410 likes | 975 Views
V ( z ), I ( z ). z. l – z. Z g. สายส่งที่มีค่าอิมพีแดนซ์ ประจำตัว Z 0 กับ . V L. Z L. V S. V g. l. z = l. z = 0. ระบบสายส่ง. Z in ( z = l ). Z 0 ( z = 0). V ( z ) = V 0 + e + z + V 0 – e – z , I ( z ) = [ V 0 + e + z – V 0 – e – z ]/ Z 0.
E N D
V(z),I(z) z l – z Zg สายส่งที่มีค่าอิมพีแดนซ์ ประจำตัวZ0กับ VL ZL VS Vg l z = l z = 0 ระบบสายส่ง Zin(z = l) Z0(z = 0) V(z) = V0+e+ z + V0–e– z , I(z) = [V0+ e+ z – V0–e– z]/Z0 V(z) = VLcosh( z) + (ILZ0) sinh( z), I(z)= (VL/Z0) sinh( z) + ILcosh( z) 1
A สายส่ง Z0 ZL 0 Zin A’ A สายส่ง Z0 ZL Zin A’ ระบบสายส่งที่มีการต่อโหลดแบบพิเศษ สายส่งไร้การสูญเสีย สายส่งทั่วไป 2
สายส่ง Z0 ZL Zin n/2 สายส่ง Z0 ZL Zin (2n-1)/4 ระบบสายส่งไร้การสูญเสียพลังงาน ที่ความยาวn/2ได้ Zin(z = n/2)= ZL ระบบสายส่งไร้การสูญเสียพลังงาน ที่ความยาว(2n–1)/4 สัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับบนระบบสายส่ง(Reflection coefficients) ระบบสายส่งทีมีโหลดเป็นรีแอ็กแตนซ์ (ZL= jXL) V(z) = V0+e+ z + VV0+e– z , I(z) = [V0+ e+ z – VV0+e– z]/Z0 3
7.6คลื่นนิ่ง (Standing Wave) ขนาดของศักย์ไฟฟ้าบนสายส่งจะได้|V(z)| = [V(z)V(z)*]1/2 |V(z)| = |V0+| [1 + |V|2 + 2|V| cos(2 z – )]1/2 ขนาดของกระแสไฟฟ้าบนสายส่งจะได้|I(z)| = [I(z)I(z)*]1/2 |I(z)| = |I0+|[1 + |V|2– 2|V| cos(2 z – )]1/2 • ขนาดของศักย์ไฟฟ้า |V(z)| (ข) ขนาดของกระแสไฟฟ้า |I(z)| รูปคลื่นนิ่งที่เกิดบนระบบสายส่ง 4
(ก)ZL=Z0 จะได้|V| = 0 (ข)ZL = 0 ได้ค่า|V| = –1 (ค)ZL= ได้ค่า|V| = +1 5
ก) ในกรณีของ|V(z)|maxระยะlmax 2 z – = 2 nเมื่อn = 0, 1, 2, 3, … ข) ในกรณีของ|V(z)|minระยะlmin 2 z – = (2n+1)เมื่อn =1, 0, 1, 2, 3, … |V(z)| = |V0+| [1 + |V|2 + 2|V| cos(2 z – )]1/2 ค่าแรกเมื่อวัดจากโหลด 6
อัตราส่วนศักย์ไฟฟ้าของคลื่นนิ่งVSWR(Voltage Standing Wave Ratio) ขนาดของสัมประสิทธิ์การสะท้อนที่หาได้จากVSWR กำลังงานเฉลี่ยที่โหลดบนระบบสายส่งแบบไร้การสูญเสียพลังงาน การลดทอนที่โหลดจะได้ Loss(load) Loss(dB) = –10log[1 – |V|2] 7
8แผนภาพสมิธและแผนภาพการสะท้อนสัญญาณบนสายส่ง8แผนภาพสมิธและแผนภาพการสะท้อนสัญญาณบนสายส่ง Smith Chart and Reflection Diagrams แผนภาพสมิธเสนอโดย P.H.Smith ในปีค.ศ. 1939 โดยพิจารณาสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับ (Reflection coefficient, V) V = || exp(j) = r + ji เมื่อr = Re[] = || cos และi= Im[] = || sin และ 8
ตัวอย่างค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับแบบต่างๆตัวอย่างค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับแบบต่างๆ i D A = 1 + 0j = 10o B = 1/3 + j/3 = 2/330o C = 0 + j /3 = 1/390o D = –1/2 +j3/2 = 1120o E = –1/3 + j/3 = 2/3150o F= –1/2 – j3/2 = 1240o G = – j2/3 = 2/3270o H= –3/2 – j/2 = 1/3270o C B E A r H G F รูปแสดงตัวอย่างความสัมพันธ์ของที่ค่าต่างๆ 9
วงกลมหนึ่งหน่วยของสัมประสิทธิ์การสะท้อน แทนด้วยอิมพีแดนซ์ของโหลด 10
แผนภาพสมิธเขียนได้บนวงกลม หนึ่งหน่วยของระบบสายส่ง ได้จากการนำค่าอิมพีแดนซ์โหลดมาสร้างเป็นแผนภาพ โดยพิจารณาเริ่มจาก นิยามให้zL = ZL/ Z0คืออิมพีแดนซ์ของโหลดค่ามาตรฐาน (Normalized Load Impedance) แก้สมการให้ zLเป็นความสัมพันธ์กับได้เป็น zL = rL + jxL rLกับxLคือความต้านทานกับรีแอ็คแตนซ์ของโหลดค่ามาตรฐาน 11
แก้สมการทั้งสองเพื่อแสดงความสัมพันธ์ของความต้านทานค่ามาตรฐาน และรีแอ็กแตนซ์ค่ามาตรฐานกับสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับ 12
ก) วงกลมความต้านทานคงที่ (Fix Resistance Circle) i rL = 0 r rL = 0.25 rL= rL= 4 rL= 1 rL= 0.5 rL = 0.5 rL= 2 rL= 0 rL= 0.25 rL= 10 rL = 1 rL = 2 rL = 4 rL = 10 rL = สเกลวงกลม r =ค่าคงที่ ประกอบในแผนภาพสมิธ 13
ข) วงกลมรีแอ็กแตนซ์คงที่(Fix Reactance Circle) i xL = ±0 xL = +1 xL = +0.75 xL = +1.5 xL = +0.5 xL = +2 xL = ±0.3 xL = +4 xL = ±0.5 xL = +0.3 xL= +10 xL = ±0.75 xL = ± xL = ±0 r 1 xL= 10 xL = ±1 xL = 0.3 xL = 4 xL = ±1.5 xL = 0.5 xL = 2 xL = ±2 xL = 0.75 xL = 1.5 xL = 1 xL = ±4 xL= ±10 xL = ± ภาพวงกลมรีแอ็คแตนซ์คงที่(Fix Reactance Circle) 14
1. 0.5 2. 0.25 0.33 1. 0 5. 0 -0.25 -0.5 -2. -1. 15
การใช้แผนภาพสมิธหาค่าของระบบสายส่งการใช้แผนภาพสมิธหาค่าของระบบสายส่ง ตัวอย่าง ระบบสายส่งเส้นหนึ่งต่อกับโหลดZL = 100 – j50สายส่งมีอิมพีแดนซ์คุณลักษณะZ0 = 50 จงหาค่าของระบบสายส่ง วิธีทำ หาค่ามาตรฐานของโหลดอิมพีแดนซ์ได้zL= ZL/ Z0= 2 – j จากนั้นนำค่าzLที่ได้ไปเขียนจุดพิกัดบนแผนภาพสมิธ หรือบนระนาบ โดยใช้วงกลมความต้านทานrL = 2ที่ตัดกับ วงกลมรีแอ็คแตนซ์xL = –1จะได้จุดAตามรูปถัดไป OA/OB ได้เท่ากับ0.45ส่วนค่ามุมที่OAทำกับแกนจำนวนจริงของคือ–26.6o ดังนั้นระบบสายส่งนี้มีค่า = 0.45–26.6 …หาโดยตรงจากสมการ
zL = 2 – j ANGLE OF REFLECTION COEFICIENT IN DEGREES = –26.6o O A C = 26.6o B Reflection Coefficient in term of V(E) or I (RFL. COEFF., V(E) or I) = 0.45 = 0.45–26.6 D = 0.45 17
ตัวอย่าง ให้ 0.55จงหาโหลดอิมพีแดนซ์ ถ้าZ0ของระบบสายส่งนี้มีค่าเป็น100 …หาโดยตรงจากสมการ 0.8 j1.15 67o 0.55 18
หาค่าอิมพีแดนซ์บนระบบสายส่ง(Line impedance) ที่ความยาวค่าใด ๆ ZLก็คืออิมพีแดนซ์บนสายส่งที่z = 0 สายส่งที่ระยะz = lค่าใดๆ เมื่อเทียบสมการแล้วพบว่าV(l) = |V| e j( – 2l) ขนาดของสัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับมีค่าเดียวกันเสมอตลอดทั้งระบบสายส่งแต่มีการเลื่อนมุมเฟสไปตามระยะทางจากโหลดที่เป็นจำนวนเท่าของค่า
V(l) = |V| e j( – 2 l) เมื่อสายส่งมีความยาว lใดๆ ค่าอิมพีแดนซ์ของสายส่งที่มีความยาวlคือ การที่อิมพีแดนซ์โหลดมาตรฐานเดินทางไปตามเส้นรอบวงที่ มีค่าคงที่เป็นมุมลบด้วยมุม–2 lหรือหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยมุม4 l/ ดังนั้นการหมุนครบรอบบนแผนภาพสมิธ lจึงเป็น/2 แผนภาพสมิธมีสเกลบอกความยาวของสายส่งเป็นสัดส่วนของความยาวคลื่น การเดินทางจากโหลดเข้าหาแหล่งกำเนิดเรียกว่าสเกลWTG ถ้าพิจารณาในทิศทางตรงกันข้ามเรียกว่าสเกลWTL (Wavelengths Toward Generator) (Wavelengths Toward Load)
ตัวอย่างระบบสายส่งหนึ่งมีอิมพีแดนซ์คุณลักษณะ50 ต่อกับโหลด ZL = 100 – j50 จงหาค่าอิมพีแดนซ์บนสายส่งที่ความยาว0.1 วิธีทำ หาค่าโหลดมาตรฐานzL = ZL /Z0 = 2 – jเขียนลงบนแผนภาพสมิธได้จุดAได้ ค่ามีขนาดเท่ากับOAวาดวงกลมแทนคุณลักษณะของระบบสายส่ง ลากเส้นจากจุดศูนย์กลางOผ่านจุด Aไปที่ขอบวงกลมใหญ่ที่ตำแหน่งWTG = 0.287 เคลื่อนที่จากโหลดที่WTG=0.287ตามเข็มนาฬิกาไป0.1ได้ตำแหน่ง WTG =0.387ลากเส้นจากจุดดังกล่าวเข้าหาจุดศูนย์กลาง ซึ่งจะตัดกับวงกลมคงที่ ที่จุดFอ่านค่าอิมพีแดนซ์ที่จุด Fนั้น อ่านค่าอิมพีแดนซ์มาตรฐานได้0.6 – j0.66หาค่าที่เป็นจริงด้วยการนำเอาZ0ของสายส่งมาคูณกลับ (de-normalized) จะได้ Z(0.1) = Z0 z(0.1) = (50)(0.6 – j0.66) = 30 – j 33 ตอบ
zL = 2 – j VSWR = 2.6 rL(0.1)= 0.6 O ค่าอิมพีแดนซ์มาตรฐานบนสายส่งที่ความยาว0.1: z(0.1) = A WTG = 0.287 0.6 – j0.66 xL(0.1)= 0.66 + 0.1 WTG =0.387 22
หาค่าอัตราส่วนคลื่นนิ่ง (VSWR) ของระบบสายส่ง = z( 2l = 2n) = rL + j0 VSWRจึงหาได้จากค่าอิมพิแดนซ์บนแผนภาพสมิธ ที่มีแต่ความต้านทานrLเท่านั้น ซึ่งอยู่ตำแหน่งที่มีมุมเฟส2nหรือจุดตัดระหว่างวงกลมคงที่กับแกนจำนวนจริงr สรุปแล้วค่าz( = 2n)หรือrLที่อ่านได้บนแผนภาพสมิธก็คือค่าVSWR ในภายหลังจึงเรียกวงกลมที่ มีค่าคงที่นี้ว่าวงกลม VSWR จากโจทย์ที่แล้วหาค่าVSWR ได้ดังนี้ ได้VSWR = 2.6
การหาระยะความยาวระบบสายส่งที่ตำแหน่งจุดศักย์ไฟฟ้าการหาระยะความยาวระบบสายส่งที่ตำแหน่งจุดศักย์ไฟฟ้า ต่ำสุดlminกับสูงสุดlmaxบนระบบสายส่ง |V(z)|= |V0+| [1 + |V |2 + 2|V | cos(2l – )]1/2 จะเห็นได้ว่าศักย์ไฟฟ้าบนสายส่งจะมีค่าสูงสุดเมื่อ มุมในcos หรือargumentg(2l – ) = 0 และมีค่าต่ำสุดเมื่อมุมเป็น(2l – ) = สอดคล้องกับความยาวสายส่งตำแหน่งที่มีค่าอิมพีแดนซ์เป็นความต้านทานrLเท่านั้น หรือxL= 0ค่าความต้านทานที่มากกว่าหนึ่งอยู่ในซีกบวกของแกนrนั้นจะให้ค่าศักย์ไฟฟ้าสูงสุด ค่าความต้านทานน้อยกว่าหนึ่งที่อยู่ในซีกลบของแกนrนั้นจะให้ค่าศักย์ไฟฟ้าที่ต่ำสุด
ตัวอย่างจงพิจารณาหาตำแหน่งบนสายส่งที่ศักย์ไฟฟ้ามีค่าต่ำสุด และสูงสุดในระบบสายส่งจากตัวอย่างที่แล้ว วิธีทำ จากตัวอย่างที่แล้วมีโหลดมาตรฐานzL = 2 – jเมื่อนำไปเขียนบนแผนภาพสมิธจะได้จุดA ที่สเกลWTG 0.287บนวงกลมVSWRดังในรูปสามารถหาจุดศักดาไฟฟ้าต่ำสุด และสูงสุดบนสายส่งดังกล่าวได้ โดยการเคลื่อนที่เข้าหาแหล่งกำเนิดสัญญาณ มีสองจุดที่ตัดกับแกนrหรือวงกลมรีแอ็คแตนซ์xL = 0คือที่จุดความยาวบนสเกลWTGที่0กับ/4ดังนั้นค่าศักดาไฟฟ้าต่ำสุดและสูงสุดตำแหน่งแรกจะเกิดขึ้นที่ lmax= (0.25 + 0.5) – 0.287 = 0.463 lmin = 0.5 – 0.287 = 0.213
/8 lmax= 0.5 0.287 + 0.25 zL = 2 – j 0, /2 VSWR = 2.6 O /4 A Toward generator F C = 26.6o E = WTG 0.287 + 0.1 lmin = 0.50.287 WTG = 0.387 3/8
การแปลงค่าจากอิมพีแดนซ์เป็นแอ็ดมิตแตนซ์การแปลงค่าจากอิมพีแดนซ์เป็นแอ็ดมิตแตนซ์ zin(l )มีค่าเป็น นั่นคือการแปลงค่าจากอิมพีแดนซ์ให้เป็นแอ็ดมิตแตนซ์ บนแผนภาพสมิธ คือค่าอิมพีแดนซ์บนสายส่งที่ระยะl = /4จากจุดที่พิจารณา
แอ็ดมิตแตนซ์จริงบนระบบสายส่งแอ็ดมิตแตนซ์จริงบนระบบสายส่ง y = g + jb = Y / Y0 = Z0 Y = Z0( G + jB )เมื่อ Gคือค่าความนำไฟฟ้าและBคือค่าซัสเซ็ปแตนซ์ ดังนั้น g = Z0G กับb = Z0BและY = y/Z0 ตัวอย่างจงใช้แผนภาพสมิธในการคำนวณระบบสายส่งที่ไม่มีการสูญเสียพลังงานZ0 = 50 ต่อกับโหลดที่มีZL =25 + j50 หาค่าของพารามิเตอร์ต่อไปนี้คือ – สัมประสิทธิ์การสะท้อนกลับของศักย์ไฟฟ้าV – อัตราส่วนคลื่นนิ่งศักย์ไฟฟ้าVSWR – ระยะทางจากโหลดบนระบบสายส่งที่ศักย์ไฟฟ้ามีค่าสูงสุดและต่ำสุดเป็นตำแหน่งแรก – อิมพีแดนซ์ขาเข้ากับแอ็ดมิตแตนซ์ขาเข้าของสายส่งที่มีความยาว3.3
วิธีทำ หาค่าโหลดมาตรฐานzL WTG = 0.135 83o 1.7 เขียนในแผนภาพสมิธได้จุดA ที่สเกลWTG = 0.135ทำมุม83o |V| = 0.62ดังนั้น V = 0.62 e j83 = 0.6283o lmax = 0.25 0.135 A E วงกลมที่ผ่านจุดAนั้น จะตัดกับแกนrที่จุดB อ่านค่าอิมพีแดนซ์ได้ค่าเท่ากับ4.26 ดังนั้น VSWR = 4.26 C B 0.28 1.15 4.26 D 0.4 ศักย์ไฟฟ้าสูงสุดจะเกิดขึ้นที่ตำแหน่ง WTG 0.25นั่นคือที่จุดB ระยะความยาวจากโหลดคือ lmax = 0.25 – 0.135 = 0.115 3.3 lmin = 0.5 0.135 0.62
ศักย์ไฟฟ้ามีค่าต่ำสุดที่ตำแหน่งWTG = 0.5นั่นคือที่จุดC ที่ระยะความยาวจากโหลดคือlmin= 0.5 – 0.135 = 0.365 ค่าอิมพีแดนซ์ขาเข้าของสายส่งที่มีความยาว3.3หาได้จากการหมุนจุดAไป3.3 หรือ3.3 – 3= 0.3ได้ค่าบนสเกลWTG = 0.435 จากค่าWTGลากเส้นไปยังจุดศูนย์กลางตัดกับวงกลมที่จุดD ซึ่งจะอ่านค่าได้ zin(3.3) = 0.28 – j0.4 อิมพีแดนซ์ขาเข้าของสายส่งที่มีความยาว3.3ก็จะมีค่า zin(3.3) = 50(0.28 – j0.4) = 14 – j20
แอ็ดมิตแตนซ์ขาเข้าของสายส่งที่มีความยาว3.3ได้จากการหมุนจุดDไปครึ่งรอบ(/4)หรือลากเส้นตัดวงกลมไปที่จุดEแอ็ดมิตแตนซ์ขาเข้าของสายส่งที่มีความยาว3.3ได้จากการหมุนจุดDไปครึ่งรอบ(/4)หรือลากเส้นตัดวงกลมไปที่จุดE อ่านค่าได้yin(3.3) = 1.15 + j1.7 แอ็ดมิตแตนซ์ขาเข้าของสายส่งที่มีความยาว3.3มีค่าเป็น Yin(3.3) = yin(3.3)Y0 = yin(3.3)/Z0 = (1.15+j1.7)/50 = 0.023 + j0.034 S
ตัวอย่าง สายส่งมีอิมพีแดนซ์คุณลักษณะ50 ต่อกับโหลดZLค่าหนึ่งเมื่อทำการวัด พบว่ามีค่าVSWR = 3โดยมีศักดาไฟฟ้ามีค่าสูงสุดตำแหน่งแรกห่างจาก โหลด5 cmมีศักดาไฟฟ้ามีค่าต่ำสุดตำแหน่งแรกห่างจากตำแหน่งที่สอง 20 cm จงหาZLโดยใช้แผนภาพสมิธ วิธีทำ จากระยะห่างระหว่างศักย์ไฟฟ้ามีค่าต่ำสุดที่อยู่ติดกันมีค่า20 cm ดังนั้นจะได้ = 40 cm ค่าศักย์ไฟฟ้าสูงสุดค่าแรกพบที่ตำแหน่ง5 cmห่างจากโหลด หรือที่5 cm/40 cm = 0.125 (จุดlmaxกับจุดlminห่างกัน/4เสมอ, คลื่นนิ่งมีคาบการเปลี่ยนแปลง/2)
เริ่มจากเขียนวงกลมที่มีรัศมีจากจุดOไปจุดAเป็นวงกลมVSWR = 3 ศักย์ไฟฟ้ามีค่าสูงสุดคือที่ตำแหน่งWTG 0.25คือที่จุดAซึ่งห่างจากโหลด0.125 เคลื่อนที่จากจุดAหมุนทวนเข็มนาฬิกาไป0.125อยู่ที่จุดB ลากเส้นจากจุดศูนย์กลางไปยังที่จุดB ตัดวงกลม VSWR ที่จุด C อ่านค่าได้zL= 0.6 + j0.8 ZL = 50(0.6 + j0.8) = 30 + j40 B C O A