1 / 24

แบบประเมินมาตรฐาน Vineland Adaptive Behavior Scales (VABS)

แบบประเมินมาตรฐาน Vineland Adaptive Behavior Scales (VABS). บรรยายโดย ผศ . ดร. นันทณี เสถียรศักดิ์พงศ์. วัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาและฝึกหัดเพิ่มเติม นักศึกษา. อธิบายได้ถึงความเป็นมาและคุณสมบัติของแบบประเมิน VABS อธิบายวิธีการใช้แบบประเมิน VABS อธิบายวิธีการแปลผลและสรุปผล

renata
Download Presentation

แบบประเมินมาตรฐาน Vineland Adaptive Behavior Scales (VABS)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. แบบประเมินมาตรฐานVineland Adaptive Behavior Scales (VABS) บรรยายโดย ผศ.ดร. นันทณี เสถียรศักดิ์พงศ์

  2. วัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาและฝึกหัดเพิ่มเติม นักศึกษา • อธิบายได้ถึงความเป็นมาและคุณสมบัติของแบบประเมิน VABS • อธิบายวิธีการใช้แบบประเมิน VABS • อธิบายวิธีการแปลผลและสรุปผล • อธิบายถึงข้อดีและข้อจำกัดของแบบประเมิน VABS • สามารถนำแบบประเมินไปใช้ในคลินิก

  3. เนื้อหา 1. ความเป็นมาและคุณสมบัติของแบบประเมิน VABS 2. วิธีการใช้แบบประเมิน VABS 3. วิธีการแปลผลและสรุปผลจากแบบประเมิน VABS 4. ข้อดีและข้อจำกัดของแบบประเมิน VABS

  4. แบบประเมินมาตรฐานวายน์แลนด์ หรือแวบส์ ความเป็นมา • พัฒนาขึ้นโดย Sparrow, Balla และ Cicchetti ในปี ค.ศ. 1984 • นำเอาแบบทดสอบ Vineland Social Maturity Scale ของ Doll ปี ค.ศ.1935-1965 มาปรับปรุง

  5. แบบประเมินมาตรฐานวายน์แลนด์ หรือแวบส์ • แบบประเมินวายน์แลนด์ฉบับ Interview Edition, Survey Form • ประกอบด้วยข้อคำถาม 297 ข้อ • ใช้ประเมินบุคคลตั้งแต่อายุ 0 ปี – 18 ปี 11 เดือน • ใช้ประเมินทักษะในการดำรงชีวิตของบุคคล 4 ด้าน • ทักษะความสามารถในแต่ละด้านแบ่งเป็นหัวข้อย่อย ๆ ดังนี้คือ • 1. ด้านการติดต่อสื่อสาร (Communication Domain) แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ • 1.1 ด้านการรับรู้และเข้าใจภาษา (Receptive) • 1.2 ด้านการแสดงออกทางภาษา (Expressive) • 1.3 ด้านการเขียน (Written) • 2. ด้านกิจวัตรประจำวัน (Daily Living Skills) แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ • 2.1 ด้านกิจกรรมส่วนบุคคล (Personal) • 2.2 ด้านการทำงานบ้าน (Domestic) • 2.3 ด้านพฤติกรรมในชุมชน (Community) • 3. ด้านการเข้าสังคม (Socialization Domain) แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ • 3.1 ด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น (Interpersonal Relationships) • 3.2 ด้านการเล่นและการใช้เวลายามว่าง (Play and leiture time) • 3.3 ด้านทักษะการจัดการ (Coping Skills) • 4. ด้านทักษะการเคลื่อนไหว (Motor Skill Domain) แบ่งเป็น 2 หัวข้อย่อย คือ • 4.1 ด้านการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross motor) • 4.2 ด้านการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine motor)

  6. ทักษะในการดำรงชีวิตของบุคคล 4 ด้าน 1. ด้านการติดต่อสื่อสาร (Communication Domain) 2. ด้านกิจวัตรประจำวัน (Daily Living Skills Domain) 3. ด้านการเข้าสังคม (Socialization Domain) 4. ด้านทักษะการเคลื่อนไหว (Motor Skills Domain)

  7. ด้านการติดต่อสื่อสาร (Communication Domain) แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ 1.1 ด้านการรับรู้และเข้าใจภาษา (Receptive) 1.2 ด้านการแสดงออกทางภาษา (Expressive) 1.3 ด้านการเขียน (Written)

  8. ด้านกิจวัตรประจำวัน (Daily Living Skills) แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ 2.1 ด้านกิจกรรมส่วนบุคคล (Personal) 2.2ด้านการทำงานบ้าน (Domestic) 2.3 ด้านพฤติกรรมในชุมชน (Community)

  9. 3. ด้านการเข้าสังคม (Socialization Domain)แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ 3.1 ด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น (Interpersonal Relationships) 3.2 ด้านการเล่นและการใช้เวลายามว่าง (Play and leisure time) 3.3 ด้านทักษะการจัดการ (Coping Skills)

  10. ด้านทักษะการเคลื่อนไหว (Motor Skill Domain) แบ่งเป็น 2 หัวข้อย่อย คือ 4.1 ด้านการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross motor) 4.2 ด้านการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine motor)

  11. วิธีการประเมิน • ใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด • เวลาที่ใช้ประมาณ 20 – 60 นาที

  12. ขั้นตอนในการประเมิน 1. ผู้ประเมินสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ให้สัมภาษณ์ 2. ผู้ประเมินสัมภาษณ์ผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็ก เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก ใช้วิธีแบบกึ่งเป็นทางการ (Semi-structured interview)

  13. การสัมภาษณ์ด้วยวิธีแบบกึ่งเป็นทางการ (Semi-structured interview) • ถามหรือพูดคุยกันในลักษณะธรรมดา • ไล่ถามไปเรื่อย ๆ ให้สัมพันธ์กับหัวข้อในแบบประเมิน • ไม่ใช้วิธีอ่านข้อคำถาม • ไม่อนุญาตให้ผู้ถูกสัมภาษณ์อ่านข้อคำถามเอง

  14. การให้คะแนน “0” หมายถึง ไม่เคยแสดงพฤติกรรมนั้นเลย “1” หมายถึง แสดงพฤติกรรมนั้นบ้างเป็นบางครั้ง หรือ แสดงพฤติกรรมนั้นได้บางส่วน “2” หมายถึง แสดงพฤติกรรมนั้นเป็นประจำ, เป็นนิสัย “DK”หมายถึง ไม่ทราบว่าเด็กทำได้หรือไม่ “N”หมายถึง เด็กไม่มีโอกาสได้ทำหรือแสดง

  15. Basal itemsคือข้อคำถามที่ได้คะแนนเท่ากับ 2 จำนวน 7 ข้อคำถามติดต่อกันลงไป Ceiling itemsคือข้อคำถามที่ได้คะแนนเท่ากับ 0จำนวน 7 ข้อคำถามติดต่อกันขึ้นไป

  16. การคิดคะแนน • หา basal items และ ceiling items • ให้คะแนน 2 ในทุกข้อคำถามก่อน basal item • ให้คะแนน 0 ในทุกข้อคำถามหลัง ceiling item • รวมคะแนนดิบ 2, 1, 0, DK และ N ในแต่ละคอลัมน์ • นำเอาผลรวมคะแนนดิบไปเทียบหาคะแนนมาตรฐาน (Standard Score)

  17. การแปลผลและการสรุปผล • ใช้การเทียบคะแนนเฉลี่ยของบุคคลนั้น ๆ กับกลุ่มตัวอย่าง • ดูว่าบุคคลนั้นมีความสามารถเท่ากับอายุจริงของตนหรือไม่ มีความสามารถด้านใดบ้างที่ควรจะมี แต่ยังไม่มี

  18. ข้อดีของแบบประเมิน VABS • Test-Retest Reliability; 2-4 สัปดาห์ มีค่าเท่ากับ .80 - .90 • Internal Consistency Reliability มีค่า .83 - .94 • สามารถนำไปใช้ประเมินผู้ใหญ่ที่มีความสามารถต่ำได้ (มีต่อ)

  19. ข้อดีของแบบประเมิน VABS (ต่อ) • มีตัวเลขบอกอายุกำกับข้อคำถาม ทำให้ทราบว่าในข้อคำถามนั้น ๆ เด็กควรมีความสามารถเมื่อมีอายุเท่าใด • มีตัวเลขบอกคะแนนสูงสุดของแต่ละคอลัมน์ ตรวจสอบความผิดพลาดในการรวมคะแนนได้ง่าย

  20. ข้อจำกัดของแบบประเมิน VABS • Interater Reliabity มีค่าเท่ากับ .62 - .78 การประเมินซ้ำ ...ควรใช้ผู้ประเมินคนเดียวกัน • ยังไม่มีค่ามาตรฐานสำหรับคนไทย

  21. Any questions? ?????????

  22. Questions for this topic 1. แบบประเมิน Vineland หรือเรียกสั้นๆว่า…………… ประกอบด้วยข้อคำถามจำนวน……………….ข้อ 2. แบบประเมินนี้ใช้ประเมินความสามารถ…………… ซึ่งแบ่งเป็น……ด้าน ได้แก่…………………………. 3. ใช้ประเมินบุคคลอายุ…………………….. 4. แบบประเมินนี้ใช้วิธี………….ในการได้มาของข้อมูล 5. Semi-structured Interview คือ……………………

  23. Questions for this topic 6. การให้คะแนน 2 หมายถึง………………………… 7. การให้คะแนน1 หมายถึง…………………………. 8. DK และ N หมายถึง……………………………….. 9. Basal items คือ…………………………………. และ Ceiling items คือ…………………. 10. ข้อดีและข้อจำกัดของแบบประเมิน VABS…………

  24. THE END THE END THE END THE END THE END THE END

More Related