16. ต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) ต่อมหมวกไต แบ่ง ออกเป็น 2 ส่วน คือ ต่อมหมวกไตส่วนนอก(Adrenal Cortex) และต่อมหมวกไตส่วนใน (Adrenal Medulla)

  17. ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอกฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก 1) กลูโคคอร์ติคอย (Glucocorticids) ทำหน้าที่หลักในการควบคุมเมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ตัวอย่างของฮอร์โมนกลุ่มนี้คือ คอร์ติซอล (Cortisol) มีหน้าที่สำคุญในการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด โดยกระตุ้นเซลล์ตับให้เปลี่ยนกรดอะมิโนและกรดไขมันเป็นคาร์โบไฮเดรตและสะสมไว้ในรูปของไกลโคเจน การมีกลูโคคอร์ติคอยด์มากเกินไป ทำให้เกิดอาการ คูชชิง (Cushing’s Syndrome) ผู้ป่วยมีความผิดปกติเกี่ยวกับเมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ลิพิดและโปรตีน ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื่องจากสลายโปรตีนและลิพิดตามบริเวณแขนขา ขณะที่มีการสะสมลิพิดบริเวณแกนกลางของลำตัว ทำให้หน้ากลมคล้ายดวงจันทร์ บริเวณคอมีหนอก

  18. 2) นิเนราโลคอร์ติคอยด์ (Mineralocorticoids)มีหน้าที่ควบคุมดุลดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย ฮอร์โมนที่สำคัญในกลุ่มนี้ คือ แอลโดสเทอโรนซึ่งควบคุมการทำงานของไตในการดูดกลับน้ำและโซเดียมเข้าสู่หลอดเลือดและขับโพแทสเซียมออกจากท่หน่วยไตให้สมดุลกับความต้องการของร่างกาย 3) ฮอร์โมนเพศ (Sex Hormone) ในภาวะปกติฮอร์โมนเพศที่สร้างจากต่อมหมวกไตส่วนนอกมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับฮอร์โมนเพศที่สร้างจากอวัยวะเพศ อย่างไรก็ตามถ้าต่อมนี้สร้างฮอร์โมนเพศมากเกินปกติ โดยเด็กจะแสดงอาการเป็นหนุ่มสาวเร็วขึ้น ถ้าต่อมหมวกไตส่วนนอกถูกทำลายจนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ จะทำให้เป็นโรคแอดดิสัน (Addison’s Disease) ร่างกายจะไม่สามารถรักษาสมดุลของแร่ธาตุซึ่งจะเป็นเหตุให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายได้

  19. ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนในฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนใน ต่อมหมวกไตส่วนในสร้างฮอร์โมนได้ 2 ชนิด ได้แก่ อะดรีนาลีน (Adrenaline) และ นอร์อะดรีนาลีน (Noradrenaline) ซึ่งฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้ ออกฤทธิ์เหมือนกัน มีผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูง นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดสูง 1) Adrenalin hormone หรือ Epinephrine hormone กระตุ้นให้หัวใจบีบตัวแรง เส้นเลือดขยายตัว เปลี่ยน glycogenในตับให้เป็นกลูโคสในเลือด 2)Noradrenline hormone หรือ Norepinephrine hormoneกระตุ้นให้เส้นเลือดมีการบีบตัว ผลอื่นคล้ายๆ adrenalinแต่มีฤทธิ์น้อยกว่า

  20. อวัยวะเพศ ได้แก่ อัณฑะ(Testis) และรังไข่ (Ovary) เพศชาย : ฮอร์โมนเพศชาย ที่สำคัญคือ เทสทอสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งจะทำ หน้าที่หลายอย่างคือ 1) ควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ 2) ทำให้อัตราการเจริญเติบโตของกระดูกเพิ่มขึ้น 3) กระตุ้นการสร้างโปรตีนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเอ็นไซม์ 4) ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนเพศชาย เพศหญิง : ฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญคือ เอสโตรเจน (Estrogen)และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone)ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์และลักษณะต่างๆของความเป็นเพศหญิง ส่วนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน จะเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์คือ ระงับไม่ให้ไข่สุกระหว่างตั้งครรภ์ป้องกันไม่ให้มีประจำเดือนระหว่างตั้งครรภ์ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูกชั้นในเพื่อรองรับการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสม และกระตุ้นต่อมน้ำนมให้เจริญเติบโต

  21. ถ้าเซลล์ไข่ที่ตกไม่ได้รับการผสมจากอสุจิ คอร์ปัสลูเทียมจะเปลี่ยนแปลงและหยุดสร้างโพรเจสเทอโรน ทำให้ผนังมดลูกสลายตัวถูกขับออกจากมดลูกเรียกว่า ประจำเดือน (Menstruation) Progesterone // Estrogen จะสูงหลังตกไข่ FSH // Estrogen // LH จะสูงก่อนตกไข่

  22. รก : หลังจากเอมบริโอฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว เซลล์ของรก (Placenta) จะเริ่มหลั่งฮอร์โมนชื่อ ฮิวแมนคิริโอนิกโกนาโดโทรฟิน (Human Chorionic Gonadotrophin ; HCG) เพื่อกระตุ้นคอร์ปัสลูเทียมในรังไข่ให้เจริญต่อไปและสร้างโพรเจสเทอโรนเพิ่มขึ้น ***HCGใช้ตรวจการตั้งครรภ์ • ไทมัส(Thymus) เป็นอวัยวะที่มีลักษณะเป็นพู มีตำแหน่งอยู่ระหว่างกระดูกอกกับหลิดเลือดใหญ่ผ่านหัวใจ มีหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวคือลิมโฟไซต์ชนิดเซลล์ที กการแบ่งเซลล์หรือพัฒนาการของลิมโพไซต์ชนิดที่อาศัยไทโมซิน (Thymosin) ดังนั้นไทโมซินจึงเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างถูมิคุ้มกันของร่างกาย • กระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก : ฮอร์โมนที่พบในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กมี 3 ชนิด คือ 1) แกสตริน (Gastrin) สร้างจากกระเพาะอาหาร มีหน้าที่กระตุ้นการหลั่งเอมไซม์และ กรดไฮโดรคลอลิก 2) ซีครีทิน (Secretin) สร้างจากบริเวณลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัม ขณะอาหารที่มีความเป็นกรดจากกระเพาะอาหารผ่านเข้าไป ซีครีทินจะกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต 3) คอลีซิสโตไคนิน (Cholecystokinin) สร้างจากดูโอดีนัม กระตุ้นการบีบตัวของถุงน้ำดีและตับอ่อนให้หลั่งเอมไซม์

More Related