150 likes | 388 Views
Aquifer test การทดสอบหินอุ้มน้ำ. เป้าหมายที่เราอยากให้คุณรู้ 1.ทฤษฎีที่ใช้เพื่อหาประสิทธิภาพของบ่อบาดาลกับชั้นหินอุ้มน้ำ 2.วิธีทั้งหมดที่สามารถใช้ทดสอบได้ 3.วิธีไหนเหมาะกับสถานการณ์แบบไหน. โดย 1. นางสาวนิสา ศรีจันทร์ 4725058 2..นายอรรถพล ชำรัมย์ 4405648.
E N D
Aquifer testการทดสอบหินอุ้มน้ำ เป้าหมายที่เราอยากให้คุณรู้ 1.ทฤษฎีที่ใช้เพื่อหาประสิทธิภาพของบ่อบาดาลกับชั้นหินอุ้มน้ำ 2.วิธีทั้งหมดที่สามารถใช้ทดสอบได้ 3.วิธีไหนเหมาะกับสถานการณ์แบบไหน โดย 1. นางสาวนิสา ศรีจันทร์ 4725058 2..นายอรรถพล ชำรัมย์ 4405648
เมื่อ คือ fluid Specific Weight ทฤษฎี หินอุ้มน้ำ คือ หินที่สามารถกักเก็บและจ่ายน้ำได้ในอัตราที่เร็วเพียงพอต่อบ่อบาดาล 1. Intrinsic Permeability (k’) (Darcy or cm2) 2. Hydraulic Permeability
Darcy Law อัตราการไหลของมวลน้ำ(Mass Flow rate ) Discharge Velocity เมื่อความเร็ว discharge เลข Reynolds Number จะต้องมีค่าน้อยกว่า 5
เทคนิคที่ใช้ในการทดสอบหินอุ้มน้ำเทคนิคที่ใช้ในการทดสอบหินอุ้มน้ำ • 1. Permeametors • 2. ใช้ Darcy Law โดยตรง • 3. Pumping Test • Theis’s Method • Cooper-Jacob’s Method
ในการสูบทดสอบ ขณะที่ทำการสูบจะเกิด free surface เพราะอัตราเร็วที่น้ำไหลเข้าบ่อกับอัตราเร็วที่สูบน้ำออกจากบ่อไม่เท่ากันเนื่องจากเกิดการสะสมอยู่ในหินอุ้มน้ำ เมื่อทำการ derive หา field equation ของ ระบบดังกล่าว เมื่อ S = Storativity T = Transmitivity
Confined Unconfined S T เมื่อ 0 ผู้ที่สามารถแก้สมการนี้ได้เป็นคนแรกคือ C.V.Theisโดยใส่ขอบเขตในการแก้สมการด้วยสมการของ ดาร์ซีในระบบ Spherical Coordinate
จะได้Thesis equation สำหรับConfine aquifer (1) (2) เมื่อ จาก(1) จาก (2) จัดรูป
Theis เห็นว่าลักษณะของกราฟจากสองสมการจะเป็นไปในรูป แบบเดียวกันดังนั้นถ้าเราเตรียม type-curveของW(u)กับuไว แล้วเมื่อเราสูบทดสอบหา h0-hกับ แล้วนำมา plot บน loq-loq scale ระหว่าง h0-hกับ แล้วนำกราฟนี้ไปทาบบน type-curve หาจุดตัดก็จะทำการหาค่า TและSได้
วิธีของ Cooper - Jacop เริ่มจากTheis Equation หากเราใช้เวลา t ในการสูบมากๆ และระยะสังเกตการณ์ r สั้นๆ จะได้ว่า (3)
ทำการ Plot graph ระหว่าง h0-h กับ log10t จะได้กราฟเส้นตรง
โดย (a) (b) 1 จากกราฟอ่านค่า (h0-h )1ที่ตำแหน่ง t 1 (h0-h )2ที่ตำแหน่ง t 2 Solve หาค่าTจากนั้นนำค่าT ที่ได้ไปแทนใน (a) หรือ (b) จะได้ค่าS