300 likes | 994 Views
ต้นทุนการผลิตและรายรับจากการผลิต. ดร.ศศิธร สุวรรณเทพ 1/2551. แนวคิดทางเกี่ยวกับต้นทุน. ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost): สิ่งที่มีมูลค่าสูงสุดที่ต้องเสียไป หรือผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้ผลิต ไม่ได้รับจากการเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตไปในทางอื่น.
E N D
ต้นทุนการผลิตและรายรับจากการผลิตต้นทุนการผลิตและรายรับจากการผลิต ดร.ศศิธร สุวรรณเทพ 1/2551
แนวคิดทางเกี่ยวกับต้นทุนแนวคิดทางเกี่ยวกับต้นทุน • ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost): สิ่งที่มีมูลค่าสูงสุดที่ต้องเสียไป หรือผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้ผลิต ไม่ได้รับจากการเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตไปในทางอื่น ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนชัดแจ้งและต้นทุนไม่ชัดแจ้ง (Explicit Cost and Implicit Cost) • ต้นทุนชัดแจ้ง (Explicit Cost ): ต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงและมีการจ่ายออกไปเป็นตัวเงินจริงๆ • ต้นทุนไม่ชัดแจ้ง (Implicit Cost): คือต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการผลิตจริงๆ แต่ไม่มีการจ่ายออกไปเป็นตัวเงิน เกิดจากการนำปัจจัยการผลิตที่ตนเองเป็นเจ้าของมาใช้ในการผลิต ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์และต้นทุนทางบัญชี (Economics cost and Accounting Cost) • ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ (Economics Cost) คือ ต้นทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการผลิตสินค้านั้น ไม่ว่าจะมีการจ่ายไปจริงหรือไม่ก็ตามEconomics cost= Implicit Cost + Explicit Cost • ต้นทุนทางบัญชี (Accounting Cost) คือ ต้นทุนในการผลิตสินค้าที่ผู้ผลิตได้มีการจ่ายจริงและได้ลงบันทึกรายการทางบัญชีไว้ Accounting cost = Explicit Cost ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนเอกชนและต้นทุนทางสังคม (Private Cost and Social Cost) • ต้นทุนเอกชน (Private Cost): ต้นทุนการผลิตที่เจ้าของหน่วยผลิตจะต้องจ่ายโดยตรง ดังนั้น ต้นทุนเอกชนจะเท่ากับต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ • ต้นทุนทางสังคม (Social Cost): ต้นทุนจากการผลิตสินค้าและบริการโดยจะมีต้นทุนจากการผลิตบางส่วนที่เกิดขึ้นกับสังคม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิต เป็นผลทำให้ต้นทุนสังคมไม่เท่ากับต้นทุนเอกชน ต้นทุนที่ตกแก่บุคคลอื่นในสังคมเรียกว่า ต้นทุนภายนอก (External Cost) Social Cost = Private Cost + External Cost – External Benefit ศศิธร สุวรรณเทพ
การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตในระยะสั้นการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตในระยะสั้น • ระยะสั้น คือ ระยะเวลาของการผลิตที่อย่างน้อยจะต้องมีปัจจัยคงที่ อย่างน้อยหนึ่งตัว ทำงานร่วมกับปัจจัยแปรผัน • ต้นทุนการผลิตระยะสั้น จะประกอบด้วยต้นทุนคงที่และต้นทุนแปรผัน ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost: FC)และต้นทุนแปรผัน (Variable Cost: VC) • ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost: FC): คือต้นทุนในการจัดหาปัจจัยคงที่เพื่อการผลิต เช่นค่าก่อสร้าง, ค่าที่ดิน, ค่าเครื่องจักร เป็นต้น • ต้นทุนแปรผัน (Variable Cost: VC): คือต้นทุนในการจัดหาปัจจัยแปรผัน เช่น ค่าจ้างแรงงาน, ค่าวัตถุดิบ เป็นต้น ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนระยะสั้น • ต้นทุนทั้งหมดในระยะสั้น (Total Cost : TC) คือผลรวมของต้นทุนคงที่และต้นทุนแปรผัน TC = FC + VC • ต้นทุนเพิ่ม (Marginal Cost : MC) คือ ต้นทุนการผลิต ที่เปลี่ยนแปลงจากการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น 1 หน่วย MCn = TCn – TCn – 1 MC = TC / Q ; Q = MC ในระยะสั้น MC = VC / Q เพราะ FC จะคงที่ ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนระยะสั้น • ต้นทุนเฉลี่ย (Average Cost : AC) คือต้นทุนการผลิตทั้งหมดที่คิดเฉลี่ยต่อหน่วยสินค้า = TC/Q • ต้นทุนเฉลี่ยจะเท่ากับ ผลรวมของต้นทุนคงที่เฉลี่ย และต้นทุนแปรผันเฉลี่ย • AC = AFC + AVC หรือ AC = TC / Q ศศิธร สุวรรณเทพ
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนชนิดต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนชนิดต่างๆ ศศิธร สุวรรณเทพ
กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง TC, FC, VC TC,FC,VC TC VC FC Q ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนระยะสั้น • ต้นทุนคงที่เฉลี่ย (Average Fixed Cost : AFC) คือต้นทุนคงที่ทั้งหมดคิดค่าเฉลี่ย ต่อ หน่วยสินค้า AFC = FC / Q , AFC จะมีค่าลดลงตลอดเมื่อ Q เพิ่ม • ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย (Average Variable Cost : AVC) คือต้นทุนแปรผันทั้งหมดที่คิดค่าเฉลี่ย ต่อหน่วยของสินค้า AVC = VC / Q ศศิธร สุวรรณเทพ
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนการผลิตชนิดต่างๆความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนการผลิตชนิดต่างๆ ศศิธร สุวรรณเทพ
ความสัมพันธ์ระหว่าง AC, AVC, AFC, MC ต้นทุน MC AC AVC ระยะห่างเท่ากัน AFC 0 ปริมาณผลผลิต ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนการผลิตระยะยาว ระยะยาว คือ ระยะเวลาที่ผู้ผลิตสามารถเปลี่ยนปัจจัยการผลิตทุกชนิดได้หมด นั่นคือ สามารถเลือกขนาดของโรงงานได้ โดยดูจากเส้น LAC ต้นทุนการผลิตระยะยาว (Long Run Cost : LTC) จึงมีเฉพาะต้นทุนแปรผันเท่านั้น ศศิธร สุวรรณเทพ
ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยระยะยาว (Long Run Average Cost: • LAC) คือ ต้นทุนการผลิตทั้งหมดที่คิดเฉลี่ยต่อหน่วยผลผลิตระยะยาว • LAC = LTC / Q ต้นทุน LAC 20 0 ผลผลิต Q* ศศิธร สุวรรณเทพ
รายรับจากการผลิต(Total Revenue) • รายรับจากการผลิต (Total Revenue : TR) รายได้ที่ผู้ขายได้รับจากการขายสินค้าและบริการในราคาตลาด TR = P.Q • รายรับเพิ่ม (Marginal Revenue : MR ) รายรับทั้งหมดที่เปลี่ยนแปลงจากการที่ผู้ผลิตขายสินค้าเพิ่มขึ้น 1 หน่วย MR = TR / Q MRn = TRn – TRn-1 • รายรับเฉลี่ย (Average Revenue : AR) รายรับทั้งหมดที่ผู้ผลิตได้รับคิดเฉลี่ยต่อหน่วยผลผลิต AR = TR / Q = P.Q/Q ศศิธร สุวรรณเทพ
ตารางความสัมพันธ์ ระหว่าง MR, AR, TR กรณีราคาสินค้าคงที่ ศศิธร สุวรรณเทพ
ตารางความสัมพันธ์ระหว่าง MR, AR, TR เมื่อราคาสินค้าลดลง ศศิธร สุวรรณเทพ
ความสัมพันธ์ของเส้นรายรับต่างๆความสัมพันธ์ของเส้นรายรับต่างๆ • กรณีสินค้าราคาคงที่ เส้นรายรับเฉลี่ย เส้นรายรับเพิ่มจะเป็นเส้นเดียวกัน คือ เป็นเส้นตรงขนานกับแกนนอน เนื่องจากราคาสินค้าที่ผู้ผลิตขายสินค้าทุกหน่วยมีราคาเดียวกันตลอด ศศิธร สุวรรณเทพ
เงื่อนไขการผลิตที่ได้รับกำไรสูงสุดเงื่อนไขการผลิตที่ได้รับกำไรสูงสุด • กำไร (Profit) : คือผลต่างระหว่างรายรับทั้งหมด กับต้นทุนทั้งหมด กำไรสูงสุดเมื่อ TR ห่างจาก TC มากที่สุด กำไร = TR – TC ศศิธร สุวรรณเทพ
เส้นรายรับรวม (TR) กรณีสินค้าราคาคงที่ รายรับ TR TC A Profit B 0 ปริมาณสินค้า 0 ศศิธร สุวรรณเทพ
เส้นรายรับรวม (TR) กรณีสินค้าราคาลดลง รายรับ TC A Profit B TR 0 ปริมาณสินค้า ศศิธร สุวรรณเทพ
เส้น MR, AR กรณีราคาสินค้าที่ขายมีราคาลดลงตามกฎของอุปสงค์ Max TR A B AR TR 0 MR ศศิธร สุวรรณเทพ
เงื่อนไขการผลิตที่ได้รับกำไรสูงสุด คือ MR = MC กรณีราคาสินค้าลดลงตามกลไกตลาด MC A B 30 20 AR 0 100 MR ศศิธร สุวรรณเทพ
เงื่อนไขการผลิตที่ได้รับกำไรสูงสุด คือMR = MC กรณีราคาสินค้าคงที่ MC A B MR=AR=P 20 0 100 MR ศศิธร สุวรรณเทพ
The End ศศิธร สุวรรณเทพ