210 likes | 654 Views
Five Forces. Michael E. Porter’s Five-Forces. เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ(ภาคพิเศษ)รุ่น 11 วิชาเศรษฐศาสตร์ผู้บริหาร. การเข้ามาแข่งขัน ในอุตสาหกรรมของคู่แข่งขันใหม่ ๆ. อำนาจต่อรองของผู้จัดหาวัตถุดิบ. อำนาจต่อรองของลูกค้า. สภาวะการ แข่งขันภายในอุตสาหกรรม. สินค้าทดแทน. การวิเคราะห์ Five Forces.
E N D
Five Forces Michael E. Porter’s Five-Forces เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ(ภาคพิเศษ)รุ่น 11 วิชาเศรษฐศาสตร์ผู้บริหาร
การเข้ามาแข่งขัน ในอุตสาหกรรมของคู่แข่งขันใหม่ ๆ อำนาจต่อรองของผู้จัดหาวัตถุดิบ อำนาจต่อรองของลูกค้า สภาวะการ แข่งขันภายในอุตสาหกรรม สินค้าทดแทน
การวิเคราะห์ Five Forces 1. วิเคราะห์สภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม 2. วิเคราะห์คู่แข่งรายใหม่ 3. วิเคราะห์สินค้าทดแทน 4. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของลูกค้า 5. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์
1. วิเคราะห์สภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม การวิเคราะห์สภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม ทำโดยการศึกษา • จำนวนคู่แข่ง และความสามารถในการแข่งขัน (Market Structure) • ความเจริญเติบโตของ Demand • ความแตกต่างของสินค้า Product Differences • กำลังการผลิตส่วนเกิน
1. วิเคราะห์สภาวะการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม (ต่อ) • ต้นทุนคงที่ของอุตสาหกรรม • ต้นทุนในการเก็บรักษา • อุปสรรคกีดขวางการออกจากธุรกิจ -- Sunk Cost, การเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร และโรงงานไปทำการผลิตสินค้าอื่น กระทำได้ยาก, ความผูกพันทางจิตใจ, หน้าตา และชื่อเสียง, ผลกระทบโดยรวมของธุรกิจทั้งหมด (ความต่อเนื่อง) , ข้อตกลงกับ สหภาพแรงงาน
2. วิเคราะห์คู่แข่งรายใหม่ ผู้แข่งขันรายใหม่ จะเข้ามาแข่งขันในตลาดได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการคือ • Barrier to Entry อุปสรรคกีดขวางการเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ง่ายหรือยาก • การป้องกัน หรือการตอบโต้จากคู่แข่งเดิมในตลาดอำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์
2. วิเคราะห์คู่แข่งรายใหม่ (ต่อ) Barrier to Entry อุปสรรคกีดขวางการเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ง่ายหรือยาก ซึ่งได้แก่ • การประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) • ความแตกต่างของสินค้า (Product Differentiation) หรือความภักดีต่อยี่ห้อ (Brand Royalty) • เงินลงทุน (Capital Requirements)
2. วิเคราะห์คู่แข่งรายใหม่ (ต่อ) • การเข้าถึงช่องทางในการจัดจำหน่าย (Access to distribution Channel) • นโยบายของรัฐบาล (Government Policy) รวมถึงสัมปทาน และใบอนุญาตต่าง ๆ • ต้นทุนแฝงในการเปลี่ยนแปลงสินค้าที่ใช้ (Switching Cost) • ข้อได้เปรียบในเรื่องของการเป็นเจ้าของเทคโนโลยี่ ประสิทธิผลที่ได้จากการเรียนรู้
2. วิเคราะห์คู่แข่งรายใหม่ (ต่อ) การป้องกัน หรือการตอบโต้จากคู่แข่งเดิมในตลาด คู่แข่งรายใหม่ อาจศึกษาจากพฤติกรรมของคู่แข่งเดิมในตลาด ที่เคยทำในการตอบโต้การเข้าตลาด ซึ่งการป้องกันจากผู้คู่แข่งเดิม อาจทำโดย การใช้การตัดราคา ซึ่งพบว่า ถ้าตลาดค่อนข้างอิ่มตัว หรือโตช้า ผู้แข่งเดิม มักจะตอบโต้อย่างรุนแรง เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ ซึ่งตรงข้ามกับตลาดสินค้าที่ยังเติบโต ซึ่งไม่ค่อยมีการตัดราคารุนแรง
3. วิเคราะห์สินค้าทดแทน วิเคราะห์สินค้าทดแทน เป็นสิ่งที่คุกคามเราได้ง่าย ซึ่งทำให้ปริมาณการขาย และกำไร ลดลง ซึ่งต้องพิจารณาถึง • ความยืดหยุ่นในการทดแทนกันของสินค้า • ต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สินค้าทดแทน • ระดับความจงรักภักดีในสินค้า • ระดับราคาสินค้าทดแทน และคุณสมบัติในการใช้งานของสินค้าทดแทน
4. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของลูกค้า วิเคราะห์อำนาจต่อรองของลูกค้า เกี่ยวข้องการตั้งราคาขาย ซึ่งโยงไปหากำไรของผู้ผลิต ซึ่งอำนาจต่อรองเกิดจาก • ปริมาณการซื้อที่มาก ทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองสูง • ข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้า ที่ผู้ซื้อทราบยิ่งมีมาก ก็ยิ่งมีอำนาจในการต่อรองสูง • Brand Royalty • การรวมตัวของกลุ่มผู้ซื้อ ยิ่งมาก อำนาจในการต่อรองยิ่งมาก
4. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของลูกค้า (ต่อ) วิเคราะห์อำนาจต่อรองของลูกค้า เกี่ยวข้องการตั้งราคาขาย ซึ่งโยงไปหากำไรของผู้ผลิต ซึ่งอำนาจต่อรองเกิดจาก • ยิ่งความสามารถของผู้ซื้อ ที่อาจจะไปผลิตสินค้าเอง หรือความสามารถรวมกิจการไปข้างหลัง (Backward Integration) ได้ดีเท่าไร อำนาจต่อรองก็สูง • ยิ่งต้นทุนในการเปลี่ยนแปลงไปใช้สินค้าคู่แข่งอื่น ต่ำเพียงไร อำนาจในการต่อรองยิ่งสูง
5. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์ วิเคราะห์อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์ ในฐานที่เราเป็น ผู้ผลิตที่ซื้อมา แล้วขายไป หรือเราเป็นผู้ผลิตที่ซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ ยิ่งอำนาจต่อรองเรามากเพียงใด ต้นทุนในการผลิตก็จะยิ่งต่ำ และทำให้เกิดกำไรมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ • จำนวนผู้ขายวัตถุดิบ ยิ่งน้อยราย ทำให้ Suppliers มีอำนาจต่อรองมากขึ้น และสัดส่วนที่ Suppliers นั้นขายให้เรายิ่งน้อย อำนาจในการต่อรองยิ่งเพิ่มขึ้น
5. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์ (ต่อ) • การรวมตัวของ Suppliers ยิ่งมาก อำนาจต่อรองของ Suppliers ยิ่งมาก • จำนวนแหล่งวัตถุดิบ หรือวัตถุดิบที่มียิ่งน้อย อำนาจต่อรองของ Suppliers ยิ่งมาก • ความแตกต่าง และความเหมือนของวัตถุดิบ ยิ่งมาก ทำให้อำนาจต่อรองของ Suppliers ยิ่งมาก ยิ่งถ้า Supplier นั้นเป็นผู้ผลิตรายเดียว ยิ่งทำให้เขามีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น
5. วิเคราะห์อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์ (ต่อ) • และเช่นเดียวกัน ถ้าความสามารถในการลงลึก เข้าไปทำการผลิตเอง หรือเข้าไปทำแข่งขันกับ Suppliers หรือ ความสามารถในการ Forward Integration ยิ่งน้อย จะทำให้ Suppliers ยิ่งมีอำนาจต่อรองสูง