170 likes | 613 Views
ประวัติส่วนตัว + วิธีการสอนภาษาอังกฤษ เสนอ อาจารย์ วิ ราษ ภูมาศรี จัดทำโดย พระอำนาจ อินฺทวํโส ( ชนะ วงค์ษา ) ปี 4 รหัส 5210540211126 คณะศึกษาศาสตร์ เอกการสอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัย มหามกุฏ ราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา จังหวัด เชียงใหม่.
E N D
ประวัติส่วนตัว + วิธีการสอนภาษาอังกฤษ เสนอ อาจารย์ วิราษ ภูมาศรี จัดทำโดย พระอำนาจ อินฺทวํโส ( ชนะวงค์ษา ) ปี 4 รหัส 5210540211126 คณะศึกษาศาสตร์ เอกการสอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา จังหวัด เชียงใหม่
ชื่อ พระอำนาจ ฉายาอินฺทวํโสนามสกุลชนะวงค์ษา • เกิด9 กันยายน 2533 • ภูมิลำเนา 2 หมู่ 3 บ้านมหาวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ไปรษณีย์ 51000 • ที่อยู่ปัจจุบัน 2 วัดมหาวัน ถนนสันเหมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ไปรษณีย์ 51000 • บรรพชา วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 ณ วัดรังษีสุทธาราม (เหล่าป่าฝาง) ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ • อุปสมบท วันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ณ วัดรังษีสุทธาราม ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
การศึกษา • - ประถมศึกษา จากโรงเรียนพัฒนวิทย์ศึกษา ตำบลยุหว่า อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ • - มัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย จากโรงเรียนเมธีวุฒิกร วัดพระธาตุหริภุญชัย • - จบนักธรรมชั้นตรี โท เอก สำนักเรียนวัดพระธาตุหริภุญชัย • - ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปี 4 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเอกการสอน ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ • คติประจำใจอย่าเห็นแก่ตัว • โทรศัพท์ 08-44852189 • E-mailjo-jo309@mail.com
วิชา ภาษาอังกฤษ Present simple tense
1. เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น The earth moves round the sun. Tigers are dangerous animals. John is the youngest son. Present Simple Subject + V.1 ( a habit / routine )
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัย ในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย คือ always, sometimes, generally, often, every day, every week, every month, etc. เช่น My son sometimesplaystennis with his father. He alwaysgets upat eight o’clock. The bus comesevery ten minutes.
ในประโยคปฏิเสธ (Negative Form) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ 1. ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น (can, may, must, will, shall) สามารถเติม not หลังคำกริยาช่วยเหล่านั้นได้ทันที เช่น She is a teacher. → She is nota teacher. I can play baseball. → I cannot playbaseball. / I can’t play baseball.
2. ในประโยคPresent Simple Tense ที่ไม่มีVerb to be หรือกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้คือ 2.1 ใช้do not หรือdon’t (รูปย่อของ do not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ ที่ไม่ได้เติมs, esเช่นWe walk to school every day. เป็น We do not walkto school every day. หรือ We don’t walkto school every day. The children always make a loud noise. เป็น The children do not always make a loud noise. หรือ The children don’t always make a loud noise.
2.2 ใช้ does not หรือ doesn’t (รูปย่อของ does not) วางไว้หน้าคำกริยาแท้ที่เติม s, esโดยตัด s หรือesก่อน เช่น The baby sleeps well every night. เป็นThe baby does not sleepswell every night. หรือ The baby doesn’t sleepswell every night. ในกรณีที่คำกริยาแท้บางคำต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, esจะต้องตัด s, esออก แล้วกลับมา ใช้ตัวเดิมก่อน เช่น The baby cries every night. เป็น The baby does not cryevery night. หรือ The baby doesn’t cry every night. (ในที่นี้จะต้องตัด iesออกก่อนแล้วกลับมาเติม y เหมือนเดิม เมื่อใช้ does not เช่นเดียวกับคำกริยาตัวอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน)
Our young daughter…….. (use) lipstick. Choose the best answer. uses use users useing
ในประโยคคำถาม (Interrogative Form) มีหลักการเปลี่ยนดังนี้ คือ 1. ประโยค Present Simple Tenseที่มี Verb to beหรือกริยาช่วยตัวอื่นๆ ให้นำเอาคำกริยาช่วยในประโยค มาวางไว้หน้าประธาน แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น You are a nurse. → Are you a nurse? They can speak English. → Can they speak English? 2. ในประโยคPresent Simple Tense ที่ไม่มีVerb to be หรือคำกริยาช่วยดังกล่าวในข้อ 1 อยู่ในประโยคให้ปฏิบัติดังนี้
2.1 ใช้do วางไว้หน้าประธาน (พหูพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคไม่ได้เติมs, esแล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค We have lunch at twelve. → Do we have lunch at twelve? Susan and I play tennis every day. → Do Susan and I play tennis every day? 2.2 ใช้ does วางไว้หน้าประธาน (เอกพจน์) เมื่อคำกริยาแท้ในประโยคเติมs, esโดยตัดs, esออกเสียก่อน แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค He often goes to the beach. → Does he often go to the beach?
ในกรณีที่คำกริยาแท้บางตัวต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเติม s, esจะต้องตัด s และ esออก แล้วกลับมาใช้รูปเดิมของคำกริยาเสียก่อนที่จะใช้ does วางไว้หน้าประธานของประโยค เช่น Jennifer tries to climb the mountain. → Does Jennifer try to climb the mountain? หมายเหตุ ลักษณะของคำถามแบบนี้ จะต้องตอบด้วย Yes. หรือ No. ************************************************************************
Do your wife …….(like) cats? like likes likeses liking
Does Dang…… (work) very hard ? work works working workes