1 / 79

Complementary feeding and Natural Foods

Complementary feeding and Natural Foods. กุสุมา ชูศิลป์ หน่วยโภชนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วัตถุประสงค์. เสนอแนวปฏิบัติการให้อาหารทารกขององค์การอนามัยโลก อธิบายเหตุผลการให้อาหารเสริมเมื่อ อายุ6เดือน อธิบายวิธีกำหนดชนิดอาหารเสริมที่เหมาะสม

ratana
Download Presentation

Complementary feeding and Natural Foods

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Complementary feeding and Natural Foods กุสุมา ชูศิลป์ หน่วยโภชนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

  2. วัตถุประสงค์ • เสนอแนวปฏิบัติการให้อาหารทารกขององค์การอนามัยโลก • อธิบายเหตุผลการให้อาหารเสริมเมื่อ อายุ6เดือน • อธิบายวิธีกำหนดชนิดอาหารเสริมที่เหมาะสม • อธิบายความสำคัญสารอาหารในอาหารเสริม • อธิบายวิธีจัดอาหารเสริมให้เพียงพอกับความต้องการของทารกที่ไดรับนมแม่ • เลือกอาหารธรรมชาติในการเลี้ยงเด็กอายุ 6-24 เดือน

  3. Normal growth Normal development Good eating habit Disease prevention Goals of infant feeding

  4. Definition: Complementary foodsAny nutrient - containing foods or liquids other than breast milk given to young children during the period of complementaryfeeding Definition: Complementary feeding period The period during which other foods or liquids are provided along with breast milk

  5. ESPGHAN Committee on Nutrition Medical Position Paper 2008 Complementary feeding: All solid andliquid foods other than breast milk or infant formula and follow-on formula J Pediatr Gastroenterol Nutr 2008.

  6. ควรให้อาหารเสริมแก่ทารกเมื่อใด?ควรให้อาหารเสริมแก่ทารกเมื่อใด? • เมื่อทารกมีความพร้อม - ด้านกล้ามเนื้อและระบบประสาท - ด้านการทำงานของทางเดินอาหาร - ด้านการทำงานของไต - ด้านพัฒนาการของสมองในการรับ อาหาร

  7. พัฒนาการของกล้ามและระบบประสาทพัฒนาการของกล้ามและระบบประสาท • ตั้งแต่เกิดครบกำหนดทารกมีความสัมพันธ์ระหว่างการดูดและการกลืน • เมื่อเริ่มดูดนมทารกตอบสนองต่อการเขี่ยแก้มหรือริมฝีปาก(rooting reflex) • ทารกลดการใช้ลิ้นดุน (extrusion reflex) ขณะรับอาหารเมื่ออายุ4 เดือน • ทารกควบดุมการปิดปากขณะรับอาหารเมื่ออายุ4 เดือน • เมื่ออายุ5-7เดือนทารกเริ่มนั่งและเคี้ยวอาหาร • เมื่ออายุ 9-10 เดือนทารกเริ่มหยิบอาหารเข้าปาก • หลังอายุ12 เดือนเริ่มมีพฤติกรรมสำรวจและอยากรู้อยากเห็น

  8. สรีรวิทยาของทางเดินอาหารสรีรวิทยาของทางเดินอาหาร • อาหารช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนในทางเดินอาหาร • การเจริญเติบโตของเยื่อบุทางเดินอาหารช่วยสร้างน้ำย่อยที่ย่อยคาร์โบไฮเดรต • การเคลื่อนอาหารออกจากกระเพาะเข้าสู่ลำไส้ขึ้นกับอายุครรภ์ขณะเกิด • เกลือน้ำดีจากตับและน้ำย่อยจากตับอ่อนที่ช่วยย่อยโปรตีนและไขมัน • สารอาหารบางตัวถูกย่อยและดูดซึมในกระเพาะ • มีการควบคุมการดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ในลำไส้ • มีการสร้างภูมิต้านในลำไส้และทั่วร่างกาย

  9. การขับของเสียทางไตของทารกแรกเกิด การขับของเสียทางไตของทารกแรกเกิด • อัตราการกรองของเสียต่ำ • ขับกรดออกจากร่างกายได้น้อย • ทำงานหนักเมื่อมีสารยูเรียหรือสารเกลือแร่ มากเกินไป

  10. การย่อยน้ำตาล • Oligosaccharides เกิดจากการย่อยแป้งหรือการสลาย glycogen และจะถูกย่อยต่อโดย alpha-glucosidase เช่น sucrase-isomaltase • Lactose ถูกย่อยโดย lactase ซึ่งเป็น beta-glucosidase ได้ monosaccharides glucose และ galactose

  11. การย่อยน้ำตาล • Lactase จะทำงานด้วยอัตราจำกัดเพื่อให้เซลล์ลำไส้ดูดซึม glucose และ galactose อย่างช้าๆด้วยส่วนโปรตีน Na+ glucose cotransporter จนมีคามเข้มข้นสูงพอที่จะซึมผ่านผนังของเซลล์ลำไส้สู่กระแสเลือด • การดูดซึมคาร์โบไฮเดรตขึ้นกับฮอร์โมนในทางเดินอาหาร

  12. การย่อยไขมัน • ไขมันหลักTriglycerides ประมาณ10-30% เริ่มถูกย่อยโดยGastric lipaseในกระเพาะที่มีความเป็นกรดที่พอเหมาะ • Monoglycerides และกรดไขมันถูกเคล้าด้วยน้ำดีในลำไส้ก่อนถูกย่อยโดย colipase dependent-lipaseจากตับอ่อน • Colipase dependent-lipase มีน้อยมากในทารกและหลั่งสร้างเป็น1000เท่าในผู้ใหญ่

  13. การดูดซึมไขมัน • การดูดซึมกรดไขมันไม่อิ่มตัวดีกว่ากรดไขมันอิ่มตัว • กรดไขมันไม่อิ่มตัวถูกสลายดีในกระเพาะ ชอบละลายกับเกลือน้ำดี จับกับโปรตีน และ reesterifiedได้จึงไม่ค่อยเปลี่ยนสบู่ • การดูดซึมกรดไขมันอิ่มตัวขึ้นกับตำแหน่งของกรดไขมันในโมเลกุลtriglycerol

  14. การดูดซึมไขมัน • กรดในนมแม่มี palmitic acidที่ตำแหน่ง sn-2 ของโมเลกุลtriglycerolจำนวนมาก แต่นมผสมมีน้อยมาก กรดไขมันอิ่มตัวในนมแม่จึงถูกดูดซึมดีกว่า • Medium chain triglyceridesมีกรดไขมันอิ่มตัว8-10 carbon atom ละลายดีในน้ำถูกย่อยดีในกระเพาะด้วยlipase แม้จะมี เกลือน้ำดี และน้ำย่อยจากตับอ่อนน้อย จึงถูกดูดซึมดีกว่าlong chaintriglycerides

  15. พฤติกรรมการให้อาหารทารกหลังอายุ 6 เดือน • หัดให้กินอาหารจากช้อน • เริ่มควบคุมกล้ามเนื้อริมฝีปาก การเคลื่อนของลิ้น และกระดูกขากรรไกร • หันศีรษะไปมาขณะอ้าปากรับช้อนได้ • เริ่มตั้งใจดูดน้ำและอาหารด้วยตนเอง • นั่งกินอาหารได้ อายุ 8-10 เดือน • เริ่มใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือจับชิ้นอาหารเข้าปาก เช่นผักชิ้นเล็กๆ ที่ทำให้สุกและอ่อนนิ่ม • หัดเคี้ยวเพื่อกระตุ้นการขึ้นของฟัน • ช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น • คุ้นเคยกับอาหารในครอบครัว

  16. พัฒนาการและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกินพัฒนาการและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกิน

  17. พัฒนาการและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกินพัฒนาการและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกิน

  18. อายุที่เริ่มให้อาหารเสริมอายุที่เริ่มให้อาหารเสริม • ข้อกำหนดการให้อาหารเสริมขององค์การอนามัยโลก ค.ศ. 1979 ให้อาหารเสริมหลัง ได้นมแม่อย่างเดียว 4-6 เดือน ค.ศ. 2002 ให้เริ่มอาหารเสริมครั้งแรก เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป

  19. อายุที่เริ่มให้อาหารเสริมที่กำหนดโดยองค์กรอื่นอายุที่เริ่มให้อาหารเสริมที่กำหนดโดยองค์กรอื่น • WHO 2001: 6 เดือน • กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย: 6 เดือน • ชมรมโภชนาการเด็กแห่งประเทศไทย 2550:4-6 เดือน • AAP 2008: 4-6 เดือน • ESPGHAN 2008: 17 – 26 สัปดาห์

  20. ข้อแนะนำการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี (FBDG)ของทารก * ถ้ามีความจำเป็นที่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ ให้ใช้นมผงดัดแปลงสำหรับทารก ** การเจริญเติบโตมีแนวโน้มลดลง (น้ำหนักเพิ่มน้อย หรือไม่เพิ่ม) หรือไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างเต็มที่ *** แนะนำให้ใช้อาหารที่เตรียมเอง **** อาจเลือกใช้นมสูตรต่อเนื่องหรือนมวัวรสจืดในเด็กอายุ 1-2 ปี

  21. ข้อสรุปแนวทางการให้อาหารเสริมระดับโลกข้อสรุปแนวทางการให้อาหารเสริมระดับโลก • Daelmans B,Martines J, and Saadeh R. Food and Nutrition Bulletin, vol. 24,no.1:2003 ;126-129

  22. หลักการปฏิบัติเกี่ยวกับการให้อาหารเสริมหลักการปฏิบัติเกี่ยวกับการให้อาหารเสริม • ควรเริ่ม น้ำ เครื่องดื่ม หรืออาหารอื่นๆนอกเหนือจากนมแม่เมื่อทารกอายุ6เดือนเต็ม • เพิ่มปริมาณอาหารตามอายุของเด็ก • ยังคงให้นมแม่บ่อยครั้งขณะให้อาหารเสริม • ความต้องการกำลังงานจากอาหารเสริมของทารกในประเทศที่กำลังพัฒนาสูงกว่าทารกในประเทศที่พัฒนาแล้วเพราะได้รับนมแม่แตกต่างกัน

  23. กำลังงานสารอาหารที่ต้องการเพิ่มในอาหารเสริมกำลังงานสารอาหารที่ต้องการเพิ่มในอาหารเสริม • คำนวณส่วนต่างในแต่ละกลุ่มอายุระหว่างความต้องการกำลังงานสารอาหารที่ต้องการหรือควรได้รับทั้งหมดต่อวันกับปริมาณกำลังงานสารอาหารในนมแม่ • จัดแบ่งกลุ่มอายุเพื่อการคำนวณความต้องการสารอาหารเป็นช่วงอายุ 6 to 8 เดือน, 9 to 11 เดือน, และ 12 to 23 เดือน.

  24. ปริมาณโปรตีน พลังงาน ที่ควรได้รับจากอาหารเสริมตามวัยสำหรับทารกตามกลุ่มอายุ

  25. ส้ดส่วนกำลังงานที่ทารกได้รับจากนมแม่เทียบกับความต้องการกำลังงานทั้งหมดส้ดส่วนกำลังงานที่ทารกได้รับจากนมแม่เทียบกับความต้องการกำลังงานทั้งหมด

  26. สัดส่วนของกำลังงานที่ได้จากนมแม่และอาหารเสริมที่อายุ 4 เดือน และ6 เดือน

  27. ปริมาณกำลังงานสารอาหารที่ควรได้ในอาหารเสริมปริมาณกำลังงานสารอาหารที่ควรได้ในอาหารเสริม ปริมาณพลังงาน(กิโลแคลอรีต่อวัน) ช่วงอายุของทารก ควรได้รับ นมแม่ อาหารเสริม 6-8 เดือน 615 413 202 9-11 เดือน 686 379 307 12-23 เดือน 894 346 548

  28. ความถี่ของมื้ออาหารเสริมและความหนาแน่นของกำลังงานสารอาหารอาหารความถี่ของมื้ออาหารเสริมและความหนาแน่นของกำลังงานสารอาหารอาหาร • จำนวนครั้งที่เหมาะสมในการให้อาหารเสริมขึ้นกับชนิดของอาหารเสริมที่มีความหนาแน่นของกำลังงานสารอาหารต่างกัน • ถ้าความหนาแน่นของกำลังงานสารอาหารน้อยหรือเด็กรับประทานอาหรต่อมื้อได้น้อย หรือ ได้รับนมแม่น้อย เด็กควรได้อาหารเสริมบ่อยครั้งขึ้น

  29. จำนวนมื้ออาหารเสริมที่มีกำลังงานสารอาหารน้อยที่สุดในแต่ละกลุ่มอายุจำนวนมื้ออาหารเสริมที่มีกำลังงานสารอาหารน้อยที่สุดในแต่ละกลุ่มอายุ WHO/UNICEF 1998

  30. ระดับสารอาหารน้ำนมแม่ระดับสารอาหารน้ำนมแม่ • น้ำนมแม่เป็นแหล่งสารอาหารระดับดีได้แก่ โปรตีน วิตามินเอ โฟเลต วิตามินบี12 วิตามินซี ไอโอดีน และทองแดง • น้ำนมแม่เป็นแหล่งสารอาหารระดับพอใช้ ได้แก่ วิตามินบี2 วิตามินบี1 แคลเซียม และสังกะสี • น้ำนมแม่เป็นแหล่งสารอาหารระดับต่ำได้แก่ ไนอะซิน วิตามินบี6 วิตามินดี วิตามินเค และเหล็ก

  31. ส่วนประกอบสารอาหารที่ให้กำลังงานในอาหารเสริมส่วนประกอบสารอาหารที่ให้กำลังงานในอาหารเสริม • อาหารเสริมส่วนมากมีโปรตีนที่เพียงพอหรือเกินพอกับความต้องการของทารก • น้ำนมแม่มีไขมันมากกว่าในอาหารเสริม เฉลี่ย 38 กรัมต่อลิตร ในประเทศกำลังพัฒนา • สัดส่วนของกำลังงานจากไขมันในอาหารเสริมของทารกแต่ละช่วงอายุแตกต่างกัน อายุ 6-8 เดือน ต้องการ 0-34 %, อายุ 9-11 เดือน ต้องการ 5-38 % อายุ12-23 เดือนต้องการ 17- 42 %

  32. Fatty acid Composition inBreast milk from4 Regions of Thailandกรดไขมันจากนมแม่จาก4ภูมิภาคของไทย Pipop Jirapinyo , et al. J Med Assoc Thai ,2008;91: 1833-38

  33. LCPUFAs ในนมของแม่จาก4 จังหวัดในประเทศไทย

  34. ลักษณะกรดไขมันสายโมเลกุลยาวในน้ำนมของแม่ไทยลักษณะกรดไขมันสายโมเลกุลยาวในน้ำนมของแม่ไทย • หญิงให้นมบุตรในจังหวัดสุรินทร์บริโภคDHAเฉลี่ย 10.44(0.82)มกต่อสัปดาห์ซึ่งสูงที่สุด รองลงมาเป็นหญิงให้นมบุตรในกรุงเทพ8.12(0.94) มกต่อสัปดาห์ • หญิงให้นมบุตรในจังหวัดจันทบุรีบริโภคDHA 5.97(0.62) มกต่อสัปดาห์และในจังหวัดตากบริโภคDHA 1.42(0.20)ซึ่งค่อนข้างต่ำมาก • แหล่งของกรดไขมันได้แก่น้ำมันพืชที่ใช้ทำอาหารเช่นน้ำมันถั่วเหลืองที่มีLAและALAสูงทำให้แม่ในกรุงเทพที่สามารถบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองมี LAและALA ในนมแม่สูงที่สุด • หญิงให้นมบุตรในจังหวัดสุรินทร์ที่บริโภค DHAมากที่สุดได้ DHAจากปลาและทำให้นมแม่มี DHAมากที่สุด แต่หญิงให้นมบุตรในกรุงเทพมี DHAน้อยที่สุด

  35. What are good complementary foods? • Rich in energy, protein & micronutrients • Clean and safe • Locally available and easy to prepare • Not too sweet, salty or peppery • Liked by the child

  36. อัตราการสะสมแคลเซียมในร่างกายของเด็กอัตราการสะสมแคลเซียมในร่างกายของเด็ก Balance study Accretion Bone densitometry Calcium accretion (mg/d) Age group Abrams,1991&1994&1997.Begum,1969.Ellis,1997.Fomon,1993.Garn,1972.Koo,1997. Leitch,1959.Martin,1997.Matkovic,1991&1992.Weaver,1994.Widdowson,1951.

  37. ชนิดของอาหารที่ควรให้ในอาหารเสริมชนิดของอาหารที่ควรให้ในอาหารเสริม • ควรให้อาหารเสริมที่หลากหลายชนิดเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามความต้องการ • อาหารที่ควรได้ทุกวันหรือบ่อยครั้งได้แก่ เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา หรือไข่ • อาหารมังสวิรัติไม่สามารถครอบคลุมสารอาหารที่เด็กวัยนี้ต้องการ • ควรให้ผักและผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินเอทุกวัน • ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสารอาหารน้อย เข่น น้ำหวาน.

  38. ความหนาแน่นสารอาหาร(ต่อ100กิโลแคลอรี)ในอาหารของเด็กอายุ6-8เดือนความหนาแน่นสารอาหาร(ต่อ100กิโลแคลอรี)ในอาหารของเด็กอายุ6-8เดือน

  39. ความหนาแน่นสารอาหาร(ต่อ100กิโลแคลอรี)ในอาหารเด็กอายุ 9-11 เดือน

  40. ความหนาแน่นสารอาหาร(ต่อ100กิโลแคลอรี) ในอาหารเด็กอายุ 12-23 เดือน

  41. การให้อาหารเสริมที่ต้องระวังการขาดสารอาหารการให้อาหารเสริมที่ต้องระวังการขาดสารอาหาร • ทารกและเด็กที่เข้าถึงอาหารเสริมบางชนิดในปริมาณมาก เช่น อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล และได้รับอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์เนื้อนมไข่ค่อนข้างน้อยมีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารโดยเฉพาะเกลือแร่และวิตามิน • อาหารเสริมที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์มีสารอาหารน้อยเช่นเหล็ก แคลเซียม สังกะสี ซีลีเนียม กลุ่มวิตามินบี หรือวิตามินเอในบางโอกาส • อาหารเสริมที่มีความหนาแน่นของสารอาหาร(ปริมาณสารอาหารต่อ100 กิโลแคลอรี)น้อยกว่าปริมาณสารอาหารที่เด็กต้องการจริงถือว่าเป็นอาหารเสริมที่มีสารอาหารที่เป็นปัญหา

  42. สารอาหารที่เป็นปัญหา (Problem nutrients)ในอาหารเสริม • กลุ่มวิตามินที่ลดลงในน้ำนมแม่อย่างรวดเร็วถ้าแม่ได้รับไม่เพียงพอ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 วิตามินบี 12 และวิตามินเอ • กลุ่มวิตามินที่มีน้อยในน้ำนมแม่ตามปริมาณที่สะสมไว้ในร่างกายของแม่ เช่น โฟเลท และวิตามินดี • แร่ธาตุที่อาจต้องเพิ่มในอาหารเสริมเช่น เหล็ก สังกะสี แคลเซียม ซีลีเนียม และไอโอดิน

  43. ปริมาณ vitamin A (ไมโครกรัมต่อวัน)ที่ทารกและเด็กต้องการ

  44. แหล่งอาหารที่สำคัญของวิตามินเอ Retinol และBeta-Carotene • นมแม่ช่วงหัวน้ำนมมี Retinol และBeta-Carotene อย่างละ 2000ไมโครกรัมต่อลิตร และลดลงช่วงน้ำนมแก่เต็มที่เหลืออย่างละ 300-600 ไมโครกรัมต่อลิตร • นมแม่เป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของวิตามินเอในช่วง 6เดือนแรกหลังเกิด แต่ปริมาณในนมแม่ขึ้นภาวะวิตามินเอในตัวของแม่ • สารที่ช่วยเพิ่ม bioavailability ของวิตามินเอได้แก่ ไขมัน โปรตีน วิตามินอี สังกะสี หรือเหล็ก

  45. ปริมาณ Retinol (microgram RE 1=3.33IU)ในอาหารที่ได้จากสัตว์

  46. ปริมาณ Retinol (microgram RE 1=3.33IU)ในอาหารที่ได้จากพืช

  47. ปริมาณ Vitamin K (ไมโครกรัมต่อวัน)ที่ทารกและเด็กต้องการ

  48. แหล่งอาหารของวิตามินเคแหล่งอาหารของวิตามินเค • นมแม่มีวิตามินเคประมาณ 23 ไมโครกรัมต่อลิตร • ทารกที่ได้รับนมแม่อย่างเดียวร้อยละ55มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเค • ทารกแรกเกิดทุกคนควรได้รับการฉีดหรือรับประทานวิตามินเค0.5-1 มิลลิกรัม • ผักสีเขียวและอาหารประเภทถั่วเป็นแหล่งตั้งต้นให้แบคทีเรียสังเคราะห์วิตามินเคในลำไส้

  49. ปริมาณ Folate (ไมโครกรัมต่อวัน)ที่ทารกและเด็กต้องการ

  50. แหล่งอาหาร Folate(microgram)ในนมแม่ 80-140 ไมโครกรัมต่อลิตร

More Related