1 / 20

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325-2394)

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325-2394). เค้าโครงการบรรยาย. การฟื้นฟูระบบการปกครองและสังคม แนวคิดและรูปแบบการเมืองการปกครอง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเข้ามาของชาติตะวันตกและผลกระทบ. ลำดับกษัตริย์ ราชวงศ์จักรี.

Download Presentation

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325-2394)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325-2394)

  2. เค้าโครงการบรรยาย • การฟื้นฟูระบบการปกครองและสังคม • แนวคิดและรูปแบบการเมืองการปกครอง • การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม • การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ • การเปลี่ยนแปลงทางสังคม • การเข้ามาของชาติตะวันตกและผลกระทบ

  3. ลำดับกษัตริย์ ราชวงศ์จักรี • พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) พ.ศ. 2325-2352 • พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) พ.ศ. 2352-2367 • พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พ.ศ. 2367-2394 • พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พ.ศ. 2394-2411 • พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พ.ศ. 2411-2453 • พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) พ.ศ. 2453-2468 • พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) พ.ศ. 2468-2477 • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) พ.ศ. 2477-2489 • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) พ.ศ. 2489-ปัจจุบัน

  4. 1. การฟื้นฟูระบบการปกครองและสังคม • สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ปราบจลาจลและกบฏในกรุงธนบุรี แล้ว ปราบดาภิเษก ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325 • ทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี • ย้ายราชธานีจาก กรุงธนบุรี มาอยู่ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับกรุงธนบุรี

  5. สาเหตุของการย้ายราชธานีสาเหตุของการย้ายราชธานี • กรุงธนบุรีมีลักษณะเป็นเมืองอกแตก • เมืองหลวงใหม่ (กรุงเทพฯ) มีชัยภูมิดีกว่า มีลำน้ำล้อมรอบ • กรุงธนบุรีอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นท้องคุ้งน้ำเซาะตลิ่งพังเสมอ และพระราชวังเดิมคับแคบ (มีวัดขนาบทั้งสองข้าง) • การย้ายราชธานี กระทำทันทีที่ขึ้นครองราชย์ แสดงให้เห็นว่า คงมีพระราชดำริมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี • แสดงให้เห็นความแตกต่าง การสิ้นสุดของ “ราชวงศ์เดิม” กับ การเริ่มต้นยุคใหม่ของ “ราชวงศ์ใหม่”

  6. การสร้างราชธานีใหม่ • ต้องการสร้างราชธานีใหม่ ให้เดิม กรุงศรีอยุธยา • รื้อป้อมวิไชเยนทร์และกำแพงเมืองธนบุรีฟากตะวันออก เพื่อขยายพระนคร ขุดคลองคูเมืองพระนครด้านตะวันออก (คลองรอบกรุง) ขุดคลองหลอด คลองมหานาค สร้างกำแพงพระนครและป้อมเป็นระยะรอบพระนคร • สร้างพระนครและพระบรมมหาราชวัง ตามแบบอย่างอยุธยา • แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2328 โปรดฯ ให้จัด “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ตามโบราณราชประเพณี และจัดงานสมโภชพระนคร • พระราชทานนาม “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมาน อวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” (ให้คล้องนาม “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร”

  7. ระบบกฎหมายและการศาล • ชำระกฎหมายเก่าสมัยอยุธยา • รวบรวมและเรียบเรียง พระราชกำหนด บทพระอัยการ รวมทั้งพระธรรมศาสตร์และพระราชศาสตร์ ในสมัยอยุธยา และที่ ตราขึ้นใหม่ • การชำระกฎหมาย โปรดเกล้าฯ ให้ประทับตราในฉบับหลวงของทางราชการ 3 ชุด โดยประทับตรา 3 ดวง ได้แก่ “ตราราชสีห์” ประจำตำแหน่งสมุหนายก “ตราคชสีห์” ประจำตำแหน่งสมุหพระกลาโหม และ “ตราบัวแก้ว” ประจำตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง • ทำให้ต่อมาเรียกกันว่า “กฎหมายตราสามดวง”

  8. กฎหมายตราสามดวง

  9. การสงครามในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นการสงครามในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น • สมัยรัชกาลที่ 1-3 มีสงครามอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะ สงครามกับพม่า มีถึง 10 ครั้ง (เฉพาะรัชกาลที่ 1 รัชกาลเดียว 7 ครั้ง) • สงครามครั้งใหญ่ คือ “สงคราม 9 ทัพ” (พ.ศ. 2328) • สงครามท่าดินแดง (พ.ศ.2329)

  10. 2. แนวคิดและรูปแบบการเมืองการปกครอง • ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ – พระมหากษัตริย์ มีอำนาจสูงสุดทางการปกครอง ภายใต้ แนวคิด “ธรรมราชา” ในพุทธศาสนา และ “เทวราชา” ในศาสนาพราหมณ์ • ลดบทบาทความเชื่อตามแนวคิด “เทวราชา” – พระมหากษัตริย์ มีความเป็น “มนุษย์” และเชื่อมั่นในความมีเหตุมีผล • แนวคิด “เทวราชา” คงอยู่ในเชิงสัญลักษณ์ในรูปแบบ “พระราชพิธี” • แนวคิด “ธรรมราชา” ใช้เป็นหลักในการปกครอง – กษัตริย์ เป็นผู้มีเมตตาต่อมนุษย์ นำความสุขทั้งทางโลกและทางธรรมมาสู่สรรพสัตว์ • “ธรรมราชา” เป็นแนวคิดหลักที่พระมหากษัตริย์ ยึดมั่นตลอดมา

  11. แนวคิดการปกครอง (ต่อ) • แนวคิด “กษัตริย์” เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในการปกครองอาณาจักร ทรงเป็นประมุข และผู้พิทักษ์รักษาบ้านเมืองให้ปลอดภัย เพื่อประชาชนอยู่อย่างสงบสุข - “กษัตริย์” ต้องจรรโลงและอุปถัมภ์ “พระพุทธศาสนา” • เป็นแนวทางที่ “พระเจ้าธนบุรี” และ “สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ทรงใช้ เพื่อสร้างอุดมการณ์แก่ประชาชน • “พระเจ้ากรุงธนบุรี” อ้างพระอภินิหารบารมีทางธรรมและความคิดเรื่องจักรพรรดิราช • “พระพุทธยอดฟ้าฯ” อ้างสิทธิ อันชอบธรรมจากกษัตริย์ต้องเป็นผู้มี “บุญญาบารมี” และ “ปัญญาบารมี” และเป็นผู้นำทางธรรม ดุจ พระโพธิสัตว์

  12. รูปแบบการปกครอง • ยึดแบบแผนจากอยุธยา คือ สมุหนายก สมุหพระกลาโหม และจตุสดมภ์ เป็นหลักในการปกครอง • การควบคุมไพร่ – • ไพร่ ได้แตกสลายพร้อมกับการเสียกรุงฯ • รื้อฟื้น การเกณฑ์แรงงานไพร่ เพื่อปรับปรุงสร้าง ราชธานีใหม่ และสร้าง สังคมใหม่

  13. 3. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม3.1 การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ • เกษตรกรรม มี 2 ประเภท • ผลิตเพื่อบริโภค – ทำนาและปลูกพืชของชาวนาไทย • ผลิตเพื่อขาย – ปลูกพืชเพื่อขาย ได้แก่ การทำไร่ ทำสวน ของชาวจีนอพยพ • การค้าขายกับต่างประเทศ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากสมัยอยุธยา โดยเฉพาะการค้ากับประเทศจีน ทั้ง เรือสำเภาหลวง และเรือสำเภาของเอกชน • รัฐ เลิก ผูกขาดสินค้า หันมา ผูกขาดภาษีอากร • อุตสาหกรรมขั้นต้น เช่น การทำน้ำตาล การต่อเรือ ทำเหมือง • รายได้ของรัฐ – การเกณฑ์แรงงาน การค้าของหลวง ภาษี ค่าธรรมเนียม • รายจ่าย – สร้างวัด วัง บำรุงศาสนา เบี้ยหวัดขุนนาง การป้องกันประเทศ

  14. 3.2 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม • การเติบโตของ “การค้าต่างประเทศ” กระตุ้นให้ “การค้าภายใน” ขยายตัว • สินค้าที่ได้จาก “ระบบส่วย” ไม่เพียงพอ - พระคลังสินค้า จัดหาซื้อเพิ่มจาก “ตลาดการค้าภายใน” • ชาวจีนอพยพ – มีบทบาททางการค้าภายใน (ไม่สังกัดระบบไพร่ เดินทางได้เสรี) โดยเฉพาะ บริเวณภาคกลางและชายฝั่งทะเลตะวันออก • ชาวจีนอพยพ – เลื่อนฐานะทางสังคม “เจ้าภาษีนายอากร” – กลุ่มคนจีน ที่เข้ามาเป็น “แรงงานรับจ้าง” ให้กับรัฐ • ลด “จำนวนเดือนการเกณฑ์แรงงาน”

  15. 4. การเข้ามาของชาติตะวันตกและผลกระทบ4.1 ผลกระทบด้านการเมืองและการค้า • สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) – อังกฤษ ส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับสยาม เพราะต้องการ “เมืองท่า” ค้าขาย – พ.ศ. 2334 ได้ทำสัญญาเช่า “เกาะหมาก (ปีนัง)” จากเมืองไทรบุรี (เป็นเมืองประเทศราชของสยามขณะนั้น) • พ.ศ. 2364 – ผู้สำเร็จราชการอังกฤษ ประจำอินเดีย ส่ง จอห์น ครอว์เฟิร์ด มาเจรจาเรื่องการค้าและการเมือง (4 เดือน) แต่ไม่สำเร็จ – รัชกาลที่ 2 อนุญาตให้ พ่อค้าอังกฤษค้าขายได้ตามธรรมเนียมเดิม • พ.ศ. 2368 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ผู้สำเร็จราชการอังกฤษประจำอินเดีย ได้ส่ง ร้อยเอกเฮนรี่ เบอร์นี่ มาเจรจาอีกครั้ง เป็นเวลาถึง 5 เดือน จึงเจรจาสำเร็จ

  16. 4.1 ผลกระทบด้านการเมืองและการค้า (ต่อ) • สยามกับอังกฤษ ตกลงทำ สนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ เมื่อ วันที่ 20 มิถุนายน 2369 เรียกว่า “สนธิสัญญาเบอร์นีย์” • การทำสนธิสัญญาเบอร์นีย์ ครั้งนี้ เป็นเพราะ สถานการณ์ในขณะนั้น อังกฤษได้ทำสงครามชนะพม่า ทำให้ สยาม ตระหนักถึงอิทธิพลของอังกฤษ จึงยินยอมทำสนธิสัญญาดังกล่าว • “สนธิสัญญาเบอร์นีย์” – นับเป็น การเริ่มต้นการเข้ามามีบทบาททางการค้าของอังกฤษในสยามอีกครั้งหนึ่ง

  17. สาระสำคัญ “สนธิสัญญาเบอร์นีย์” ด้านการเมือง • สยามและอังกฤษ จะเป็นมิตรไมตรีต่อกัน จะไม่แย่งชิงเอาบ้านเมืองหรือดินแดนซึ่งกันและกัน • ถ้ามี “คดี” เกิดขึ้นในเขตสยาม ให้สยามตัดสินตามขนบธรรมเนียมประเพณีของสยาม คนอีกฝ่ายหนึ่งไปอยู่ในอาณาเขตของอีกฝ่ายหนึ่ง จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของอาณาเขตนั้น • อังกฤษยอมรับอำนาจอธิปไตยของสยามที่มีเหนือไทรบุรี – ฝ่ายสยาม ยินยอมให้ไทรบุรีค้าขายกับปีนัง และให้ปีนังซื้อเสบียงอาหารจากไทรบุรี โดยไม่เสียภาษีขาออก • อังกฤษยอมรับสิทธิและอธิปไตยของสยามที่มีเหนือกลันตันและตรังกานู • อังกฤษและสยาม รับประกันความเป็นอิสระของเประและสลังงอ สยามรับรองว่าจะไม่ใช้กำลังเข้ารุกรานรัฐทั้งสอง

  18. สาระสำคัญ “สนธิสัญญาเบอร์นีย์” ด้านการค้า • พ่อค้าอังกฤษ สามารถเข้ามาค้าขายได้อย่างเสรี และเสียภาษีในอัตราที่แน่นอน • อังกฤษ ยอมรับเรื่อง การผูกขาดการค้าของรัฐบาลสยาม • อังกฤษ ยอมรับเรื่องการห้ามนำเข้า ฝิ่นและอาวุธปืนเข้ามาในสยาม สนธิสัญญาเบอร์นีย์ ใช้อยู่ระยะหนึ่ง อังกฤษขอเจรจาแก้ไขสนธิสัญญา แต่รัชกาลที่ 3 พร้อมทั้งขุนนางผู้ใหญ่ปฏิเสธข้อเสนอของอังกฤษ เพราะร่างสัญญาใหม่ อังกฤษได้รับประโยชน์ฝ่ายเดียว

  19. 4.2 ผลกระทบด้านวิทยาการและการศึกษา • การติดต่อทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา และ การเข้ามาของ “กลุ่มมิชชันนารี” – สยาม มีโอกาสเรียนรู้เรื่องการศึกษาสมัยใหม่ การแพทย์ และการพิมพ์ • ด้านการศึกษา – เห็นความสำคัญของการศึกษาภาษาอังกฤษ • ด้านการแพทย์ – นายแพทย์แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์) – นำความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่เข้ามา เช่น การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค การผ่าตัด สูติกรรมแผนปัจจุบัน • ด้านการพิมพ์ – หมอบรัดเลย์ นำแท่นพิมพ์และตัวหนังสือไทย เข้ามาในกรุงเทพฯ – เกิดหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับแรก “บางกอกรีคอร์เดอร์”

More Related