1 / 46

Selected Topics in IT (Java)

Selected Topics in IT (Java). Week1 : Introduction to Java language. Introduction to Java language. รู้จักกับภาษาจาวา เตรียมตัวก่อนเริ่มเขียนโปรแกรม เริ่มเขียนโปรแกรมจาวา. รู้จักกับภาษาจาวา. รู้จักกับภาษา Java. Java เกิดขึ้นได้อย่างไร

wells
Download Presentation

Selected Topics in IT (Java)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Selected Topics in IT (Java) Week1 : Introduction to Java language

  2. Introduction to Java language • รู้จักกับภาษาจาวา • เตรียมตัวก่อนเริ่มเขียนโปรแกรม • เริ่มเขียนโปรแกรมจาวา

  3. รู้จักกับภาษาจาวา

  4. รู้จักกับภาษา Java • Java เกิดขึ้นได้อย่างไร • ภาษา Java นั้นได้รับการพัฒนามาจากบริษัท Sun Microsystems ซึ่งเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลก โดยถือกำเนิดภายใต้โครงการ Green Project ในปี 1996 ซึ่งมีหัวหน้าทีมพัฒนาที่ชื่อว่า James Gosling ซึ่งโปรแกรมเมอร์ Java ทั่วโลกยกย่องว่าเป็น บิดาของ Java

  5. James Gosling บิดาของภาษา Java

  6. รู้จักกับภาษา Java (ต่อ) “Write Once Run Anywhere” • เหตุใดจึงนิยมเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java • ภาษา Java นั้นมีปรัชญาการสร้างมาจากการที่ต้องการทำให้เราเขียนโปรแกรมเพียงครั้งเดียว แต่สามารถนำไปใช้งานได้ในอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเพียงแค่คอมพิวเตอร์อย่างเดียว

  7. “Write Once Run Anywhere”

  8. รู้จักกับภาษา Java (ต่อ) • การทำงานของโปรแกรมภาษา Java • เราเขียนโปรแกรมของภาษา Java เราจะได้ Source Codeซึ่งเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .java จากนั้นเรานำ Source Code ไปคอมไฟล์ให้กลายเป็นเป็นJava Byte Code(จะเก็บอยู่ในไฟล์ .class) • เวลาที่ทำงานจริงในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม Java Byte Code จะถูกคอมไพล์อีกครั้งให้เป็นภาษาเครื่องเฉพาะคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์นั้นๆ เข้าใจ การคอมไพล์ครั้งนี้จะใช้Java Virtual Machineคอมไพล์ และรัน

  9. Java Virtual Machine Java Byte Code เราเขียน (Source Code)

  10. Source Code Java Virtual Machine

  11. รู้จักกับภาษา Java (ต่อ) • รูปแบบการเขียนโปรแกรมในภาษา Java • Java SE : ย่อมาจาก Java Standard Edition เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมสำหรับการทำงานบนคอมพิวเตอร์ทั่วไป ถือว่าเป็นรูปแบบแรกของภาษา Java • Java EE : ย่อมาจาก Java Enterprise Edition เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมกับระบบงานขนาดใหญ่ • Java ME : ย่อมาจาก Java Micro Edition เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมกับอุปกรณ์ขนาดเล็ก (คือมีหน่วยความจำน้อย) เช่น โทรศัพท์มือถือ, เซ็ตท็อปบ็อกซ์ เป็นต้น

  12. แพล็ตฟอร์มของ Java

  13. สาระสำคัญ สำหรับส่วนนี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษา Java ซึ่งเป็นภาษาเขียนโปรแกรมที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Write Once Run Anywhereทำให้เราเขียนโปรแกรมเพียงครั้งเดียว แต่สามารถนำไปรัน หรือใช้งานบนคอมพิวเตอร์ (หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) แบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก โดย Java ได้รับการพัฒนาให้มีความาสามารถหลายหลาย รองรับการทำงานในรูปแบบต่างๆ และปัจจุบันก็มีโปรแกรมเมอร์มากมายทั่วโลกศึกษา และติดตามอย่างใกล้ชิด

  14. เตรียมตัวก่อนเริ่มเขียนโปรแกรมเตรียมตัวก่อนเริ่มเขียนโปรแกรม

  15. เตรียมตัวก่อนเขียนโปรแกรมเตรียมตัวก่อนเขียนโปรแกรม

  16. เตรียมตัวก่อนเขียนโปรแกรม (ต่อ) • ตรวจสอบความพร้อมของระบบ • ระบบปฏิบัติการ : มีได้ทั้ง Windows 98, XP, Vista, Linux, Unix, Solaris • แรม และพื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ : สำหรับแรมควรมีขนาดขั้นต่ำตามที่ระบบปฏิบัติการได้กำหนดไว้ ส่วนพื้นที่ว่างฮาร์ดดิสก์ก่อนติดตั้ง JDK และ eclipse ไม่ควรต่ำกว่า 500 MB

  17. ดาวน์โหลด และติดตั้ง JDK 1. สามารถติดตั้ง JDK โดยดาวน์โหลดจากเว็บไซต์http://java.sun.com/javase/downloads/index.jsp

  18. ดาวน์โหลด และติดตั้ง JDK (ต่อ) 2 . เมื่อดาวน์โหลดเสร็จให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนของไฟล์ที่ดาวน์โหลดไว้

  19. ดาวน์โหลด และติดตั้ง JDK (ต่อ) อ่านข้อกำหนดแล้วคลิกปุ่ม คลิกที่ปุ่ม

  20. ดาวน์โหลด และติดตั้ง JDK (ต่อ)

  21. ดาวน์โหลด และติดตั้ง JDK (ต่อ) รอสักครู่ ชุดติดตั้งจะสอบถามให้ติดตั้งองค์ประกอบเพิ่มเติมคลิก สุดท้ายก็คลิก

  22. ปรับแต่ง และทดสอบหลังติดตั้ง • เลือก Start > Programs > Accessories > Command Prompt • ที่หน้าจอ Command Prompt ให้ป้อนคำสั่งjava –version เพื่อเป็นการแสดงเวอร์ชันของ JDK ที่เราเพิ่งติดตั้งไป

  23. ปรับแต่ง และทดสอบหลังติดตั้ง (ต่อ) กำหนด PATH เพื่อเรียกใช้โปรแกรมต่างๆ ใน JDK • คลิกขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties • คลิกที่แท็บ Advanced แล้วคลิกปุ่ม

  24. ปรับแต่ง และทดสอบหลังติดตั้ง (ต่อ) ในกรอบ System variables คลิกเลือกตัวแปรระบบPath ในรายการ คลิกปุ่ม พิมพ์ต่อท้ายค่าที่ปรากฏในช่อง Variable Value ด้วยข้อความ ;C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_13\bin แล้วคลิกปุ่ม

  25. การกำหนดค่าตัวแปร CLASSPATH ให้คลิกปุ่ม จะปรากฏหน้าต่าง New System Variable ขึ้นมา ให้เราตั้งชื่อตัวแปรระบบ และกำหนดค่าของตัวแปรนั้น แล้วคลิกที่ปุ่ม

  26. การกำหนดค่าตัวแปร CLASSPATH (ต่อ) จะเห็นว่ามีตัวแปรระบบ CLASSPATH สร้างขึ้นมาใหม่ จากนั้นคลิกปุ่ม

  27. การดาวน์โหลด และติดตั้งโปรแกรม Eclipse • สามารถติดตั้งโปรแกรม Eclipse ได้โดยเข้าไปที่ www.eclipse.org/downloads/

  28. การดาวน์โหลด และติดตั้งโปรแกรม Eclipse (ต่อ) 2. แตกไฟล์ Zip แล้วเข้าใช้งานโปรแกรมได้เลย

  29. สาระสำคัญ สำหรับสวนนี้เราได้เรียนรู้สิ่งจำเป็น และการเตรียมตัวเพื่อเขียนโปรแกรมกับภาษา Java โดยได้แนะนำให้รู้จักกับเครื่องมือชนิดต่างๆ รวมถึง JDK ที่เป็นเสมือนหัวใจของการเขียนโปรแกรมในภาษา Java เราได้ติดตั้ง JDK เวอร์ชันล่าสุด คือ Java SE 6.0 ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงเวอร์ชันอื่นๆ ได้ แต่เชื่อว่าสำหรับการเขียนโปรแกรมระดับเบื้องต้นจะสามารถใช้เวอร์ชัน 6.0 ได้เป็นต้นไปโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ

  30. สาระสำคัญ (ต่อ) • หลังจากติดตั้ง JDK เรียบร้อยแล้วเราจึงเริ่มติดตั้งเครื่องมือช่วยเขียนโปรแกรมคือ eclipse ซึ่งอำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรม, การคอมไพล์ และการรัน ได้มากกว่ารูปแบบเดิมๆ ที่เคยใช้คำสั่งในแบบ Command Line

  31. เริ่มต้นเขียนภาษา Java

  32. สรุปขั้นตอนการเขียนโปรแกรมภาษา java

  33. ขั้นที่ 1 : สร้างโปรเจ็กต์ • โปรเจ็กต์คือ ที่รวมของไฟล์หลายๆ ไฟล์ที่จำเป็นต่อการทำงาน เพราะโดยปกติโปรแกรมหนึ่งๆ จะประกอบไปด้วยไฟล์มากกว่าหนึ่งไฟล์อยู่แล้ว • ในทางปฏิบัติคือการสร้างโฟลเดอร์เตรียมไว้ใส่ไฟล์ .java และ .class

  34. ขั้นที่ 1 : สร้างโปรเจ็กต์ (ต่อ) • เมื่อเปิดโปรแกรม Eclipse แล้ว ให้คลิกเลือกโฟลเดอร์ที่เราสร้างเตรียมไว้เก็บไฟล์

  35. ขั้นที่ 1 : สร้างโปรเจ็กต์ (ต่อ)

  36. ขั้นที่ 1 : สร้างโปรเจ็กต์ (ต่อ) • ที่ช่อง Project name ให้ตั้งชื่อ • คลิกปุ่ม (ด้านล่าง) แล้วกด

  37. ขั้นที่ 1 : สร้างโปรเจ็กต์ (ต่อ) • ก่อนอื่นสร้าง class จาก Project ที่สร้างขึ้น

  38. ขั้นที่ 1 : สร้างโปรเจ็กต์ (ต่อ)

  39. ขั้นที่ 2 : เขียนโปรแกรม • ให้เราพิมพ์คำสั่งในภาษา Java เพิ่มเติมแทรกเข้าไปดังนี้

  40. ขั้นที่ 2 : เขียนโปรแกรม (ต่อ) • โปรแกรมที่เราเขียนขึ้นมาเป็นโปรแกรมง่ายๆ ที่เพียงแค่ส่งข้อความ “Hello World, Java” ออกไปแสดงผลที่หน้าจอ

  41. ขั้นที่ 3 + 4 : คอมไพล์ และรันโปรแกรม • การคอมไพล์และรันโปรแกรมในกรณีปกติไม่มีการรับค่าอาร์กิวเมนต์

  42. ขั้นที่ 3 + 4 : คอมไพล์ และรันโปรแกรม (ต่อ) • การคอมไพล์ และรันโปรแกรมในกรณีที่มีการรับค่าอาร์กิวเมนต์

  43. ขั้นที่ 3 + 4 : คอมไพล์ และรันโปรแกรม (ต่อ) • การคอมไพล์ และรันโปรแกรมในกรณีที่มีการรับค่าอาร์กิวเมนต์

  44. ขั้นตอนที่ 5 : การบันทึกโปรเจ็กต์ จะเห็นว่าไฟล์ .java ซึ่งเก็บโค้ดที่เราเขียนนั้นจะอยู่ในซับโฟลเดอร์ src ส่วนไฟล์นามสกุล .class ซึ่งได้จากการคอมไพล์นั้นจะเก็บอยู่ในซับโฟลเดอร์ bin (และทั้งหมดจะเก็บในภายใต้โปรเจ็กต์ที่เราได้สร้างขึ้น)

  45. สาระสำคัญ ในส่วนนี้เราได้เรียนรู้ขั้นตอนโดยละเอียด พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติจริงให้เห็นถึงวิธีการเริ่มใช้งาน eclipse, วิธีการเขียนโปรแกรม, การคอมไพล์โปรแกรม และวิธีการทดสอบโปรแกรมที่เขียนขึ้นมา จะเห็นว่าแม้จะมีขั้นตอนการใช้งานโปรแกรมที่หลายขั้นตอนแต่ก็ไม่ได้ซับซ้อน และการคอมไพล์กับการทดสอบผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรมก็ทำได้ง่ายมาก

More Related